View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 22/09/2020 12:34 pm Post subject:
สถานีพรหมพิราม จ.พิษณุโลก แต่เดิมชื่อสถานี "บ้านกรับพวง" เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2451 (สมัยรัชกาลที่ 5) พร้อมกับการเปิดการเดินรถจากสถานีพิษณุโลกถึงสถานีบ้านดารา ในอดีตดั้งเดิม อำเภอพรหมพิรามได้ถูกเรียกกันว่า เมืองพรหมพิราม โดยศูนย์กลางของเมืองได้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ตำบลมะตูม ต่อมา ได้ยกฐานะเป็นอำเภอ ชื่อว่า พรหมพิราม เมื่อปี พ.ศ. 2438 และได้ย้ายที่ตั้งที่ว่าการอำเภอมาตั้งอยู่ที่ฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน ณ บ้านย่านขาด ต่อมาเมื่อมีการสร้างทางรถไฟผ่านจึงได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งอยู่ใกล้ทางรถไฟ ณ บ้านกรับพวงกลาง ตำบลพรหมพิราม โดยอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร กรมรถไฟจึงได้ประกาศเปลี่ยนชื่อสถานี "บ้านกรับพวง" มาเป็น "พรหมพิราม" ตั้งแต่วันที่ 01 มกราคม 2485 เพื่อให้ตรงกับชื่ออำเภอมาจนถึงปัจจุบัน
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3407029779355526&id=222323771159492
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 24/09/2020 4:19 pm Post subject:
คุณ Anucha Patan ได้เขียนเล่าเรื่องเมื่อรถไฟมาถึงนครปฐม จนตั้งสถานีพระปฐม
Anucha Patan wrote: จังหวัดนครปฐม หรือเมืองนครไชยศรีในสมัยก่อน แม้ว่าจะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่การเดินทางยากลำบากมาก ยังไม่มีถนนหนทางวิ่งตรงจากกรุงเทพฯเหมือนในปัจจุบัน การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือมาทางเรือโดยอาศัยลำน้ำหรือคลอง เช่นคลองมหาสวัสดิ์ที่ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ ในเอกสารตรวจราชการเมืองนครไชยศรี เมื่อ ร.ศ.๑๑๗ (พ.ศ.๒๔๔๒) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าถึงความยากลำบากในการขนส่งสินค้าก่อนการมาถึงของรถไฟในสมัยนั้นว่า
"อย่างช้าอีก ๓ ปีที่นี้คงเปนเมือง ด้วยรถไฟจะเปนกำลังใหญ่ที่จะช่วยบำรุง เวลานี้ได้พบพวกมิศเตอร์กิงกำลังปักกรุยรถไฟเข้ามาในตอนคลองเจดีย์บูชาแล้ว ฟังเสียงพ่อค้าราษฎรในที่นี้อยู่ข้างจะพากันนิยมเรื่องรถไฟเปนอันมาก มีคนมาขอให้ฉันบอกว่ารถไฟจะแล้วเมื่อใดหลายคน ตามความเห็นของพวกพ่อค้าเห็นว่าถ้ารถไฟสายนี้แล้ว พวกเขาจะได้ความบริบูรณ์ขึ้นอีกมาก เพราะทุกวันนี้การทำไร่ขายสินค้ามีความขัดข้องอยู่หลายอย่าง คือต้องหาบขนสินค้ามาขายที่พระปฐมเปนความลำบากแลเปลืองโสหุ้ย บางทีในระดูฝนเหมือนอย่างเดียวนี้ ที่ไร่อยู่ไกลก็มาค้าขายไม่ได้ เพราะฝนชุกหนทางเปนหล่มเปนโคลน ใช้เกวียนหรือพาหะนะอย่างใดไม่ได้ อีกประการหนึ่งสินค้าที่เอามาขายที่ตลาดพระปฐมราคายังต่ำเปนต้นว่าน้อยหน่า บางวันถ้ามาขายมากด้วยกันขายได้เพียง ๑๐๐ ละ ๒ สลึง ต่อบางวันมีเรือมารับมากหรือคนมาขายน้อย จึงขึ้นราคาถึงกว่า ๑๐๐ ละ ๓ สลึง เพราะพวกที่รับคิดเพื่อเสียหายในระหว่างทางที่จะพาไปขาย น่านี้พอค่อยยังชั่ว ถ้าน่าแล้งบางทีถึง ๔ วัน ๕ วันจึงจะไปถึงกรุงเทพฯ ถ้ามีรถไฟความลำบากเหล่านี้จะหมดไป คงจะขายสินค้าได้ราคาดีกว่าเดี๋ยวนี้ คนจึงหวังใจในรถไฟมาก"
ในปี พ.ศ.๒๔๔๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้กระทรวงโยธาธิการและกรมรถไฟวางแผนงานเพื่อสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปเพชรบุรี ซึ่งต่อมาในวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๔๒ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างทางรถไฟสายนี้ โดยเริ่มตั้งแต่ปากคลองบางกอกน้อยถึงเพชรบุรี ก่อสร้างเสร็จในปี พ.ศ.๒๔๔๕ และเปิดเดินรถตั้งแต่วันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๖
(ภาพจากหนังสือ ฟิล์มกระจกจดหมายเหตุฯ)
https://www.facebook.com/anucha.patan.927/posts/740166333377111
หม่อมเจ้าหญิงพัฒนายุ ดิศกุล มีพระประสงค์จะจัดพิมพ์เอกสารตรวจราชการเมืองนครไชยศรีของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพเพื่อแจกในงานฌาปนกิจศพ หม่อมลำดวน ดิศกุล ณ อยุธยากำหนดงานวันที่ ๒๒ กรกฎาคมพุทธศักราช ๒๕๑๑ ณวัดเวฬุวัดเทพศิรินทราวาส เอกสารตรวจราชการเมืองนครชัยศรีนี้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพเมื่อครั้งทรงพระยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นดำรงราชานุภาพเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยได้เสด็จตรวจราชการหัวเมืองในมณฑลกรุงเก่ามณฑลนครไชยศรีและมณฑลราชบุรีเมื่อปี ร. ศ.๑๑๗(พ.ศ.๒๔๔๑)เสด็จออกจากกรุงเทพฯโดยรถไฟตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม เริ่มส่งตรวจราชการที่มณฑลกรุงเก่าและประทับแรมตามรายทางจนถึงวันที่ ๑๒สิงหาคมเสด็จไปตรวจราชการที่มณฑลนครไชยศรีจนถึงวันที่ ๑๗สิงหาคมและเสด็จตรวจราชการมณฑลราชบุรีต่อไปจนถึงวันที่ ๒๖ สิงหาคมในการเสด็จตรวจราชการครั้งนั้นได้ทรงประมวลรายงานส่งมาให้พระยาสฤษดิพจนกร(เส็งวิ รยศิริ)ซึ่งภายหลังเป็นพระยามหาอำมาตยาธิบดีนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพเคยโปรดให้จัดพิมพ์เรื่องนี้ขึ้นไว้สำหรับใช้ในราชการครั้งหนึ่งแล้วให้ชื่อว่า"จดหมายเหตุระยะทางพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นดำรงราชานุภาพเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเสด็จตรวจราชการหัวเมืองมณฑลกรุงเก่ามณฑลนครไชยศรี มณฑลราชบุรีในรัตนโกสินทร ศก ๑๑๗"
หนังสือที่พิมพ์ในคลังน้ำได้รวมเรื่องเสด็จตรวจราชการมณฑลปราจีนบุรีในเดือนมกราคม ร.ศ.๑๑๙(๒๔๔๓)ไว้ด้วยแต่มีได้โปรดให้แจกจ่ายเผยแพร่ทั่วไปโครงให้ใช้แต่เฉพาะในราชการเท่านั้นดังมีคำนำแจ้งไว้ตอนต้นของหนังสือที่พิมพ์ครั้งนั้นว่า "พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นดำรงราชานุภาพเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยทรงพระดำริเห็นว่าหนังสือราชการบางอย่างเช่นรายงานตรวจราชการตามหัวเมืองและข้อบังคับต่างๆซึ่งได้ตั้งขึ้นในเมืองหนึ่งเมืองใด เหล่านี้เป็นต้นควรจะลงพิมพ์ให้ข้าราชการผู้ใหญ่ซึ่งมีหน้าที่บังคับบัญชาตามหัวเมือง ได้อ่านทราบความไว้จะเป็นประโยชน์แก่ราชการได้มากจึงได้มีรับสั่งให้เลือกเรื่องหนังสือราชการที่จะเป็นประโยชน์เหล่านี้ลงพิมพ์ไว้ในกระทรวงสำหรับแจกไปไว้ในสถานที่ว่าราชการหัวเมืองเป็นประโยชน์เป็นความรู้เห็นของข้าราชการในที่นั้นๆ หนังสือเหล่านี้เป็นหนังสือซึ่งพิมพ์ขึ้นในราชการห้ามมิให้ซื้อขายให้ปัน หรือให้คัดลอกต่อออกไปจากที่ใช้ในราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
ส่วนเอกสารตรวจราชการเมืองนครไชยศรี ที่นำมาตีพิมพ์คราวนี้คัดจากต้นฉบับพิมพ์ดีดเก็บรักษาอยู่ที่กองจดหมายแห่งชาติกรมศิลปากรเมื่อได้นำมาเปรียบเทียบกับหนังสือที่ตีพิมพ์แล้วปรากฏว่าในการจัดพิมพ์ครั้งนั้นสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัดทอนข้อความบางตอนออกจากต้นฉบับเดิมบ้างเล็กน้อยตามที่ทรงเห็นว่าเหมาะสมแต่ฉบับที่หม่อมเจ้าหญิงพัฒนายุ ดิศกุล โปรดให้จัดพิมพ์ในงานฌาปนกิจศพหม่อมลำดวนดิศกุล ณ อยุธยานี้เป็นฉบับที่ทรงขอรับสำเนาเอกสารซึ่งเก็บรักษาไว้ ณ กองจดหมายเหตุแห่งชาติ โดยที่สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงเรียบเรียงเอกสารตรวจราชการนี้ไว้อย่างละเอียดทั้งในด้านภูมิสถานบ้านเมือง การคมนาคม การค้าขาย การเกษตร การปกครอง การศาสนา การศาลและอื่นๆทั้งเมื่อทรงพบข้อบกพร่องในราชการที่ควรแก้ไขก็ได้ทรงบันทึกชี้แจงข้อแก้ไขไว้ในรายงานด้วยการจัดพิมพ์เอกสารเรื่องนี้ออกเผยแพร่จึงนับว่าเป็นประโยชน์แก่การศึกษาค้นคว้าทั้งในด้านภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ตลอดจนการปกครองและการบริหารราชการบ้านเมืองในสมัยรัชกาลที่๕เป็นอันมาก กรมศิลปากรขอถวายอนุโมทนากุศลราศีทักษิณานุปทานซึ่งหม่อมเจ้าหญิงพัฒนายุ ดิศกุล ได้ทรงบำเพ็ญอุทิศ แด่ หม่อมลำดวน ดิศกุล ณ อยุธยาผู้เป็นหม่อมมารดาและโปรดให้พิมพ์หนังสือนี้จะจ่ายเป็นกุศลวิทยาทานของกุศลทั้งปวงนี้จงเป็นพลว ปัจจัยส่งเสริมให้ หม่อมลำดวน ดิศกุล ณ อยุธยา ประสบแต่อิฏฐคุณมนูญผลในสัมปรายภพสมดังมโนปณิธานทุกประการ เทอญ.
http://mobile.nlt.go.th/ebook-detail/371320 Last edited by Wisarut on 25/09/2020 2:53 am; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 25/09/2020 2:11 am Post subject:
วันนี้เจอเรื่องหายากจากสาส์นสมเด็จ คือ กรมพระยานิศรานุวัติวงศ์ได้เล่าว่า ก่อน สงครามโลกครั้งที่ 1 พระยาพิพัฒนโกษา (เซเรสติโน ซาเวียร์) เจ้าของบริษีทรถไฟแม่กลอง เคยขออนุญาตทำรถไฟ จากกรุงเก่าไปอ่างทอง และจากอ่างทองไปผักไห่ ถ้ามีกำไรก็จะทำถึงสุพรรณบุรี หลังจากทำรถไฟแม่กลองสำเร็จมาแล้ว แต่ปรากฏว่า คงหาแหล่งทุนมาไม่ได้ เนื่องจากพระคลังข้างที่ไม่อนุมัติให้ลงทุนทำรถไฟ เลยต้องระงับแผนไป
ภาพถ่าย พระยาพิพัฒนโกษา (เซเรสติโน ซาเวียร์) ดูได้ ที่นี่ ครับ
นอกจากนี้ ยังได้ทราบว่า เมื่อ มหาอำมาตย์เอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ สิ้นพระชนม์ ณ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2478 ได้มีพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ที่ วัดปิ่นบังอร เมื่อ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2478 ก่อนนำพระอัฐิกลับพระนคร ทางรถไฟ ไปประดิษฐาน ณ วัดราชาธิวาส เมื่อ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2478 Last edited by Wisarut on 30/09/2020 1:59 pm; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 25/09/2020 6:14 pm Post subject:
"สารคดีสองข้างทางรถไฟ"
กรมรถไฟหลวงThe Royal State Railways of Siam, กรมรถไฟ Thai State Railways
25 กันยายน 2563 เวลา 11:03 น.
ขบวนรถเร็วกรุงเทพฯ-หนองคายนำคณะกฐินของกลุ่มชาวนาจากทั่วประเทศเดินทางไปยังจังหวัดหนองคาย ขบวนรถไฟแล่นผ่านบริเวณทุ่งสวน ไร่นาของอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี กลุ่มชาวนาอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิมารอรับคณะกฐินของกลุ่มชาวนาที่สถานีรถไฟ กลุ่มชาวนาอำเภอบัวใหญ่มารอรับคณะกฐินของกลุ่มชาวนาที่สถานีรถไฟ มีการร้องรำทำเพลงเป่าแคนต้อนรับกันอย่างสนุกสนาน รถไฟถึงสถานีรถไฟหนองคาย แม่น้ำโขงด้านฝั่งตรงข้ามคือประเทศลาว ชาวบ้านใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางในแม่น้ำโขง เรือแข่งที่เก็บรักษาไว้ใต้ถุนกุฏิในวัด ช่างตรวจดูสภาพความเรียบร้อยของเรือแข่งก่อนจะนำมาใช้ในการแข่งขัน ลวดลายบนเรือแข่ง การฝึกซ้อมเรือแข่งในแม่น้ำโขง ชาวบ้านนำสินค้าลงเรือที่ท่าน้ำริมฝั่งแม่น้ำโขง ช่างกำลังก่อสร้างท่าเรือและด่านศุลกากรแห่งใหม่ สถานีถ่ายทอดโทรทัศน์จากช่อง 5 จังหวัดขอนแก่นมายังจังหวัดหนองคาย เด็กๆ ดูโทรทัศน์ด้วยความสนใจ ชาวบ้านใช้วัวเทียมเกวียนเป็นพาหนะในการเดินทาง ประตูทางเข้าวัดโพธิชัย พระอุโบสถ ชาวบ้านมาสักการะบูชาหลวงพ่อพระใสพระประธานในพระอุโบสถ
ป้ายกฐินสามัคคีกลุ่มชาวนาทั่วประเทศ พัดรองที่ระลึกงานกฐินสามัคคีของกลุ่มชาวนา พุ่มกฐินวางเรียงรายอยู่ภายในศาลาว่าการเทศบาลเมืองหนองคาย คณะกรรมการงานกฐินสามัคคีของกลุ่มชาวนา ขบวนการแสดงฟ้อนภูไท การบรรเลงดนตรี กลอง ปี่และแคนประกอบการฟ้อนภูไท ขบวนฟ้อนนมัสการพระธาตุเชิงชุมของชาวนาจังหวัดสกลนคร ขบวนแห่ฟ้อนภูไทของชาวนาจังหวัดนครพนม ขบวนแห่ฟ้อนแม่ศรีฝัดข้าว ประชาชนมามุงดูการแสดงอย่างแน่นขนัด ขบวนแห่องค์กฐินของชาวนาจังหวัดต่างๆ ขบวนของกลุ่มชาวนาจังหวัดชัยภูมิ ขบวนของกลุ่มชาวนาจังหวัดร้อยเอ็ด ขบวนของกลุ่มชาวนาจังหวัดระยอง ขบวนของกลุ่มชาวนาจังหวัดสกลนคร การแสดงการฟ้อนรำของขบวนชาวนาจังหวัดสกลนคร ขบวนของกลุ่มชาวนาจังหวัดนครพนม ขบวนชาวนาจังหวัดอุดรธานี ขบวนแห่กลองยาว
องค์กฐินประดิษฐานบนรถยนต์เคลื่อนไปตามขบวน องค์กฐินของหน่วยอาสาสมัครรักษาดินแดนที่นำมาร่วมสมทบ ขบวนของหน่วยอาสาสมัครรักษาดินแดน ขบวนแห่กลองยาวของคณะหน่วยเร่งรัดพัฒนาชนบทหนองคาย ขบวนแห่หัวโต ขบวนแห่คนขาไม้ รถแทรกเตอร์ของหน่วยเร่งรัดพัฒนาชนบทร่วมขบวนด้วย มนุษย์หุ่นยนต์รั้งท้ายในขบวนแห่ ขบวนแห่ของกลุ่มเยาวชนชนบท อำเภอโพนพิสัย ขบวนแห่ของพัฒนาชุมชนจังหวัดหนองคาย ขบวนผ้าป่ากลุ่มชาวนาจังหวัดอุดรธานี ขบวนแห่เคลื่อนผ่านย่านการค้าในตัวเมืองหนองคาย ขบวนแห่ของกลุ่มชาวนาจังหวัดชัยภูมิ ขบวนแห่เคลื่อนมาถึงบริเวณศาลากลางจังหวัดหนองคาย
จอมพลถนอม กิติขจร นายกรัฐมนตรีรอรับขบวนแห่กฐินที่ศาลากลางจังหวัดหนองคาย ขบวนแห่เคลื่อนผ่านหน้าจอมพลถนอม กิติขจร ขบวนแห่แสดงการฟ้อนรำภายในบริเวณศาลากลางจังหวัดหนองคาย จอมพลถนอม กิติขจร ขณะชมการแสดงฟ้อนรำ ประตูทางเข้าวัดอรุณรังสี จังหวัดหนองคาย พระอุโบสถ คณะกฐินของกลุ่มชาวนาเดินทางถึงวัดอรุณรังสี ผู้ร่วมในคณะกฐินฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จอมพลถนอม กิติขจร เป็นประธานในพิธี ขบวนแห่ของคณะกฐินชาวนาจังหวัดต่างๆ เดินทางถึงวัดอรุณรังสี ขบวนแห่ของชาวไทยเชื้อสายจีนมาร่วมสมทบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวขอบคุณในนามของชาวจังหวัดหนองคาย
พระประกาศสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรกล่าวรายงานต่อจอมพลถนอม กิติขจร จอมพลถนอม กิติขจร กล่าวแสดงความยินดี จอมพลถนอม กิติขจร มอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้สนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ จอมพลถนอม กิติขจร จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ผู้มาร่วมในพิธีรับฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จอมพลถนอม กิติขจร กล่าวถวายผ้ากฐิน พระประธานในพระอุโบสถ ทีประชุมสงฆ์กล่าวรับผ้ากฐิน จอมพลถนอม กิติขจรกรวดน้ำ สาวๆ พายเรือแข่งในแม่น้ำโขง ขบวนรถไฟออกจากสถานีรถไฟหนองคาย
https://www.youtube.com/watch?v=p3akLHw0QH0
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 28/09/2020 5:43 am Post subject:
27 กันยายน 2506 ทางช่วงมวกเหล็ก
การวิ่งทดสอบสมรรถภาพรถจักรดีเซลไฮดรอลิค พลีมัธ (Plymouth) ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้รับจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตามโครงการความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯ ในสมัยนั้น มีรุ่นเลขที่ 2001-2010 มีกำลัง 1000 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. นำมาใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2507 โดยในตอนหลังทางสหรัฐอเมริกาได้นำเอารถจักรรุ่นนี้ทั้งหมด ไปใช้งานในเวียดนาม แล้วเอารถจักรดีเซลไฟฟ้า GE หมายเลข 4041-4050 มาแลกเปลี่ยน
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3423987210993116&id=222323771159492
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 30/09/2020 1:23 pm Post subject:
หลายวันก่อน ได้อ่านสาส์นสมเด็จทำให้ทราบว่า รถด่วนสายใต้ที่ผ่านปาดังเบซาร์ไปที่ไปรนั้น มีเดินจากกรุงเทพเฉพาะวันพุธและเสาร์ และ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2484 ให้รถด่วนสายใต้ เที่ยววันเสาร์ ตัดระยะที่หาดใหญ่ เพราะวันพุธเท่านั้นที่มาถึงไปรได้ ทำให้ ต้องปรับการส่งจดหมายจากปีนังกันใหม่ คือส่งกันทุกวันเสาร์ ตอนที่รถด่วนสายใต้เดิน จากไปรมากรุงเทพ พอญี่ปุ่นบุก ไทยและ ปีนังเมื่อเดือนธันวาคม 2484 นั้นกว่าจะส่งจดหมายจากปีนังได้อีกก็ราวๆ กลางเดือนเมษายน 2485 เพราะต้องหลบภัยอยู่สามเดือน และ รถที่เข้ามาฝั่งไทยนั้นมีวงโคจรเหมือนดาวหาง คือไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ มีรถมาเมื่อไหร่ก็ส่งเมื่อนั้น และ ช่วง 2484 นั้นหนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์ ต้องงดลงภาพประกอบข่าวเพื่อประหยัดต้นทุนและมาเลิกการพิมพ์เมื่อ 10 กันยายน 2485 และ ในช่วงปี 2483 - 84 นั้น การส่งจดหมายห้ามแนบภาพถ่ายไปด้วย ไม่งั้นจดหมายจะถูกตีกลับเว้นแต่ได้รับอนุญาตพิเศษจริงๆ
ช่วง ตุลาคม 2485 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ รถไฟสายใต้ทางขาด 4 ช่วง และ รถไฟสายใต้ไปได้แค่นครปฐม เพราะ ทางช่วงศาลายา โดนน้ำท่วมทางขาด ถ้านั่งรถไฟจากหาดใหญ่ กลับบ้าน ที่กรุงเทพก็จะไปได้แค่หัวหิน และ ตอนน้ำท่วมปี 2485 การที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพจะพายเรือไปเยี่ยมบรรดามิตรสหายที่ไม่ได้เจอกันมานานก็เป็นเรื่องที่แสนเหน็ดเหนื่อยมาก ทำให้งดความตั้งใจที่จะไปเยี่ยมกรมพระยานรbศรานุวัติวงศ์ที่คลองเตย
REF: หนังสือสาส์นสมเด็จ-ฉบับที่ระลึกงานศพ-10-เล่มชุด Last edited by Wisarut on 01/10/2020 1:58 am; edited 2 times in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Back to top