View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 11/01/2021 12:22 pm Post subject: |
|
|
ประวัติโครงการทางรถไฟ ท่าแขก - ตันอัป (Le Chemin de Fer Thakhek - Tân Ấp)
รัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศส เริ่มศึกษาเส้นทางโครงการ กุมภาพันธ์ 1925 แต่มาเริ่มก่อสร้างจริงก็เมษายน 1929 โดยให้ the 4th lot A of the project Bourillon de Vinh company เป็นผู้รับเหมา ช่วงที่ 4A มูลค่า 663,955 เปียสต์ (piastres) เมื่อพฤศจิกายน 1929 โดยทำให้เสร็จ ใน 36 เดือน โดยงานช่วงที่ 4A คือ งานโยธาเส้นทาง ท่าแขก - บ้านผาวัง (the village of Phavang) ระยะทาง 18 กิโลเมตร โดยโครงการรถไฟ นี้กะจะใช้ย่นระยะทาง จากฮานอยไปไซ่ง่อน 300 กิโลเมตรนอกเหนือ จากการเชื่อมทางกะรถไฟไทยที่กำลังทำถึงอุดรธานี ซึ่งที่สุดก็เปิดการเดินรถถึงอุดรธานี เมื่อ 24 มิถุนายน 1941 วันเดียวกันกับการเปิดถนนลูกรังสายอุดรธานี - สกลนคร - นครพนม (ปัจจุบันคือทางหลวงหมายเลขที่ 22)
ทางรถไฟสายนี้ ส่วนที่ผ่านเมืองลาว คือ ท่าแขก - มหาไช - ด่านนาเพ้า ที่ต่อแดนกับเวียดนามที่ ด่านจาหลอ - มู่ยา (Mụ Gia) มีการสร้างบ้านพักผู้จัดการรถไฟสายนี้ ที่ด้านใต้ตลาดนาบง ( Nabong market ) ทางด้านเหนือเมืองท่าแขก ก่อนตัดกับทางแยกไปเซโน (Seno - ปัจจุบันใช้ Xeno ) ซึ่งทางแยกดังกล่าว กำหนดเป็น กม. 0 +000 และตอนนี้มีอนุสาวรีย์ท่านไกสอน พรหมวิหาร ตั้งตระหง่านอยู่ จากนั้น เส้นทางจะ ผ่านไปตามทางหลวงอาณานิคมสาย 12 ผ่านภูขัน (Phu Khan กม. 3 + 800) และ มีการทำสะพานข้ามน้ำโดน (Nam Done) ยาว 45 เมตร ที่กม. 8+ 030 ที่ยังใช้อยู่ และ สะพานข้ามน้ำโดน (Nam Done) ที่ กม. 13 + 905 ที่โดนทิ้งระเบิดพังพินาศไปแล้ว และ ท่างไปหมดระยะที่ผาวัง (Phavang กม. 18) ทีมีการเอาหินโรยทางแต่ไม่มีการวางรางเลย แม้ว่าจะมีโครงการทำต่อไป ผ่านเมือง มหาไช (กม. 45 + 444) ผ่านน้ำพิด เซบั้งไฟ และ น้ำยม ไปเมือง เมือง ยมมะลาด (สมัยนั้นสะกดว่า Gnommalat ปัจจุบันใช้ว่า Gnommalath) ก่อนไปถึงชายแดนที่บ้านนาเพ้า ใกล้ด่านบ้านนาเพ้า (กม. 98) ซึ่งเคยคิดทำอุโมงค์ ยาว 447 เมตรแต่ไม่ได้ทำ เพราะวิกฤติการเงิน และ สงครามกู้เอกราชของเวียดนามทำให้รัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศสต้องทุ่มเทงบประมาณไปงานอื่นเช่นการชลประทาน เลยทำได้แค่ปรับปรุง ทางหลวงอาณานิคมสาย 12 ไปแทน เพราะพอเอาเขาจริงๆ รัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศสต้องใช้งบประมาณ 7 ล้าน 8 แสนเปียสต์ หรือ ร่วม 80 ล้านฟรังก์ฝรั่งเศสในการสร้างทางรถไฟ แค่ 18 กิโลเมตรจากท่าแขกไปผาวัง (Phavang กม. 18) ที่ใช้การไม่ได้ ต้องหันมาใช้ทางหลวงอาณานิคมสาย 12 แทนไปก่อน
พอฝรั่งเศสได้แดนลาว เมื่อปี 1893 ก็เริ่มการสร้างทางหลวงอาณานิคมหมายเลข 9 (สวันนะเขต - ด่านลาวบาว) แต่ปี 1895 กว่าจะทำสำเร็จก็อีก 35 ปี (เปิดปี 1930) เพราะสร้างๆหยุดๆ ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ส่วนทางหลวงอาณานิคมหมายเลข 8 (ท่าแขก - ด่านบ้านนาเพ้า) แต่ปี 1903 กว่าจะทำสำเร็จก็อีก 30 ปี (เปิดปี 1933) เพราะสร้างๆหยุดๆ ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ที่ร้ายกว่านั้น คือ ทางหลวงทั้งสองใช้งานได้แค่ครึ่งปี ที่เหลือถนนสิ้นสภาพเพราะ เจอมรสุม จนทางขาดเพราะน้ำท่วมเป็นประจำ และ รายได้ต่อหัวเฉลี่ยของประชาชนเมืองลาวก็แค่ 1.5 เปียสต์ เอง เพราะการคมนาคมไม่สะดวกเนื่องจากการบริหารอาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้ไม่มีงบพอสร้างทางหลวงให้มันดีใช้ได้ทุกฤดู
พอถึงด่านบ้านนาเพ้า ที่กำหนดให้เป็น สถานี มู่ยา (Mu Gia) ซึ่งเหลือแต่เป็นซากคอนกรีตห่างจากเส้นเขตแดนไป 2 กิโลเมตร แล้วทางจะเข้าด่าน จาหลอ ใกล้มู่ยา (Mụ Gia) ที่เป็นทางที่ชันกว่าฝั่งลาวอีก ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสให้ บริษัท Heckel จากเยอร์มันี สร้าง cable car เพื่อเป็น aerial railway จาก ซมกุก (Xom-Cuc) ไปด่านบ้านนาเพ้า ยาว 42 กิโลเมตรเพื่อช่วยการขนคนและแร่ตะกั่ว จากฝั่งลาวมาเวียดนาม โดยประมูลงาน 15 มกราคม 1930 และ เริ่มงานจริง 13 กุมภาพันธ์ 1933 เปิดใช้งานจริง 18 ธันวาคม 1933 โดยระบบ Cable car ใช้งานได้ สัปดาห์ละ 3 วัน โดยมี 7 สถานี เป็นปลายทาง 2 สถานี ขนสินค้าได้แค่วันละ 15 ตัน เมื่อใช้งานจริงพบว่าระบบ aerial railway ใช้งานได้เฉพาะ ฤดูแล้งจาก พฤศจิกายน ถึง เมษายน และโดยหลักการแล้วการเดินทางจาก Tân-Ap ไป Thakhèk ใช้เวลา 5 วัน แถมในปี 1934 ต้องปิดซ่อมแซมระบบด้วย ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่าน aerial railway จาก 1 พฤศจิกายน 1936 ถึง 30 มีนาคม 1937 นั้นได้ผลคือ สินค้าจาก อันนัมไปลาวแค่ 1197 ตัน แต่ สินค้าจากลาวไปอันนัมแค่ 348 ตันเอง สงครามเวียดนามได้ทำลาย ทาง aerial railway
ส่วนทางฝั่งเวียดนามนั้น มีการสร้างทางรถไฟจาก ตันอัป (Tân Ấp) ไป Xom-Cuc ระยะทาง 18 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็น งานส่วนที่ 1 โดยประมูลสำเร็จ เมื่อ 1 ธันวาคม 1928 โดย Jullien company เป็นผู้รับเหมา แต่มาลงนามเมื่อ 31 สิงหาคม 1929 แต่ นายRémy Jullien ที่เป็นประธานบริษัทได้เสียชีวิตไปแต่ปี 1931 เลยต้องใช้กองทุนล่วงหน้าเพื่อจ่ายให้คนงานทำงาน เมื่อ 31 สิงหาคม 1931 พอจะก่อสร้างก็เจอน้ำท่วม ที่ราบ Thanh-Lang เมื่อกันยายน 1930 จนต้องถมที่ทำทางถาวรกันใหม่ วางรางได้ก็ ปี 1932 และ เปิดสถานี ตันอัป (Tân Ấp) เมื่อ 30 มีนาคม 1932 แต่เปิดการเดินรถ จาก ตันอัป (Tân Ấp) ไป ซมกุก (Xom-Cuc) ได้ก็ 10 ธันวาคม 1933 วันเดียวกันกับการเปิดใช้ aerial railway จาก ซมกุก (Xom-Cuc) ไปด่านบ้านนาเพ้า ยาว 42 กิโลเมตร จากที่ได้ยินได้ฟังพบว่า ทางจาก ตันอัป (Tân Ấp) ไป ซมกุก (Xom-Cuc) และ aerial railway ไปด่านบ้านนาเพ้ายังใช้ได้ถึงปี 1957 - 1958 ก่อนเลิกใช้เพื่อเอาโลหะ ไปใช้ทำยุทธปัจจัยในสงครามเวียดนาม
http://souvenir-francais-asie.com/2010/04/10/le-chemin-de-fer-thakhek-tan-ap/
http://fer-air.over-blog.com/article-15801390.html
ว่ากันตามจริง เส้นทางสายนี้ศึกษาแต่ปี 1923 แล้ว
https://www.persee.fr/doc/geo_0003-4010_1923_num_32_179_9798
Wisarut wrote: |
Indonesia Railway Development Consortium (IRDC) ได้งานสร้างทางรถไฟที่ลาวยาว 452 กิโลเมตร มูลค่า 1980 ล้านเหรียญสหรัฐ (28 ล้านล้านรูเปีย) จากเมืองท่าแขก ไปท่าเรือหวุ่งอัน ของเวียดนาม ให้สำเร็จใน 2 ปี 6 เดือน โดยทำร่วมกับ Laos Petroleum Trading Lao Public Co., (Petrotrade), and Vietnam HT Investment Construction Management Co.Ltd. และ งานนี้ INKA ร่วมวงโดยการลงทุน 9 ล้านล้านรูเปีย เพื่อผลิตรถจักรรถพ่วงรถโดยสารเพื่อใช่ในการนี้ด้วย และโครงการนี้จะช่วย ให้อินโดนีเซีย ส่งออกส่งออกถ่านหิน จากอินโดนีเซียมาขายเมืองลาวปีละ 6.5 ล้านตัน และ ช่วยให้ลาวส่งออกแร่โพแทช มาให้อินโดนีเซีย เพื่อทำปุ๋ยเคมีเสริมการสร้างแป้งและผลพืช ปีละ 1 ล้านตันได้ โดยเริ่มการก่อสร้างธันวาคม 2021 หลังออกแบบสำเร็จ สิงหาคม - ธันวาคม 2021 หวังว่าจะทำให้สำเร็จ ธันวาคม 2024 โดยความเร็วสูงสุด 90-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วิเคราะห์จากแผนที่ทำให้คาดการณ์ว่า สถานีควรเป็นแบบนี้ ท่าแขก - มหาไช - นาไก่ - นาหัด - สายภูหลวง - หนองจาน - ด่านนาเพ้า - ด่านจาหลอ - มู่ยา (Mụ Gia) - ตันอัป (Tân Ấp) - Đồng Lê Tới Tân Hóa - ท่าเรือหวุ่งอัน (Vũng Áng)
https://www.youtube.com/watch?v=eEcp2eW2H1I
https://theinsiderstories.com/indonesias-irdc-to-build-railroad-in-laos-us2b/
https://www.youtube.com/watch?v=1Mv1n4tIRuw |
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
|