View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 21/09/2020 11:45 am Post subject: |
|
|
ทางคู่สายใต้ นครปฐม-ชุมพร ล่าช้า 8% รฟท.แก้ปมบุกรุกปรับแบบ สปีดงานเปิดปี 65
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 18 กันยายน 2563 - 19:01
รถไฟทางคู่สายใต้ นครปฐม-ชุมพร เจอปัญหายืดเยื้อ บุกรุก, ปรับแบบสะพานขึง, ต้านสะพานข้ามจุดตัด ทำก่อสร้างล่าช้ากว่าแผน 8% รฟท.เคลียร์ยอมทำจุดตัดระดับดิน สปีดงาน มั่นใจเปิดได้ปี 65
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายใต้ ระยะแรก ช่วงนครปฐม-ชุมพร ระยะทาง 421 กิโลเมตร วงเงิน 33,982 ล้านบาท ว่า ผลการก่อสร้างในภาพรวม ณ วันที่ 3 ก.ย. 63 มีความก้าวหน้าที่ 67.938% ล่าช้า 8.196% โดยแผนงานกำหนด 76.134% ซึ่งสาเหตุที่การก่อสร้างไม่เป็นไปตามเป้า มาจากหลายสาเหตุ เช่น ผู้บุกรุกในพื้นที่ก่อสร้าง การปรับแบบเนื่องจากพบลูกระเบิดในแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดราชบุรี บริเวณสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ ที่ยังไม่สามารถเก็บกู้ได้
ทั้งนี้จะพยายามเร่งรัดการก่อสร้างเพราะความล่าช้าจะส่งผลต่อการเดินรถในปัจจุบันที่ต้องชะลอในช่วงที่ก่อสร้าง ทำให้ล่าช้ากว่าตารางเดินรถ โดยยังสามารถเร่งรัดงานโยธาให้เสร็จตามแผนในปี 2564 และติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ เปิดให้บริการต้นปี 2565
ปรับแบบทางคู่สายใต้ ชาวบ้านไม่เอาสะพานข้าม
นายสุชีพ สุขสว่าง วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง รฟท.กล่าวว่า กรณีผู้บุกรุก รฟท.แก้ปัญหาตามหลักมนุษยธรรม ขณะที่ ประชาชนในพื้นที่จ.เพชรบุรี มีการคัดค้าน ไม่ต้องการสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ (Overpass) ซึ่งมีจุดตัดทางรถไฟประมาณ 10 จุด โดยได้สรุป ว่าจะทำเป็นทางผ่านเสมอระดับดิน แบบมีเครื่องกั้น พร้อมพนักงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ประมาณ 3 จุด ส่วนสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง จากเดิมที่วางเสาในแม่น้ำ เป็นสะพานขึงชนิด (Extradose Bridge) ทำให้ขณะนี้แก้ปัญหาได้หมดแล้ว
รถไฟทางคู่ มีเป้าหมายที่จะพยายามลดจุดตัดทางรถไฟให้มากที่สุด. เพื่อไม่ให้มีอุบัติเหตุ แต่เมื่อมีการก่อสร้างพบปัญหาอุปสรรคซึ่ง วิธีสุดท้ายคือ การเป็นทางตัดเสมอระดับดิน และติดเครื่องกั้น เพื่อให้สามารถเดินหน้าก่อสร้างได้
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ระยะแรก ช่วงนครปฐม-ชุมพร แผนงาน 76.134% มีความคืบหน้ารวม 67.938% ช้ากว่าแผน 8.196% โดยงานก่อสร้างแบ่งเป็น 5 สัญญา ได้แก่
1. ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล ระยะทาง 93 กม. ค่าก่ดสร้าง 8,198 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 36เดือน แผนงาน 69.448% มีความคืบหน้า 69 % เร็วกว่าแผน 0.448 % มีบริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง 1964 จำกัด เป็นผู้รับจ้าง
2. ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน ระยะทาง 76 กม.ค่าก่อสร้าง 7,520 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 36เดือน แผนงานสะสม 69.618% มีความคืบหน้า 72.111% เร็วกว่าแผน 2.493% มี บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็น ผู้รับรับจ้าง
3. ช่วงหัวหิน -ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม.ค่าก่อสร้าง 5,807 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 30. เดือน แผนงาน 74.50% มีความคืบหน้า 74.750 % เร็วกว่าแผน 0.250 % มี บมจ.อิตาเลียนไทย เป็นผู้รับจ้าง
4. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญาที่ 1 (ประจวบคีรีขันธ์-บางสะพานน้อย) ระยะทาง 88 กม.ค่าก่อสร้าง 6,465 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 33 เดือน แผนงาน 96.039 % มีความคืบหน้า 66.561 % ช้า กว่าแผน 29.478 % มี กิจการร่วมค้า เคเอส-ซี เป็นผู้รับจ้าง
5. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญาที่ 2. (บางสะพานน้อย-ชุมพร ) ระยะทาง 79 กม. ค่าก่อสร้าง 5,992 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 36 เดือน แผนงาน 73.567% มีความคืบหน้า 56.131% ช้ากว่าแผน 17.436%
อัปเดตล่าสุด "รถไฟทางคู่สายใต้" พร้อมแค่ไหน
หน้าเศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
วันที่ 21 กันยายน 2563 - 10:27 น.
รฟท.เผยความคืบหน้ารถไฟทางคู่สายใต้ ล่าช้า เหตุติดปัญหาการปรับแบบก่อสร้าง-เจรจาพื้นที่ผู้บุกรุกไม่เคลียร์ เร่งแก้ 10 จุดตัดรถไฟในจังหวัดเพชรบุรี ตั้งเป้าเดินรถปี 2565
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ระยะทาง 421 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน วงเงิน 33,982 ล้านบาท ว่า ภาพรวมการก่อสร้างคืบหน้า 67.05% ล่าช้ากว่าแผน 7.89% โดย
สัญญาที่ 1 นครปฐม-หนองปลาไหล 93 กม. บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนี่ยริ่ง 1964 จำกัด เป็นผู้รับจ้าง คืบหน้า 68.93% เร็วกว่าแผน 0.21%,
สัญญาที่ 2 หนองปลาไหล-หัวหิน 76 กม. บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้าง คืบหน้า 72.05% เร็วกว่าแผน 2.70%,
ขณะที่สัญญาที่ 3 หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 84 กม. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้าง คืบหน้า 74.39% เร็วกว่าแผน 0.25%,
สัญญาที่ 4 ประจวบคีรีขันธ์-บางสะพานน้อย 88 กม. กิจการร่วมค้า เคเอส-ซี เป็นผู้รับจ้าง คืบหน้า 65.13% ล่าช้ากว่าแผน 30.59% และ
สัญญาที่ 5 บางสะพานน้อย-ชุมพร 80 กม. กิจการร่วมค้า เอสทีทีพี เป็นผู้รับจ้าง คืบหน้า 55.72% ล่าช้ากว่าแผน 15.66% อ
อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าการก่อสร้างจะยังคงเป็นตามแผนที่วางไว้ โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 64 และพร้อมเปิดให้บริการปี 65
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ทำให้ภาพรวมการดำเนินโครงการดังกล่าวมีความล่าช้านั้น เนื่องมาจากบางพื้นที่ต้องมีการปรับแบบการก่อสร้าง เช่น ที่ จ.ราชบุรี มีการพบระเบิดอยู่ในแม่น้ำแม่กลอง หากจะกู้ระเบิดต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี และเป็นสิ่งที่เรารอไม่ได้ จึงต้องออกแบบใหม้ ขณะเดียวกันบางพื้นที่ก็ติดปัญหาผู้บุกรุกพื้นที่ โดยเป็นปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนาน รวมทั้งยังมีปัญหาเรื่องการแก้ปัญหา 10 จุดตัดสำคัญใน จ.เพชรบุรี เพื่อพยายามลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ ซึ่งยังมีความคิดเห็นที่หลากหลาย บางส่วนอยากให้ทำทางรถไฟยกระดับ ขณะที่บางส่วนอยากให้เป็นถนนลอดใต้สะพานทางรถไฟ (Underpass) และสะพานข้ามทางรถไฟ (Overpass) ไปเลย แต่เวลานี้สามารถเคลียร์ทุกปัญหาจบทั้งหมดแล้ว และกำลังเร่งดำเนินกสรในส่วนที่ล่าช้าให้เป็นไปตามแผนโดยเร็วที่สุด |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44329
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 23/09/2020 11:44 am Post subject: |
|
|
ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 2.99 หมื่นล้านบาท ดำเนินงานโดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และกิจการร่วมค้า ไอทีดี-อาร์ทีว่า ภาพรวมการก่อสร้างมีความคืบหน้า 63.09% ช้ากว่าแผน 2.51%
โดยสัญญาที่ 1 งานโยธาและระบบราง ช่วงมาบกะเบา คลองขนานจิตร 58 กม. คืบหน้า 77.45% แม้จะเร็วกว่าแผน 1.3% แต่ยังติดปัญหาการเวนคืนที่ดินบริเวณช่วงหินลับ, มอหลักหิน, ปากช่อง และกลางดง จ.นครราชสีมา ต้องใช้งบประมาณเวนคืนสูงกว่าที่ตั้งไว้ เพราะเมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง พบว่ามีตึก อาคาร บ้านเรือนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จึงต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมตลอดทั้งเส้น ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ตั้งไว้ 50 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)ต่อไป
สัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ 6 กม. คืบหน้า 48.73% ล่าช้ากว่าแผน 6.27% โดยขณะนี้อุโมงค์ที่ 2 และ 3 ต่อเชื่อมกันแล้ว อยู่ในขั้นตอนการเทคอนกรีตเสริมเหล็กผนังอุโมงค์ ส่วนอุโมงค์ที่ 1 ล่าช้าจากแผนเล็กน้อย เนื่องจากเจอดินปนหิน เสี่ยงต่อการพังง่าย จึงต้องใช้ความละเอียดในการเสริมโครงสร้าง และสัญญาที่ 4 งานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม คืบหน้า 0.65% เร็วกว่าแผน 0.19%
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/2717102505177917
https://www.facebook.com/ake.bluechifamily/posts/3411440495569538 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 28/09/2020 5:59 pm Post subject: |
|
|
รถไฟทางคู่เชื่อมอีอีซี หนุนการค้าระหว่างประเทศ
28 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 16:05 น.
"สิ่งที่คาดหวังจากอีอีซี ความจริงที่เราไปตั้งศูนย์ขนส่งที่มาบตาพุดเพราะเชื่อว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของการผลิตทุกอย่าง แม้ว่าอุตสาหกรรมที่อีอีซีผลักดันจะไม่ได้ตรงกับเรา แต่ในด้านการขนส่งก็เชื่อว่าต้องมีของเข้าของออกจากตรงนั้น ผู้ผลิตหรือผู้ใช้ก็น่าจะใช้บริการของเรา เพราะขณะนี้การขนส่งทางรถไฟเองก็เชื่อมไปถึง สปป.ลาวแล้ว และอนาคตก็น่าจะเชื่อมไปถึงจีน ดังนั้นระบบรางจึงเป็นตัวช่วยที่ดี"
โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คือเป้าหมายหลักของรัฐบาล ที่ต้องการยกระดับการพัฒนาประเทศไปสู่ยุค ไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้นเพื่อรองรับการลงทุน รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมจึงต้องรับบทบาทสำคัญคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งบก น้ำ อากาศ รวมไปถึงทางด้านระบบราง ให้เป็นระบบหลักในการเดินทางและการขนส่งของประเทศ ทั้งในระดับภูมิภาค ระดับประเทศ ให้ใช้ประโยชน์การขนส่งทางรางให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีการขนส่งทางราง 10.5 ล้านตันต่อปี ให้เพิ่มขึ้น 30% ภายในเวลา 3 ปี เพื่อให้มีการใช้โครงข่ายทางรางอย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการเดินทางและขนส่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน
รวมถึงยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ส่งเสริมและสนับสนุนเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการเดินรถทางราง โดยใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าในประเทศและระหว่างประเทศอย่างสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลได้เร่งเดินหน้าพัฒนารถไฟทางคู่เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งให้มีความรวดเร็วมากขึ้น ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ที่ผ่านมาการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. ได้ร่วมมือกับภาคธุรกิจ อย่าง บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT เข้าใช้ประโยชน์เต็มพื้นที่สถานีรถไฟบ้านกระโดน ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในการเปิดรับแผนยุทธศาสตร์ขนส่งสินค้าทางรางโครงการรถไฟรางคู่ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมขนส่งภาคอีสาน และเส้นทางระหว่างประเทศ
นำร่องขนสินค้า
นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ KIAT เปิดเผยว่า บริษัทประกาศความพร้อมเปิดความร่วมมือกับ รฟท. เข้าใช้ประโยชน์พื้นที่สถานีรถไฟบ้านกระโดน ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำหรับเป็นลานคอนเทนเนอร์และจุดขนถ่ายรองรับการขนส่งสินค้าทางรางในอนาคต ที่สำคัญสถานีรถไฟบ้านกระโดนถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การขนส่งรองรับโครงการรถไฟรางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารและสินค้าในพื้นที่ชนบทกับเมือง และเส้นทางระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทได้นำร่อง โดยดึง บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นคู่ค้ากับบริษัท เปลี่ยนโหมดการขนส่งจากรถบรรทุกมาเป็นราง เส้นทางบ้านกระโดน-มาบตาพุด เพื่อขนส่งสินค้าเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และยังเตรียมวางแผนขยายการให้บริการขนส่งทางรถไฟในเส้นทางอื่นๆ ตามจุดขนส่งสำคัญๆ ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายหลังจากเปิดตัว บริษัท เคที เทรน จำกัด (บริษัทย่อย) เพื่อให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยระบบการขนส่งทางรถไฟ
"คาดว่าจะเป็นธุรกิจมีศักยภาพการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่าการขนส่งทางรถไฟเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และยังรองรับอีอีซี อีกทั้งมีข้อได้เปรียบในเรื่องของราคาที่ต่ำกว่า และปริมาณการขนส่งที่มากกว่าการขนส่งทางรถบรรทุก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังถือว่าบริษัทเป็นผู้ให้บริการการขนส่งอย่างครบวงจรเป็นรายแรกอีกด้วย" นางสาวมินตรา กล่าว
นางสาวมินตรา กล่าวว่า การจับมือกับ รฟท.ถือเป็นการรุกเซ็กเมนต์บริการขนส่งใหม่อย่างจริงจังและมีโอกาสเติบโตสูงมาก เนื่องจาก รฟท.มีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่หลายสาย จะสามารถสร้างเครือข่ายการขนส่งให้กว้างขวางขึ้นอีกหลายเท่าตัว ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าบริการการขนส่งทางรางจะกลายเป็นแหล่งรายได้มูลค่ามหาศาล โดยดูจากจำนวนลูกค้าที่สนใจติดต่อเข้ามามากขึ้น เพื่อเปลี่ยนโหมดมาใช้บริการทางรถไฟ เป็นสัญญาณที่ดีมาก โดยงานนี้คาดจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 10% ทุกปี ขณะที่บริการขนส่งทั่วไปด้วยรถบรรทุกของบริษัทยังมีกลุ่มลูกค้าหลักและกำลังเจรจาสัญญาใหม่กับลูกค้าอีกหลายราย
"สิ่งที่คาดหวังจากอีอีซี ความจริงที่เราไปตั้งศูนย์ขนส่งที่มาบตาพุดเพราะเชื่อว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของการผลิตทุกอย่าง แม้ว่าอุตสาหกรรมที่อีอีซีผลักดันจะไม่ได้ตรงกับเรา แต่ในด้านการขนส่งก็เชื่อว่าต้องมีของเข้าของออกจากตรงนั้น ผู้ผลิตหรือผู้ใช้ก็น่าจะใช้บริการของเรา เพราะขณะนี้การขนส่งทางรถไฟเองก็เชื่อมไปถึง สปป.ลาวแล้ว และอนาคตก็น่าจะเชื่อมไปถึงจีน ดังนั้นระบบรางจึงเป็นตัวช่วยที่ดี" นางสาวมินตรากล่าว
3 ปีรายได้พุ่ง
นางสาวมินตรา กล่าวถึงแผน 3 ปี ว่านอกเหนือจากลูกค้ารายเดิมแล้ว ยังมองว่าในปี 2564 ทุกอย่างน่าจะกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้นจึงมีแผนที่จะเจรจาเปิดเส้นทางเพิ่มกับลูกค้าอีกสัก 1-2 ราย อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้น่าจะเน้นการประชาสัมพันธ์ให้คงความรู้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการขนส่งทางรางว่ามีข้อดีอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 นี้ตั้งเป้ารายได้จากการขนส่งทางรางอยู่ที่ 5% ของรายได้ทั้งหมด ในปี 2564 น่าจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ และอีก 3 ปีรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 20-25% ของรายได้ทั้งหมด
นางสาวมินตรา กล่าวว่า ในการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยบนแปลงในยุคนิวนอร์มอลนั้น ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด เพราะเป็นสิ่งหนึ่งที่บริษัทคิดมาตลอด ว่าการดำเนินธุรกิจนั้นจะต้องไม่พึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ต้องมีหลายๆ ขา ซึ่งบริษัทเป็นกลุ่มขนส่งวัตถุอันตรายก็จริง แต่ก็ไม่ได้มุ่งเน้นว่าจะขนส่งเฉพาะน้ำมัน ก๊าซเท่านั้น เพราะวันหนึ่งธุรกิจการขนส่งก๊าซเอ็นจีวีเคยรุ่งเรือง แต่ก็ต้องยอมรับว่าวันนี้ไม่ใช่ มันเป็นขาลง ดังนั้นจึงต้องมีลูกค้าที่หลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทสามารถอยู่ได้ ดังจะเห็นในว่าขณะนี้ธุรกิจทางรางก็เริ่มเข้ามาแทนการขนส่งเอ็นจีวี
"เราเริ่มปรับตัวเองในรูปแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ในยุคคุณพ่อเพื่อป้องกันความเสี่ยง ดังนั้นในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด จึงได้รับผลกระทบที่น้อยมาก แม้เอ็นจีวีจะได้รับผลกระทบ แต่ในด้านของโรงงานอุตสาหกรรมต้องเดินหน้า จึงมีการขนส่งตลอดเวลา" นางสาวมินตรากล่าว
ทางคู่ยกระดับขนส่ง
ด้าน นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)(WICE) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่คาดว่าจะช่วยยกระดับศักยภาพการขนส่งสินค้าทางรางของประเทศ โดยมองว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กับการขนส่งสินค้าเกษตรแปรรูป สำหรับการกระจายสินค้า เนื่องจากสินค้าเกษตรจะเหมาะกับการขนส่งทางราง เพราะมีน้ำหนักมาก ปริมาณขนส่งต่อครั้งสูง และราคาค่าขนส่งถูกลงกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าทางคู่จะก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้
1.ช่วยลดเวลาการขนส่งและเพิ่มความแน่นอน เพราะรถไฟไม่ต้องจอดรอสับหลีกขบวน 2.โครงข่ายรถไฟครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น นอกเหนือจาก 2 เส้นทางเดิม ซึ่งได้แก่ ชุมทางถนนจิระ-หนองคาย และชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี จะมีเส้นทางใหม่อีก 1 เส้นทาง คือ บ้านไผ่-นครพนม ซึ่งทุกเส้นทางสามารถเชื่อมต่อไปยังท่าเรือกรุงเทพฯ และท่าเรือแหลมฉบังได้ 3.สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานมีความพร้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มสถานที่เก็บตู้สินค้า (Container Yard) ซึ่งจะเอื้อให้การรวบรวมสินค้าเกษตร ก่อนเคลื่อนย้ายต่อไปยังท่าเรือ มีความสะดวกยิ่งขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่า รถไฟทางคู่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขนส่งสินค้าเกษตรของภาคอีสาน จากจำนวนเส้นทาง ความแน่นอนด้านเวลา และสถานที่เก็บตู้สินค้า คาดว่าผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกิจการขนาดใหญ่บางประเภทจะให้ความสนใจต่อการขนส่งทางรางมากขึ้น นายชูเดชกล่าว
แต่อย่างไรก็ดี ทาง WICE เองไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ที่เป็นการขนส่งภายในประเทศมากนัก เนื่องจากงานส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นงานขนส่งระหว่างประเทศ มีจุดเด่นเรื่องการบริหารจัดการงานขนส่งโลจิสติกส์ให้กับลูกค้าได้ทุกรูปแบบและครบวงจร ให้บริการทั้งการนำเข้าและส่งออก ทั้งทางทะเลและทางอากาศ ให้บริการด้านพิธีการศุลกากร การขนส่งแบบ Door-to-Door การขนส่งในประเทศ การขนส่งข้ามแดน (Cross Border Service) และคลังสินค้า มีสาขาครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการค้าที่สำคัญในเส้นทางการค้าที่มีขนาดตลาดใหญ่มากหลายแห่ง โดยปัจจุบัน WICE มีเครือข่ายให้บริการขนส่งในประเทศสำคัญ ได้แก่ สิงคโปร์, ฮ่องกงและจีน โดยเฉพาะในจีนมีทั้งในฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44329
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 29/09/2020 6:33 am Post subject: |
|
|
ทช.วางโครงข่ายถนนเชื่อมทางคู่/เขตศก.ไทย-ลาว
แนวหน้า ฉบับวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563
นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดี กรมทางหลวงชนบท(ทช.) กล่าวว่าทาง ทช.จึงได้ดำเนินการสำรวจออกแบบถนนสาย ง3 ผังเมืองรวมเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 233 (หนองคาย ถึง อุดรธานี) ไปสิ้นสุดโครงการบรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 243 (หนองคาย ถึง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว) กม.ที่ 1+990 รวมระยะทาง 2.811 กิโลเมตร
โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการสำรวจออกแบบเสร็จสมบูรณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ซึ่งจะมีพื้นที่ที่ถูกเวนคืนประมาณ 84 ไร่ (157 แปลง), อาคารสิ่งปลูกสร้างที่จะถูกเวนคืนประมาณ 109 หลัง โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งสิ้น 377 ล้านบาท
สำหรับจังหวัดหนองคายเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษไทย-ลาว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทางราบ และกระทรวงคมนาคมมีแผนที่จะดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหนองคาย - นครราชสีมา - ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเป็นการสนับสนุนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย เชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งระบบรางและทางถนนให้สมบูรณ์ รองรับปริมาณการจราจรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
|