ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."

[Wisarut]

บอร์ดรฟท.ตีกลับจัดตั้งบริษัทลูก 200 ลบ
19 ตุลาคม 2563 เวลา 14:06:49
บอร์ดรฟท.สั่งฝ่ายบริหารเร่งสรรหาซีอีโอ จ่อย้ายพนักงาน 100 คน หวังเดินหน้าจัดตั้งบริษัทลูก ทุ่มทุนจดทะเบียน 200ลบ. คาดเริ่มดำเนินการภายในปี 2564

ร.ฟ.ท.เคลื่อนบริษัทลูกบริหารทรัพย์สินปีหน้า บอร์ดสั่งเร่งสรรหาซีอีโอ
19 ตุลาคม 2563

ร.ฟ.ท.เตรียมจดทะเบียนบริษัทลูกบริหารทรัพย์สินภายในปีนี้ บอร์ดเร่งสรรหา CEO เริ่มบริหารกิจการภายในปี 2564 คาดต้องโอนย้ายคน ร.ฟ.ท.บางส่วนไปหนุน ก่อนเปิดรับสมัครพนักงานรวม 100 อัตรา เริ่มบริหารสินทรัพย์ที่ดิน สัญญาเช่า และพื้นที่เชิงพาณิชย์
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้งบริษัทลูกดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ได้กลับมาดำเนินการในส่วนของโครงสร้างองค์กร และแผนดำเนินกิจการ ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการรายงานความคืบหน้าในประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา

โดยบอร์ดได้มีคำสั่งการให้ฝ่ายบริหารเร่งรัดดำเนินการในส่วนของการจัดหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ซีอีโอ) เข้ามาขับเคลื่อนองค์กรดังกล่าว และวางกรอบให้บริษัทลูกบริหารทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท.จะต้องเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2564 ซึ่งขั้นตอนดำเนินงานเบื้องต้นกำหนด ดังนี้

1.ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เป็นรัฐวิสาหกิจใหม่ภายในปีนี้

2.จัดตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทบริหารทรัพย์สิน ร.ฟ.ท.


3.สรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ซีอีโอ)

4.เริ่มกระบวนการเปิดรับสมัครพนักงาน

“บอร์ดได้สั่งการให้ไปดำเนินการ โดยให้พิจารณาขั้นตอนต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และปีหน้าบริษัทลูกจะต้องเริ่มดำเนินการ ดังนั้นทุกอย่างต้องกระชับมากที่สุด โดยคาดว่าการประชุมบอร์ดในครั้งหน้า จะมีการนำเสนอรายชื่อผู้ประกอบการ เป็นตัวแทนของการรถไฟฯ 3 คน ดำเนินการจดทะเบียนขอจัดตั้งบริษัทลูก โดยเรื่องขั้นตอนจัดตั้งนี้ดำเนินการไม่นาน คาดว่า 1-2 เดือนนี้จะเสร็จ”




นายนิรุฒ ยังกล่าวด้วยว่า โครงสร้างองค์กร และแผนดำเนินกิจการ จะดำเนินการภายหลังแต่งตั้งซีอีโอแล้ว เพราะซีอีโอจะต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารองค์กร โดยเป้าหมายสำคัญคือการบริหารทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท. ที่ดิน สัญญาเช่า และแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด ให้เกิดรายได้สูงสุด

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ร.ฟ.ท.จะมีการโอนย้ายพนักงานบางส่วนเพื่อไปช่วยดำเนินงานให้กับบริษัทลูกบริหารทรัพย์สิน ก่อนที่จะมีการเปิดสรรหาพนักงานในองค์กรให้แล้วเสร็จ โดยตามผลการศึกษา พบว่าบริษัทลูกบริหารทรัพย์สินนี้ จะต้องมีบุคลากรรวม 100 คน ภายใน 3 ปี ส่วนการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท. จะใช้ชื่อว่า บริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ความจำเป็นในการจัดตั้งบริษัทลูกในครั้งนี้ เนื่องจาก ร.ฟ.ท.มีที่ดินที่ไม่ได้ใช้เพื่อการเดินรถจำนวน 38,469 ไร่ มูลค่าประมาณ 300,000 ล้านบาท แต่มีรายได้ผลตอบแทนจากการบริหารสินทรัพย์ประมาณปีละ 2,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1% ของมูลค่าสินทรัพย์ เนื่องจาก ร.ฟ.ท.ไม่ชำนาญการบริหารสินทรัพย์ จึงมีความจำเป็นที่ต้องจัดตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่เพื่อบริหารสินทรัพย์เป็นกิจกรรมหลัก

โดยรายได้ของบริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด จะมาจาก 3 ส่วนคือ

1.รายได้จากค่ารับจ้างบริหารสัญญาเช่าเดิมจำนวน 15,270 สัญญา โดยสินทรัพย์ทั้งหมดยังคงเป็นของ ร.ฟ.ท.

2.รายได้จากการให้เช่าช่วง ร่วมทุน หรือพัฒนาที่ดินเดิมที่หมดอายุสัญญา

3.รายได้จากโครงการร่วมลงทุนกับเอกชนและการพัฒนาพื้นที่ดินเปล่าแปลงอื่นๆ และในอนาคตอาจมีรายได้จากการขายกระแสเงินสดในอนาคตให้กับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

[Wisarut]

คมนาคมสั่งรถไฟฯเพิ่มศักยภาพหารายได้จากที่ดินสางหนี้แสนล้าน

22 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 10:04 น.

22 ต.ค. 2563 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2563 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ครั้งที่ 2 หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ รฟท.จัดตั้งบริษัทลูกดังกล่าว โดยใช้ชื่อว่า บริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด สำหรับการประชุมครั้งนี้ เพื่อวางแผนแนวทางบริหารจัดการ และการดำเนินการ เช่น โครงสร้างองค์กร ข้อบังคับ อำนาจหน้าที่ในการดำเนินงาน เป็นต้น

ทั้งนี้ ได้เสนอแนะให้ รฟท.ไปศึกษาดูงานรูปแบบการบริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เพื่อทราบถึงรูปแนวทางบริหารที่มีความคล่องตัว โดยเฉพาะเรื่องบริหารจัดการที่ดินของ รฟท. ที่มีประมาณ 30,000-40,000 ไร่ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลหลายแสนล้านบาท แต่ปัจจุบันมีรายได้จากที่ดินดังกล่าวประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่ถึง 1% ของมูลค่าตลาดที่ควรจะได้ แต่ รฟท.มีสภาพการขาดทุนมูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า จึงได้มอบหมายให้คณะทำงาน โดยนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ รฟท. ไปทบทวนแผนบริหารจัดการของบริษัทลูกฯ ให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินการ โดยนำประสบการณ์การทำงานของธนาคารกรุงไทยเข้ามาประยุกต์ ทั้งนี้ เพื่อมีประสิทธิภาพรวดเร็ว และสามารถบริหารให้มีผลตอบแทนที่คุ้มค่าตามมูลค่าที่ควรจะได้ เพื่อทำให้ รฟท. มีรายได้

สำหรับพื้นที่ที่บริษัทลูกของ รฟท. จะนำมาบริหารจัดการและพัฒนาที่ดินนั้น มีหลายแปลง อาทิ ย่านสถานีแม่น้ำ บางซื่อ มักกะสัน ย่านรัชดา และย่าน RCA ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการได้แบบมืออาชีพเช่นเดียวกับเอกชน ตนเชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้ รฟท. และสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาขาดสภาพคล่อง และขาดทุนที่ผ่านมาได้ โดยได้กำหนดกรอบเวลาให้ รฟท. กลับมานำเสนอแผนอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ จะต้องไปพิจารณาว่าแผนนี้จะต้องนำเสนอ ครม. อีกหรือไม่ หากไม่ต้องนำเสนอเข้า ครม. แล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการไปจดข้อบังคับกับกระทรวงพาณิชย์ให้แล้วเสร็จ จากนั้นจะเปิดสรรหาให้เอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่ ก่อนส่งมอบพื้นที่เพื่อนำไปพัฒนาต่อไป โดยในขณะนี้ รฟท. มีความพร้อม ทั้งในเรื่องสำรวจที่ดิน รวมถึงแก้ปัญหาอุปสรรคไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของแผนการส่งมอบพื้นที่ที่เดิมจะส่งมอบภายใน 1 ปีนั้น จึงได้ให้นโยบายเร่งรัดในเรื่องการส่งมอบพื้นที่คู่ขนานกับการจัดตั้งบริษัทฯ เพื่อให้เร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม เมื่อแผนแล้วเสร็จ และมีการดำเนินการ ได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 4% หรือประมาณหลักหมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นมูลค่าผลตอบแทนที่เป็นมาตรฐาน แต่เชื่อว่า จะมีรายได้เพิ่มมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ทั้งนี้ ในส่วนของรูปแบบการบริหารนั้น ให้ดูแนวทาง ทั้งของภาครัฐ เช่น การบริหารทรัพย์สินของกรมธนารักษ์ การบริหารของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และภาคเอกชนด้วย เพราะถ้าไปยึดติดกับโครงสร้างที่เป็นรัฐวิสาหกิจ อาจจะไม่ได้ผู้ที่มีศักยภาพมาพัฒนาพื้นที่ให้อย่างมีประสิทธิภาพได้ จึงต้องดำเนินการเป็นบริษัทที่มีความคล่องตัวจริง

นอกจากนี้ รฟท. ต้องดำเนินการหลายเรื่อง เช่น กาบริหารรางที่มีอยู่ให้เอกชนเข้ามาลงทุน โดยการปรับรูปแบบเรื่องรถไฟ ซึ่งในตอนนี้มีผู้สนใจมานำเสนอในการพัฒนารถไฟจากระบบดีเซล มาเป็นระบบไฟฟ้า (EV) แทน โดยใช้แบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน และหากนำแบตเตอรี่มาใส่ 1 โบกี้ จะสามารถเดินรถได้ระยะทาง 400 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งเมื่อถึงจุดหมาย จะมีการเปลี่ยนตู้ เพื่อให้ตู้นั้นชาร์จประจุไฟฟ้าต่อไป ทั้งนี้ จะทำให้ช่วยลดต้นทุนในการเดินรถขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าให้มีราคาถูกลงได้ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

[Mongwin]

การรถไฟเร่งปั๊มรายได้! ชงจัดประโยชน์ที่ดิน 10 แปลง เข้าบอร์ดไฟเขียว 12 พ.ย.นี้
เศรษฐกิจ
ข่าวสด 29 ต.ค. 2563 16:38 น.

รถไฟเร่งปั๊มรายได้ - นายเอก สิทธิเวคิน รองผู้ว่าการ กลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ของรฟท. ว่า ที่ประชุมได้เร่งรัดให้ รฟท. เปิดประมูลที่ดินที่มีอยู่ทั้งหมดราว 3 หมื่นไร่ เพื่อหารายได้ นอกเหนือจากรายได้การเดินรถ เบื้องต้นมีเป้าหมายจำนวน 10 สัญญา สามารถสร้างรายได้ทันทีภายในปีนี้ อาทิ ที่ดินย่านองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ติดกับรถไฟฟ้าสถานีสะพานควาย เป็นต้น รวมทั้งที่ให้เร่งพิจารณาคดีความที่ศาลพิพากษาในส่วนของสัญญาเช่าที่ดินต่างๆ ให้แล้วเสร็จ เพื่อนำที่ดินมาจัดประโยชน์ใหม่เพิ่มเติม ส่วนมูลค่าผลประโยชน์ตอบแทนอยู่ระหว่างการศึกษา

รายงานข่าวจาก รฟท. กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) วันที่ 12 พ.ย.นี้ รฟท. จะมีการนำเสนอแนวทางจัดประโยชน์ที่ดินใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินในสัญญาเช่าเก่า หมดอายุสัญญาแล้ว หรือกำลังจะหมดอายุสัญญา ซึ่งจะเป็นหารจัดประโยชน์ที่ดินใหม่เพื่อหารายได้เข้าองค์กรทันทีและต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นสัญญาที่จะนำมาพิจารณา มีจำนวนประมาณ 10 สัญญา อาทิ สัญญาที่ดินตลาดปลาศรีสมรัตน์ (จตุจักร) และสัญญาเช่าที่ดินวิเศษสถาปัตย์

ทั้งนี้ ฝ่ายทรัพย์สิน รฟท. เร่งจัดเตรียมข้อมูลสัญญาเช่า และพื้นที่เชิงพาณิชย์เสนอให้บริษัทลูกบริหารสินทรัพย์นำไปบริหารจัดหารายได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการจัดตั้งบริษัทลูก รฟท. จึงจะเร่งหารายได้ในส่วนสัญญาเช่าที่ดำเนินการได้ทันที ซึ่งเป็นสัญญาเช่าเดิม หากบอร์ดอนุมัติก็จะเริ่มหารายได้เข้าองค์กรภายในปีนี้

สำหรับแนวทางจัดประโยชน์ใหม่ ที่จะมีการเสนอขออนุมัติจากบอร์ดรฟท. มี 2 แนวทาง คือ 1. เจรจาต่อสัญญาเช่าจากคู่สัญญารายเดิม และ 2. เปิดประกวดราคาจัดหาคู่สัญญาเช่ารายใหม่ แต่ทั้งสองแนวทางนั้น จะจัดทำในอายุสัญญาระยะสั้น เพื่อสามารถส่งต่อสัญญาเช่าให้กับบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์นำไปดำเนินการพัฒนาตามแผนที่วางไว้

ส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์แปลงใหญ่ อาทิ สถานีแม่น้ำ และสถานี กม. 11 รวมไปถึงพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟขนาดใหญ่ ตามหัวเมืองต่างจังหวัด รฟท. จะไม่ดำเนินการจัดหาประโยชน์ใหม่ในขณะนี้ เพราะต้องการส่งมอบให้บริษัทลูกนำไปดำเนินการในทันทีหลังจากจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จ เช่นเดียวกับพื้นที่แปลง A สถานีกลางบางซื่อ ก็จะดำเนินการจัดหาเอกชนร่วมลงทุน (พีพีพี) ซึ่งท้ายที่สุดบริษัทลูกจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ

[Wisarut]

[Wisarut]

รฟท.เร่งแจ้งเกิดบริษัททรัพย์สิน-วางโครงสร้างมีบริษัทย่อยลุยหารายได้
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 08:05 น.

“ศักดิ์สยาม” เร่ง รฟท.จดทะเบียนตั้งบริษัทลูกทรัพย์สินใน พ.ย. เคาะชื่อ บ.เอสอาร์ที แอสเซท จำกัด วางโครงสร้างมีบริษัทย่อย รถไฟถือหุ้นต่ำกว่า 50% หลุดรัฐวิสาหกิจเน้นคล่องตัว พร้อมจี้เคลียร์ปมค่า VO หมื่นล้านสายสีแดง หากไม่จบเปิดเดินรถไม่ได้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการประชุมเพื่อเตรียมจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้แจ้งว่า จะมีการดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน โดยจะใช้ชื่อ “บริษัท บ. เอสอาร์ที แอสเซท จำกัด” มีผู้ก่อตั้งบริษัทเริ่มต้นจำนวน 3 คนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่ง รฟท.ถือหุ้นในบริษัทลูก 100% จึงยังมีสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วนคณะกรรมการบริษัทฯ จะมีผู้แทน รฟท.ซึ่งคาดว่าจะเป็นระดับรองผู้ว่าฯ รฟท., ผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้ทรงคุณวุฒิ ฯลฯ รวมประมาณ 9 คน

ทั้งนี้ โครงสร้างและรูปแบบการบริหารภารกิจของบริษัทลูกทรัพย์สินจะต้องมีความคล่องตัว แต่จะไม่อิสระมากเกินไปจน รฟท.ในฐานะบริษัทแม่กำกับดูแลไม่ได้

นอกจากนี้ ภายใต้บริษัทลูก บริหารทรัพย์สินของ รฟท.จะมีการจัดตั้งบริษัทย่อยอีกประมาณ 3 บริษัท เช่น บริษัทที่ดูแลปัญหาที่ดินบุกรุก, บริษัทดูแลที่ดินที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาได้ เป็นต้น ซึ่ง รฟท.จะถือหุ้นในบริษัทย่อยไม่ถึง 50% มีพาร์ตเนอร์ถือ 47-48% หุ้นบุริมสิทธิอีกประมาณ 3% จะหลุดจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ ทำให้การทำงานเกิดความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งการตั้งบริษัทย่อยจะต้องไม่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขณะเดียวกันจะต้องมีแนวทางในการสร้างรายได้เพิ่ม โดยให้ทำหน้าที่การพัฒนาที่ดินแทนรฟท.บริหารสัญญาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วน รฟท.ยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินและที่ดินทั้งหมดเหมือนเดิม จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาความคืบหน้าอีกครั้งปลายเดือน พ.ย.นี้

“รฟท.มีที่ดินที่มีศักยภาพจำนวนมาก เช่น สถานีกลางบางซื่อมักกะสัน ย่านสถานีแม่น้ำ เลียบถนนรัชดา ที่ดินบริเวณ RCA หากบริหารจัดการให้ดี รฟท.จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งปัจจุบันรถไฟมีรายได้จากที่ดินเพียง 1% ถือว่าต่ำมาก หากเทียบกับศักยภาพทำเล รฟท.ควรมีรายได้ไม่น้อยกว่า 4% ผมให้รฟท.ศึกษาแนวทางและรูปแบบการตั้งบริษัทลูกจากบริษัท และรัฐวิสาหกิจที่ประสบความสำเร็จ เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ​ซึ่งหลังจากตั้งบริษัทลูกแล้วยังมีการตั้งบริษัทย่อยลงไปอีก”

จี้ รฟท.เคลียร์ปมค่า VO หมื่นล้าน-ไม่จบเปิดรถไฟสีแดงไม่ได้

นายศักดิ์สยามกล่าวถึงกรณีที่ รฟท.จะเป็นผู้เดินรถไฟสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต เองว่า ได้ให้โจทย์กับ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท.ไปแล้วว่าจะต้องแก้ปัญหาที่มีให้จบทุกมิติก่อน โดยเฉพาะ ปัญหาค่างานก่อสร้างเพิ่มเติม หรือ Variation Order (VO) ประมาณ 10,345 ล้านบาท หากปัญหาเหล่านี้แก้ไม่จบ การเดินรถสายสีแดงคงทำไม่ได้ เพราะอาจจะมีปัญหาฟ้องร้องตามมา ซึ่งให้ รฟท.เร่งหาความชัดเจนโดยเร็ว เนื่องจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) จะมาพบภายใน 2 สัปดาห์นี้ และจะมีการหารือถึงโครงการรถไฟสายสีแดงเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาด้วย

ส่วนกรณีที่บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ตเรลลิงก์) เข้ามาเดินรถไฟสายสีแดงนั้น ตนไม่ได้ขัดข้องใดๆ แต่แอร์พอร์ตลิงก์จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีประสิทธิภาพในการเดินรถสีแดงได้จริง ซึ่งปัจจุบันแอร์พอร์ตลิงก์รับจ้าง รฟท.เดินรถ ยังมีปัญหาสภาพคล่อง แอร์พอร์ตลิงก์ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าทำได้ไม่มีปัญหา เพราะหากบริหารไม่ได้ใครจะกล้ามอบให้ไปบริหารสายสีแดง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รฟท.ได้รับสมัครพนักงานชั่วคราว 250 คนเพื่อเตรียมพร้อมด้านบุคลากรสำหรับเดินรถสายสีแดงคู่ขนานไปด้วย

[Mongwin]

อัพเกรด21ไร่ที่ดินข้างศิริราช ร.ฟ.ท.เปิดประมูลฮับสุขภาพ-รับ3รถไฟฟ้า
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

จับตาบอร์ด ร.ฟ.ท.เคาะประมูลที่ย่านธนบุรี 21 ไร่ ดึงเอกชนเช่า 34 ปี ลงทุนมิกซ์ยูส ศูนย์กลางสุขภาพ มูลค่า 3.3 พันล้าน รับรถไฟฟ้า 3 สาย "ส้ม-แดง-น้ำเงิน" ปรับค่าเช่า บขส.5% ไฟเขียว "ITD" เช่าหัวรถจักร รางขนสินค้า อนุมัติบริษัทลูกเดินรถสายสีแดงตลิ่งชัน-บางซื่อรังสิต เปิดปลายปี'64

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. วันที่ 12 พ.ย. 2563 จะมีวาระพิจารณาขอความเห็นชอบการศึกษาและขออนุมัติดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานย่านธนบุรี เนื้อที่ 21 ไร่ พัฒนาเชิงพาณิชย์หารายได้ โดยเปิดให้เอกชนเช่าจัดหาประโยชน์ระยะยาว 34 ปี แยกเป็นก่อสร้าง 4 ปี และจัดหาประโยชน์ 30 ปี พัฒนาเป็นมิกซ์ยูส ศูนย์กลางด้านสุขภาพและธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับโรงพยาบาล หรือ health & wellness hub มีมูลค่าโครงการ 3,369 ล้านบาท

"ร.ฟ.ท.ศึกษาโครงการเสร็จแล้ว หลังบอร์ดอนุมัติกลางเดือน ธ.ค.นี้ จะประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้าร่วมประมูล ร.ฟ.ท.คาดว่าจะได้ผลตอบแทนตลอดอายุสัญญาคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 992 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมการเช่า 20% อีก 198 ล้านบาท ค่าเช่ารายปีเริ่มต้น 32 ล้านบาท ปรับค่าเช่าทุก ๆ ปี ปีละ 5% รวมค่าเช่าตลอดสัญญา 30 ปี อยู่ที่ 2,439 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ ร.ฟ.ท.จะมีรายได้รวม 2,638 ล้านบาท"

สำหรับที่ดินย่านธนบุรี อยู่ในทำเลมีศักยภาพ อนาคตจะเป็นสถานีจอดรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงตลิ่งชัน-ศิริราชศาลายา อยู่ใกล้กับสถานีอิสรภาพของสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และสถานีศิริราชของสายสีส้มตะวันตกช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ อีกทั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลศิริราช

การพัฒนาแบ่ง 4 โซน พื้นที่ก่อสร้างรวม 110,458 ตร.ม. ได้แก่
1.โรงแรมและรีเทล 6 ไร่ ลงทุน 1,309 ล้านบาท พื้นที่ก่อสร้าง 40,360 ตร.ม. รองรับญาติผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลธนบุรี ค่าห้องไม่เกิน 1,000 บาท/คืน

2.ศูนย์พักฟี้นสุขภาพ 4 ไร่ ลงทุน 879 ล้านบาท พื้นที่ก่อสร้าง 21,096 ตร.ม. รองรับผู้ป่วยพักฟี้นและดูแลสุขภาพโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลธนบุรี ค่าห้อง 40,000-60,000 บาท/เดือน

3.เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และที่อยู่ผู้สูงวัย 3 ไร่ ลงทุน 754 ล้านบาท พื้นที่ก่อสร้าง 22,108 ตร.ม. รองรับกลุ่มแพทย์ และผู้สูงวัยย่านฝั่งธนบุรี ค่าเช่า 30,000-50,000 บาท/เดือน และ 4.บ้านพักพนักงานรถไฟ 6 ไร่ เอกชนจะสร้างที่พักอาศัยสูง 13 ชั้น 315 ห้อง พื้นที่ใช้สอย 35-50 ตร.ม. พร้อมที่จอดรถ 265 คัน วงเงิน 425 ล้านบาท ทดแทนบ้านพักเดิม

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะขออนุมัติปรับค่าเช่าการใช้ประโยชน์ที่ดินของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ย่านพหลโยธิน ริมถ.กำแพงเพชร 2 เนื้อที่ 74 ไร่ จากปัจจุบันที่ บขส.ยังจ่ายในอัตราเดิม เนื่องจากสัญญาเช่าสิ้นสุดแล้ว แต่ไม่มีหารือค่าเช่าใหม่ จากระเบียบของ ร.ฟ.ท.ต้องปรับขึ้นปีละ 5% ล่าสุด บขส.จะขอต่อสัญญาเช่าอีก 5 ปี ระหว่างรอความชัดเจนการย้ายไปยังหมอชิตเก่า

ยังมีขออนุมัติให้ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ นำรถจักรและรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้ามาใช้ในการขนส่งเพิ่มเติม และขออนุมัติจ้างบริหารการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ให้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เป็นผู้เดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน จะเปิดในปี 2564 และรับทราบการเปลี่ยนชื่อคู่สัญญางานก่อสร้างรถไฟไทย-จีน สัญญาที่ 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก จากบจ. ซีวิล เอนจีเนียริ่ง เป็นชื่อ บจ. ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ และมีรายงานความคืบหน้าการฟ้องเพิกถอนทะเบียน บจ.โฮปเวลล์ (ประเทศไทย)

บรรยายใต้ภาพ
ฮับสุขภาพ - ที่ดิน 21 ไร่ย่านธนบุรี ร.ฟ.ท.เตรียมจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติเปิดประมูลให้เอกชนเช่า 34 ปี กลางเดือน ธ.ค.นี้พัฒนามิกซ์ยูสและศูนย์กลางสุขภาพ

[Mongwin]

ไม่ย้ายหมอชิต2-ถนนลอยฟ้าเกิดยาก กุนซือรมว.คมนาคมลั่นวาจากับม็อบ
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 พ.ย. ที่กระทรวงคมนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวชุมชนหลังหมอชิตเก่าประมาณ 15 คน นำโดย น.ส.วินินท์อร ปรีชาพินิจกุล เข้ายื่นหนังสือถึงนาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เพื่อให้ทบทวนโครงการย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กลับมาใช้พื้นที่หมอชิตเก่าบนถนนพหลโยธินซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอสพื้นที่ 120,000 ตารางเมตร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการถูกเวนคืนที่ดินตามที่ พ.ร.ก.กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พ.ศ. 2563 ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 63 โดยมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม เป็นผู้รับหนังสือ

น.ส.วินินท์อร เปิดเผยว่า ไม่มีความจำเป็นและเหตุผลเพียงพอในการย้ายหมอชิต 2 กลับที่เดิมซึ่งเป็นที่ดินของกรมธนารักษ์ให้สัมปทานเอกชนพัฒนาเป็นโครงการคอมเพล็กซ์ศูนย์การค้า โรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อยู่หมอชิต 2 เหมาะสมแล้วอนาคตจะเชื่อมต่อสถานีกลางบางซื่อศูนย์กลางคมนาคมแห่งใหม่จะเปิดบริการปี 64 ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถโดยสารกับระบบรางสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เพื่อคัดค้านการเวนคืนที่ดินชาวบ้านหลังหมอชิตเก่ายาวออกไปถึงริมถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อสร้างทางยกระดับหรือถนนลอยฟ้าจากโครงการคอมเพล็กซ์ฯเป็นทางเข้า-ออกโครงการด้วยงบฯ รัฐบาลวงเงินไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท มาจ่ายค่าเวนคืนที่ดินและก่อสร้างถนนลอยฟ้า แต่อ้างว่าใช้เป็นทาง เข้า-ออกให้รถ บขส. บริการสาธารณะ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนที่จะใช้พื้นที่คอมเพล็กซ์ฯเพื่อการพาณิชย์กว่า 85% บขส.ได้ใช้ประโยชน์พื้นที่เพียง 15% เท่านั้น

ดังนั้นการเวนคืนที่ดินชาวบ้านอาจขัดหลักการของพ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนและการให้รัฐได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 โดยวันนี้จะไปยื่นคัดค้านต่อกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังด้วย จากนั้นวันที่ 13 พ.ย. จะไปยื่นศาลปกครองขอให้เพิกถอน พ.ร.ก.เวนคืนฯ ยืนยันว่าไม่ได้คัดค้านโครงการคอมเพล็กซ์ฯ แต่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างถนนลอยฟ้าและย้ายหมอชิต 2 ควรเอาเงินให้ บขส. ไปซื้อที่ดินย้ายไปสร้างสถานีใหม่นอกเมืองดีกว่าเข้ามากระจุกตัวกลางใจเมืองตามหลักการกระจายความเจริญและความแออัดไปนอกเมืองที่ทั่วโลกทำกัน

ด้านนายวิรัช กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างหาข้อสรุป โดย บขส. ได้เจรจาการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอเช่าพื้นที่ต่อแล้วยืนยันว่าไม่ย้ายหมอชิต 2 กลับมาแน่นอน ส่วนการสร้างทางเชื่อมยกระดับเป็นไปได้ยากถ้านำรถโดยสารขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำมันดีเซลสร้างมลพิษให้ชุมชนหลังหมอชิตเก่า ดังนั้นจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนที่ได้รับผล กระทบเพื่อหาทางออกต่อไป ขณะที่นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บขส. กล่าวว่า ขอให้สบายใจได้ บขส. จะต่อสัญญาเช่าพื้นที่ของ รฟท. ให้หมอชิต 2 อยู่ที่เดิมไปก่อน 5 ปี ส่วนระยะยาวยังดูท่าทีการพัฒนาพื้นที่ของกรมธนารักษ์ก่อน

ด้านนายปัญญา ชูพานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข. และ รฟท. ได้ร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาสถานีกลางบางซื่อและพื้นที่โดยรอบ มีองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นหรือไจก้ามาช่วยวางแผนศึกษา แผนนี้จะแบ่งพื้นที่พัฒนา แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าต้องย้ายหรือไม่ย้ายหมอชิต 2 บขส. ต้องหารือรฟท. หาข้อสรุปร่วมกันในการขอเช่าพื้นที่ สนข. จะคอยประสานงานให้.

[Wisarut]

จับตา!! 12 พ.ย.นี้ ชงบอร์ด รฟท.เคาะบขส.ค้างค่าเช่าที่ดินหมอชิต 2
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 17:30:00
12 พ.ย. ลุ้นบอร์ดรฟท. อนุมัติทวงหนี้ หลัง บขส. ค้างค่าเช่าหมอชิต 2
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 17:30:00

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 พฤศจิกายน​ จะมีการประชุมคณะกรรมการรฟท. โดยรฟท.จะนำเสนอเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน รฟท. ของบริษัท ขนส่ง จำกัด ที่บริเวณย่านพหลโยธิน (ริมถนนกำแพงเพชร 2) หรือหมอชิต 2 ให้คณะกรรมการพิจารณา ซึ่งที่ผ่านมา รฟท. และ บขส. มีข้อพิพาทระหว่างกัน กรณีที่ บขส.ในฐานะผู้เช่า และ รฟท. ในฐานะผู้ให้เช่า ไม่ยอมรับอัตราค่าเช่าที่ดินของแต่ละฝ่าย

รายงานข่าวฯ ระบุต่อว่า โดยบขส. ยืนยันจะจ่ายค่าเช่าในอัตราเดิงคงที่ 21 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ รฟท. มีการปรับเพิ่มขึ้นค่าเช่าทุกปีในอัตรา 5% ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมา รฟท.เกิดความเสียหาย ต้องขาดรายได้จากค่าเช่าที่ดินหมอชิต 2 รวมเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ขณะที่ องค์กรฯประสบภาวะขาดทุนขณะที่ บขส.ยังมีกำไรจากการดำเนินงานต่อเนื่อง

ชงบอร์ดรฟท. เคาะการใช้ประโยชน์ที่ดินรฟท.เหตุ บขส.ค้างค่าเช่าหมอชิต 2 จ่อฟ้องอัยการสูงสุด ขณะที่บขส.ยันจ่ายค่าเช่า 21 ลบ.ต่อปี กระทบรายได้รฟท.หด ด้านบขส.เสนอขอต่อสัญญาเช่า 5 ปี


"รถไฟ"จ่อฟ้องบขส.ชงบอร์ดให้"แอร์พอร์ตลิงก์"เดินรถสายสีแดง
พุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563 เวลา 17.57 น.
รฟท. ทวงหนี้ บขส. ไม่ยอมจ่ายค่าเช่าหมอชิต 2 กว่า 10 ปี รวมหลายร้อยล้าน หากยังดื้อเตรียมฟ้องส่งอัยการ-ไม่ต่อสัญญาเช่า 5 ปี เตรียมชงบอร์ดรถไฟ 12 พ.ย.นี้ ไฟเขียวให้ “แอร์พอร์ตลิงก์” เดินรถไฟสายสีแดง

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. วันที่ 12 พ.ย.นี้ รฟท.จะเสนอเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน รฟท. ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่บริเวณย่านพหลโยธิน(ริมถนนกำแพงเพชร2) หรือหมอชิต 2 ให้ที่ประชุมพิจารณา เนื่องจากที่ผ่านมา รฟท. และ บขส. มีข้อพิพาทระหว่างกันกรณีที่ บขส.ในฐานะผู้เช่า และ รฟท. ในฐานะผู้ให้เช่า ไม่ยอมรับอัตราค่าเช่าที่ดินของแต่ละฝ่ายตั้งแต่ปี 48 โดย บขส. ยืนยันจะจ่ายค่าเช่าในอัตราเดิมคงที่ปีละ21 ล้านบาท ขณะที่ รฟท. มีการปรับเพิ่มขึ้นค่าเช่าทุกปีในอัตรา 5% ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมา รฟท. เกิดความเสียหาย ต้องขาดรายได้จากค่าเช่าที่ดินหมอชิต 2 รวมเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ในขณะที่องค์กรประสบภาวะขาดทุน ส่วน บขส.ยังมีกำไรจากการดำเนินงานต่อเนื่อง



รายงานข่าวจาก รฟท. แจ้งต่อว่า บขส. และ รฟท. มีข้อพิพาทกันมานาน แต่ยังหาทางออกไม่ได้ จึงจะเสนอให้บอร์ด รฟท. พิจารณาตัดสินทางออกที่เหมาะสมว่าจะเห็นชอบกับอัตราค่าเช่าของ รฟท. หรือไม่ หากเห็นชอบจะแจ้งมติให้กระทรวงคมนาคมรับทราบ พร้อมทั้งทำหนังสือแจ้งให้ บขส. รับตามเงื่อนไข ทั้งนี้หาก บขส. ไม่ตอบรับตามเงื่อนไข รฟท.จำเป็นต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อไป นอกจากนี้หาก บขส. ยืนยันจะไม่จ่ายค่าเช่าตามที่ปรับขึ้น รฟท. เสนอ อาจส่งผลต่อการพิจารณาต่ออายุ
สัญญาเช่าที่ดินบริเวณหมอชิต 2 เนื่องจากเป็นผลประโยชน์ตอบแทนที่เกี่ยวข้องกันโดยตรง ซึ่งล่าสุด บขส. ได้หารือเตรียมเสนอขอต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินหมอชิตอีก 5 ปี คือปี 64-68 จนกว่าจะก่อสร้างและมีสถานีขนส่งหมอชิตแห่งใหม่ ดังนั้นหาก บขส. ไม่ยอมรับภาระหนี้สินค่าเช่าที่ค้างจ่ายหลายร้อยล้านบาท รฟท. ก็อาจไม่อนุมัติให้ต่อสัญญาเช่า


รายงานข่าวจาก รฟท. แจ้งด้วยว่า ในการประชุมบอร์ด รฟท. ครั้งนี้ จะมีการเสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติจัดทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมแนบท้ายสัญญาจ้างบริหารการเดินรถไฟฟ้าระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารสารอากาศยานในเมือง ให้บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เป็นผู้เดินรถ โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชันด้วย.

[Wisarut]

1 เดือนต้องจบ!! รฟท. เคลียร์ บขส. ค้างหนี้ค่าเช่าที่ดิน 1,025 ล้าน
พฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เวลา 18.30 น.

บอร์ด รฟท. ขีดเส้น 1 เดือน สั่งเคลียร์บขส.ให้จบ ค้างหนี้ค่าเช่าที่ดิน 1,025 ล้าน ยอมรับเป็นภาระหนัก ย้ำเจรจาให้เกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ประชาชนไม่เดือดร้อน เล็งให้อัตราพิเศษ ยันต่อสัญญาให้แน่ แต่จะกี่ปี จ่ายกี่บาท ขอถกก่อน

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ได้พิจารณาเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน รฟท. ของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่บริเวณย่านพหลโยธิน (ริมถนนกำแพงเพชร 2) หรือหมอชิต 2 โดยได้มอบให้ รฟท. ไปเจรจากับ บขส. เรื่องค่าเช่าที่ดินที่ รฟท. ได้ปรับเพิ่มค่าเช่าตั้งแต่ปี 47 โดยปรับเพิ่มขึ้น 5% ในส่วนของพื้นที่เชิงพาณิชย์ และปรับเพิ่มขึ้น 2.5% ในส่วนที่ไม่ใช่พื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งทาง บขส. ไม่ได้จ่ายในอัตราที่เพิ่มขึ้น ยังคงจ่ายค่าเช่าในอัตราเดิม 21 ล้าน ทำให้ตั้งแต่วันที่ 
1 มี.ค.47 ถึง 28 ก.พ.64 บขส. ต้องจ่ายในส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,025 ล้านบาท แบ่งเป็น พื้นที่เชิงพาณิชย์ 251 ล้านบาท และพื้นที่ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ 774 ล้านบาท

นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเน้นย้ำว่าการเจรจาครั้งนี้ต้องให้ได้ข้อสรุปที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถยอมรับได้ ที่สำคัญต้องไม่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ยอมรับว่าหาก บขส. ต้องจ่ายครบเต็มจำนวนที่ค้างไว้ อาจเป็นภาระที่หนัก แต่ขณะเดียวกัน รฟท. ก็ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กร ดังนั้นต้องไปหาจุดตรงกลางที่จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ โดยอาจจะเป็นอัตราพิเศษสำหรับ บขส. เพราะที่ประชุมมองว่าทั้ง 2 หน่วยงานเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งคู่ และเป็นหน่วยงานขนส่งสาธารณะที่สำคัญด้วย ทั้งนี้ให้เวลาเจรจา 1 เดือน และนำกลับมาเสนอที่ประชุมในเดือน ธ.ค.63

นายนิรุฒ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการพิจารณาต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินหมอชิต 2 อีก 5 ปี ตั้งแต่ปี 64-68 ให้กับ บขส. นั้น ยืนยันว่าแม้ บขส. จะยังมีเรื่องค้างค่าเช่าที่กับ รฟท. แต่ทาง รฟท. ก็จะต่ออายุสัญญาให้แน่นอน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ส่วนจะต่ออายุสัญญาให้กี่ปี และ บขส. จะต้องจ่ายค่าเช่าในอัตราเท่าใดนั้น คงต้องมาหารือร่วมกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทราบว่า รฟท. จะขอเช่าพื้นที่ลดลงจากปัจจุบัน 72 ไร่ เหลือประมาณ 50 ไร่


ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ บขส. ค้างค่าเช่าพื้นที่ จะต้องนำไปสู่การฟ้องร้องหรือไม่ นายนิรุฒ กล่าวว่า คงไม่ฟ้องร้อง เพราะเป็นหน่วยงานรัฐเหมือนกัน และคิดว่าน่าจะเจรจาให้ได้ข้อสรุปได้.

[Wisarut]