Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311234
ทั่วไป:13180266
ทั้งหมด:13491500
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 405, 406, 407 ... 471, 472, 473  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/09/2021 9:43 pm    Post subject: Reply with quote

<--
รับกระแส "ลิซ่า" รฟท.จัดรถไฟ 7 ขบวน หนุนเทศกาล "ลูกชิ้นยืนกิน" บุรีรัมย์
กรุงเทพธุรกิจ 18 ก.ย. 2564 เวลา 11:06 น.

ร.ฟ.ท.จัดรถไฟ 7 ขบวน พานักท่องเที่ยวไปบุรีรัมย์ ร่วมเทศกาล "ลูกชิ้นยืนกิน" 17-23 ก.ย.นี้ หนุนกระแส "ลิซ่า แบล็คพิงก์" กระตุ้นรายได้ท่องเที่ยว
การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พร้อมเปิดให้บริการขบวนรถโดยสาร 7 ขบวน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ต้องการเดินทางเที่ยวเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน 2564 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ และส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม โดยเปิดให้บริการขบวนรถเร็ว และรถท้องถิ่น จำนวน 7 ขบวน มุ่งสู่สถานีบุรีรัมย์ เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชนที่ต้องการเที่ยวชมเทศกาลลูกชิ้นยืนกินที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 17-23 กันยายน 2564

โดยกำลังเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วประเทศ จากการเป็นอาหารโปรดของ ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า วงแบล็คพิงค์ ศิลปินชาวไทยที่กำลังโด่งดังในเวทีโลกทั้งนี้ โดยมีขบวนรถให้บริการระหว่างวันที่ 18 -24 กันยายน 2564 ดังนี้

ขบวนรถเร็วที่ 135 ออกจากสถานีกรุงเทพ เวลา 06.40 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ เวลา 14.19 น. โดยมีรถนั่งปรับอากาศพ่วงในขบวน 4 ตู้ต่อวัน
ขบวนรถเร็วที่ 136 ต้นทางออกจากสถานีอุบลราชธานี เวลา 07.00 น ถึงสถานีบุรีรัมย์ เวลา 10.27 น. มีรถนั่งปรับอากาศพ่วงในขบวน 4 ตู้ต่อวัน

ขบวนรถท้องถิ่น ขบวน 427 ออกจากสถานีนครราชสีมา เวลา 14.20 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ เวลา 16.32 น. มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้
ขบวน 421 ออกจากสถานีนครราชสีมา เวลา 06.10 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ 08.08 น. มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้

ขบวน 233 ออกจากสถานีนครราชสีมา เวลา 16.50 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ 19.13 น มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้

ขบวน 426 ออกจากสถานีอุบลราชธานี 12.35 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ 16.15 น. มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้

ขบวน 428 ออกจากสถานีอุบลราชธานี 06.20 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ 09.53 น. มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้

ทั้งนี้ ในด้านการให้บริการ การรถไฟฯ ได้คงมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 ทั้งในขบวนรถโดยสารและสถานีรถไฟทั่วประเทศอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดจุดคัดกรองผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่สถานี การตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือ การให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การสแกนแอพพลิเคชันไทยชนะ ก่อนและหลังใช้บริการ หรือให้กรอกข้อมูลการเดินทางแทน พร้อมกับต้องกรอกข้อมูลเดินทางข้ามจังหวัด-ข้ามเขตผ่านเว็บไซต์ “หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” https://covid-19.in.th/

สำหรับบุคคลที่เดินทางเข้าจังหวัดบุรีรัมย์โดยไม่ต้องกักตัว จะต้องได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม มากกว่า 14 วัน หรือวัคซีนชนิดอื่นใดครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 18/09/2021 9:50 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
รับกระแส "ลิซ่า" รฟท.จัดรถไฟ 7 ขบวน หนุนเทศกาล "ลูกชิ้นยืนกิน" บุรีรัมย์
กรุงเทพธุรกิจ วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 11:06 น.

รถไฟโหนกระแส “ลิซ่า” เพิ่มรอบไปเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน สถานีบุรีรัมย์
อสังหาริมทรัพย์
วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 20:36 น.


รถไฟโหนกระแส “ลิซ่า Blackpink” เพิ่มรอบไปเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน สถานีบุรีรัมย์ 17-23 ก.ย.นี้
นั่งรถไฟไปงาน “ลูกชิ้นยืนกิน” รฟท.เดินรถเพิ่ม 7 ขบวนสู่ “บุรีรัมย์” หนุนเที่ยวตามรอย “ลิซ่า”
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 12:01 น.
ปรับปรุง: วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 12:01 น.
การรถไฟฯเสือปืนไว! เปิด 7 ขบวนเที่ยวเทศกาลลูกชิ้นยืนกินตามรอย'ลิซ่าฟีเวอร์'
วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 17.12 น.
รฟท.เปิดบริการขบวนรถเร็ว-รถท้องถิ่นมุ่งสู่บุรีรัมย์ หนุนเที่ยวเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 12:26 น.
ปรับปรุง: วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 12:26 น.

เปิด7ขบวนรถไฟสู่บุรีรัมย์รับเทศกาล"ลูกชิ้นยืนกิน"ชิมอาหารโปรด"ลิซ่า"
หน้าไลฟ์สไตล์ ท่องเที่ยว
วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 10:59 น.

การรถไฟฯ พร้อมเปิดให้บริการขบวนรถโดยสาร 7 ขบวน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ต้องการเดินทางเที่ยวเทศกาล"ลูกชิ้นยืนกิน" อาหารโปรดน้องลิซ่า Blackpink สถานีรถไฟบุรีรัมย์ วันที่ 18-24 กันยายนนี้ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

การรถไฟฯ จัดเดินรถ 7 ขบวน ทั้งรถเร็ว รถด่วน บริการประชาชนเดินทางสู่ “บุรีรัมย์” เที่ยวเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน สถานีรถไฟบุรีรัมย์ 18-24 ก.ย.นี้ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯ พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ และส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม โดยเปิดให้บริการขบวนรถเร็ว และรถท้องถิ่น จำนวน 7 ขบวน มุ่งสู่สถานีบุรีรัมย์ เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชนที่ต้องการเที่ยวชมเทศกาลลูกชิ้นยืนกินที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 17-23 กันยายน 2564 ซึ่งกำลังเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วประเทศ จากการเป็นอาหารโปรดของ ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า วงแบล็คพิงค์ ศิลปินชาวไทยที่กำลังโด่งดังในเวทีโลกขณะนี้ โดยมีขบวนรถให้บริการระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน 2564 ดังนี้
ขบวนรถเร็วที่ 135 ออกจากสถานีกรุงเทพ เวลา 06.40 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ เวลา 14.19 น. โดยมีรถนั่งปรับอากาศพ่วงในขบวน 4 ตู้ต่อวัน

ขบวนรถเร็วที่ 136 ต้นทางออกจากสถานีอุบลราชธานี เวลา 07.00 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ เวลา 10.27 น. มีรถนั่งปรับอากาศพ่วงในขบวน 4 ตู้ต่อวัน

ขบวนรถท้องถิ่น
ขบวน 427 ออกจากสถานีนครราชสีมา เวลา 14.20 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ เวลา 16.32 น. มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้
ขบวน 421 ออกจากสถานีนครราชสีมา เวลา 06.10 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ 08.08 น. มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้
ขบวน 233 ออกจากสถานีนครราชสีมา เวลา 16.50 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ 19.13 น มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้
ขบวน 426 ออกจากสถานีอุบลราชธานี 12.35 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ 16.15 น. มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้
ขบวน 428 ออกจากสถานีอุบลราชธานี 06.20 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์ 09.53 น. มีรถนั่งพัดลม 4 ตู้

ทั้งนี้ ในด้านการให้บริการ การรถไฟฯ ได้คงมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในขบวนรถโดยสารและสถานีรถไฟทั่วประเทศอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดจุดคัดกรองผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่สถานี การตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือ การให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การสแกนแอปพลิเคชันไทยชนะก่อนและหลังใช้บริการ หรือให้กรอกข้อมูลการเดินทางแทน พร้อมกับต้องกรอกข้อมูลเดินทางข้ามจังหวัด-ข้ามเขตผ่านเว็บไซต์ “หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” https://covid-19.in.th/ โดยบุคคลที่เดินทางเข้าจังหวัดบุรีรัมย์โดยไม่ต้องกักตัวจะต้องได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม มากกว่า 14 วัน หรือวัคซีนชนิดอื่นใดครบตามเกณฑ์ที่กำหนด
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/4988900774458087
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 20/09/2021 8:16 pm    Post subject: Reply with quote

ขายถล่มทลายไม่หยุด! แฟนคลับ “ลิซ่า” หลั่งไหลซื้อ “ลูกชิ้นยืนกิน” ถึงขั้น รง.ลูกชิ้นผลิตส่งแม่ค้าไม่ทัน
หน้าภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่: วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 00:12 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 00:12 น.



บุรีรัมย์ - เทศกาล “ลูกชิ้นยืนกิน” บุรีรัมย์คึกคักต่อเนื่อง นทท.แฟนคลับ “ลิซ่า” จากทั่วสารทิศเข้าคิวรอซื้อยาวเหยียด ทำออเดอร์ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ถล่มทลายต้องขึ้นป้าย “หมดแล้ว” ขณะโรงงานลูกชิ้นผลิตส่งพ่อค้าแม่ค้าไม่ทันถึงขั้นต้องยกเลิกออเดอร์ เผยโควิดระบาดยอดสั่งซื้อวันละ 50 กิโลฯ พอ “ลิซ่า” ฟีเวอร์เพิ่มเป็นวันละ 2,000 กิโลฯ แต่มีกำลังผลิตได้เพียง 1,600 กิโลฯ

วันนี้ (19 ก.ย.) บรรยากาศงานเทศกาลลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์ ประจำปี 2564 ที่บริเวณสถานีรถไฟบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ วันที่ 3 ยังคงคึกคัก แม้มีฝนตกโปรยปรายตั้งแต่เช้าแต่ไม่เป็นอุปสรรค ยังมีนักท่องเที่ยวและบรรดาแฟนคลับของ “ลิซ่า BlackPink” หรือลิซ่า แบล็คพิงค์-ลลิษา มโนบาล นักร้องดังระดับโลกชาว จ.บุรีรัมย์ จากหลายจังหวัดเดินทางมาเข้าคิวรอซื้อลูกชิ้นทั้งแบบทอดแล้ว และแบบเอาไปทอดเองที่บ้านเป็นแถวยาวเหยียด บางคนถือโอกาสมาซื้อไปฝากเพื่อนๆ และญาติพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดด้วยก็สั่งคนละ 10-20 ชุด จนแม่ค้าแพกแทบไม่ทัน ส่งผลให้ยอดออเดอร์ทั้งที่ซื้อหน้าร้านและสั่งผ่านออนไลน์พุ่งทะลุวันละกว่า 500 ชุด บางร้านถึงกับต้องปิดป้ายแจ้งว่าหมดแล้วเพื่อให้ลูกค้าทราบว่าออเดอร์วันนี้เต็มแล้ว



แม่ค้าขายลูกชิ้นยืนกินทุกร้านต่างดีใจ และบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามีออเดอร์สั่งจองลูกชิ้นยาวไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. สร้างความดีใจให้แก่พ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างมาก เพราะช่วงที่โควิด-19 ระบาดแทบขายไม่ได้เลยและได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน จึงขอบคุณลิซ่าที่พูดถึงลูกชิ้นยืนกินจนกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ขายดิบขายดีถล่มทลายอย่างที่เห็น บางคนถึงกับบอกว่ากระแสของลิซ่าทำให้ชีวิตแม่ค้ากลับพลิกฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง

จากการสอบถาม น้องกิ๊บ และน้องเก๋ บอกว่า วันนี้ตั้งใจมาซื้อลูกชิ้นยืนกินตามรอยพี่ลิซ่า ซึ่งได้โทรศัพท์ มาแจ้งไว้ก่อนว่าจะสั่งกี่ชุด เพราะช่วงนี้คนมาซื้อและสั่งออนไลน์เยอะ หากมารอซื้อที่หน้าร้านก็อาจผิดหวังไม่ได้รับประทาน หากโทร.มาสั่งไว้ก่อนก็มารับของที่ร้านเลย ยอมรับว่าลูกชิ้นยืนกินอร่อยโดยเฉพาะน้ำจิ้ม ซึ่งมีรสชาติอร่อยเข้มรสไม่เหมือนที่อื่น อยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ยังไม่ได้ลองรับประทานมาลองดูสักครั้ง



ส่วนบรรยากาศที่โรงงานรับตีหรือผลิตลูกชิ้นให้แก่พ่อค้าแม่ค้าที่ขายลูกชิ้นยืนกิน พลอยได้รับอานิสงส์จากกระแสลิซ่าไปด้วยเช่นกัน เพราะช่วงนี้มีออเดอร์สั่งตีลูกชิ้นวันละถึง 2,000 กิโลกรัม จากช่วงสถานการณ์โควิดมียอดตีลูกชิ้นเพียงวันละ 40-50 กิโลกรัมเท่านั้น

โดยเฉพาะโรงงานตีลูกชิ้นของ น.ส.ธัญญารัตน์ ชินณารัตน์ ที่เปิดรับตีลูกชิ้นสืบทอดต่อจากปู่มาจนถึงปัจจุบันกว่า 60 ปีแล้ว บอกว่า จากกระแสของลิซ่ามียอดสั่งตีลูกชิ้นจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้ามากถึงวันละ 2,000 กิโลกรัม จนผลิตไม่ทันต่อความต้องการเพราะกำลังเครื่องและแรงงานคนสามารถทำได้เต็มที่วันละ 1,600 กิโลกรัม ส่วนที่เหลือต้องขอยกเลิกการสั่งซื้อเพราะทำไม่ไหว แต่ก็ดีใจและขอบคุณลิซ่าที่ทำให้มียอดออเดอร์เพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาช่วงเทศกาลปีใหม่หรือสงกรานต์เต็มที่ก็มียอดสั่งตีประมาณ 1,000 กิโลกรัมก็ถือว่าเยอะมากแล้ว แต่นี่ไม่ใช่เทศกาลกลับมียอดสั่งมากถึง 2,000 กิโลกรัม คือพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือจากกระแสเพียงข้ามคืนเท่านั้น



“ขอบคุณลิซ่าที่ทำให้เศรษฐกิจบุรีรัมย์ดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ร้านขายลูกชิ้นยืนกินและโรงงานผลิตเท่านั้น แม้กระทั่งร้านจำหน่ายขวดพลาสติกที่บรรจุน้ำจิ้ม วัตถุดิบที่ทำน้ำจิ้ม พริก มะขาม หรือแตงกวา กะหล่ำปลี ที่กินกับลูกชิ้นก็มียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน ภาวนาขอให้กระแสลิซ่าฟีเวอร์แบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะพิษโควิด-19 ทำเศรษฐกิจซบเซามานานนับปีแล้ว” น.ส.ธัญญารัตน์กล่าว


https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=mQ5R6egZEOc

Wisarut wrote:
Mongwin wrote:
รับกระแส "ลิซ่า" รฟท.จัดรถไฟ 7 ขบวน หนุนเทศกาล "ลูกชิ้นยืนกิน" บุรีรัมย์
กรุงเทพธุรกิจ วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 11:06 น.

รถไฟโหนกระแส “ลิซ่า” เพิ่มรอบไปเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน สถานีบุรีรัมย์
อสังหาริมทรัพย์
วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 20:36 น.


รถไฟโหนกระแส “ลิซ่า Blackpink” เพิ่มรอบไปเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน สถานีบุรีรัมย์ 17-23 ก.ย.นี้
นั่งรถไฟไปงาน “ลูกชิ้นยืนกิน” รฟท.เดินรถเพิ่ม 7 ขบวนสู่ “บุรีรัมย์” หนุนเที่ยวตามรอย “ลิซ่า”
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 12:01 น.
ปรับปรุง: วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 12:01 น.
การรถไฟฯเสือปืนไว! เปิด 7 ขบวนเที่ยวเทศกาลลูกชิ้นยืนกินตามรอย'ลิซ่าฟีเวอร์'
วันเสาร์ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 17.12 น.
รฟท.เปิดบริการขบวนรถเร็ว-รถท้องถิ่นมุ่งสู่บุรีรัมย์ หนุนเที่ยวเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/4988900774458087
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/09/2021 8:54 am    Post subject: Reply with quote

เคลียร์ปมดราม่า ขนาดความกว้างล้อรถไฟบริจาคของญี่ปุ่นไม่ใช่ปัญหา ปรับได้ 3 คันต่อวัน
ไทยโพสต์ 21 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 06:39 น.

21 ก.ย.64 - หลังเกิดปมดรามามีสื่อบางสำนักโจมตีว่า รถดีเซลราง จำนวน17 คัน ที่ บริษัท JR Hokkaido ญี่ปุ่นบริจาคให้ไทยนั้น ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ เพราะมีขนาดความกว้างของล้อไม่เท่ากันนั้น ล่าสุดเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย ยืนยันรถดีเซลรางญี่ปุ่นมอบให้มีประสิทธิภาพ ใช้งานได้ดีและคุ้มค่า โรงงานมักกะสันพร้อมปรับความกว้างล้อเป็น 1 เมตร พร้อมเป็นขบวนท่องเที่ยวและเฟิร์สคลาสต่อไป

จากที่ บริษัท JR Hokkaido ได้มอบรถดีเซลราง จำนวน17 คัน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดย รฟท.รับผิดชอบเพียงแค่ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายเท่านั้น โดยมีการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อหลายแขนง ในเรื่องความคุ้มค่าเพราะเห็นว่ารถไฟจากญี่ปุ่นได้ใช้งานมาแล้ว 30 - 40 ปี อีกทั้งมีขนาดความกว้างของล้อ 1.06 เมตร ขณะที่ รางรถไฟไทยมีขนาดกว้าง 1 เมตร ทำให้ รฟท. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงจำนวนมาก ซึ่งฝ่ายการช่างกล การรถไฟฯ ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

ปัจจุบันในแต่ละประเทศหรือแต่ละภูมิภาค ใช้ขนาดความกว้างของรางรถไฟแตกต่างกันออกไป เช่น ยุโรป และ จีนใช้ความกว้างของราง ขนาด 1.435 เมตร หรือเรียกว่า Standard Gauge ประเทศในแถบเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน บังคลาเทศ อินเดีย ใช้ความกว้างของรางขนาด 1.60 เมตร ซึ่งการกำหนดความกว้างของรางนั้น เป็นเรื่องของการใช้พื้นที่และการเชื่อมโยงกันในภูมิภาคเป็นปัจจัยสำคัญ

ขณะที่ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ส่วนมากใช้ความกว้างของรางขนาด 1.00 - 1.067 เมตร โดย รฟท. มีขนาดความกว้างของราง 1.00 เมตร ส่วนรถไฟญี่ปุ่นมีขนาดกว้าง 1.067 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นรางมาตรฐานเดียวกันคือ Narrow Gauge โดยความกว้างของรางขนาด 1.00 เมตร ของ รฟท. นั้น สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟของประเทศมาเลเซีย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่าได้

ขนาดความกว้างของล้อ

กรณีรถดีเซลราง จำนวน 17 คัน ของ JR Hokkaido ที่มอบมาให้นั้น รฟท. แค่นำมาปรับฐานล้อด้วยเครื่องอัดไฮดรอลิคที่โรงงานมักกะสันก็สามารถนำออกมาให้บริการได้ทันที ซึ่งการปรับปรุงสภาพรถและปรับขนาดความกว้างของฐานล้อเป็นเรื่องที่ศูนย์แผนงานและการผลิต โรงงานมักกะสัน ฝ่ายการช่างกล ดำเนินการเป็นปกติทางด้านวิศวกรรมเครื่องกลอยู่แล้ว โดยเฉพาะการปรับปรุงความกว้างของฐานเพลาล้อจาก 1.067 เมตร ให้เป็น 1.00 เมตร สามารถปรับได้มากถึง 2-3 คันต่อวัน

สำหรับกรณีการดันล้อที่มีพิกัดความกว้าง 1.067 เมตร ไปใช้ในความกว้าง 1.00 เมตร ถือว่าเป็นขั้นตอน หนึ่งในการซ่อมบำรุงล้อและเพลาตามปกติของ รฟท. แม้แต่รถโดยสารที่วิ่งให้บริการอยู่ในปัจจุบันก็ต้องมีการนำรถโดยสารเข้ามาตรวจสอบสภาพ ปรับฐานล้อให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อความปลอดภัยในการให้บริการ

ความคุ้มค่า

ที่ผ่านมาในอดีต รฟท. เคยได้รับรถดีเซลรางและรถโดยสารปรับอากาศมาจาก JR West ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2540 จำนวน 26 คัน ปี 2542 จำนวน 28 คัน ปี 2547 จำนวน 40 คัน ปี 2553 จำนวน 32 คัน และรถโดยสารจากควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2538 จำนวน 21 คัน ซึ่ง รฟท. ได้นำรถที่ได้รับมอบเหล่านี้มาปรับความกว้างฐานเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1.00 เมตร ซึ่งหลังจากปรับปรุงแล้วสามารถนำมาให้บริการได้จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นระยะเวลากว่า 25 ปีแล้ว แม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นเองก็ตาม ได้มีการนำรถโดยสารที่ปลดระวางแล้วมาดัดแปลง ปรับปรุงให้เหมาะสมกับการให้บริการในด้านต่างๆ เช่น การส่งเสริมภาพลักษณ์ สนับสนุนด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่ง รฟท. ได้นำรถโดยสารปรับอากาศ JR West ที่ได้รับ มาปรับปรุงดัดแปลงเป็นรถจัดเฉพาะเพื่อใช้ในกิจการรถไฟ อาทิเช่น ตู้ SRT Prestige และ SRT VIP Train (ขบวนรถหรูสีน้ำเงินเข้มคาดทอง รถไฟชั้นเฟิร์สคลาส) และเคยเป็นขบวนรถไฟที่ให้บริการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้เดินทาง และใช้ประชุม ครม.สัญจรหลายครั้ง นอกจากนี้ ยังให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปในรูปแบบของขบวนรถท่องเที่ยว เช่น รถ OTOP Train อีกด้วย ถือเป็นขบวนรถไฟที่มีผู้โดยสารจองเช่าใช้บริการมากที่สุด เพราะมีความสวยงาม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันโดยในปีงบประมาณ 2562 รฟท. มีรายได้จากการให้เช่ารถไฟเฟิร์สคลาส และขบวนรถพิเศษรวมกว่า 10 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2563 เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายได้ลดลงเหลือประมาณ 5 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังนำรถ JR West บางส่วนมาปรับปรุงดัดแปลงเป็นรถแค้มป์คาร์ของฝ่ายการช่างโยธา รถ Power car รถสำหรับผู้พิการ Wheel chair ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ในการให้บริการแก่ประชาชนอีกด้วย และหากเปรียบเทียบกับการจัดซื้อใหม่แล้ว จะเห็นว่า รฟท. ประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมาก

ส่วนรถโดยสารควีนแลนด์ ปัจจุบัน รฟท. ยังใช้ให้บริการในขบวนรถชานเมืองเป็นประจำทุกวัน โดยสังเกตุได้จากขบวนรถที่ทำจาก Stainless คาดสีเขียว ซึ่งล้วนเป็นรถไฟที่ รฟท. ได้รับมาและดำเนินการซ่อมบำรุง และปรับปรุงความกว้างของฐานล้อทั้งสิ้น ซึ่งยังสามารถใช้การได้เป็นอย่างดี

สำหรับรถโดยสารปรับอากาศ 10 คันที่ JR Hokkaido มอบมาก่อนหน้านี้ รฟท. มีแผนจะดัดแปลงเป็นขบวนรถท่องเที่ยว ซึ่งในขณะนี้ได้ดำเนินการผ่านขั้นตอนการปรับปรุงความกว้างของฐานล้อ จาก 1.067 เมตรเป็น 1.00 เมตร เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันจอดอยู่ที่ ศรีราชา และ รฟท. อยู่ระหว่างประกาศการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อทำการดัดแปลงเป็นขบวนรถท่องเที่ยว ตามที่มีการร่วมมือกับ ทาง TCDC และมีการวางแผน ทางการตลาดไปก่อนหน้านั้น ส่วนขบวนรถ ดีเซลราง Kiha183 จำนวน 17 คันล่าสุดนั้น หลังจากรับเข้ามาแล้ว จะต้องทำการปรับปรุงให้เหมาะสมและเป็นปตามแผนงานตามมาตรฐาน ของ รฟท. โดยคาดว่าจะสามารถทยอย นำออกให้บริการได้ ภายในต้นปี 2565

อะไหล่ซ่อมบำรุง

ส่วนประเด็นการนำเข้าอะไหล่ซ่อมบำรุงนั้น เนื่องจากประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรม รถไฟ รวมถึงรถจักร และรถโดยสาร ดังนั้น การซ่อมบำรุงรถจักรล้อเลื่อน ส่วนใหญ่ ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น และยุโรป จีน และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ รถไฟฟ้า ทั้ง BTS และ BEM ก็ล้วนใช้อะไหล่นำเข้าทั้งสิ้น

สำหรับรถดีเซลรางที่ทางบริษัท JR Hokkaido ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนเดินรถของประเทศญี่ปุ่น ได้มอบให้ การรถไฟฯ ถือเป็นความร่วมมือและการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างการรถไฟฯ และบริษัทในเครือ JR ที่มีมาอย่างยาวนาน โดยการรถไฟฯ มีหนังสือตอบรับมอบรถดีเซลราง ตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 2560 แต่ติดปัญหาเรื่องการขนย้ายจึงทำให้ล่าช้ามาจนถึงปัจจุบัน และเพื่อการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับบริษัท JR Hokkaido จึงได้ว่าจ้างบริษัททำการขนย้ายรถไฟทั้ง 17 คัน ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพตู้รถโดยสารในเบื้องต้น ขบวนรถดีเซลรางอยู่ในสภาพดีได้รับการดูแลบำรุงรักษาจากทางญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากที่การรถไฟฯ ได้รับมอบตู้โดยสารแล้วจะมีการเข้าไปตรวจสอบด้านความปลอดภัย และนำมาดัดแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะนำตู้โดยสารดังกล่าวมาปรับปรุงเพื่อใช้ในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศตามนโยบายรัฐบาลต่อไป.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 21/09/2021 6:46 pm    Post subject: Reply with quote

สาวท้องรับจ้างหิ้วยาบ้า หาเงินคลอดลูก โดนจับคารถไฟสายใต้
ข่าว อาชญากรรม
ไทยรัฐออนไลน์
21 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 16:44 น.

สาวท้อง 5 เดือน สามีติดคุก เพื่อนสามีติดต่อให้นำยาบ้าไปส่ง ตัดสินใจตีตั๋วหิ้วกระเป๋าขึ้นรถที่หัวลำโพง ถึงหัวหินตำรวจรถไฟมาตรวจ โดนจับพร้อมของกลางมูลค่าร่วม 5 ล้าน อ้างอยากได้เงินไปฝากครรภ์ และคลอดลูก


เวลา 09.45 น. วันที่ 21 กันยายน พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ. พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง ผกก.3 บก.รฟ. สั่งการให้ พ.ต.ต.เริ่ม เกตุสุวรรณ์ สว.ส.รฟ.หัวหิน กก.3 บก.รฟ. นำกำลังขึ้นตรวจค้นบนขบวนรถเร็วที่ 171 กรุงเทพฯ-ทุ่งสง หลังสืบทราบมีคนลักลอบนำยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าพื้นที่ภาคใต้

จนมาถึงโบกี้ที่ 13 เลขที่นั่ง 30 ขณะเข้าจอดสถานีรถไฟหัวหิน พบผู้โดยสารเป็นหญิงท่าทางมีพิรุธเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น ทราบชื่อว่า น.ส.ธนัชพร ตรีเดช อายุ 26 ปี ชาว ต.โพธิ์ศรีสำราญ อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ภายในกระเป๋าสะพายสีเขียวที่วางข้างตัว พบยาบ้ามัดละ 10 ถุง รวม 48,480 เม็ด คิดเป็นมูลค่าเกือบ 5 ล้านบาท ซุกซ่อนปนกับเสื้อผ้า จึงนำตัวมาสอบสวน



เบื้องต้น น.ส.ธนัชพร ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตน ก่อนหน้านั้นได้รับการว่าจ้างจากนายใหม่ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเพื่อนกับแฟน ที่ขณะนี้ติดคุกจากคดียาเสพติด ให้ช่วยนำกระเป๋าใส่ยาบ้าไปส่งให้กับเพื่อนนายใหม่ที่สุราษฎร์ธานี เมื่อถึงที่หมายแล้วจะโอนค่าจ้างให้ภายหลัง แต่ไม่บอกว่าจำนวนเท่าไร จังหวะเดียวกับตนตั้งใจไปฝากครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 5 เดือน ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หวังนำเงินไปคลอดลูก จึงนำยาบ้าตีตั๋วขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อไปส่ง แต่ระหว่างทางถูกจับเสียก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผล และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน ดำเนินคดีต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 29/09/2021 3:29 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.บักโกรก! ครม.ไฟเขียวกู้เงิน 1.35 หมื่นล้านเสริมสภาพคล่อง อุดขาดทุนปี 65
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 28 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 16:03 น.
ปรับปรุง: 28 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 16:03 น.



ครม.ไฟเขียว รฟท.กู้เงิน 13,500 ล้านบาทแก้ปัญหาขาดสภาพคล่อง และเงินสดขาดมือในปี 2565 และเจรจากรุงไทยขอเงินกู้ระยะสั้น 800 ล้านบาทสำรองเร่งด่วน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 ก.ย. ได้เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการกู้เงิน ประกอบด้วย เงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 13,500 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน 800 ล้านบาท โดยให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีขอเจรจาต่ออายุสัญญากู้เงินตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมรายงานว่า รฟท.ประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 รฟท.คาดการณ์ว่าจะมีเงินสดรับ 60,965.26 ล้านบาท และเงินสดจ่าย 74,565.26 ล้านบาท โดยมีเงินสดยกมาจากปี 2564 จำนวน 100 ล้านบาท ส่งผลให้ รฟท.ขาดเงินสดไว้ใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 13,500 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องกู้เงินในจำนวนดังกล่าวเพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนในการใช้จ่ายดำเนินงาน การลงทุน การจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ และการชำระหนี้เงินกู้ โดย รฟท.คาดว่าจะเริ่มขาดเงินในช่วงเดือนตุลาคม 2564

นอกจากนี้ รฟท.มีความจำเป็นต้องกู้เงินระยะสั้นเพื่อให้มีวงเงินสำรองไว้ใช้เสริมสภาพคล่อง โดยทำสัญญาเงินกู้ระยะสั้น วงเงิน 800 ล้านบาท ด้วยวิธีการขอเจรจาต่ออายุสัญญาเงินกู้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้เดิม

ThinkofLiving.Com
รฟท.กู้เงินเพิ่มอีก 13,500 ลบ. แก้ปัญหาขาดสภาพคล่องในปี 2565
29 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 13:48 น.
อ่านเพิ่ม https://wp.me/p1YZB1-39S6
.
การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. ตั้งขึ้นในปี 2433 เป็นรัฐวิสาหกิจในกระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่ดูแลกิจการด้านรถไฟของประเทศไทย มีทางรถไฟอยู่ภายใต้ขอบเขตดำเนินการทั้งหมด 4,070 กม. และมีที่ดินในมือมากกว่า 270,000 ไร่ทั่วประเทศ ซึ่งแม้ว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินรายใหญ่ที่สุด แต่...ก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานของรัฐที่มีหนี้มากที่สุด
.
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รฟท. ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 รฟท.คาดการณ์ว่าจะมีเงินสดรับ 60,965.26 ลบ. และเงินสดจ่าย 74,565.26 ลบ. โดยมีเงินสดยกมาจากปี 2564 จำนวน 100 ลบ. ส่งผลให้ รฟท.ขาดเงินสดไว้ใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 13,500 ลบ. จึงจำเป็นต้องกู้เงินในจำนวนดังกล่าวเพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนในการใช้จ่ายดำเนินงาน การลงทุน การจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ และการชำระหนี้เงินกู้ โดย รฟท.คาดว่าจะเริ่มขาดเงินในช่วงเดือนตุลาคม 2564
.
ล่าสุดเมื่อ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ครม. ได้เห็นชอบให้ รฟท. ดำเนินการกู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง ในปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 13,500 ลบ. และเงินกู้ระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน 800 ลบ.
.
อ้างอิงจาก Bloomberg และ The Standard Wealth ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รฟท. ขาดทุนรวมกว่า 40,000 ลบ. ซึ่งเพื่อแก้ปัญหาหนี้ที่สะสมมานาน รฟม. ได้มีการวางแนวคิดที่จะสร้างรายได้จากทรัพย์สินที่มีอยู่ โดยการนำเอาที่ดินมาให้เอกชนประมูลเพื่อพัฒนาร่วมกัน
.
จากมุมมองของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หนึ่งในโครงการที่มีความเป็นไปได้คือ #สถานีกลางบางซื่อ ที่เพิ่งเปิดใช้งานสดๆ ร้อนๆ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 44,000 ลบ. พื้นที่โดยรอบกว้างถึง 2,325 ไร่ ซึ่งสามารถพัฒนาเป็น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และที่อยู่อาศัย
.
หากความพยายามของ รฟท. ประสบความสำเร็จ ศักดิ์สยาม มองว่า รฟท. อาจมีมูลค่ามากกว่า บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ มีมูลค่าแบรนด์องค์กร 788,000 ลบ.
https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-09-26/troubled-thai-state-railway-targets-18-billion-in-land-projects
https://www.facebook.com/thestandardwealth/photos/a.183297416759288/401156544973373
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 30/09/2021 2:51 pm    Post subject: Reply with quote

การรถไฟแห่งประเทศไทย จะรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าทำงานในการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 480 อัตรา ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้.-
https://railway.thaijobjob.com/

การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศเปิดรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน จำนวน 480 อัตรา
ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันที่ 29 กันยายน 2564 เวลา 18:11 น.
***********
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ประกาศเปิดรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าทำงานเพิ่มเติมจำนวน 480 อัตรา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน และรองรับการขยายเส้นทางการเดินรถในอนาคต โดยต้องเป็นผู้ที่มีอายุระหว่าง 18 – 35 ปี มีคุณสมบัติครบถ้วน และไม่มีลักษณะต้องห้ามใดๆตามประกาศรับสมัครที่กำหนดไว้ คุณวุฒิที่รับสมัคร แบ่งออกเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และระดับปริญญาตรี ดังนี้
ตำแหน่งที่เปิดรับสมัครสอบ
1. สังกัดฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ
1.1 พนักงานการเดินรถ 6 (พนักงานควบคุมการเดินรถ) จำนวน 5 อัตรา วุฒิปริญญาตรี อัตราเงินเดือน 16,830.- บาท
1.2 พนักงานการเดินรถ 6 (นายสถานี) จำนวน 264 อัตรา วุฒิปริญญาตรี อัตราเงินเดือน 16,830.- บาท
1.3 พนักงานการเดินรถ 5 (นายสถานี) จำนวน 98 อัตรา วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อัตราเงินเดือน 12,690.- บาท
1.4 พนักงานการเดินรถ 2 (พนักงานกั้นถนน) จำนวน 9 อัตรา วุฒิมัธยมศึกษาตอนต้น อัตราเงินเดือน 9,580.- บาท
2. สังกัดฝ่ายบริการสินค้า
2.1 พนักงานขบวนรถ 2 (พนักงานห้ามล้อ) จำนวน 5 อัตรา วุฒิมัธยมศึกษาตอนต้น อัตราเงินเดือน 9,580.- บาท
2.2 พนักงานการเดินรถ 2 (พนักงานคุมประแจ) จำนวน 3 อัตรา วุฒิมัธยมศึกษาตอนต้น อัตราเงินเดือน 9,580.- บาท
3. สังกัดฝ่ายการช่างกล
3.1 วิศวกร 6 (วิศวกรรมไฟฟ้าหรือวิศวกรรมเครื่องกล) จำนวน 2 อัตรา วุฒิปริญญาตรี อัตราเงินเดือน 16,830.- บาท
4. สังกัดฝ่ายการช่างโยธา
4.1 วิศวกร 6 (วิศวกรรมโยธา) จำนวน 19 อัตรา วุฒิปริญญาตรี อัตราเงินเดือน 16,830.- บาท
4.2 วิศวกร 6 (วิศวกรรมอุตสาหการหรือเครื่องกล) จำนวน 1 อัตรา วุฒิปริญญาตรี อัตราเงินเดือน 16,830.- บาท
4.3 วิศวกร 6 (วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์หรืออิเล็กทรอนิกส์) จำนวน 2 อัตรา วุฒิปริญญาตรี อัตราเงินเดือน 16,830.- บาท
4.4 พนักงานเทคนิค 4 (ช่างก่อสร้าง) จำนวน 28 อัตรา วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อัตราเงินเดือน 10,440.- บาท
5. สังกัดฝ่ายการอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม
5.1 วิศวกร 6 (วิศวกรรมโทรคมนาคม ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ สื่อสาร) จำนวน 9 อัตรา วุฒิปริญญาตรี อัตราเงินเดือน 16,830.- บาท
5.2 พนักงานเทคนิค 4 (ช่างไฟฟ้าหรือช่างอิเล็กทรอนิกส์หรือช่างไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หรือช่างยนต์หรือช่างวิทยุหรือช่างกลโรงงานหรือช่างเชื่อมหรือช่างอุตสาหกรรม) จำนวน 26 อัตรา วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อัตราเงินเดือน 10,440.- บาท
6. สังกัดฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง
6.1 วิศวกร 6 (วิศวกรรมโยธา) จำนวน 5 อัตรา วุฒิปริญญาตรี อัตราเงินเดือน 16,830.- บาท
6.2 พนักงานเทคนิค 4 (ช่างก่อสร้างหรือช่างสำรวจ) จำนวน 4 อัตรา วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อัตราเงินเดือน 10,440.- บาท
ทั้งนี้ ผู้สนใจสมัครสามารถสมัครสอบทางอินเทอร์เน็ต (Internet) ที่เว็บไซต์ www.railway.co.th หรือhttps://railway.thaijobjob.com ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ตลอด 24 ชั่วโมง
ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยมีขั้นตอน ดังนี้.-
1. ให้ผู้สมัครสอบเข้าไปที่เว็บไซต์การรถไฟฯ www.railway.co.th หรือhttps://railway.thaijobjob.com
2. ให้ผู้สมัครสอบอ่านขั้นตอน และคำแนะนำโดยละเอียดก่อนกรอกใบสมัคร (ผู้สมัครสอบสามารถสมัครสอบได้เพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น)
3. ผู้สมัครสอบจะต้องแนบไฟล์เอกสารและหลักฐานต่างๆ ในการสมัครสอบ โดยผู้สมัครสอบจะต้องลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องในเอกสารและหลักฐานต่างๆ ทุกหน้า ทุกฉบับ ให้ครบถ้วน แล้วสแกนแนบไฟล์ในระบบรับสมัคร
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ดำเนินการสอบแข่งขันด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และเสมอภาค ดังนั้นหากมีผู้ใดแอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้ท่านได้เข้าเป็นพนักงานการรถไฟฯ หรือมีพฤติการณ์ในทำนองเดียวกัน โปรดอย่าได้หลงเชื่อเป็นอันขาด และขอความร่วมมือแจ้งมายังหัวหน้ากองการบุคคล ฝ่ายทรัพยากรบุคคล โทร. 02-220-4471 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสูดต่อไป
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดการสมัครสอบ ปัญหาการใช้ระบบ เช่น การส่งใบสมัคร การพิมพ์ใบสมัคร หรือการค้นหาใบสมัคร นำส่งเอกสาร กรุณาติดต่อ Call Center โทร. 0-2257-7159 กด 3 ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น. หรือ LineID : @Thaijobjob
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งงาน คุณวุฒิการศึกษา หลักฐานทางทหาร สามารถติดต่อได้ที่ งานวางแผนและสรรหา โทร. 0-22204481 หรือ 0-26218701 ต่อ 8245254 ในวันและเวลาราชการ เวลา 8.30-16.30 น.
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4478487275543099&id=222323771159492
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/5027830603898437
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 01/10/2021 10:04 am    Post subject: Reply with quote

บอร์ดไฟเขียวจ้างรฟฟท. 449 ล้านเดินรถARL-สายสีแดง
*แอร์พอร์ตลิ้งก์จ้างถึง24ต.ค./สีแดงถึง30ก.ย.65
*จ่ายงานเอสอาร์ทีฯรีวิวผลศึกษาพัฒนาที่ 2โปรฯ
*“สถานีธนบุรี-โรงแรมรถไฟหัวหิน”1.2 หมื่นล้าน
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3012374902317341
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/10/2021 8:37 am    Post subject: Reply with quote

ครม.สั่งคุมเข้มแผนก่อหนี้ 4 รัฐวิสาหกิจ รายได้ต่ำกว่าความสามารถชำระหนี้
กรุงเทพธุรกิจ By นครินทร์ ศรีเลิศ03 ต.ค. 2564 เวลา 8:25 น.20

ครม.สั่งคุมเข้มแผนก่อหนี้ 4 รัฐวิสาหกิจ รายได้ต่ำกว่าความสามารถชำระหนี้
การแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ "รัฐวิสาหกิจ" เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจัดทำแผนเพื่อฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ เพื่อหาทางแก้ปัญหา ลดภาระขาดทุน ซึ่งมีทั้งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพ หารายได้เพิ่ม และลดต้นทุแต่ยังมีหลายแห่งที่มีหนี้สูงต้องเฝ้าระวัง

จากปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ของรัฐวิสาหกิจหลายแห่งลดลง มีภาระหนี้สินมากขึ้น บางแห่งต้องมีการกู้ยืมเงินเพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือจ่ายดอกเบี้ยเดิม โดยหนี้ที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมบางส่วนเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังต้องเข้าไปค้ำประกันและได้มีการรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบในการพิจารณาแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2565 ที่ ครม.ได้เห็นชอบไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา

หากพิจารณาดูในรายละเอียดแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2565 มีการรวมเอาหนี้ของรัฐวิสาหกิจเข้ามาทั้งในแผนบริหารหนี้เดิมและแผนบริหารหนี้ใหม่ 275,792.17 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนบริหารหนี้ใหม่ 141,008.63 ล้านบาท และแผนบริหารหนี้เดิม 134,783.54 ล้านบาท

โดยในการก่อหนี้เพิ่มเติมของรัฐวิสาหกิจ ครม.ได้รับทราบความจำเป็นในการกู้เงินที่มีความจำเป็นในหลายโครงการที่ให้รัฐวิสาหกิจมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยมีหลายโครงการที่ต้องดำเนินการโดยใช้วิธีให้กระทรวงการคลังกู้เงินแล้วให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ เช่น การกู้เงินวงเงินรวม 5.5 หมื่นล้านบาทเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพฯ- หนองคาย (รถไฟไทย-จีน ) ระยะที่ 1 ช่วง กรุงเทพ-นครราชสีมา และโครงการรถไฟทางคู่ และทางรถไฟตามแผนอีก 6 เส้นทาง เป็นต้น

ในการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2565 ครม.ได้มีการพิจารณาถึงสัดส่วนทางการเงินที่สำคัญ ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ระบุว่ารัฐวิสาหกิจที่จะมีการกู้เงินต้องมีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ration :DSCR) นับแต่มีการก่อหนี้ในอัตราส่วนไม่ต่ำกว่า 1 เท่า โดยหากมีความจำเป็นต้องกู้เงินแต่ไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ ให้รัฐวิสาหกิจนั้นๆเสนอเหตุผลและความจำเป็น แนวทางการแก้ไขปัญหา และแผนบริหารหนี้ที่ชัดเจนต่อคณะกรรมการฯ เพื่อเสนอความเห็นในการกู้เงินต่อ ครม.

ทั้งนี้ในแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2565 มีรัฐวิสาหกิจจำนวน 4 แห่งที่มีค่า DSCR ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งต้องเสนอขออนุมัติต่อ ครม. ได้แก่

1.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มี DSCR เท่ากับ 0.74 เท่า

โดย การขอบรรจุวงเงินในแผนฯ ปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้วยแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1.08 หมื่นล้านบาท โดยเป็นวงเงินให้กู้ต่อจากกระทรวงการคลังเพื่อลงทุนในโครงการระบบรถไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาลที่รัฐรับภาระทั้งหมด แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 1.87 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้เงินให้กู้ต่อจากกระทรวงการคลังที่รัฐรับภาระทั้งหมด และแผนการชำระหนี้วงเงิน 7.9 พันล้านบาท โดยเป็นวงเงินที่ รฟม. ขอรับจัดสรรบประมาณประจำปีงบประมาณ 2565ที่รัฐรับภาระ ชำระหนี้เงินต้น วงเงิน 3.5 พัน ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย วงเงิน 4.35 พันล้านบาท

Click on the image for full size

ทั้งนี้ภาระหนี้ของ รฟม. เกิดขึ้นจากการกู้เงินจากกระทรวงการคลังเพื่อนำมาลงทุนในโครงการระบบรถไฟฟ้าในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรัฐบาลรับภาระการลงทุนทั้งหมด ดังนั้น รฟม.จึงสามารถขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากรัฐบาล เพื่อชำระหนี้ทั้งในส่วนของดอกเบี้ยและเงินต้นได้ สำหรับภาระหนี้ที่มีวงเงินที่ครบกำหนดจำนวนมากในแต่ละปี เห็นควรให้มีการกระจายภาระหนี้ให้สอดคล้องกับการจัดหารายได้ของหน่วยงานและความสามารถในการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ในแต่ละปีเห็นชอบให้นำเสนอเหตุผลความจำเป็น แนวทางการแก้ไขปัญหา และแผนการบริหารหนี้ที่ชัดเจนของ รฟม. ต่อ ครม.

2.การรถไฟแห่งประเทศไทย DSCR เท่ากับ 0.52 เท่า

โดยมีการกู้เงินและการบริหารหนี้ที่รัฐบาลรับภาระ วงเงิน 8.68 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็น การกู้เงินใหม่ วงเงิน 5.54 หมื่นล้านบาท และการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 3.13 หมื่นล้านบาทเป็นการกู้เงินและการบริหารหนี้ที่รัฐบาลรับภาระทั้งหมด จึงไม่ส่งผลต่อฐานะการเงินของ รฟท. เนื่องจากรัฐบาล

ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้ให้แก่ รฟท. ตามภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริงที่ต้องชำระคืนเงินต้นตามกรอบที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ รวมทั้ง กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารจัดการหนี้เงินกู้ดังกล่าวให้ด้วยดังนั้น หนี้ที่รัฐบาลรับภาระจึงไม่กระทบต่อฐานะการเงินของ รฟท.

โดยการกู้เงินและการบริหารหนี้ที่ รฟท. รับภาระ วงเงิน 6.78 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นการกู้ใหม่ วงเงิน 1.79 หมื่นล้านบาท และการบริหารหนี้เดิมในประเทศ วงเงิน 4.72 หมื่นล้านบาทและต่างประเทศ วงเงิน 2.36 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีดอกเบี้ยจ่ายที่ รฟท. รับภาระ จำนวน 3.62 พันล้านบาท รฟท. ยังสามารถบริหารจัดการและรับภาระได้โดยใช้รายได้ในการชำระดอกเบี้ย และมีการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ เนื่องด้วย รฟท. จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อดำเนินกิจการเนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้เพื่อให้ รฟท.สามารถดำเนินกิจการขนส่งสาธารณะ (public Service) แก่ประชาชนได้ ดังนั้น จึงเห็นควรให้รัฐบาลชดเชยผลขาดทุนรายปีให้แก่ รฟท. ตามกฎหมายรวมทั้งดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้เงินที่เป็นผลมาจากการขาดทุนดังกล่าว ซึ่งเมื่อ รฟท. สามารถปิดงบการเงินประจำปี และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) รับรองได้แล้ว ควรชดเชยผลการขาดทุนให้แก่ รฟท. เพื่อชดเชยภาระการกู้เงินเนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี

นอกจากนี้กระทรวงการคลังโดย สบน. ได้ช่วยบริหารหนี้ของ รฟท. ที่มีอยู่กว่า 1.9แสนล้านบาท ให้สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของ รพท. โดยลดการกระจุกตัวของหนี้ ขยายอายุหนี้ให้ยาวขึ้น และจำกัด (Lock) ต้นทุน ในช่วงที่ต้นทุนการกู้เงินอยู่ในระดับต่ำตามสภาวะตลาด

ที่เอื้ออำนวยปัจจุบัน ทั้งนี้ สบน. จะใช้ผลการกู้เงินและการเบิกจ่ายเปรียบเทียบกับแผนฯ ของ รฟท. ในการพิจารณาขอบรรจุวงเงินและโครงการในแผนฯ ทุกครั้ง และจะประสานงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องทุกระยะ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของ รฟท. ตามแผนฟื้นฟูกิจการ

3.การเคหะแห่งชาติ (กคช.) อัตราส่วน DSCR เท่ากับ 0.46 เท่า โดยการขอบรรจุวงเงินในแผนฯประจำปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้วย

แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 3.3 พันล้านบาท โดยเป็นเงินกู้เพื่อลงทุน วงเงิน 1,350 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง วงเงิน 1,940 ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 1500 ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน 2.7 พันล้านบาท โดยเป็นวงเงินที่ กคช. ขอรับจัดสรรงบประมาณประจำปี 2565 เพื่อชำระค่าดอกเบี้ย วงเงิน 63.32 ล้านบาท และชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจากแหล่งเงินอื่นรวมวงเงิน 2643 ล้านบาท

สาเหตุที่ กคช. มีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำกว่าเกณฑ์ เนื่องจากมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปีที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ในวงเงินค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ได้มีการแก้ปัญหา DSCR ในปีงบประมาณ 2564 โดย กคช, ร่วมกับ สบน. ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ที่ครบกำหนด โดยการออกพันธบัตร เพื่อช่วยยืดอายุเฉลี่ยหนี้คงค้าง ลดการกระจุกตัวของหนี้ (Bunching) (หนี้ที่ครบกำหนดในช่วง 1-3 ปี ลดลงจากเดิม 49% เหลือ 28% ของหนี้งค้าง) ดังนั้น กคช.จึงควรประสานงานร่วมกับ สบน. อย่างใกล้ชิตและต่อเนื่อง

หนี้คงค้างที่เหลือส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบพันธบัตร ดังนั้น กคช. ควรบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้สมดุล เช่น การบริหารสินทรัพย์เพื่อเพิ่มรายได้ การวางแผนการก่อหนี้ใหม่และการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับกระแสเงินรับที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน และควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปี โดยควรมีการกำหนดกรอบตัวขี้วัดในการบริหารความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้ด้วย

รวมทั้งควรพิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ก่อนครบกำหนด เพื่อลดการกระจุกตัวของหนี้ และควรมีการวางแผนการบริหารทรัพย์สินก่อนโครงการแล้วเสร็จเพื่อไม่ให้เกิดต้นทุนจม (Sunk Cost) สำหรับแผนการบริหารทรัพย์สินตังกล่าว ขอให้ กคช. รายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการฯ เป็นระยะ

และ 4.องค์การขนส่งมวลขนกรุงเทพ อัตราส่วน DSCR เท่ากับ 0.18 เท่า มีการการขอบรรจุวงเงินในแผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้วยแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 7.8 พันล้านบาท โดยเป็นเงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและเสริมสภาพคล่องทางการเงิน แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน 3.1 พันล้านบาท

โดยเป็นวงเงินที่ ขสมก. ขอรับจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2565 เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยวงเงิน 2.18 พันล้านบาท และชำระดอกเบี้ยจากแหล่งเงินอื่น วงเงิน 996.94 ล้านบาท การบริหารหนี้เดิม วงเงินรวม 2.51 หมื่นล้านบาท

เป็นหนี้เงินกู้ที่เกิดขึ้นก่อน วันที่ 25 มิ.ย.2562 ซึ่ง ครม.มีมตีให้รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยจ่าย และสำนักงบประมาณได้จัดสรรชำระดอกเบี้ยจ่ายในปี 2565 ให้แล้ว จำนวน 5.18 พันล้านบาท และหนี้เงินกู้ที่เกิดขึ้นภายหลัง จำนวน 1.03 หมื่นล้านบาท ซึ่ง ขสมก. ได้ชำระดอกเบี้ยจากรายไต้ตนเอง ดังนั้นจึงสามารถเสนอให้ครม.ปรับโครงสร้างหนี้ใด้

ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ ขสมก. ก่อหนี้สะสมเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น สบน. เห็นว่า ขสมก. จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการขนส่งสาธารณะแก่ประชาชนได้

ดังนั้น จึงเห็นควรให้รัฐบาลชดเชยผลขาดทุนรายปีให้แก่ ขสมก. เมื่อ ขสมก. สามารถปิดงบการเงินประจำปีและ สตง. รับรองได้และถึงแม้ว่า สตง. รับรองแล้วควรให้หน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพองศ์กรต่อไปเพื่อลดภาระภาครัฐในอนาคต

กระทรวงการคลังโดย สบน. ได้ช่วยบริหารหนี้ของ ขสมก. ที่มีอยู่กว่า 1.23 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ให้สอดคล้องกับรายได้และวามสามารถในการชำระหนี้ของ ขสมก. โดยลดการกระจุกตัวของหนี้ ขยายอายุหนี้ให้ยาวขึ้น และจำกัด (Lock) ต้นทุน ในช่วงที่ต้นทุน

การกู้เงินอยู่ในระดับต่ำตามสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยในปัจจุบัน ทั้งนี้ สบน. จะใช้ผลการกู้เงินและการเบิกจ่ายเปรียบเทียบกับแผนฯ ของ ขสมก. ในการพิจารณาการชอบรรจุวงเงินและโครงการในแผนฯ ทุกครั้ง และจะประสานงานร่วมกับ สคร. อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องทุกระยะ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของ ขสมก.ตามแผนฟื้นฟูกิจการ พร้อมทั้งนำเสนอและรายงานต่อคณะกรรมการฯ ประกอบการพิจารณาการให้กู้เงินและการบริหารหนี้ของ ขสมก.

นอกจากนี้ยังขอให้ ขสมก. ดำเนินการลดสัดส่วนพนักงานต่อคันรถ เพื่อให้การดำเนินงานและการบริหารตันทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเช่ารถจากเอกชนมาวิ่งดำเนินการให้คำนวณตั้งแต่ต้นสายจนถึงปลายสายเท่านั้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/10/2021 9:15 am    Post subject: Reply with quote

ครม.สั่งคุมเข้มแผนก่อหนี้ 4 รัฐวิสาหกิจ รายได้ต่ำกว่าความสามารถชำระหนี้
กรุงเทพธุรกิจ By นครินทร์ ศรีเลิศ03 ต.ค. 2564 เวลา 8:25 น.20

ครม.สั่งคุมเข้มแผนก่อหนี้ 4 รัฐวิสาหกิจ รายได้ต่ำกว่าความสามารถชำระหนี้
การแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ "รัฐวิสาหกิจ" เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจัดทำแผนเพื่อฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ เพื่อหาทางแก้ปัญหา ลดภาระขาดทุน ซึ่งมีทั้งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพ หารายได้เพิ่ม และลดต้นทุแต่ยังมีหลายแห่งที่มีหนี้สูงต้องเฝ้าระวัง

จากปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ของรัฐวิสาหกิจหลายแห่งลดลง มีภาระหนี้สินมากขึ้น บางแห่งต้องมีการกู้ยืมเงินเพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือจ่ายดอกเบี้ยเดิม โดยหนี้ที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมบางส่วนเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังต้องเข้าไปค้ำประกันและได้มีการรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบในการพิจารณาแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2565 ที่ ครม.ได้เห็นชอบไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา

หากพิจารณาดูในรายละเอียดแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2565 มีการรวมเอาหนี้ของรัฐวิสาหกิจเข้ามาทั้งในแผนบริหารหนี้เดิมและแผนบริหารหนี้ใหม่ 275,792.17 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนบริหารหนี้ใหม่ 141,008.63 ล้านบาท และแผนบริหารหนี้เดิม 134,783.54 ล้านบาท

โดยในการก่อหนี้เพิ่มเติมของรัฐวิสาหกิจ ครม.ได้รับทราบความจำเป็นในการกู้เงินที่มีความจำเป็นในหลายโครงการที่ให้รัฐวิสาหกิจมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยมีหลายโครงการที่ต้องดำเนินการโดยใช้วิธีให้กระทรวงการคลังกู้เงินแล้วให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ เช่น การกู้เงินวงเงินรวม 5.5 หมื่นล้านบาทเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพฯ- หนองคาย (รถไฟไทย-จีน ) ระยะที่ 1 ช่วง กรุงเทพ-นครราชสีมา และโครงการรถไฟทางคู่ และทางรถไฟตามแผนอีก 6 เส้นทาง เป็นต้น

ในการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2565 ครม.ได้มีการพิจารณาถึงสัดส่วนทางการเงินที่สำคัญ ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ระบุว่ารัฐวิสาหกิจที่จะมีการกู้เงินต้องมีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ration :DSCR) นับแต่มีการก่อหนี้ในอัตราส่วนไม่ต่ำกว่า 1 เท่า โดยหากมีความจำเป็นต้องกู้เงินแต่ไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ ให้รัฐวิสาหกิจนั้นๆเสนอเหตุผลและความจำเป็น แนวทางการแก้ไขปัญหา และแผนบริหารหนี้ที่ชัดเจนต่อคณะกรรมการฯ เพื่อเสนอความเห็นในการกู้เงินต่อ ครม.

ทั้งนี้ในแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2565 มีรัฐวิสาหกิจจำนวน 4 แห่งที่มีค่า DSCR ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งต้องเสนอขออนุมัติต่อ ครม. ได้แก่

1.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มี DSCR เท่ากับ 0.74 เท่า

โดย การขอบรรจุวงเงินในแผนฯ ปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้วยแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1.08 หมื่นล้านบาท โดยเป็นวงเงินให้กู้ต่อจากกระทรวงการคลังเพื่อลงทุนในโครงการระบบรถไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาลที่รัฐรับภาระทั้งหมด แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 1.87 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้เงินให้กู้ต่อจากกระทรวงการคลังที่รัฐรับภาระทั้งหมด และแผนการชำระหนี้วงเงิน 7.9 พันล้านบาท โดยเป็นวงเงินที่ รฟม. ขอรับจัดสรรบประมาณประจำปีงบประมาณ 2565ที่รัฐรับภาระ ชำระหนี้เงินต้น วงเงิน 3.5 พัน ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย วงเงิน 4.35 พันล้านบาท

Click on the image for full size

ทั้งนี้ภาระหนี้ของ รฟม. เกิดขึ้นจากการกู้เงินจากกระทรวงการคลังเพื่อนำมาลงทุนในโครงการระบบรถไฟฟ้าในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรัฐบาลรับภาระการลงทุนทั้งหมด ดังนั้น รฟม.จึงสามารถขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากรัฐบาล เพื่อชำระหนี้ทั้งในส่วนของดอกเบี้ยและเงินต้นได้ สำหรับภาระหนี้ที่มีวงเงินที่ครบกำหนดจำนวนมากในแต่ละปี เห็นควรให้มีการกระจายภาระหนี้ให้สอดคล้องกับการจัดหารายได้ของหน่วยงานและความสามารถในการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ในแต่ละปีเห็นชอบให้นำเสนอเหตุผลความจำเป็น แนวทางการแก้ไขปัญหา และแผนการบริหารหนี้ที่ชัดเจนของ รฟม. ต่อ ครม.

2.การรถไฟแห่งประเทศไทย DSCR เท่ากับ 0.52 เท่า

โดยมีการกู้เงินและการบริหารหนี้ที่รัฐบาลรับภาระ วงเงิน 8.68 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็น การกู้เงินใหม่ วงเงิน 5.54 หมื่นล้านบาท และการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 3.13 หมื่นล้านบาทเป็นการกู้เงินและการบริหารหนี้ที่รัฐบาลรับภาระทั้งหมด จึงไม่ส่งผลต่อฐานะการเงินของ รฟท. เนื่องจากรัฐบาล

ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้ให้แก่ รฟท. ตามภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริงที่ต้องชำระคืนเงินต้นตามกรอบที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ รวมทั้ง กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารจัดการหนี้เงินกู้ดังกล่าวให้ด้วยดังนั้น หนี้ที่รัฐบาลรับภาระจึงไม่กระทบต่อฐานะการเงินของ รฟท.

โดยการกู้เงินและการบริหารหนี้ที่ รฟท. รับภาระ วงเงิน 6.78 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นการกู้ใหม่ วงเงิน 1.79 หมื่นล้านบาท และการบริหารหนี้เดิมในประเทศ วงเงิน 4.72 หมื่นล้านบาทและต่างประเทศ วงเงิน 2.36 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีดอกเบี้ยจ่ายที่ รฟท. รับภาระ จำนวน 3.62 พันล้านบาท รฟท. ยังสามารถบริหารจัดการและรับภาระได้โดยใช้รายได้ในการชำระดอกเบี้ย และมีการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ เนื่องด้วย รฟท. จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อดำเนินกิจการเนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้เพื่อให้ รฟท.สามารถดำเนินกิจการขนส่งสาธารณะ (public Service) แก่ประชาชนได้ ดังนั้น จึงเห็นควรให้รัฐบาลชดเชยผลขาดทุนรายปีให้แก่ รฟท. ตามกฎหมายรวมทั้งดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้เงินที่เป็นผลมาจากการขาดทุนดังกล่าว ซึ่งเมื่อ รฟท. สามารถปิดงบการเงินประจำปี และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) รับรองได้แล้ว ควรชดเชยผลการขาดทุนให้แก่ รฟท. เพื่อชดเชยภาระการกู้เงินเนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี

นอกจากนี้กระทรวงการคลังโดย สบน. ได้ช่วยบริหารหนี้ของ รฟท. ที่มีอยู่กว่า 1.9แสนล้านบาท ให้สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของ รพท. โดยลดการกระจุกตัวของหนี้ ขยายอายุหนี้ให้ยาวขึ้น และจำกัด (Lock) ต้นทุน ในช่วงที่ต้นทุนการกู้เงินอยู่ในระดับต่ำตามสภาวะตลาด

ที่เอื้ออำนวยปัจจุบัน ทั้งนี้ สบน. จะใช้ผลการกู้เงินและการเบิกจ่ายเปรียบเทียบกับแผนฯ ของ รฟท. ในการพิจารณาขอบรรจุวงเงินและโครงการในแผนฯ ทุกครั้ง และจะประสานงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องทุกระยะ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของ รฟท. ตามแผนฟื้นฟูกิจการ

3.การเคหะแห่งชาติ (กคช.) อัตราส่วน DSCR เท่ากับ 0.46 เท่า โดยการขอบรรจุวงเงินในแผนฯประจำปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้วย

แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 3.3 พันล้านบาท โดยเป็นเงินกู้เพื่อลงทุน วงเงิน 1,350 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง วงเงิน 1,940 ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 1500 ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน 2.7 พันล้านบาท โดยเป็นวงเงินที่ กคช. ขอรับจัดสรรงบประมาณประจำปี 2565 เพื่อชำระค่าดอกเบี้ย วงเงิน 63.32 ล้านบาท และชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจากแหล่งเงินอื่นรวมวงเงิน 2643 ล้านบาท

สาเหตุที่ กคช. มีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำกว่าเกณฑ์ เนื่องจากมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปีที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ในวงเงินค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ได้มีการแก้ปัญหา DSCR ในปีงบประมาณ 2564 โดย กคช, ร่วมกับ สบน. ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ที่ครบกำหนด โดยการออกพันธบัตร เพื่อช่วยยืดอายุเฉลี่ยหนี้คงค้าง ลดการกระจุกตัวของหนี้ (Bunching) (หนี้ที่ครบกำหนดในช่วง 1-3 ปี ลดลงจากเดิม 49% เหลือ 28% ของหนี้งค้าง) ดังนั้น กคช.จึงควรประสานงานร่วมกับ สบน. อย่างใกล้ชิตและต่อเนื่อง

หนี้คงค้างที่เหลือส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบพันธบัตร ดังนั้น กคช. ควรบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้สมดุล เช่น การบริหารสินทรัพย์เพื่อเพิ่มรายได้ การวางแผนการก่อหนี้ใหม่และการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับกระแสเงินรับที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน และควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปี โดยควรมีการกำหนดกรอบตัวขี้วัดในการบริหารความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้ด้วย

รวมทั้งควรพิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ก่อนครบกำหนด เพื่อลดการกระจุกตัวของหนี้ และควรมีการวางแผนการบริหารทรัพย์สินก่อนโครงการแล้วเสร็จเพื่อไม่ให้เกิดต้นทุนจม (Sunk Cost) สำหรับแผนการบริหารทรัพย์สินตังกล่าว ขอให้ กคช. รายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการฯ เป็นระยะ

และ 4.องค์การขนส่งมวลขนกรุงเทพ อัตราส่วน DSCR เท่ากับ 0.18 เท่า มีการการขอบรรจุวงเงินในแผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้วยแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 7.8 พันล้านบาท โดยเป็นเงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและเสริมสภาพคล่องทางการเงิน แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน 3.1 พันล้านบาท

โดยเป็นวงเงินที่ ขสมก. ขอรับจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2565 เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยวงเงิน 2.18 พันล้านบาท และชำระดอกเบี้ยจากแหล่งเงินอื่น วงเงิน 996.94 ล้านบาท การบริหารหนี้เดิม วงเงินรวม 2.51 หมื่นล้านบาท

เป็นหนี้เงินกู้ที่เกิดขึ้นก่อน วันที่ 25 มิ.ย.2562 ซึ่ง ครม.มีมตีให้รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยจ่าย และสำนักงบประมาณได้จัดสรรชำระดอกเบี้ยจ่ายในปี 2565 ให้แล้ว จำนวน 5.18 พันล้านบาท และหนี้เงินกู้ที่เกิดขึ้นภายหลัง จำนวน 1.03 หมื่นล้านบาท ซึ่ง ขสมก. ได้ชำระดอกเบี้ยจากรายไต้ตนเอง ดังนั้นจึงสามารถเสนอให้ครม.ปรับโครงสร้างหนี้ใด้

ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ ขสมก. ก่อหนี้สะสมเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น สบน. เห็นว่า ขสมก. จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการขนส่งสาธารณะแก่ประชาชนได้

ดังนั้น จึงเห็นควรให้รัฐบาลชดเชยผลขาดทุนรายปีให้แก่ ขสมก. เมื่อ ขสมก. สามารถปิดงบการเงินประจำปีและ สตง. รับรองได้และถึงแม้ว่า สตง. รับรองแล้วควรให้หน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพองศ์กรต่อไปเพื่อลดภาระภาครัฐในอนาคต

กระทรวงการคลังโดย สบน. ได้ช่วยบริหารหนี้ของ ขสมก. ที่มีอยู่กว่า 1.23 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ให้สอดคล้องกับรายได้และวามสามารถในการชำระหนี้ของ ขสมก. โดยลดการกระจุกตัวของหนี้ ขยายอายุหนี้ให้ยาวขึ้น และจำกัด (Lock) ต้นทุน ในช่วงที่ต้นทุน

การกู้เงินอยู่ในระดับต่ำตามสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยในปัจจุบัน ทั้งนี้ สบน. จะใช้ผลการกู้เงินและการเบิกจ่ายเปรียบเทียบกับแผนฯ ของ ขสมก. ในการพิจารณาการชอบรรจุวงเงินและโครงการในแผนฯ ทุกครั้ง และจะประสานงานร่วมกับ สคร. อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องทุกระยะ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของ ขสมก.ตามแผนฟื้นฟูกิจการ พร้อมทั้งนำเสนอและรายงานต่อคณะกรรมการฯ ประกอบการพิจารณาการให้กู้เงินและการบริหารหนี้ของ ขสมก.

นอกจากนี้ยังขอให้ ขสมก. ดำเนินการลดสัดส่วนพนักงานต่อคันรถ เพื่อให้การดำเนินงานและการบริหารตันทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเช่ารถจากเอกชนมาวิ่งดำเนินการให้คำนวณตั้งแต่ต้นสายจนถึงปลายสายเท่านั้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 405, 406, 407 ... 471, 472, 473  Next
Page 406 of 473

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©