RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13179932
ทั้งหมด:13491164
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 417, 418, 419 ... 542, 543, 544  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 14/09/2021 8:25 am    Post subject: Reply with quote

ชมตัวอย่าง รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ - นครราชสีมา จีนส่งมอบไทย ปี 2567
หน้าเศรษฐกิจมหภาค - คมนาคม
วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 12:08 น.

เปิดโฉมภาพตัวอย่าง " ไฮสปีดเทรน " หรือ รถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ไทยซื้อจากจีน คาดส่งมอบปี 2567-2568 ก่อนเปิดบริการปี 2569 ความเร็ว 250 กม./ชม.

13 กันยายน 2564 - เพจกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย อ้างอิงข้อมูลจาก Progressive Thailand เผยโฉมภาพตัวอย่าง Fuxing Hao CR300AF รถไฟความเร็วสูง ที่ไทยซื้อจากประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำมาให้บริการในโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-นครราชสีมา ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง



โดยรายละเอียดสำคัญเบื้องต้นมีดังนี้

ระยะทางที่ให้บริการ: 253 กม.
ความเร็วในการให้บริการ: 250 กม./ชม.
ชนิดรถไฟ: Fuxing Hao CR300AF
จำนวนขบวนรถไฟ: 6 ขบวน
จำนวนตู้โดยสารต่อขบวน: 8 ตู้ต่อขบวน
จำนวนที่นั่ง: 594 - ที่นั่งชั้นหนึ่ง : 96 ที่นั่ง // ชั้นมาตรฐาน : 498 ที่นั่ง
ราคาต่อขบวน: 1,166 ล้านบาท
คาดว่าจะส่งมอบปี 2567-2568
เปิดให้บริการในปี 2569

พร้อมเปิดเผยว่า ในปัจจุบันในภูมิภาคอาเซียน มีเพียงประเทศไทย และอินโดนีเซีย ที่จะมีรถไฟความเร็วสูงให้บริการ ส่วนประเทศลาว มาเลเซีย และฟิลิปปินส์จะมีรถไฟความเร็วปานกลางให้บริการ

ชมตัวอย่าง รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ - นครราชสีมา จีนส่งมอบไทย ปี 2567
ชมตัวอย่าง รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ - นครราชสีมา จีนส่งมอบไทย ปี 2567


ทั้งนี้ สำหรับความคืบหน้า โครงการรถไฟความเร็วสูง งานโยธา ในช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร ซึ่งเริ่มดําเนินการแล้วนั้น เป็นระยะทางที่ 1 ของโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (สปีดเทรน) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย มีโครงสร้างเป็นทางยกระดับ 181.9 กม. ระดับพื้น 64 กม. และอุโมงค์ 6.4 กม.มีทั้งหมด 6 สถานี ได้แก่ สถานีกลางบางซื่อ สถานีดอนเมือง สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง และสถานีนครราชสีมา ใช้ความเร็วสูงสุด250กม.ต่อชม. ประเมินระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ – นครราชสีมา ประมาณ 1.30 ชม. ขณะค่าโดยสารประมาณ107-534 บาท


โดยกระทรวงคมนาคม เผยว่า ได้จัดตั้ง สํานักงานบริหารโครงการเพื่อเร่งรัดการดําเนินการ โดยทั้งไทยและจีน จะใช้ความพยายามอย่าง สูงสุดเพื่อให้สามารถดําเนินการก่อสร้างได้ตามแผนงาน
https://www.facebook.com/ProgressiveThailand/posts/246201574178176
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 15/09/2021 6:00 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 17:00 น.

ภาพโดยรวมของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สิ้นเดือนสิงหาคม 2564
.
𝟗𝟏.𝟖𝟏% - งานสำรวจเพื่อการเวนคืน การโยกย้ายผู้บุกรุก/ผู้เช่า การรื้อย้ายสาธารณูปโภค และการส่งมอบพื้นที่
𝟔𝟐.𝟑𝟔% - งานถ่ายโอนแอร์พอร์ต เรลลิงก์
.
คาดว่าเดือนกันยายน นี้ น่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้น เพราะในวันที่ 25 ตุลาคม 2564 คือวันที่เอกชน บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด #AERA1 จะเข้ามาบริหารโครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ #ARL อย่างเต็มตัว
.
ต้องย้ำกับทุกๆ คน อีกครั้งว่า โครงการ #รถไฟแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เป็นส่วนหนึ่งหนึ่งในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยจะใช้โครงสร้างและแนวเส้นทางการเดินรถเดิมของแอร์พอร์ต เรลลิงก์ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และจะมีการเพิ่มส่วนต่อขยายจากสถานีพญาไท ไปยังสนามบินดอนเมือง และจากสถานีสุวรรณภูมิ ไปสนามบินอู่ตะเภาในอนาคต รวมระยะทางทั้งเส้นประมาณ 220 กม.
#รถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน #ARL
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=349146010329050&id=101683141742006
https://www.facebook.com/HST.DSU/posts/1737898669735953


Last edited by Wisarut on 16/09/2021 7:06 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44320
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 16/09/2021 9:49 am    Post subject: Reply with quote

เคลียร์กันจบทุกจุดยกเว้น'กรมศิลป์'
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2564

สถานีอยุธยาไฮสปีดควรไปต่อ ถ้ายังขวางอีกให้นายกฯชี้ขาด

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้เชิญนายภานุ แย้มศรี ผวจ.พระนครศรีอยุธยาพร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานใน จ.พระนครศรีอยุธยาที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาการก่อสร้างสถานีอยุธยาโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮ สปีด)ไทย-จีน ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา เบื้องต้นที่ประชุมมีมติร่วมกันว่าการก่อสร้างสถานีอยุธยาในพื้นที่ปัจจุบันเหมาะสมแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรหากปรับแนวเส้นทางรถไฟใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่มรดกโลกตามข้อเสนอของกรมศิลปากรคาดว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ได้ข้อยุติเพราะ จ.พระนครศรีอยุธยามีโบราณสถานอยู่มากมายหลายพื้นที่หากปรับแนวเส้นทางใหม่ไม่ทราบว่าจะไปกระทบกับโบราณสถานในจุดใดอีกหรือไม่จะทำให้ปัญหาไม่จบไม่สิ้น

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ขร.และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้แจ้งที่ประชุมว่า จะพยายามลดข้อกังวลต่าง ๆ ให้หมด ซึ่งขณะนี้กรมศิลปากรมีข้อกังวลคือเมื่อมองมาจากโบราณสถานที่เป็นมรดกโลกจะเห็นทางวิ่งรถไฟไฮสปีด ประเด็นนี้ ขร. และ รฟท. ลงพื้นที่ทดสอบแล้วทั้งหมด 92 จุด พบว่า ไม่เห็นทางวิ่งรถไฟแน่นอน เพราะ รฟท.ได้ปรับขนาดสถานีอยุธยา โดยลดความสูงโครงสร้างทางวิ่งเดิมสูง 19 เมตร ลดเหลือ 17เมตร จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขณะเดียวกัน รฟท. ก็จะกำหนดเป็นข้อบังคับด้วยว่าพื้นที่ของ รฟท. รอบสถานีอยุธยาประมาณ 20 ไร่ ห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 17 เมตร เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อกังวลเรื่องการมองเห็น

รายงานข่าวแจ้งอีกว่าส่วนข้อกังวลขององค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่เป็นห่วงเรื่องการพัฒนาเมืองนั้นประเด็นนี้สามารถหาวิธีป้องกันได้อยู่แล้ว เพราะสถานีอยู่นอกเกาะเมืองอีกทั้งมีแม่น้ำป่าสักกั้นอยู่จึงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะขยายเมืองเข้าไปในเขตเกาะเมืองที่อยู่ใกล้โบราณสถานมรดกโลก อย่างไรก็ตามขณะนี้ยูเนสโกยังอยู่ระหว่างการช่วยตรวจสอบเอกสารรายละเอียดการประกวดราคา (ทีโออาร์) งานบริการที่ปรึกษาการจัดทำรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) ของแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาฯ คาดว่าจะส่งกลับมาให้ รฟท. เร็ว ๆ นี้

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่ายืนยันว่าทุกข้อกังวลสามารถแก้ปัญหาได้หมดอยู่แล้ว โดยปลายเดือน ก.ย.นี้ จะเสนอแนวทางลดผลกระทบปัญหาการก่อสร้างสถานีอยุธยาให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พิจารณา ก่อนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ซึ่งประกอบด้วยหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์, สำนักงบประมาณ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคมโดยการประชุมครั้งนี้จะเชิญกรมศิลปากรเข้าร่วมประชุมด้วย.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 16/09/2021 7:35 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
เคลียร์กันจบทุกจุดยกเว้น'กรมศิลป์'
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2564


ลิงก์ดูี่นี่ก็ได้
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3002731173281714
https://motapplication.mot.go.th/mot/20-news-web/NewsDetail.html?ROW_ID=309389&ROW_ID_NEWS_M_GROUP=1


Last edited by Wisarut on 18/09/2021 9:25 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44320
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/09/2021 7:08 am    Post subject: Reply with quote

ขอบคุณครับ Very Happy

--------------------------

เปิด5โปรเจ็กต์ยักษ์เบิกจ่ายอืด 'สคร.'กำชับรัฐวิสาหกิจเร่งลงทุนเต็มสูบ
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2564

Click on the image for full size

สคร.กำชับบอร์ดรัฐวิสาหกิจติดตามเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯลงทุน เผย 5 เมกะ โปรเจ็กต์เบิกจ่ายล่าช้าไป 1.2 หมื่นล้านบาท ระบุโครงการเบิกจ่ายช้าสุด เป็นของ ทอท. ขณะที่เป็นของการ รถไฟฯถึง 3 โครงการ ส่วนอีกโครงการ ของการทางพิเศษฯ ยันภาพรวมยังมั่นใจเบิกจ่ายได้ตามเป้า พร้อมเตรียมมาตรการเข้มข้นบี้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายปีงบประมาณ 2565

นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า การเบิกจ่าย งบฯลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ 2564 ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องทำได้ไม่น้อยกว่า 95% ของแผนการเบิกจ่าย ทั้งหมด 3.56 แสนล้านบาท โดยล่าสุด การเบิกจ่ายจนถึงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ยังสามารถทำได้ตามแผน ทำให้มั่นใจว่าถึงสิ้นปีงบประมาณนี้ (30 ก.ย. 2564) รัฐวิสาหกิจจะสามารถเบิกจ่ายงบฯลงทุนได้ตามเป้า แม้ว่าในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จะได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างก็ตาม แต่ถือว่าไม่ได้กระทบมาก

อย่างไรก็ตาม มีโครงการขนาดใหญ่ที่เบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผน และต้องเร่งรัดอย่างเต็มที่ ซึ่งจากตัวเลขการเบิกจ่ายจนถึงเดือน ก.ค. พบว่ามี 5 โครงการขนาดใหญ่ คิดเป็นวงเงินที่เบิกจ่ายล่าช้ารวมกัน 12,319 ล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผน 4,580 ล้านบาท คิดเป็น 28% ของการเบิกจ่ายต่อแผน

ขณะที่เป็นโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 3 โครงการ เบิกจ่ายล่าช้าไปรวมเป็นวงเงิน 6,951 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 เบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผน 3,436 ล้านบาท คิดเป็น 77% ของการเบิกจ่ายต่อแผน, โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-ชุมพร เบิกจ่ายล่าช้าไป 2,509 ล้านบาท คิดเป็น 66% ของการเบิกจ่ายต่อแผน และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี- ปากน้ำโพ เบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผน 1,006 ล้านบาท คิดเป็น 72% ของการเบิกจ่าย ต่อแผน

ส่วนอีกโครงการเป็นแผนก่อสร้างศูนย์บริหารทางพิเศษ กทพ. (ระยะที่ 2) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผน 778 ล้านบาท คิดเป็น 49% ของการเบิกจ่ายต่อแผน

"การเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นไปตามแผน เราก็ให้เขารายงานชี้แจงว่า มีอุปสรรคส่วนใดบ้าง แต่บางเรื่องก็เป็นเหตุ สุดวิสัย โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งในการประชุมร่วมกับบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ต่าง ๆ เราก็ได้มีการกำชับว่าให้ติดตามเร่งรัด เพราะหากล่าช้า ก็ส่งผลกระทบทำให้งานของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ แล้วเสร็จล่าช้า ไปด้วย ถ้าเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ก็จะต้อง เปิดให้บริการล่าช้าออกไป จึงขอให้บอร์ด ดูแล เพราะจะมีผลต่อเม็ดเงินที่จะลงในระบบเศรษฐกิจด้วย" นางปานทิพย์กล่าว

ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนเม็ดเงินการเบิกจ่าย งบฯลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้ลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากที่สุด ในปีงบประมาณ 2565 สคร.ได้กำหนดตัวชี้วัดใหม่ให้กับรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะเข้มงวดขึ้น โดยนอกจากจะต้องดำเนินงานตามแผนแล้ว จะต้องเบิกจ่ายงบฯลงทุนให้ได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งหากระหว่างปีมีการ ปรับแผนเกิน 5% ของวงเงิน จะถูก หักคะแนนประเมิน

"สคร.ได้วางกรอบเตรียมความพร้อม สำหรับการเบิกจ่ายงบฯลงทุนใน ปีงบประมาณ 2565 เช่น ให้รัฐวิสาหกิจเตรียมขั้นตอนร่างขอบเขตงาน (TOR) รวมทั้งการเตรียมพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เริ่มปีงบประมาณใหม่แล้ว สามารถเร่งดำเนินโครงการต่าง ๆ ได้ทันที" ผู้อำนวยการ สคร.กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 20/09/2021 5:25 pm    Post subject: Reply with quote


Update การเคลียร์พื้นที่เพื่อก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ถ่ายย้อนมาจากเขาชีจรรย์-ลาดกระบังครับ
งานส่วนนี้เป็นการก่อสร้างก่อนส่งมอบพื้นที่และออก NTP ให้เริ่มงานจริง หลักๆ จะมีการเคลียร์เขตทาง สร้างถนนลำเลียงตลอดแนวเส้นทาง รื้อย้ายสาธารณูปโภค เช่นท่อน้ำมันใต้ดิน สายไฟฟ้า ฯลฯ สร้างสำนักงานสนาม โรงงานผลิตชิ้นส่วนทางวิ่ง เป็นต้นครับ
https://www.facebook.com/ThaiRailNews/posts/4317429885005637
https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=-MOrzou6O3g


Last edited by Wisarut on 21/09/2021 4:40 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 20/09/2021 8:58 pm    Post subject: Reply with quote


สถานีสระบุรี รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ต.ตะกุด อ.เมืองสระบุรี ใกล้ถนนเลี่ยงเมือง ศูนย์ราชการสระบุรี และห้างไทวัสดุ-โรบินสันสระบุรี
https://www.youtube.com/watch?v=Rm49xiOn1Rs
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=105055178598110&id=102531745517120
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 23/09/2021 5:33 pm    Post subject: Reply with quote

มติเอกฉันท์! พื้นที่สร้าง “สถานีรถไฟไฮสปีดอยุธยา” ปฏิบัติตามกฎหมายเป๊ะ

เศรษฐกิจ-ยานยนต์
วันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 16:53 น.



“คค.-วธ.-ทส.-อยุธยา” ลงมติร่วมกันพื้นที่สร้าง “สถานีอยุธยา“ รถไฟไฮสปีด เส้นกรุงเทพฯ-โคราช ปฏิบัติตามกฎหมายเป๊ะ เพื่อความสบายใจลดระดับสันรางให้เหลือ 17 เมตร “ศักดิ์สยาม” สั่งนำความเห็น วธ.-ทส. ชง ครม.ด้วย

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการก่อสร้างสถานีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ผ่านแอพพลิเคชั่น Zoom ว่า การประชุมครั้งนี้มี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม รวมถึงผู้แทนจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสังกัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินการก่อสร้างสถานีอยุธยาด้วย โดยที่ประชุมได้พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งพบว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เพื่อลดข้อกังวลต่างๆ จะดำเนินการลดระดับสันรางลงเหลือ 17 เมตร

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเตรียมจัดทำรายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) เพื่อเสนอต่อศูนย์มรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสต่อไป พร้อมทั้งจะกำหนดมาตรการจำกัดความสูงของอาคารรอบสถานี เช่น ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะออกระเบียบกำหนดความสูงไม่ให้เกินที่กำหนด และประสานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นออกเทศบัญญัติควบคุมความสูงของอาคารโดยรอบสถานีต่อไป


นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม (คค.) พิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในประเด็นด้านกฎหมายในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าในพื้นที่โครงการก่อสร้างในปัจจุบันไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย และข้อบังคับแต่อย่างใด พร้อมทั้งให้กระทรวงคมนาคมนำความเห็นของ ทส. และ วธ. เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการของโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ต่อไปด้วย.
https://www.dailynews.co.th/news/304329/
https://www.youtube.com/watch?v=XF8En4QY_aU

บ๊ายบายนะกรมศิลป์!! รถไฟไฮสปีด”สถานีอยุธยา”ไปต่อ
*3รมต. ”ศักดิ์สยาม-วราวุธ-อิทธิพล” แท็กทีม
*มติเอกฉันท์คค.ปฎิบัติตามกฎหมายครบถ้วน
*ลดสันราง19ม.เหลือ17ม./เสนอความเห็นครม.
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3006484226239742

ผ่าทางตัน “สถานีอยุธยา” ลดสันรางเหลือ 17 เมตร
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 21:34 น.


ผ่าทางตัน “สถานีอยุธยา” ลดสันรางเหลือ 17 เมตร “คมนาคม” จ่อรายงาน ครม.ปรับแผนรถไฟไทย-จีน

วันที่ 23 กันยายน 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในการร่วมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงสถานีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมการหารือดังกล่าว

การหารือครั้งนี้ เป็นการหารือต่อเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยที่ประชุมได้พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พบว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


แต่เพื่อลดข้อกังวลต่าง ๆ จะดำเนินการลดระดับสันรางลงเหลือ 17 เมตร รวมถึงเตรียมจัดทำรายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment :HIA) เพื่อเสนอต่อศูนย์มรดกโลกที่กรุงปารีสต่อไป

และจะกำหนดมาตรการจำกัดความสูงของอาคารรอบสถานี เช่น ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยจะออกระเบียบกำหนดความสูงไม่ให้เกินที่กำหนด และประสานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นออกเทศบัญญัติควบคุมความสูงของอาคารโดยรอบสถานีต่อไป

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีข้อสั่งการ ดังนี้
1. กระทรวงคมนาคม ได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรมในประเด็นด้านกฎหมายในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าในพื้นที่โครงการก่อสร้างในปัจจุบัน ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย และข้อบังคับแต่อย่างใด

2. กระทรวงคมนาคมจะนำความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วง กรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา ต่อไป

ถกแบบ “สถานีอยุธยา” ไฮสปีดไทย-จีน ลดระดับ 17 เมตร “ศักดิ์สยาม-วราวุธ-อิทธิพล” เคาะทำตามกฎหมายครบเร่งชง ครม.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 18:37 น.
ปรับปรุง: วันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 18:37 น.

Click on the image for full size
ถกแก้ปัญหาแบบบสถานีไฮสปีด “อยุธยา” 3 รมต. “ศักดิ์สยาม-วราวุธ-อิทธิพล” ผนึก 3 กระทรวง เห็นพ้องทำตามกฎหมายครบถ้วน ปรับแบบลดระดับสันรางลงเหลือ 17 เมตร ลดข้อกังวล ชง ครม.พิจารณาแนวทาง พร้อมเร่งศึกษารายงาน HIA เสนอ “มรดกโลก”

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังร่วมหารือแก้ไขปัญหาสถานีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา วันที่ 23 ก.ย. ว่า เป็นการประชุมผ่านระบบ Application “Zoom” ร่วมกับ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง และผู้แทนจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมการขนส่งทางราง และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ที่ประชุมได้พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งพบว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เพื่อลดข้อกังวลต่างๆ จะดำเนินการลดระดับสันรางลงเหลือ 17 เมตร รวมถึงเตรียมจัดทำรายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) เพื่อเสนอต่อศูนย์มรดกโลกที่กรุงปารีสต่อไป และจะกำหนดมาตรการจำกัดความสูงของอาคารรอบสถานี เช่น ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยจะออกระเบียบกำหนดความสูงไม่ให้เกินที่กำหนด และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกเทศบัญญัติควบคุมความสูงของอาคารโดยรอบสถานีต่อไป
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ได้สั่งการให้ กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรมในประเด็นด้านกฎหมายในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าในพื้นที่โครงการก่อสร้างในปัจจุบันไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย และข้อบังคับแต่อย่างใด

และให้กระทรวงคมนาคมจะนำความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรมเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมาต่อไป




ได้ข้อสรุปแล้ว แก้ปัญหาสถานีอยุธยา รถไฟความเร็วสูง
เศรษฐกิจ
สำนักข่าวไทย
วันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 19:27 น.

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – “ศักดิ์สยาม” ร่วมหารือ 2 กระทรวง แก้ปัญหาสถานีรถไฟความเร็วสูงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ล่าสุดได้ข้อสรุปลดระดับสันรางลงเหลือ 17 เมตร รวมถึงจัดทำรายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม และกำหนดมาตรการจำกัดความสูงของอาคารรอบสถานี
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงสถานีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วย Application “Zoom” โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม , นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง และผู้แทนจาก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมการขนส่งทางราง และการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยที่ประชุมได้พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งพบว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เพื่อลดข้อกังวลต่าง ๆ จะดำเนินการลดระดับสันรางลงเหลือ 17 เมตร รวมถึงเตรียมจัดทำรายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment :HIA) เพื่อเสนอต่อศูนย์มรดกโลกที่กรุงปารีสต่อไป และจะกำหนดมาตรการจำกัดความสูงของอาคารรอบสถานี เช่น ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จะออกระเบียบกำหนดความสูงไม่ให้เกินที่กำหนด และประสานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นออกเทศบัญญัติควบคุมความสูงของอาคารโดยรอบสถานีต่อไป



โดยในที่ประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรมในประเด็นด้านกฎหมายในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าในพื้นที่โครงการก่อสร้างในปัจจุบันไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย และข้อบังคับแต่อย่างใด โดยกระทรวงคมนาคมจะนำความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วง กรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา ต่อไป.-
https://www.youtube.com/watch?v=ZETFppXmHgc


Last edited by Wisarut on 24/09/2021 2:50 pm; edited 3 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 24/09/2021 1:33 pm    Post subject: Reply with quote

"ศาลปกครองกลาง" แจง บ.บีพีเอ็นพี หมดสิทธิ์ประมูล "โครงการรถไฟความเร็วสูง"
คมชัดลึก ออนไลน์
วันที่ 23 กันยายน 2564

"ศาลปกครองกลาง" แจงเหตุ บริษัท บีพีเอ็นพี หมดสิทธิ์ร่วมประมูล "โครงการรถไฟความเร็วสูง" ไทย-จีนสัญญา 3-1 กรุงเทพ-โคราช เหตุขาดคำสั่ง จากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์กรมบัญชีกลางไม่ชอบด้วยกฎหมาย การยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 64 ที่ "ศาลปกครองกลาง" พิพากษาเพิก ถอนคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2563 ที่ยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์บางประการให้กับบริษัทบีพีเอ็นพี จำกัด ซึ่งส่งผลให้ บริษัทบีพีเอ็น เป็นกิจการร่วมค้าที่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ และสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้เป็นผลงานในการยื่นประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบ "โครงการรถไฟความเร็วสูง" เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธาสำหรับช่วงแก่งคอย - กลางดง และช่วงปางอโศก - บันไดม้า ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ลงวันที่ 28 มีนาคม 2562 โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่มีคำสั่งดังกล่าว ตามที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง การรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารงานภาครัฐกรมบัญชีกลางผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนกรมบัญชีกลางผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษา โดย "ศาลปกครองกลาง" เห็นว่า พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 29 วรรคหนึ่ง (4) ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผันเฉพาะการไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือระเบียบที่ออกตามความในพ.ร.บ.นี้ ไม่ได้บัญญัติให้มีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผันให้ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดเป็นการเฉพาะ


ส่วน หนังสือคณะกรรมการนโยบายฯ ด่วนที่สุด ที่ กค (กนบ) 0405.2/ว 410 ลงวันที่ 24 ต.ค.60 ออกโดยใช้อำนาจของคณะกรรมการนโยบายฯ ตามมาตรา 24 (6) พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ในการกำหนดแบบเอกสารซื้อหรือจ้างพร้อมประกาศเชิญชวน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน ดังนี้การยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าว จึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายฯ โดยเฉพาะผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงไม่มีอำนาจในการยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามหนังสือของคณะกรรมการนโยบายฯ ดังกล่าว ส่วนการอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289ลงวันที่ 25 มิ.ย.61 นั้น กรณีนี้คณะกรรมการนโยบายฯ อาศัยอำนาจตามมาตรา 29 (7) พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ มอบหมายให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทาง วิธีปฏิบัติ แบบหรือตัวอย่างเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบที่ออกตามความใน พ.ร.บ.ดังกล่าว ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อันมีผลทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีอำนาจดุลพินิจที่จะทบทวน แก้ไข ผ่อนปรนหรือยกเว้นการใช้บังคับแนวทาง วิธีปฏิบัติ แบบหรือตัวอย่างที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กำหนดขึ้นได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม ดังนี้ หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เห็นว่าข้อกำหนดตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289 ลงวันที่ 25 มิ.ย.61 เรื่องซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า มีความไม่เหมาะสม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ย่อมมีอำนาจที่จะทบทวน แก้ไข หรือยกเลิกเพิกถอนข้อกำหนดนั้นได้



แล้วจึงออกข้อกำหนดขึ้นใหม่เพื่อใช้บังคับกับผู้ยื่นข้อเสนอราคา แต่การใช้บังคับข้อกำหนดดังกล่าวต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียม มิใช่ยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการเฉพาะ รายบริษัท บีพีเอ็นพี เช่นนั้นแล้ว จะทำให้เกิดความไม่มั่นคงแน่นอนแห่งนิติสถานะ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงไม่มีอำนาจในการยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289 ลงวันที่ 25 มิ.ย. 62 ให้เป็นการเฉพาะรายแก่บริษัท บีพีเอ็นพี ประกอบกับการอนุมัติยกเว้นหรือผ่อนผัน การไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือระเบียบที่ออกตามความใน พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ต้องมีการประกาศในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลางตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนด แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่ได้นำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/037996 ลงวันที่ 29 ส.ค 62 เรื่อง ข้อหารือคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอในนามกิจการร่วมค้าและผลงาน ประกาศในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือของคณะกรรมการนโยบายฯ ด่วนที่สุด ที่ กค (กนบ) 0405.2/ว 410 ลงวันที่ 24 ต.ค.60 และหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289ลงวันที่ 25 มิ.ย. 61 ให้แก่
บริษัทบีพีเอ็นพี เป็นการเฉพาะราย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย


นอกจากนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏต่อมาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 581๕๘๑ ลงวันที่ 7 ธ.ค.63 เรื่อง การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า (ฉบับใหม่) ยกเลิกหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289 ลงวันที่ 25 มิ.ย.61 ฉบับเดิมแล้วกำหนดแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้าใหม่ โดยให้มีผลเป็นการทั่วไป แต่เมื่อหนังสือฉบับดังกล่าวออกมาภายหลังการดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพิพาท จึงไม่อาจนำหนังสือผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 581 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 63 เรื่อง การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า ฉบับใหม่ มาใช้บังคับย้อนหลังกับการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอในการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพิพาท เมื่อเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอตามที่กำหนดในประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ ยังไม่ถูกยกเว้นการใช้บังคับหรือยกเลิก เพิกถอนไป ก่อนการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพิพาท ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม รวมทั้งผู้ยื่นข้อเสนอราคาทุกรายจึงต้องผูกพันยึดถือปฏิบัติและดำเนินการตามประกาศและเอกสารประกวดราคาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างมีกรอบการปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งนำไปใช้เป็นหลักปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชนและก่อให้เกิดผลดีกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป


ศาลเห็นว่า บริษัท บีพีเอ็นพี มีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ หรือไม่ แต่เมื่อบริษัท บีพีเอ็นพี ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จึงมีสถานะความเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นที่ถือในนามบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ทางบริษัทเองต้องมีผลงานก่อสร้างในนามบริษัท โดยไม่สามารถนำผลงานก่อสร้างของผู้ถือหุ้นมาใช้แสดงเป็นผลงานก่อสร้างของบริษัทหลักอย่าง บีพีเอ็นพีได้

ส่วนบริษัทบีพีเอ็นพี ยื่นข้อเสนอราคาโดยใช้ผลงานก่อสร้างของบริษัท บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นร่วมโดยไม่ได้ยื่นผลงานก่อสร้างที่ทำในนามบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด บริษัท บีพีเอ็นพี จึงขาดคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ

นอกจากนี้ ในส่วนหนังสือรับรองผลงานของบริษัท บีพีเอ็นพี ได้ยื่นหนังสือรับรองผลงานก่อสร้างของบริษัท บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด ที่ออกให้โดยบริษัท PRASARANA MALAYSIA BERHAD ผู้เป็นเจ้าของงาน และหนังสือรับรองผลงานที่ออกให้โดยกิจการร่วมค้า BPHB – TIM SEKATA JV ผู้รับจ้างหลัก แต่หนังสือรับรองผลงานที่ออกโดยบริษัท PRASARANA MALAYSIA BERHAD นั้น แม้จะออกให้โดยเจ้าของงาน แต่หนังสือรับรองดังกล่าวรับรองเพียงว่าบริษัท บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด เป็นผู้รับจ้างช่วงงานก่อสร้างจากกิจการร่วมค้า BPHB – TIM SEKATA JV โดยไม่ได้ระบุมูลค่าของผลงานไว้ จึงไม่เป็นไปตามที่ประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ กำหนด

การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 วินิจฉัยอุทธรณ์ของบริษัท บีพีเอ็นพี โดยพิจารณาคุณสมบัติของผู้ร้องสอดตามหนังสือผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 04054/037996 ลงวันที่ 29 ส.ค.62 ซึ่งอนุมัติยกเว้นให้บริษัทบีพีเอ็นพีเป็นกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ และพิจารณาต่อไปว่าบริษัทบีพีเอ็นพีสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้แสดงเป็นผลงานในการยื่นประกวดราคา จึงให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค. 63 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลปกครองตัดสินพลิกผลประมูลรถไฟไทย-จีน “ITD-CREC” จ่อเสียบ
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 24 กันยายน 2564 - 12:04 น.

“อิตาเลี่ยนไทย-ไชน่าเรลเวย์”เฮ! ศาลปกครองกลาง”ถอนคำสั่งกรมบัญชีกลาง ดีด”นภา-ทุนมาเลย์”ชวดสัญญา 3-1 ไทยจีน เหตุไม่มีคุณสมบัติตาม TOR

วันที่ 24 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อเรียกร้อง กรมบัญชีกลาง วินิจฉัยให้กิจการร่วมค้า BPHB – TIM SEKATA JV (ประกอบด้วย บจ.นภาก่อสร้าง, บจ.บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี, นายชาตรี เขมาวชิรา) เป็นผู้ชนะโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพ – หนองคาย ระยะที่ 1 กรุงเทพ – นครราชสีมา สัญญาที่ 3-1 งานโยธาช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก–บันไดม้า ระยะทาง 30 กม. โดยเสนอราคา 9,330 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 2,056 ล้านบาท

ถอนคำสั่งกรมบัญชีกลาง “BPHB”ไร้คุณสมบัติ
โดยศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่ากิจการร่วมค้าดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศและเอกสารประกวดราคา เนื่องจาก บจ.บีพีเอ็นพี ในฐานะผู้ร้องสอดในคดีนี้ มีสถานะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นอื่นๆของกิจการร่วมค้า ไม่สามารถนำผลงานก่อสร้างของผู้ถือหุ้นมาใช้เป็นประสบการณ์ผลงานของตัวเองได้ จะต้องแสดงผลงานในนามบริษัทเท่านััน

หลักฐานชี้ชัดไม่เป็นไปตาม TOR
ส่วนที่ผู้ร้องสอดได้ยื่นหนังสือรับรองผลงานของ บจ.บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอ็นดี ที่ออกโดย บจ.PRASARANA MALAYSIA BERHAD ผู้เป็นเจ้าของงาน และหนังสือรับรองผลงานที่ออกให้โดยกิจการร่วมค้า BPHB เป็นผู้รับรองหลัก ข้อเท็จจริงแม้จะออกโดยเจ้าของผลงาน แต่หนังสือรับรองเพียงว่า บจ.บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี เป็นผู้รับจ้างช่วงงานก่อสร้างจากกลุ่มกิจการร่วมค้า BPHB เท่านั้น และไม่ได้ระบุมูลค่าของผลงานไว้ด้วย อีกทั้งกิจการค้าร่วม BPHB ก็ไม่ใช่เจ้าของงานก่อสร้าง ดังนั้น หนังสือรับรองผลงานของผู้ร้องสอดจึงไม่เป็นไปตามประกาศและเอกสารประกวดราคากำหนด (TOR)

และเป็นผลให้คำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อเรียกร้อง กรมบัญชีกลางที่ให้กลุ่มกิจการร่วมค้า BPHB เป็นผู้ชนะโครงการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวโดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่มีคำสั่งดังกล่าว

ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ทั้งนี้ ให้คำสั่งศาลที่มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของ ร.ฟ.ท.ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2563 มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะพ้นระยะเวลาการอุทธรณ์


ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ หากศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ ให้คำสั่งดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา ให้ ร.ฟ.ม. พิจารณาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างผู้ชนะการเสนอราคา ตามประกาศของร.ฟ.ท. เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพิพาท ฉบับลงวันที่ 15 กันยายน 2563

ทั้งนี้ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 และระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ ร.ฟ.ท. ตามประกาศประกวดราคาฉบับดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินการกิจการสาธารณะซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ร.ฟ.ท. บรรลุผลโดยเร็วต่อไป

อิตาเลี่ยนไทย-CREC มีลุ้นได้งานแทน
สำหรับโจทก์และจำเลยที่มีในคดีนี้ประกอบด้วย ผู้ฟ้องคดีคือ บจ. ไชน่า เรลเวย์ นับเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป (CREC) พันธมิตรบมจ.อิตาเลี่ยนไทยฯ ที่เข้าร่วมประมูลโครงการในนามกลุ่มกิจการร่วมค้า ITD-CREC NO.10.JV และมีบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด เป็นผู้ร้องสอด

ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีมี 3 ราย ประกอบด้วย

ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1. การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2. คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง
และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3.คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากการประมูลงานโยธารถไฟความเร็วสูงไทยจีน ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา สัญญาที่ 3-1 งานโยธาช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก–บันไดม้า ระยะทาง 30 กม.ราคากลาง 11,386 ล้านบาท ซึ่งในครั้งแรกคณะกรรมการคัดเลือกได้ให้ บจ.บีพีเอ็นพี ที่จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ในนามกิจการร่วมค้า BPHB เป็นผู้ชนะ โดยเสนอราคา 9,330 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 2,056 ล้านบาท และเฉือนราคาเสนอของบริษัท ITD-CREC No.10JV ไปเพียง 19 ล้านบาท


แต่ต่อมาคณะกรรมการคัดเลือกได้ตัดสิทธิ์ กลุ่มกิจการร่วมค้า BPHB เพราะไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติจากเหตุเอกสารการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ไม่ถูกต้อง และให้กลุ่ม ITD-CREC No.10JV เป็นผู้ชนะ ทาง BPHB จึงยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ซึ่งอุทธรณ์เป็นผล คณะกรรมการคัดเลือกจึงให้บีพีเอ็นพีกลับมาเป็นผู้ชนะโครงการอีกครั้งหนึ่ง

ทาง ITD-CREC No.10JV จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลางแต่ไม่เป็นผล จึงยื่นเรื่องถึงศาลปกครองกลาง

จนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่นในที่สุด

และวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของคณะกรรมการการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น จนมาถึงการพิพากษาในวันนี้ในที่สุด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 24/09/2021 6:32 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
"ศาลปกครองกลาง" แจง บ.บีพีเอ็นพี หมดสิทธิ์ประมูล "โครงการรถไฟความเร็วสูง"
คมชัดลึก ออนไลน์
วันที่ 23 กันยายน 2564

ศาลปกครองตัดสินพลิกผลประมูลรถไฟไทย-จีน “ITD-CREC” จ่อเสียบ
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 24 กันยายน 2564 เวลา 12:04 น.


ศาลปกครองกลาง ชี้ “บีพีเอ็นพี” ขาดคุณสมบัติยื่นประมูลไฮสปีดไทย-จีน สัญญา 3-1
ข่าวทั่วไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 64)
วันที่ 24 กันยายน 2564 เวลา 13:48น.

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาคดีการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธา ช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า โดยเห็นว่า บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัดซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถนำผลงานก่อสร้างของผู้ถือหุ้นมาใช้แสดงเป็นผลงานก่อสร้างได้ และคำสั่งคณะกรรมการอุทธรณ์กรมบัญชีกลางที่ยกเว้นหลักเกณฑ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คดีนี้ ทางบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) ฟ้องว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ถูกกฟ้องคดีที่ 1) และ คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารงานภาครัฐกรมบัญชีกลางผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนกรมบัญชีกลางผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษา โดยมีผู้ยื่นข้อเสนอในการประกวดราคาดังกล่าวทั้งสิ้น 6 ราย รวมทั้งบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (ผู้ร้องสอด) และกิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV ซึ่งมีผู้ฟ้องคดีเป็นสมาชิกร่วมกับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ทั้งนี้ ผู้ร้องสอดเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ส่วนผู้ฟ้องคดีเสนอราคาต่ำเป็นอันดับสอง แต่ผู้ร้องสอดมีคุณสมบัติและผลงานไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เนื่องจากผู้ร้องสอดได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่

โดยระบุว่า เมื่อทางบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จึงมีสถานะความเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น ในนาม “บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด” จึงต้องมีผลงานก่อสร้างในนามบริษัทดังกล่าว โดยไม่สามารถนำผลงานก่อสร้างของผู้ถือหุ้นมาใช้แสดงเป็นผลงานก่อสร้างได้ จึงไม่มีคุณสมบัติในการยื่นข้อเสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ จึงให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป

ส่วนคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ที่ยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์บางประการให้กับบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัดนั้น ศาลปกครองกลาง เห็นว่าตามพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 29 วรรคหนึ่ง (4) บัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง) มีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผัน เฉพาะการไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือระเบียบที่ออกตามความในพ.ร.บ.นี้ แต่มิได้บัญญัติให้อำนาจผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ยกเว้นหรือผ่อนผันให้ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดเป็นการเฉพาะ ดังนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ยกเว้นการปฏิบัติ ให้แก่ผู้ร้องสอดเป็นการเฉพาะราย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ ได้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ที่อนุมัติยกเว้นให้ผู้ร้องสอดเป็นกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่และสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้แสดงเป็นผลงานในการยื่นประกวดราคา เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีคำสั่งดังกล่าว คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

ทั้งนี้ ให้คำสั่งศาลที่มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 21 ต.ค. 63 มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะพ้นระยะเวลาการอุทธรณ์ ในกรณีที่ไม่มีการอุทธรณ์ หรือจนกว่าศาลมีคำสั่งถึงที่สุดไม่รับอุทธรณ์ ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ หากศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ ให้คำสั่งดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ศาลชี้บีพีเอ็นพีไม่มีสิทธิ์ประมูลรถไฟความเร็วสูงสัญญา 3-1 กรุงเทพ-โคราช
หน้าเศรษฐกิจมหภาค คมนาคม
วันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 20:09 น.

ศาลปกครองกลางชี้ บริษัท บีพีเอ็นพี ไม่มีสิทธิ์ร่วมประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนสัญญา 3-1 กรุงเทพ-โคราช เหตุคำสั่งคกก.อุทธรณ์กรมบัญชีกลางที่อนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์ไม่ชอบด้วยก.ม. และบริษัทไม่สามารถนำผลงานของผู้ถือหุ้นมาเป็นผลงานยื่นประกวดราคาได้

วันนี้(23ก.ย.64) ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2563 ที่ยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์บางประการให้กับ บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ซึ่งผลให้บริษัทบีพีเอ็น เป็นกิจการร่วมค้าที่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ และสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มาใช้เป็นผลงานในการยื่นประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน



ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) งานสัญญาที่ 3-1งานโยธาสำหรับช่วงแก่งคอย - กลางดง และช่วงปางอโศก - บันไดม้า ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ลงวันที่ 28 มีนาคม 2562



โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่มีคำสั่งดังกล่าว ตามที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง การรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารงานภาครัฐกรมบัญชีกลางผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนกรมบัญชีกลางผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษา


โดยศาลปกครองกลาง เห็นว่า พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 29 วรรคหนึ่ง (4) ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีอำนาจยกเว้น หรือ ผ่อนผันเฉพาะการไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง หรือ ระเบียบที่ออกตามความในพ.ร.บ.นี้ ไม่ได้บัญญัติให้มีอำนาจยกเว้น หรือ ผ่อนผันให้ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดเป็นการเฉพาะ



อีกทั้ง หนังสือคณะกรรมการนโยบายฯ ด่วนที่สุด ที่ กค (กนบ) 0405.2/ว 410 ลงวันที่ 24 ต.ค.60 ออกโดยใช้อำนาจของคณะกรรมการนโยบายฯ ตามมาตรา 24 (6) พร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ในการกำหนดแบบเอกสารซื้อหรือจ้างพร้อมประกาศเชิญชวน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน



ดังนี้ การยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าว จึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายฯ โดยเฉพาะ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงไม่มีอำนาจในการยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามหนังสือของคณะกรรมการนโยบายฯ ดังกล่าว



ส่วนการอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289ลงวันที่ 25 มิ.ย.61 นั้น กรณีนี้คณะกรรมการนโยบายฯ ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 29 (7) พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ มอบหมายให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทาง วิธีปฏิบัติ แบบหรือ ตัวอย่างเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบที่ออกตามความในพ.ร.บ.ดังกล่าว ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อันมีผลทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีอำนาจดุลพินิจที่จะทบทวน แก้ไข ผ่อนปรนหรือยกเว้นการใช้บังคับแนวทาง วิธีปฏิบัติ แบบหรือตัวอย่างที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กำหนดขึ้นได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม

ดังนี้ หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เห็นว่าข้อกำหนดตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289 ลงวันที่ 25 มิ.ย.61 เรื่อง ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า มีความไม่เหมาะสม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2ย่อมมีอำนาจที่จะทบทวน แก้ไข หรือยกเลิกเพิกถอนข้อกำหนดนั้นได้ แล้วจึงออกข้อกำหนดขึ้นใหม่เพื่อใช้บังคับกับผู้ยื่นข้อเสนอราคา



แต่การใช้บังคับข้อกำหนดดังกล่าวต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียม มิใช่ยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการเฉพาะรายบริษัทบีพีเอ็นพี มิเช่นนั้นแล้ว จะทำให้เกิดความไม่มั่นคงแน่นอนแห่งนิติสถานะ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงไม่มีอำนาจในการยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289ลงวันที่ 25 มิ.ย. 62 ให้เป็นการเฉพาะรายแก่บริษัทบีพีเอ็นพี



ประกอบกับการอนุมัติยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือระเบียบที่ออกตามความในพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ต้องมีการประกาศในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลางตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนด แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่ได้นำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/037996 ลงวันที่ 29 ส.ค 62 เรื่อง ข้อหารือคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอในนามกิจการร่วมค้าและผลงาน ประกาศในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2ยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือของคณะกรรมการนโยบายฯ ด่วนที่สุด ที่ กค (กนบ) 0405.2/ว 410 ลงวันที่ 24 ต.ค.60 และหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289ลงวันที่ 25 มิ.ย. 61 ให้แก่ บริษัทบีพีเอ็นพี เป็นการเฉพาะราย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย



นอกจากนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏต่อมาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 581 ลงวันที่ 7 ธ.ค.63 เรื่อง การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า (ฉบับใหม่) ยกเลิกหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289 ลงวันที่ 25 มิ.ย.61 ฉบับเดิมแล้วกำหนดแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้าใหม่ โดยให้มีผลเป็นการทั่วไป แต่เมื่อหนังสือฉบับดังกล่าวออกมาภายหลังการดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพิพาท



จึงไม่อาจนำหนังสือผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 581 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 63 เรื่อง การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า ฉบับใหม่) มาใช้บังคับย้อนหลังกับการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอในการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพิพาท เมื่อเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอตามที่กำหนดในประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ ยังไม่ถูกยกเว้นการใช้บังคับหรือยกเลิกเพิกถอนไป ก่อนการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการพิพาท



ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามรวมทั้งผู้ยื่นข้อเสนอราคาทุกรายจึงต้องผูกพันยึดถือปฏิบัติและดำเนินการตามประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างมีกรอบการปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งนำไปใช้เป็นหลักปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชนและก่อให้เกิดผลดีกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป



ส่วนบริษัทบีพีเอ็นพีมีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ หรือไม่ ศาลเห็นว่าเมื่อบริษัท บีพีเอ็นพีได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จึงมีสถานะความเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นที่ถือในนามบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด จึงต้องมีผลงานก่อสร้างในนามบริษัทดังกล่าว โดยไม่สามารถนำผลงานก่อสร้างของผู้ถือหุ้นมาใช้แสดงเป็นผลงานก่อสร้างของบริษัทบีพีเอ็นพีได้



การที่บริษัทบีพีเอ็นพียื่นข้อเสนอราคาโดยใช้ผลงานก่อสร้างของบริษัท บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นร่วมโดยไม่ได้ยื่นผลงานก่อสร้างที่ทำในนามบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด บริษัทบีพีเอ็นพี จึงไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ แม้บริษัท บีพีเอ็นพีประสงค์จะเสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่



แต่เมื่อบริษัทมีบุคคลธรรมดาเป็นผู้ถือหุ้น จึงต้องถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสมาชิกของกิจการร่วมค้า เมื่อประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ กำหนดให้สมาชิกของกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ทุกรายต้องเป็นนิติบุคคล และต้องมีอาชีพรับจ้างตามที่ประกวดราคาจ้าง แต่บริษัทบีพีเอ็นพีมีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งเป็นบุคคลธรรมดา และไม่ได้มีอาชีพรับจ้างตามที่ประกวดราคาจ้าง บริษัทบีพีเอ็นพี จึงไม่มีคุณสมบัติในการยื่นข้อเสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่



นอกจากนี้ ในส่วนหนังสือรับรองผลงานของบริษัทบีพีเอ็นพี ประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ กำหนดให้หนังสือรับรองผลงานต้องออกโดยเจ้าของงานและระบุมูลค่าผลงาน เมื่อผู้ร้องสอดได้ยื่นหนังสือรับรองผลงานก่อสร้างของบริษัท บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด ที่ออกให้โดยบริษัท PRASARANA MALAYSIA BERHAD ผู้เป็นเจ้าของงาน และหนังสือรับรองผลงานที่ออกให้โดยกิจการร่วมค้า BPHB – TIM SEKATA JV ผู้รับจ้างหลัก แต่หนังสือรับรองผลงานที่ออกโดยบริษัท PRASARANA MALAYSIA BERHAD นั้น



แม้จะออกให้โดยเจ้าของงาน แต่หนังสือรับรองดังกล่าวรับรองเพียงว่าบริษัท บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด เป็นผู้รับจ้างช่วงงานก่อสร้างจากกิจการร่วมค้า BPHB – TIM SEKATA JV โดยไม่ได้ระบุมูลค่าของผลงานไว้ ส่วนหนังสือรับรองผลงานที่ออกโดยกิจการร่วมค้า BPHB – TIM SEKATA JV แม้จะได้ระบุมูลค่าผลงานไว้ แต่กิจการร่วมค้า BPHB – TIM SEKATA JV ไม่ใช่เจ้าของงานก่อสร้าง หนังสือรับรองผลงานของบริษัทบริษัทบีพีเอ็นพี จึงไม่เป็นไปตามที่ประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ กำหนด



การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3วินิจฉัยอุทธรณ์ของบริษัทบีพีเอ็นพี โดยพิจารณาคุณสมบัติของผู้ร้องสอดตามหนังสือผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/037996 ลงวันที่ 29 ส.ค.62 ซึ่งอนุมัติยกเว้นให้บริษัทบีพีเอ็นพีเป็นกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ และพิจารณาต่อไปว่าบริษัทบีพีเอ็นพีสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้แสดงเป็นผลงานในการยื่นประกวดราคา จึงให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค. 63 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 417, 418, 419 ... 542, 543, 544  Next
Page 418 of 544

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©