Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311289
ทั่วไป:13271461
ทั้งหมด:13582750
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 102, 103, 104 ... 149, 150, 151  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 21/04/2021 10:20 pm    Post subject: Reply with quote

"คมนาคม" สู้คดีโฮปเวลล์ต่อหลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอ
พุธที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 18.55 น.

“คมนาคม” เดินหน้าสู้คดีโฮปเวลล์ต่อ เร่งพิจารณาแนวทาง ใช้ช่องนับอายุความมารื้อคดีใหม่ ลั่นคดียังไม่จบยังไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าโง่ตอนนี้


นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. (ผู้ร้อง) ที่ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีหรือทุเลาการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลปกครองในคดีโฮปเวลล์ไว้ก่อนว่า ต้องรอให้คณะทำงานของกระทรวงคมนาคมพิจารณารายละเอียดคำสั่งของศาลปกครองกลางฯอย่างละเอียดก่อน เพื่อพิจารณาหาแนวทางในการต่อสู้คดีต่อไป ซึ่งมองว่ายังมีช่องทางที่ตามกฎหมายสามารถสู้คดีต่อไปได้
           
นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ถือว่าคดียังไม่สิ้นสุด ยังไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าโง่ตอนนี้ เพราะว่าจะสู้คดีต่อ มั่นใจว่ายังมีช่องทางที่สู้ได้ ซึ่งคณะทำงานกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทาง
          
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมเดินหน้าต่อสู้ดคีต่อ โดยเตรียมยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดให้มีการพิจารณาคดีใหม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามติที่ประชุมศาลปกครองสูงสุดคดีโฮปเวลล์เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง ขัดรัฐธรรมนูญ จึงเป็นช่องให้กระทรวงคมนาคมสามารถรื้อคดีขึ้นมาใหม่ได้ เพราะมีหลักฐานใหม่เรื่องของการนับอายุความในการฟ้องร้องคดีของโฮปเวลล์ โดยเตรียมยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดขอให้พิจารณาคดีใหม่ พร้อมทั้งให้ขอทุเลาการบังคับคดี เพื่อชะลอการคิดอัตราดอกเบี้ยค่าปรับด้วย.
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44626
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/04/2021 9:06 am    Post subject: Reply with quote

รฟท.ยังต้องจ่ายโฮปเวลล์
ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564

ศาลปกครองกลางชี้คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับคดีในคดีที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ขอชะลอการจ่ายค่าเสียหายราว 24,000 ล้านบาทแก่ บริษัท โฮปเวลล์(ประเทศไทย)จำกัด ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ให้กระทรวงคมนาคม และรฟท.ต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 8 พ.ย.51 ที่ให้ 2 หน่วยงานรัฐต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนดังกล่าว

ส่วนเหตุผลที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวระบุว่าเมื่อคดีนี้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223/2562 พิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 โดยให้กระทรวงคมนาคมและรฟท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 180 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุดผลแห่งคำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพันทั้ง 2 หน่วยงานต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวตามในมาตรา 70 วรรคหนึ่งพ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542

แม้กระทรวงคมนาคมและ รฟท.จะอ้างว่า ได้ดำเนินการทางศาลโดยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินว่ามติที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2545 ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 หรือไม่ และรฟท.ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์(ประเทศไทย)จำกัด รวมทั้ง 2 หน่วยงานได้ดำเนินการสอบสวน เพื่อหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งและทางวินัยจากการกระทำความผิดในโครงการนี้ก็ตามแต่ในชั้นนี้กรณีดังกล่าวไม่เป็นเหตุที่จะเข้าเงื่อนไขในการงดการบังคับคดีตามข้อ 131 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543 ส่วนการทุเลาการบังคับคดีนั้นไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดีประกอบกับคดีนี้ ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วตามมาตรา 73 วรรค 4 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับคดีได้เช่นกัน.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 22/04/2021 1:36 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
รฟท.ยังต้องจ่ายโฮปเวลล์
ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564

ศาลปกครองกลางชี้คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว



“ศาลปกครอง” ยกคำร้องขอทุเลาบังคับจ่ายชดเชย “โฮปเวลล์” 2.5 หมื่นล้าน
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 18:06 น.

ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอ “คมนาคม-รถไฟ” ที่ยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีหรือทุเลาการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีโฮปเวลล์จ่าย 2.5 หมื่นล้าน ชี้ไม่มีเหตุและศาลไม่มีอำนาจทุเลา

วันที่ 21 เม.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกคำร้องกรณีที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะผู้ร้อง ขอให้ศาลทุเลาการบังคับคดีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 กลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ยกคำร้องของกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท. และให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 และข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551

ยืนคำตัดสินศาลปกครองสูงสุด
โดยตัดสินให้กระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการทั้ง 2 ฉบับ จ่ายค่าก่อสร้างโครงการ 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% รวมประมาณ 24,798 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับจากวันที่คดีถึงที่สุด รวมทั้งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ให้กับบริษัทโฮปเวลล์ฯ ทั้งหมด

ซึ่งศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาแล้ว ผลแห่งคำพิพากษาถือว่าผูกพันผู้ร้องทั้งกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท. ให้ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 ตามนัยแห่งมาตรา 70 วรรคหนึ่งแห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542

ชี้ไม่มีเหตุทุเลา แม้ “คมนาคม-รถไฟ” ดิ้นทุกทาง
แม้ผู้ร้องจะอ้างว่า ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินถึงมติที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2545 จะขัดกับรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 และการที่ ร.ฟ.ท.ยื่นฟ้องศาลปกครองถอนทะเบียนผู้คัดค้านคือ บจ.โฮปเวลล์ (ประเทศไทย)

หรือแม้แต่การที่ผู้ร้องทั้ง 2 ดำเนินการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่งและทางวินัยจากการกระทำความผิดในโครงการนี้ก็ตาม แต่ขั้นนี้กรณีดังกล่าวไม่ถือเป็นเหตุที่จะเข้าเงื่อนไขบังคับคดีตามข้อ 131 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543

ศาลไม่มีอำนาจทุเลา-คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
นอกจากนี้ การทุเลาการบังคับคดี ไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาบในการทุเลาการบังคับคดี ประกอบกับคดีนี้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วตามมาตรา 73 วรรคสี่ แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีได้เช่นกัน จึงมีคำสั่งยกคำร้อง


ศาลปค.กลางยกคำขอ“คมนาคม-รฟท.”ระงับจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน
หน้า Politics
วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 17:17 น.

ศาลปค.กลางยกคำขอ “คมนาคม-รฟท.”ระงับจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน ชี้คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้อ้างกำลังฟ้องถอนทะเบียนบริษัท-และขอศาลรธน.วินิจฉัยมติที่ประชุมใหญ่ศาลปค.สูงสุดไม่ชอบ ก็ไม่เข้า

ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับคดี ในคดีที่ กระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอชะลอการจ่ายค่าเสียหายราว 2.4 หมื่นล้านบาท แก่ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.ต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 8 พ.ย 51 ที่ให้ 2 หน่วยงานรัฐ ต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนดังกล่าว

ส่วนเหตุผลที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวระบุว่า เมื่อคดีนี้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223/2562 พิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2 551 โดยให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 180 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด


ผลแห่งคำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพัน ทั้ง 2 หน่วยงานต้องปฏิบัติตาม คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าว ตามในมาตรา 70 วรรคหนึ่ง พ.ร.บจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 แม้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.จะอ้างว่าได้ดำเนินการทางศาลโดยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินว่า มติที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18 /2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2545 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 หรือไม่ และรฟท.ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย)จำกัด รวมทั้ง 2 หน่วยงานได้ดำเนินการสอบสวน เพื่อหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งและทางวินัยจากการกระทำความผิดในโครงการนี้ก็ตาม แต่ในชั้นนี้กรณีดังกล่าวไม่เป็นเหตุที่จะเข้าเงื่อนไขในการงดการบังคับคดี ตามข้อ 131 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543
ส่วนการทุเลาการบังคับคดีนั้น ไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดี ประกอบกับคดีนี้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วตามมาตรา 73 วรรค 4 พ.ร.บจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับคดีได้เช่นกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งของศาลปกครองกลางอันนี้ มีออกมาก่อนที่ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉันว่า มติศาลปกครองสูงสุดขัดรัฐธรรมนูญ และคำสั่งของศาลปกครองนี้ เพิ่งส่งถึงคู่ความ
"พีระพันธุ์"ไม่มีผลให้ต้องจ่าย ด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานศึกษาปัญหาสัญญาโฮปเวลล์ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขอระงับการบังคับคดี จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์2.4 หมื่นล้าน ว่า เป็นคำร้องเก่าที่ได้เคยยื่นเอาไว้ ซึ่งการที่ศาล ปกครอง มีคำพิพากษาดังกล่าวก็จะยังไม่มีผลให้เราต้องจ่ายเงิน เพราะหลังเรายื่นคำร้องนี้ต่อศาลปกครองแล้ว มีประเด็นเพิ่มเข้ามาว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่ามติที่ประชุมใหญ่ในศาลปกครองสูงสุด ที่เอามาใช้ในการวินิจฉัยคดีโฮปเวลล์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้คณะทำงานฯ ก็จะหารือว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งรวมถึงในเรื่องของการรื้อคดีใหม่ด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 23/04/2021 4:11 pm    Post subject: Reply with quote

“ใหญ่”ฟัด“ใหญ่” ไม่มีศาลไหนยอมศาลใด
คอลัมน์ทางออกนอกตำรา
โดย... บากบั่น บุญเลิศ
ออนไลน์เมื่อ ศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 เวลา 08:05 น.
ตีพิมพ์ใน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3673
หน้า 6 ระหว่างวันที่ 25-28 เมษายน 2564

มหากาพย์ว่าด้วย “ค่าโง่โฮปเวลล์” ที่อนุญาโตตุลาการตัดสินให้รัฐไทยต้องจ่ายเงินให้กัลบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ทั้งต้นทั้งดอกเบี้ยราว 2.4 หมื่นล้านบาท ยังกลายเป็นหนังม้วนยาวที่ผู้รับผิดชอบจะต้องต่อสู้ในทางข้อกฎหมายกันอีกยาวนาน

โบราณว่า ค้าอะไรก็ได้ แต่อย่า “ค้าความ” เพราะจะเป็นเรื่องชวนปวดหัวไม่รู้จบไม่รู้สิ้นข้อกฎหมายมาตราเดียวตีความกันไปตามแต่ใจของใครจะว่า แถมผู้คนมีรสนิยมอันวิไลย์ว่า ด้วยเรื่อง “การตีความ-บิดตัวอักษร” เสียด้วยสิเรื่องดีๆ จึง “Go so Big”วันที่ 17 มี.ค.2564 ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินร้องว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 วันที่ 27 พ.ย. 2545 ที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นระเบียบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 44 กำหนดให้นับอายุความฟ้องคดีปกครองตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ แต่มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคสาม มาตรา 188 และมาตรา 197 ขอให้สั่งเพิกถอนมติหรือการกระทำดังกล่าว เรื่องพิจารณาที่ ต. 59/2563 ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเสียงข้างมากว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง เป็นการออกระเบียบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ. 2542 มาตรา 44 แต่มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่ ทุกคนในสังคมเข้าใจกันว่า มติของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อการเริ่มนับอายุความคดีปกครอง เช่น คดีโฮปเวลล์ เนื่องจากมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2545 นั้น กำหนดให้เริ่มนับอายุความคดีปกครองตั้งแต่ คือ “วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ” ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.2544 แตกต่างจาก พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 51 ที่บัญญัติว่า ให้เริ่มนับระยะเวลาอายุความคดีปกครองตั้งแต่ “วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี” แต่ผู้พิพากษาศาลปกครองอย่างน้อย 2 คนบอกกับผมว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้เป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับคดีโฮปเวลล์ที่สิ้นสุดไปแล้ว หากแต่เป็นการวินิจฉัยเกี่ยวกับหลักการของกฎหมายเท่านั้นว่า “ให้เริ่มนับระยะเวลาอายุความคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่รู้ หรือ ควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี”ดังนั้น คำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดที่เห็นชอบตามคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ ให้ชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัดร่วม 2.47 หมื่นล้านบาท ยังมีผลอยู่



อย่างไรก็ตาม ตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 75 บัญญัติถึงวิธีการยื่นให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ แม้ว่าคดีนั้นจะสิ้นสุดไปแล้ว โดยในมาตรา 75 (4) บัญญัติว่า “คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ทำขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด และต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นการยื่นคำขอตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกไม่ทราบถึงเหตุนั้นในการพิจารณาคดีครั้งที่แล้วมา โดยมิใช่ความผิดของผู้นั้น และการยื่นคำขอให้พิจารณาพิพากษาคดี หรือ มีคำสั่งใหม่ต้องกระทำภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ผู้นั้นได้รู้หรือควรรู้ถึงเหตุ ซึ่งอาจขอให้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ได้ แต่ไม่เกินห้าปีนับแต่ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาด”ดังนั้น ในกรณีโฮปเวลล์เมื่อมีข้อเท็จจริงใหม่ หรือข้อกฎหมายที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ ซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งขัดต่อกฎหมายที่บังคับในขณะนั้น คู่กรณี คือ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. สามารถยื่นคำขอให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรรู้ถึงเหตุ... เป็นไปตามคาดสิครับ...17 มีนาคม 2564 นิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปประชุมกับคณะทำงานเจรจาเพื่อลดผลกระทบภาครัฐอันเนื่องจากคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดกรณีโฮปเวลล์ที่มี พิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน เพื่อสู้คดีโฮปเวลล์ต่อไป ระหว่างทางของการต่อสู้ทางคดีนั้น ศาลปกครองก็ตีตกคำขอทุเลาของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นระลอก วันที่ 9 เม.ย.2564 ศาลปกครองกลางก็ดับฝันกลางวัน ด้วยการมีคำสั่งยกคำของดหรือทุเลาการบังคับคดี ในคดีหมายเลขดำที่ อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223 ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2562 ให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ โดยจ่ายค่าชดเชย 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ให้บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ศาลฯให้เหตุผลว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223 โดยให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนั้น แม้ว่าต่อมากระทรวงคมนาคม และ รฟท. อ้างว่า อยู่ระหว่างดำเนินการทางศาล โดยกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินว่า มติที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสุงสุดครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2545 ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 หรือไม่ และ รฟท.ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด อีกทั้งกระทรวงคมนาคมและ รฟท. ได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งและทางวินัยจากการกระทำผิดในโครงการระบบขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพ (โฮปเวลล์)
แต่ในชั้นนี้ ศาลฯเห็นว่า กรณีดังกล่าว ไม่เป็นเหตุที่จะเข้าเงื่อนไขในการงดการบังคับคดี ตามระเบียบข้อ 131 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 การทุเลาการบังคับคดีนั้น ไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดี ประกอบกับคดีนี้ ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วตามมาตรา 73 วรรคสี่ แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ.2542 ศาลฯจึงไม่อาจมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับคดีได้เช่นกัน---จบกัลลล....ทางออกของการสู้คดีนี้จึงอยู่ที่จุดเดียวเท่านั้นคือ กระทรวงคมนาคม การรถไฟฯ ประกาศเดินหน้าต่อสู้ดคีต่อ โดยยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดให้มีการพิจารณาคดีใหม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมศาลปกครองสูงสุดคดีโฮปเวลล์เรื่องปัญหาเกี่ยวกับการนับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครองที่ขัดรัฐธรรมนูญ... ตามรัฐธรรมนูญมาตรา5 นั้นเขียนชัดเจนว่า “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทำใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้”...คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเปิดช่องให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟฯ สามารถรื้อคดีขึ้นมาใหม่ได้ เพราะมีหลักฐานใหม่เรื่องของการนับอายุความในการฟ้องร้องคดีของโฮปเวลล์ สู้หรือไม่สู้เท่านั้น เพราะในทางปฏิบัติแล้วศาลปกครอง ซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครองที่เรียกว่า กระบวนการยุติธรรมทางปกครอง (Administrative Justice) นั้น คงไม่ยอมให้ใครมาข้ามเขตอำนาจศาลของตัวเองอยู่แล้ว งานนี้ไม่มีศาลไหนยอมศาลไหนดอกครับพี่น้อง....
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 25/04/2021 10:38 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.งดให้ประชาชนเยี่ยมชม/ทดลองนั่งรถไฟฟ้าสีแดง
อาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 เวลา 18.25 น.
รฟท. เจอพิษโควิดประกาศงดให้ประชาชน-หน่วยงาน-สถานศึกษา เยี่ยมชมและทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง จนกว่าโควิดคลี่คลาย 


ฝ่ายประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) แจ้งว่า ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รฟท. ขอความร่วมมือประชาชน หน่วยงาน และสถานศึกษา งดเข้าเยี่ยมชม และทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง และสถานีกลางบางซื่อ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะคลี่คลายและจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง

           

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้เปิดทดลองเดินรถเสมือนจริง (Trial run) โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทางรวม 41.56 กม. เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟครบรอบ 124 ปี ซึ่งหลังจากนั้น รฟท. ได้เปิดให้สถาบันการศึกษา หน่วยงาน หรือกลุ่มประชาชนที่สนใจ สามารถทำหนังสือมายัง รฟท. เพื่อกำหนดวันที่จะทดลองใช้บริการรถไฟสายสีแดงได้ ซึ่งจะไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด


           
การทดสอบเดินรถเสมือนจริงจะใช้เวลาทดสอบประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นในเดือน ก.ค.64 จะเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการอย่างไม่เป็นทางการ (Soft opening) โดยจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาเป็นประธาน ก่อนจะเปิดให้บริการแบบเชิงพาณิชย์เก็บค่าโดยสารตั้งแต่เดือน พ.ย.64 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามสำหรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงนั้น ในปีแรกแต่ละเส้นทางจะเก็บค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 12 บาท และสูงสุดไม่เกิน 42 บาท เฉลี่ย กม. ละ 1.01 บาท โดยช่วงบางซื่อ-รังสิต มี 10 สถานี ค่าโดยสารอยู่ที่ 12-38 บาท ขณะที่ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน มี 4 สถานี ค่าโดยสารอยู่ที่ 12-27 บาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 27/04/2021 12:38 pm    Post subject: Reply with quote

บอร์ด รฟท.เคาะจ้าง รฟฟท.เดินรถสีแดงช่วงรอ PPP ตั้งงบปีละพันล้าน-เร่งชง คนร.ทบทวนมติตั้งบริษัทลูก
โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เผยแพร่: อังคารที่ 27 เมษายน 2564 เวลา 08:23 น.
ปรับปรุง: อังคารที่ 27 เมษายน 2564 เวลา 08:23 น.


บอร์ด รฟท.เคาะจ้าง รฟฟท.เดินรถสีแดง 3 ปี หรือจนกว่าจะได้เอกชนรับสัมปทาน PPP ตามนโยบาย “ศักดิ์สยาม” ตั้งกรอบค่าใช้จ่ายปีละ 1,000 ล้านบาท เร่งเสนอ คนร.ทบทวนมติเดิมที่ให้อัปเกรด ตั้งบริษัทลูก พร้อมปรับแผนพัฒนาพื้นที่เพิ่มรายได้ชดเชยค่าโดยสาร

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ที่มี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธานวันที่ 22 เม.ย. 2564 มีมติเห็นชอบ ให้จ้างบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) เป็นผู้เดินรถโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ในรูปแบบปีต่อปี เป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี หรือจนกว่าจะคัดเลือกเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน (PPP) ได้

หลังจากนี้ รฟท.จะรวบรวมข้อมูลเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณา และส่งเรื่องไปยังสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ทบทวนมติเดิมที่ให้ รฟท.จัดตั้งบริษัทลูกเดินรถไฟสายสีแดง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

หากได้รับความเห็นชอบ รฟท.จะดำเนินการจ้าง รฟฟท.เดินรถไฟสายสีแดง ต่อเนื่องจากสัญญาปัจจุบันที่จ้าง รฟฟท.เดินรถไฟสายสีแดงจะครบกำหนดเดือน ก.ย. 2564 ซึ่งเป็นช่วงการทดสอบเดินรถ โดยได้กำหนดอัตราพนักงานในการให้บริการเดินรถไฟสายสีแดงไว้จำนวน 806 อัตรา โดย รฟฟท.ได้มีการรับสมัครพนักงานชั่วคราวจำนวน 256 คน อีกส่วนจะเป็นพนักงานที่โอนมาจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์

ทั้งนี้ ตั้งกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายไว้ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรราว 500 ล้านบาท ที่เหลือเป็นค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าซ่อมบำรุง ขณะที่ในปีที่ 2 นับจากเปิดให้บริการ รฟท.จะต้องตั้งงบสำหรับจัดซื้ออะไหล่ล่วงหน้าประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อรองรับการซ่อมบำรุงในปีที่ 3 ซึ่ง รฟท.จะต้องดำเนินการเอง เนื่องจากสัญญา 3 งานระบบสายสีแดงนั้นมีระยะรับประกัน 2 ปี และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์

นอกจากนี้ รฟท.อยู่ระหว่างเร่งทบทวนการศึกษาแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้เพิ่ม และสนับสนุนการให้บริการเดินรถ ซึ่งในปีแรกจะมีการจัดเก็บค่าโดยสารที่ 12-42 บาท ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งประเมินว่ารายได้จะต่ำกว่ารายจ่าย ตัวเลขผลประกอบการยังติดลบอยู่เล็กน้อย จึงต้องปรับปรุงแผนเชิงพาณิชย์ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

สำหรับมติ คนร.เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2562 ได้เห็นชอบการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟสายสีแดง โดยการเพิ่มพันธกิจให้แก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) บริหารเดินรถแบบ Net Cost รับความเสี่ยงเอง โดยเงินทุนภายใน 5 ปี วงเงิน 3,300 ล้านบาท ปีแรก (2564) ประเมินปีแรกจะมีผู้โดยสารประมาณ 5 หมื่นคนต่อวัน ขณะที่จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ 8 หมื่นคนต่อวัน โดยให้ปรับปรุงแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหารายได้และทำกำไร
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44626
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 28/04/2021 7:44 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
รฟท.งดให้ประชาชนเยี่ยมชม/ทดลองนั่งรถไฟฟ้าสีแดง
อาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 เวลา 18.25 น.

งดชมรถไฟฟ้าสายสีแดงรอเปิดบริการก.ค.นี้ฟรี!!
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รฟท. ขอความร่วมมือประชาชน หน่วยงาน และสถานศึกษา งดเข้าเยี่ยมชม และทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง และ สถานีกลางบางซื่อ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 จะคลี่คลายและจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้เปิดทดลองเดินรถเสมือนจริง (Trial run) โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทางรวม 41.56 กม. เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟครบรอบ 124 ปี ซึ่งหลังจากนั้น รฟท. ได้เปิดให้สถาบันการศึกษา หน่วยงาน หรือกลุ่มประชาชนที่สนใจ สามารถทำหนังสือมายัง รฟท. เพื่อกำหนดวันที่จะทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ ซึ่งจะไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

การทดสอบเดินรถเสมือนจริงจะใช้เวลาทดสอบประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นในเดือน ก.ค. 64 จะเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการ (ฟรี) อย่างไม่เป็นทางการ (Soft opening) โดยจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาเป็นประธาน ก่อนจะเปิดให้บริการแบบเชิงพาณิชย์เก็บค่าโดยสารตั้งแต่เดือน พ.ย. 64 เป็นต้นไป โดยขณะนี้กำหนดการยังไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงนั้น ในปีแรกแต่ละเส้นทางจะเก็บค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 12 บาท และสูงสุดไม่เกิน 42 บาท เฉลี่ย กม. ละ 1.01 บาท โดยช่วงบางซื่อ-รังสิต มี 10 สถานี ค่าโดยสารอยู่ที่ 12-38 บาท ขณะที่ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน มี 4 สถานี ค่าโดยสารอยู่ที่ 12-27 บาท.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44626
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 30/04/2021 10:57 pm    Post subject: Reply with quote

ศักดิ์สยามเร่ง“รถไฟสายสีแดง-สถานีกลางบางซื่อ”เปิดใช้เชิงพาณิชย์สิ้นปี
โพสต์ทูเดย์ วันที่ 30 เม.ย. 2564 เวลา 20:27 น.

“ศักดิ์สยาม”เร่งเครื่อง “รถไฟสายสีแดง-สถานีกลางบางซื่อ” ให้ทันเปิดเชิงพาณิชย์ปลายปีนี้ กำหนด 4 จุดเชื่อมต่อการเดินทางครอบคลุม 5 ทิศ เชิญเอกชนประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ มิ.ย.นี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ ครั้งที่ 2/2564 วันนี้ (30 เม.ย. 2564) ผ่านการประชุมทางไกล (Video Conference) ว่า การประชุมในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงานการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร (กม.) และช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทางประมาณ 26.3 กม. รวมทั้งการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ โดยในขณะนี้การก่อสร้างงานโยธาของโครงการดังกล่าวข้างต้นเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการทดสอบระบบ และทดสอบการเดินรถเสมือนจริง ก่อนเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการใน ก.ค. 2564 จากนั้นจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2564

ขณะเดียวกัน ตามที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ และอนุกรรมการ เพื่อให้การเปิดให้บริการและการบริหารโครงการดังกล่าวได้ทันตามกำหนด สามารถอำนวยความสะดวกประชาชนผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเตรียมความพร้อมใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการเดินรถและการเชื่อมต่อระบบขนส่งต่างๆ ในการเข้าถึงสถานี 2.ด้านสถานี 3.ด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร 4.ด้านการสื่อสารสาธารณะ และ 5.ด้านการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงการบริหารพื้นที่ภายในสถานีกลางบางซื่อ และพื้นที่โดยรอบในเชิงพาณิชย์ โดยในการประชุมครั้งนี้ คณะอนุกรรมการด้านต่างๆ ได้รายงานความคืบหน้า พร้อมทั้งเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติมขึ้น 2 คณะ เพื่อดำเนินการด้านการขอพระราชทานนามและพิธีการ และการบริหารจัดการและการพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)


นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ให้ความสำคัญกับแผนงานพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนเป็นแผนงานที่มีความจำเป็นอยู่ในระยะเร่งด่วน และกำหนดแผนงานการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าเป็นแผนการพัฒนาในระยะถัดไป จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประมาณราคาและระยะเวลาดำเนินการต่อไป โดยการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า คณะอนุกรรมการฯ ด้านการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า (Gateway/Hub) ได้ร่วมประชุมและลงพื้นที่เก็บข้อมูลด้านกายภาพและประเมินความเหมาะสมของสถานีที่จะใช้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนและจุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า 4 จุด ได้แก่

1.จุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนด้านทิศเหนือ/ตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) กำหนดที่ “สถานีรังสิต” โดยได้เสนอแผนการปรับปรุงสถานี ประกอบด้วย งานปรับปรุงถนนด้านฝั่งตะวันตก (ปทุมธานี) และงานก่อสร้างสะพานกลับรถ และทางเชื่อมจากสะพานข้ามทางรถไฟบริเวณสถานี และแผนการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อ ประกอบด้วย การปรับปรุงจุดกลับรถใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ทางหลวงหมายเลข 346 ทั้งด้านตะวันออก (รังสิต) และด้านตะวันตก (ปทุมธานี)

2.จุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนด้านทิศตะวันออก กำหนดที่ “จุดจอดรถอโศก” ซึ่งในปัจจุบันรถไฟชานเมืองขาเข้าและขาออกสถานีกรุงเทพ หยุดจอดเพื่อรับ-ส่งผู้โดยสารรถหลังจากผ่านเครื่องกั้นถนน พบว่ารูปแบบดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนจะเสียเวลาในการรอรถไฟข้ามผ่านเป็นเวลาโดยเฉลี่ยกว่า 2-3 นาที จึงได้เสนอแนวทางการพัฒนาจุดจอดให้อยู่ตำแหน่งเดียวกันทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งสามารถลดระยะเวลาในการกั้นถนนลงได้กว่า 1 นาที และได้เสนอแผนงานพัฒนาสถานีโดยการปรับพื้นที่ชานชาลาด้านตะวันตกของจุดจอดรถอโศก และพัฒนาป้ายหยุดรับส่งผู้โดยสารสำหรับรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อให้สามารถรับส่งผู้โดยสารจากขบวนรถไฟได้ทั้งทิศทางขาเข้าและขาออก

3.จุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าด้านทิศเหนือ/อีสาน จากเดิมกำหนดไว้ที่ “สถานีเชียงราก” จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่า “สถานีเชียงรากน้อย” มีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมนวนคร และมีโครงการพัฒนาพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าความเร็วสูง และสถานีสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ทางหลวงสายหลักได้สะดวกมากกว่า โดยได้เสนอแผนการปรับปรุงสถานี เช่น การปรับปรุงชานชาลา ลานกองเก็บสินค้า และอาคารสำนักงาน และโครงข่ายเชื่อมต่อเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าสู่สถานี

4.จุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าด้านทิศใต้/ตะวันตก จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ “สถานีวัดงิ้วราย” ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจพบว่า สถานีวัดสุวรรณ มีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากอยู่ใกล้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าพุทธมณฑล และสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ทางหลวงสายหลักได้สะดวกกว่า รวมถึงอยู่ใกล้แนวเส้นทางของโครงการถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขนส่งหลายรูปแบบ โดยได้เสนอแผนการปรับปรุงสถานี เช่น การปรับปรุงชานชาลา ลานกองเก็บสินค้า และอาคารสำนักงาน และโครงข่ายเชื่อมต่อเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าสู่สถานี

‘ศักดิ์สยาม’ ชงรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้คนทำงานด่านหน้า บริการคมนาคม
ช่วงสงกรานต์ มีปริมาณการจราจรเข้า - ออกกรุงเทพฯ กว่า 7.87 ล้านคัน
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ในส่วนของด้านสถานีนั้น คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการประชุมและกำหนดให้สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีจำนวน 52,375 ตารางเมตร ได้เสนอแนวทางให้ รฟท. ออกประกาศเชิญชวนให้เอกชนได้มีสิทธิใช้ประโยชน์พื้นที่แยกจากโครงการสรรหาเอกชนร่วมลงทุนให้บริการเดินรถไฟสายสีแดง (PPP) ซึ่งในเบื้องต้นได้กำหนดเงื่อนไขสัญญาเดียวครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 52,375 ตารางเมตร โดยรวมถึงการให้บริการในส่วนของศูนย์อาหาร และร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นในการเดินทาง อายุสัญญาเช่า 15-20 ปี

ขณะที่ พื้นที่ส่วนของลานจอดรถยนต์เห็นควรให้ รฟท. ดำเนินการหารายได้ในการจัดเก็บค่าจอดรถยนต์โดย รฟท. หรือโดยการจ้างเหมาบริการ ให้ รฟท. พิจารณาให้บริการรถ Limousine แก่ผู้โดยสารในลักษณะเดียวกับสนามบินและบริการรถ Shuttle bus สำหรับงานด้านรักษาความปลอดภัยและการจัดการจราจร งานด้านทำความสะอาดสถานที่ และงานอาคารสถานที่ เห็นควรให้ รฟท. ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ส่วนสถานีรถไฟในโครงการอีก 12 สถานี

นอกจากนี้ จากการสำรวจพื้นที่โดยละเอียดพบว่ามีพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวน 4,626 ตารางเมตร และพื้นที่โฆษณา จำนวน 2,407 ตารางเมตร คณะอนุกรรมการฯ ด้านสถานีได้เสนอแนวทางการจัดประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์และป้ายโฆษณา โดยกำหนดระยะเวลาเช่า 3 ปี คาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนเอกชนได้ในช่วง มิ.ย. 2564 ลงนามสัญญาได้ใน ส.ค. 2564 และเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2564

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในด้านการกำหนดราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสารนั่น คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการพิจารณากำหนดอัตราค่าโดยสารพร้อมส่งเสริมการเดินทางในรูปแบบของบัตรโดยสาร 30 วัน (ตั๋วเดือน) พร้อมจัดโปรโมชั่นส่วนลดการเดินทางสำหรับเด็ก นักเรียน/นักศึกษา (Student Card) ผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้พิการ เพื่อรองรับนโยบายการเข้าถึงและใช้ประโยชน์บริการขนส่งสาธารณะได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ รฟท. พิจารณาค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นต้นทุนการดำเนินงาน พร้อมปริมาณผู้โดยสารในระบบรายสถานี ความถี่การเดินรถ เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารตามระยะทางให้มีความเหมาะสม สอดคล้องตามต้นทุน ค่าใช้จ่ายผันแปร

ในส่วนความพร้อมเข้าสู่ระบบตั๋วร่วมของโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ได้หารือร่วมกับ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เตรียมความพร้อม เพื่อให้ระบบจัดเก็บค่าโดยสารรองรับตามมาตรฐานเทคโนโลยีบัตร EMV (Europay Mastercard and Visa) โดยให้จัดทำข้อมูลกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณที่คาดว่าจะใช้รวมทั้งแนวทางการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถเปิดใช้บริการได้ภายในปลายปี 2564

สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านการเดินรถและการเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง คณะอนุกรรมการฯ ได้เสนอรูปแบบการเดินรถไฟเพื่อเข้าสถานีหัวลำโพง โดยให้คงขบวนรถเข้าสถานีหัวลำโพง จำนวน 22 ขบวน ซึ่งการให้บริการรถไฟทั้ง 22 ขบวน จะจัดให้มีการเดินรถในช่วงนอกเวลาเร่งด่วน เพื่อลดผลกระทบการจราจรที่จะเกิดขึ้นพื้นที่กรุงเทพชั้นใน พร้อมทั้งจะมีการปรับเส้นทางรถโดยสารประจำทางเพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง โดยให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และ ขสมก. พิจารณาปรับปรุงเส้นทางรถโดยสารประจำทาง เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในกับรูปแบบการขนส่งรูปแบบอื่นในทุกสถานี

อีกทั้ง ยังรวมถึงการปรับเส้นทางรถโดยสารประจำทางเพื่อเชื่อมต่อสถานีหลักด้วย ทั้งนี้ การปรับลดขบวนรถไฟเข้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ขบ. และ ขสมก. ได้ปรับปรุงเส้นทาง เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มีความต้องการการเดินทางเข้าไปยังสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) แล้ว โดยการปรับให้มีรถโดยสารประจำทางเชื่อมระหว่างสถานีกลางบางซื่อและสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) สถานีมักกะสันและสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 01/05/2021 12:06 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ศักดิ์สยามเร่ง“รถไฟสายสีแดง-สถานีกลางบางซื่อ”เปิดใช้เชิงพาณิชย์สิ้นปี
โพสต์ทูเดย์
วันที่ 30 เมษายน 2564 เวลา 20:27 น.


เคาะประมูล “สถานีกลางบางซื่อ” สัญญาเดียว “รถไฟ” เหมาจ้างรปภ.-แม่บ้าน
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 30 เมษายน 2564 เวลา 21:06 น.

“ศักดิ์สยาม” เคาะแยกประมูลเชิงพาณิย์ “สถานีกลางบางซื่อ” สัญญาเดียว ระยะเวลา 15-20 ปี งานบริหารพื้นที่ “รปภ.-ที่จอดรถ-แม่บ้าน” ให้ “รถไฟ”เร่งเปิดบริการพร้อมรถไฟฟ้าสายสีแดงพ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้ประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันและบางซื่อ-รังสิต และสถานีกลางบางซื่อในเดือนก.ค.ที่จะเปิดทดลองใช้ฟรีและเปิดเชิงพาณิชย์ในเดือนพ.ย.นี้

ประมูล “สถานีกลางบางซื่อ” สัญญาเดียว
ในส่วนของสถานี ได้มีการประชุมและกำหนดแนวทางบริหารพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีจำนวน 52,375 ตารางเมตร

โดยมีการเสนอแนวทางให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ออกประกาศเชิญชวนให้เอกชนได้มีสิทธิใช้ประโยชน์พื้นที่แยกจากโครงการสรรหาเอกชนร่วมลงทุนให้บริการเดินรถไฟสายสีแดง (PPP)


ในเบื้องต้นได้กำหนดเงื่อนไขประมูลสัญญาเดียวครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 52,375 ตารางเมตร โดยรวมถึงการให้บริการในส่วนของศูนย์อาหาร และร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นในการเดินทาง อายุสัญญาเช่า 15 – 20 ปี

ที่จอดรถ-รปภ.-แม่บ้าน รถไฟรับ
ส่วนพื้นที่ส่วนของลานจอดรถยนต์เห็นควรให้ ร.ฟ.ท. ดำเนินการหารายได้ในการจัดเก็บค่าจอดรถยนต์โดย ร.ฟ.ท. หรือโดยการจ้างเหมาบริการ ให้ ร.ฟ.ท. พิจารณาให้บริการรถ Limousine แก่ผู้โดยสารในลักษณะเดียวกับสนามบินและบริการรถ Shuttle bus

สำหรับงานด้านรักษาความปลอดภัยและการจัดการจราจร งานด้านทำความสะอาดสถานที่ และงานอาคารสถานที่ เห็นควรให้ ร.ฟ.ท. ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560

ส่วนสถานีรถไฟในโครงการอีก 12 สถานี จากการสำรวจพื้นที่โดยละเอียดพบว่ามีพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวน 4,626 ตารางเมตร และพื้นที่โฆษณา จำนวน 2,407 ตารางเมตร

ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ด้านสถานีได้เสนอแนวทางการจัดประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์และป้ายโฆษณา โดยกำหนดระยะเวลาเช่า 3 ปี คาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนเอกชนได้ในช่วงเดือนมิ.ย. 2564 ลงนามสัญญาได้ในเดือนส.ค. 2564 และเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2564


มิ.ย.นี้ รฟท.เล็งเปิดประมูลสายสีแดง-สถานีกลางบางซื่อ ดึงเอกชนร่วมทุนพีพีพี
หน้า เศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
วันที่ 30 เมษายน 2564 เวลา 21:15 น.

“คมนาคม” สั่งรฟท.เดินหน้าเปิดประมูลสายสีแดง-สถานีกลางบางซื่อ ดึงเอกชนร่วมลงทุน ภายในเดือนมิ.ย.นี้ คาดลงนามสัญญา ส.ค.64 เร่งกำหนดอัตราค่าโดยสาร ย้ำรฟท.พิจารณาค่าใช้จ่ายจากต้นทุนการดำเนินงาน-ปริมาณผู้โดยสารในระบบรายสถานี

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ ครั้งที่ 2/2564 เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการดำเนินการภายในสถานีกลางบางซื่อ เบื้องต้นที่ประชุมมีมติให้ รฟท. ออกประกาศเชิญชวนให้เอกชนได้มีสิทธิใช้ประโยชน์พื้นที่แยกจากโครงการสรรหาเอกชนร่วมลงทุนให้บริการเดินรถไฟสายสีแดง (พีพีพี) ซึ่งในเบื้องต้นได้กำหนดเงื่อนไขสัญญาเดียวครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 52,375 ตารางเมตร โดยรวมถึงการให้บริการในส่วนของศูนย์อาหาร และร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นในการเดินทาง อายุสัญญาเช่า 15 – 20 ปี พื้นที่ส่วนของลานจอดรถยนต์เห็นควรให้ รฟท. ดำเนินการหารายได้ในการจัดเก็บค่าจอดรถยนต์โดย รฟท. หรือโดยการจ้างเหมาบริการ ให้ รฟท. พิจารณาให้บริการรถ Limousine แก่ผู้โดยสารในลักษณะเดียวกับสนามบินและบริการรถชัตเตอร์บัส (Shuttle bus)

ขณะเดียวกันจากการสำรวจพื้นที่โดยละเอียดพบว่ามีพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวน 4,626 ตารางเมตร และพื้นที่โฆษณา จำนวน 2,407 ตารางเมตร คณะอนุกรรมการฯ ด้านสถานีได้เสนอแนวทางการจัดประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์และป้ายโฆษณา โดยกำหนดระยะเวลาเช่า 3 ปี คาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนเอกชนได้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ลงนามสัญญาได้ในเดือนสิงหาคม 2564 และเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2564 นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟสายสีแดง ได้มอบหมายให้ รฟท. พิจารณาค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นต้นทุนการดำเนินงาน พร้อมปริมาณผู้โดยสารในระบบรายสถานี ความถี่การเดินรถ เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารตามระยะทางให้มีความเหมาะสม สอดคล้องตามต้นทุน ค่าใช้จ่ายผันแปร ส่วนความพร้อมเข้าสู่ระบบตั๋วร่วมของโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ได้หารือร่วมกับ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เตรียมความพร้อมเพื่อให้ระบบจัดเก็บค่าโดยสารรองรับตามมาตรฐานเทคโนโลยีบัตร EMV (Europay Mastercard and Visa) โดยให้จัดทำข้อมูลกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณที่คาดว่าจะใช้รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้สามารถเปิดใช้บริการได้ภายในปลายปี 2564
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 05/05/2021 10:29 pm    Post subject: Reply with quote

“ศักดิ์สยาม” อัพเดต รถไฟฟ้าสายสีแดง เปิดให้บริการ ก.ค.64 ฟรี
อสังหาริมทรัพย์
วันพุธ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16:51 น.


ครม.รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต บางซื่อ-ตลิ่งชัน เปิดให้บริการ ก.ค. 64 ไม่เสียค่าใช้จ่าย – พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดเอง ก่อนให้บริการจริง-เก็บค่าโดยสาร พ.ย.นี้ เริ่มต้น 12 บาท สูงสุด 42 บาท

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จะเปิดให้ประชาชนใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิด ก่อนที่จะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งค่าโดยสารของรถไฟชานเมืองสายสีแดงเริ่มต้นที่ 12 บาท และสูงสุดราคา 42 บาท ถือเป็นราคาที่ถูกที่สุดในการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้า

ทั้งนี้ ในอนาคตโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จะต่อขยายเส้นทางเพื่อเติมเต็มโครงข่ายทางรางยกระดับจากกรุงเทพฯ ไปสู่ปริมณฑล ด้วยส่วนต่อขยาย 4 เส้นทาง ประกอบด้วย โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา, โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และช่วงบางซื่อ-หัวหมาก




น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า โดยมีสถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางระบบรางแห่งใหม่ของไทยที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายระบบรางทุกรูปแบบ ทั้งรถไฟชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถไฟทางไกล และรถไฟความเร็วสูง สู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และพื้นที่รอบสถานีกลางบางซื่อ 2,325 ไร่ จะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด 9 แปลง โดยมี 5 แปลงที่มีความพร้อมและไม่เกี่ยวข้องกับการเดินรถ

น.ส.ไตรศุลีทิ้งท้ายว่า ขณะที่สถานีหัวลำโพง การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ปรับลดจำนวนขบวนรถจาก 118 ขบวนเหลือ 22 ขบวนต่อวัน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจราจรในเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน โดยเมื่อดำเนินการช่วงต่อขยายเสร็จแล้ว จะทำให้ขบวนรถทั้งหมดวิ่งเข้าสู่สถานีบางซื่อได้ 100% ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางในเมืองได้เป็นอย่างดี

ขึ้นฟรี!! 'รถไฟฟ้าสายสีแดง'บางซื่อ-รังสิต เตรียมเปิดทดลองวิ่ง ก.ค.นี้
หน้า โลกธุรกิจ
วันพุธ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.14 น.

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จะเปิดให้ประชาชนใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิด ก่อนที่จะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งค่าโดยสารของรถไฟชานเมืองสายสีแดง เริ่มต้นที่ 12 บาท และสูงสุดราคา 42 บาท ถือเป็นราคาที่ถูกที่สุดในการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้า



ทั้งนี้ ในอนาคตโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จะต่อขยายเส้นทางเพื่อเติมเต็มโครงข่ายทางรางยกระดับจากกรุงเทพฯ ไปสู่ปริมณฑล ด้วยส่วนต่อขยาย 4 เส้นทาง ประกอบด้วย โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา , โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และช่วงบางซื่อ-หัวหมาก โดยมีสถานีกลางบางซื่อ เป็นศูนย์กลางระบบรางแห่งใหม่ของไทยที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายระบบรางทุกรูปแบบ ทั้งรถไฟชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถไฟทางไกล และรถไฟความเร็วสูง สู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และพื้นที่รอบสถานีกลางบางซื่อ 2,325 ไร่ จะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด 9 แปลง โดยมี 5 แปลง ที่มีความพร้อมและไม่เกี่ยวข้องกับการเดินรถ

ขณะที่สถานีหัวลำโพง การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ปรับลดจำนวนขบวนรถจาก 118 ขบวน เหลือ 22 ขบวนต่อวัน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจราจรในเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน โดยเมื่อดำเนินการช่วงต่อขยายเสร็จแล้ว จะทำให้ขบวนรถทั้งหมดวิ่งเข้าสู่สถานีบางซื่อได้ 100% ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางในเมืองได้เป็นอย่างดี
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 102, 103, 104 ... 149, 150, 151  Next
Page 103 of 151

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©