View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44600
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44600
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 15/01/2022 3:15 pm Post subject:
ชื่อเพราะดี ชอบมากครับ เข้าชุดกับ สถานีท่านาแล้ง
ไม่สับสนดีด้วยครับ
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44600
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44600
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 16/01/2022 11:36 pm Post subject:
จ่ายค่าชดเชย ค่าเวนคืนรถไฟลาวจีน เมืองไซ เมืองนาหม้อ เมืองงา แขวงอุดมไซ 183430 ล้านกีบ โดยมากเป็นพอใจแต่บางส่วนไม่พอใจแต่ก็พยายามแก้ไข ได้สร้างบ้านจัดสรร บ้านนาหม้อใต้ บ้านนาคก เพื่อชดเชยแล้ว และ สร้างโรงเรียนบ้านห้วยคุก และ ชดเชยค่าสร้าถนนเข้าสถายนีด้วบย และ แก้ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำได้ผลกระทบ ยังต้องแก้ไขอีก
https://www.youtube.com/watch?v=PX5RAom5olk
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44600
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/01/2022 7:04 am Post subject:
เปิดแผนเชื่อมรถไฟจีน-ลาว-ไทย ยกระดับการค้า-ลงทุน3ประเทศ
Source - มติชน
Monday, January 17, 2022 04:27
หมายเหตุ - ที่ประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีมติเห็นชอบแผนการพัฒนาเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ของกระทรวงคมนาคม โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
โครงการทางรถไฟระหว่างจีน-ลาว ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศจีนเดินทางเข้า สปป.ลาว และไทย ซึ่งมีความสำคัญในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมื่อมีการเชื่อมต่อโครงข่ายโดยสมบูรณ์จากจีน ลาว มายังไทย จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าตลอดเส้นทางได้ถึง 30-50% โดยใน 3-5 ปีข้างหน้า
เมื่อโครงสร้างพื้นฐานในส่วนนี้ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมมีการบริหารจัดการรองรับการขนส่ง เพื่อใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟสายนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ถือเป็นโอกาสและความท้าทายของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ที่จะร่วมกันยกระดับเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีเสถียรภาพและยั่งยืน
การค้าระหว่างประเทศไทยและลาวปี 2564 มีมูลค่าสูงถึง 70,000 ล้านบาท โดยไทยได้ดุลการค้าและส่งออกมากกว่าการนำเข้า 6 เท่า แม้สถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการเดินทางของประชาชน ขณะที่การค้าชายแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งไทย-ลาว-จีน พบว่าปี 2564 การส่งออกสินค้าเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 23% จากปี 2563 โดยเพิ่มขึ้นกว่า 12,000 ล้านบาท ขณะที่การนำเข้าปี 2564 ลดลงเล็กน้อย 2,000 ล้านบาท หรือลดลง 8%
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ และแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อกำหนดนโยบายการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน พร้อมจัดทำแผนการขนส่งสินค้า เพื่อกำกับติดตามเร่งขับเคลื่อนการเชื่อมโยงทางรถไฟ พร้อมขับเคลื่อนสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งได้มีการประชุมหารือกันแล้วในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แบ่งภาระความรับผิดชอบ เช่น เชื่อมการเดินทางข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ เร่งดำเนินการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 เตรียมแผนรับมือของประเทศผ่านช่วงสถานการณ์โควิด-19 แล้ว เป็นต้น
รวมถึงแผนผลักดันสินค้า ลงทุน และบริการ ซึ่งพบว่าสินค้าหลายชนิดผ่านทางรถไฟจีน-ลาว มายังไทย โดยมีสินค้าสำคัญคือ ผักผลไม้สดแช่เย็น สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ผลิตภัณฑ์เครื่องจักร เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนรถยนต์ ยางพาราและไม้แปรรูป และเร่งรัดการขยายเส้นทางตรงถึงชายแดนจีนที่เมืองบ่อเต็น เมืองคุนหมิง เพื่อให้บรรลุการเชื่อมต่อ 3 ประเทศแบบไร้รอยต่อตามนโยบายให้ได้
จากผลศึกษาที่ภาครัฐกำหนดไว้เกี่ยวกับแผนเชื่อมโยงรถไฟไทย-ลาว-จีน ประกอบด้วย
1.เร่งแผนการก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สร้างรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างก่อสร้างเพื่อให้เสร็จในปี 2569 เร่งระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ให้เปิดในปี 2571 และเร่งสร้างรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย
2.การบริหารจัดการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพาน โดยการบริหารจัดการสะพานเดิม ระหว่างรอการก่อสร้างสะพานแห่งใหม่ โดยเพิ่มขบวนรถขาไป 7 ขบวนและขากลับ 7 ขบวน รวม 14 ขบวน รองรับขบวนละ 25 แคร่ โดยกรมทางหลวงทำการทดสอบการรับน้ำหนักรถไฟ ในระดับ U-20 เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของสะพานต่อไป รวมถึงปรับปรุงพื้นที่หนองสองห้อง 80 ไร่ งบประมาณ 280 ล้านบาท เพื่อรองรับการตรวจปล่อยสินค้าขาออกไปฝั่งลาว และการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ห่างจากสะพานเดิม 30 เมตร โดยมีทั้งทางรถไฟขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร และทางขนาด 1 เมตร ปัจจุบันได้ข้อตกลงฝ่ายไทยและลาวจะร่วมลงทุนค่าใช้จ่ายร่วมกันในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย อยู่ระหว่างหาข้อสรุปผู้รับผิดชอบด้านการออกแบบในการประชุม 3 ฝ่าย ในเดือนมกราคม 2565
3.การเชื่อมต่อการเดินทางข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ แนวทางการจัดขบวนรถไฟรองรับการเดินทางช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง เพื่อเชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาว ที่สถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) แบ่งเป็น 3 ระยะ โดยแผนระยะเร่งด่วนดำเนินการในปี 2565 ขยายเส้นทางปลายทางฝั่ง สปป.ลาว จากสถานีท่านาแล้งเป็นสถานีเวียงจันทน์ โดย รฟท.จะเพิ่มขบวนรถโดยสารให้บริการตั้งแต่ปี 2562 ไป-กลับวันละ 4 ขบวน รองรับการท่องเที่ยวระหว่างไทย-ลาว และขยายเส้นทางจากท่านาแล้งไปที่สถานีเวียงจันทน์กลางปี 2565 สำหรับแผนระยะกลางดำเนินการในปี 2566 ขยายเส้นทางฝั่งไทยจากสถานีหนองคายเป็นสถานีอุดรธานี และพิจารณาเปิดขบวนรถเพิ่ม รองรับการให้บริการในเส้นทางระหว่างสถานี นครราชสีมา-สถานีเวียงจันทน์ และแผนระยะยาวดำเนินการปี 2568 เป็นต้นไป จะเปิดเดินขบวนรถทางไกลให้บริการระหว่างสถานีกลางบางซื่อหรือพัทยา-สถานีเวียงจันทน์ อยู่ระหว่างพิจารณาปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารเพื่อประกอบกำหนดสถานีต้นทางและปลายทาง
4.การเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ โดยแนวทางการบูรณาการเชื่อมต่อรถไฟไทย-ลาว-จีน เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ ต้องบริหารจัดการทางรถไฟและการใช้สะพานให้มีความเหมาะสม เพิ่มความถี่การเดินรถจากไป 4 เที่ยว กลับ 4 เที่ยว และขนสินค้าขบวนละ 12 แคร่ เป็นขาไป 7 เที่ยว ขากลับ 7 เที่ยว และขนส่งสินค้าขบวนละ 25 แคร่ ทำให้การขนสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 3.65 เท่า เพิ่มทางเลือกผู้ประกอบการไปยังท่าเรือแหลมฉบัง โดยจะเพิ่มความถี่ในช่วงเช้าเป็นหลัก ไม่กระทบการสัญจรบนสะพาน โดยจัดขบวนเดินรถเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า แบ่งเป็น 3 ระยะ แผนระยะเร่งด่วนในปี 2565 ซึ่งแผนการเดินรถได้รับความเห็นชอบได้รับอนุญาตให้เดินขบวนรถได้วันละ 10 ขบวนไปและกลับและพ่วงสินค้าได้ 25 แคร่ เริ่มทยอยเพิ่มจำนวนรถสินค้าตั้งแต่ธันวาคม 2564, แผนระยะกลางในปี 2566-2568 กำหนดแผนการเดินรถให้บริการสูงสุดวันละ 16 ขบวนไปและกลับ เดินรถทุกวัน โดยพ่วงรถสินค้า 25 แคร่ และแผนระยะยาวตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป กำหนดเดินรถให้บริการสูงสุดวันละ 24 ขบวนไปและกลับ เดินรถทุกวัน พ่วงรถสินค้า 25 แคร่ โดยเดินรถบนสะพานแห่งใหม่
5.การพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้า ซึ่งพื้นที่ด่านศุลกากรหนองคายคาดว่ามีความสามารถในการรองรับรถบรรทุกได้สูงสุด 650 คันต่อวัน ทั้งนี้ แนวทางพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้าของฝั่งไทย-ลาวเพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ แบ่งเป็น 2 ระยะ ในระยะเร่งด่วน การพัฒนาสถานีหนองคายเป็นพื้นที่เปลี่ยนถ่ายสินค้า เพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว จะพัฒนาสถานีหนองคายให้รองรับการขนส่งผ่านสะพานเดิม โดยพัฒนาบริเวณสถานีที่มีพื้นที่ 80 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้าระหว่างประเทศและเปลี่ยนถ่ายจากถนนสู่ราง โดยให้เอกชนเช่าบริหารจัดการพื้นที่ ทั้งนี้ รฟท.จะปรับปรุงพื้นที่ลานยกสินค้าแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ยังมีโครงการ Mobile X-Ray หรือระบบบตรวจสอบตู้สินค้าเอกซเรย์แบบเคลื่อนที่ได้จำนวน 1 คัน วงเงิน 130 ล้านบาท โดยกรมศุลกากรหนองคายจะเป็นผู้ดำเนินการ มีขีดความสามารถ 20-25 คันต่อตู้ต่อชั่วโมง
ระยะยาว จะพัฒนาพื้นที่นาทาประมาณ 290 ไร่ เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้า เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียดงานโยธา ซึ่งในโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย และปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างของบประมาณศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ
สำหรับความคืบหน้าของ รฟท.อยู่ระหว่างเริ่มระยะที่ 1 ก่อสร้างทางรถไฟช่วงกรุงเทพฯนครราชสีมา คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2569 ระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย จะเริ่มก่อสร้างในปี 2566 และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2571 และรถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย คาดว่าจะก่อสร้างภายในปี 2565 และเปิดให้บริการได้ในปี 2569 ต่อไป
ด้านการบริหารจัดการทางรถไฟและสะพาน สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม จะศึกษาแนวทางการบริหารจัดการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพานเดิมที่มีอยู่ และในปี 2565 จะมีการออกแบบและก่อสร้างสะพานใหม่ ก่อนที่จะมีการพัฒนารถไฟช่วงนาทา-หนองคาย- ท่านาแล้ง ในปี 2566 ต่อไป
ขณะที่การพัฒนาพื้นที่ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าทางรถไฟในระยะเร่งด่วน จะมีการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคาย เพื่อให้เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟลาว และในระยะยาวจะมีการพัฒนาพื้นที่ย่านนาทา ซึ่ง รฟท.อยู่ระหว่างเตรียมพัฒนาให้เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้า (เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในอนาคต) มีการออกแบบรายละเอียดงานโยธาในโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) โดยได้ออกแบบย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา รวมอยู่ในช่วงดังกล่าว
ปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อศึกษาและวิเคราะห์การเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งทางราง จังหวัดหนองคาย ซึ่งจะคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ต่อไป
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 17 ม.ค. 2565
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44600
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/01/2022 2:27 pm Post subject:
ศักดิ์สยามตอบกระทู้รถไฟไทยเชื่อมลาวเร่งเดินหน้าสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าชายแดน
เผยแพร่: 17 ม.ค. 2565 14:15 ปรับปรุง: 17 ม.ค. 2565 14:15 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ศักดิ์สยาม ตอบกระทู้ สว.เร่งพัฒนารองรับหลังเปิดรถไฟจีน-ลาว ยันแผนเตรียมพร้อมต่อเนื่อง สร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าทางรางระหว่างประเทศ พร้อมลุยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่เชื่อมโยงไร้รอยต่อ สร้างโอกาสทางการค้า
วันที่ 17 ม.ค. 2565 นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ตั้งกระทู้ถาม เรื่อง แผนการพัฒนาเพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟ จีน-ลาว โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ตอบกระทู้แทน โดยมีคำถาม 5 ประเด็นคือ 1. ปัจจุบันปริมาณขนส่งสินค้าทั้งทางเรือ รถยนต์ ระหว่างจีนและไทย มีปริมาณเท่าไรต่อปี และหากมีการขนส่งทางรถไฟ ระหว่างไทย-ลาว-จีน คาดว่าจะมีปริมาณขนส่งสินค้าเป็นเท่าไร
2. ข้อตกลงระหว่าง ไทย-ลาว ที่กำหนดให้มีศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศทางรางจุดใด และมีรายละเอียดข้อตกลงอย่างไร 3. เหตุใดขบวนรถไฟจีน-ลาวจึงไม่สามารถข้ามาฝั่งไทยได้ และหากต้องการให้ข้ามมา ต้องดำเนินการอย่างไร 4. สถานที่ก่อสร้าง ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศทางรางฝั่งไทย มีสถานที่เหมาะสมที่ใด และสามารถดำเนินการได้เมื่อใด 5. รูปแบบบริการและการลงทุนศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศของไทย เป็นอย่างไร
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงกระทู้ถามของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เรื่อง แผนการพัฒนาเพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว ว่า ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบันประเทศจีนเป็นตลาดนำเข้า-ส่งออกที่สำคัญของไทย เป็นลำดับที่ 2 รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา การค้าระหว่างไทย-จีน ส่วนใหญ่นำเข้า-ส่งออกผ่านทางทะเล ผ่านท่าเรือแหลมฉบังกว่า 90% ส่วนอีก 10% เป็นการขนส่งทางถนนผ่านประเทศลาว โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2562 จำนวน 2.48 ล้านล้านบาท เป็นกว่า 3 ล้านล้านบาทในปี 2564 ทั้งนี้ ไทยมีแนวโน้มขาดดุลการค้า เป็น 8.54 แสนล้านบาท
ขณะที่ จากสถิติของกรมศุลกากร ระหว่างปี พ.ศ. 2555 - 2563 ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 มูลค่าการค้าไทย - จีน ณ ด่านชายแดนของไทย มีมูลค่าการค้านำเข้า-ส่งออก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555-2563 (9 ปีที่ผ่านมา) มูลค่าการส่งออกคงตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า ในส่วนของมูลค่าการนำเข้าก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางรถไฟ ผ่านแดนหนองคาย-เวียงจันทน์ เมื่อรถไฟจีน-ลาว เปิดให้บริการแล้ว หากพิจารณาความสามารถสูงสุดในการขนส่งสินค้าของรถไฟในเส้นทางดังกล่าวผ่านมายังด่านศุลกากรหนองคายของประเทศไทย ซึ่งสามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้สูงสุด 728 ตู้ต่อวัน คาดว่าจะมีตู้สินค้าเข้ามายังประเทศไทยผ่านด่านศุลกากรหนองคาย เพิ่มขึ้นประมาณ 50% ของปริมาณที่จะสามารถขนส่งได้ทั้งหมด โดยคาดว่าเพิ่มขึ้น 364 ตู้ต่อวัน
ทั้งนี้ หากมีการเปิดให้บริการรถไฟระหว่างจีน-ลาว อาจทำให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกในการขนส่งสินค้ามากขึ้น โดยผู้ประกอบการสามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟไปจนถึงจีน ได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมีการขนถ่ายสินค้าทางรถนำมาลงเรือที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และเมื่อไปถึงท่าเรือปลายทางก็จะต้องขนถ่ายสินค้าขึ้นรถเพื่อนำสินค้าไปส่งยังผู้รับสินค้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกหรือต้นทุนในการขนส่งสินค้าลดลงได้
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนข้อตกลงระหว่างประเทศปัจจุบัน บริเวณชายแดนไทย-ลาว ได้กำหนดให้มีศูนย์เปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศทางรางนั้น โดยจากบันทึกความร่วมมือระหว่างไท-ลาว-จีน ว่าด้วยการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2562 ฝ่ายไทยและฝ่ายลาวตกลงที่จะให้มีพิธีการศุลกากร และสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งในบริเวณชายแดนของฝั่งไทยและฝั่งลาว ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ในการลดขั้นตอนพิธีการศุลกากรบริเวณชายแดน และตกลงกันว่าการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์
ทั้งนี้ จะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 จะพิจารณาให้มีการจัดตั้งสถานีท่าและสถานีเปลี่ยนถ่ายสินค้าทั้งในฝั่งไทยและฝั่งลาว เพื่อเชื่อมต่อโครงการรถไฟจีน-ลาว มายังโครงข่ายรถไฟขนาดทาง 1 เมตร ที่มีอยู่ของประเทศไทย และระยะที่ 2 โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย จะเชื่อมต่อกับสถานีดังกล่าว เพื่อเชื่อมต่อโครงการรถไฟจีน-ลาว และโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีนต่อไป
ข้อคำถามที่ระบุว่า เหตุใดขบวนรถไฟจีน-ลาว จึงไม่สามารถข้ามมาฝั่งไทยได้ และถ้าหากต้องการให้สามารถข้ามฝั่งไทย เพื่อทำการขนส่งผู้โดยสาร และขนส่งสินค้าทางรางต้องดำเนินการอย่างไรนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ได้เตรียมความพร้อมต่อการเชื่อมต่อการขนส่งข้ามแดนผ่านทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ เพื่อใช้เชื่อมโยงเป็นโครงข่ายรถไฟไทย-ลาว-จีน โดยเส้นทางรถไฟไทย-ลาว ช่วงสถานีท่านาแล้ง-สถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) คาดว่าจะเปิดให้บริการใน ม.ค. 2565 ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางจากจีน-ลาว หากลงสถานีเวียงจันทน์ (บ้านไซ) จะมีการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างสถานีเวียงจันทน์ (บ้านไซ) กับสถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) ซึ่งมีระยะห่างระหว่างสองสถานีประมาณ 10 กิโลเมตร (กม.) โดยมีรถรับส่งให้บริการ
ขณะที่ การเตรียมความพร้อมรองรับการเชื่อมต่อการเดินทางข้ามแดนผ่านทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์นั้น ได้แบ่งแนวทางการจัดขบวนรถไฟรองรับการเดินทางช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง เพื่อเชื่อมต่อไปยังลาว ที่สถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) ด้านการเตรียมความพร้อมรองรับการเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ มีแนวทางการบูรณาการเชื่อมต่อรถไฟไทย-ลาว-จีน เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ ซึ่งในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ โดยการบริหารจัดการการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพานให้มีความเหมาะสม เพิ่มความถี่การเดินรถไฟจากเดิม ขาไป 4 เที่ยว ขากลับ 4 เที่ยว และขนส่งสินค้าขบวนละ 12 แคร่ เพิ่มเป็น ขาไป 7 เที่ยว ขากลับ 7 เที่ยว และขนส่งสินค้าขบวนละ 25 แคร่ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการไปยังท่าเรือแหลมฉบัง โดยจะเพิ่มความถี่ในช่วงเช้าเป็นหลักไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการสัญจรบนสะพาน
รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญในการเชื่อมต่อดังกล่าว ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจึงแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ เป็นประธานกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในองค์ประกอบ โดยเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2565 ได้มีการประชุมคณะกรรมการดังกล่าว โดยขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันบูรณาการการทำงาน ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้งนำไปสู่การพัฒนา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน และได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการของบกลาง เพื่อออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ และเร่งดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการก่อสร้างศูนย์ย้ายเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศของฝั่งไทยนั้น จากการประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและขนส่งสินค้า ครั้งที่ 1/2564 เรื่อง แนวทางการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการรถไฟสายจีน- ลาว เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติให้ใช้สถานีรถไฟหนองคายเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าชั่วคราวในระยะเร่งด่วน และมอบหมายให้ รฟท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคายให้แล้วเสร็จ ตามแผนการดำเนินงาน
โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดงานโยธา ในโครงการความร่วมมือระหว่างไทย-จีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพ-หนองคาย (ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) และการออกแบบย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา จ.หนองคาย ได้รวมอยู่ในงานออกแบบดังกล่าว โดยปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างของบประมาณ เพื่อดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งทางราง จังหวัดหนองคาย ซึ่งจะคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ต่อไป
สำหรับรูปแบบการบริการศูนย์ย้ายเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศฝั่งไทย มีลักษณะการลงทุน การบริการ และการให้บริการนั้น กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ระบุว่า ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย และศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนและรับผิดชอบในส่วนของการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (O&M) ในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งให้ภาคเอกชนรับผิดชอบการให้บริการ เช่น บริการพื้นที่สำหรับเปลี่ยนถ่ายการขนส่ง บริการพื้นที่คลังสินค้า บริการด้านศุลกากร บริการยกขนสินค้า
ทั้งนี้ เอกชนรับความเสี่ยงด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ภาครัฐ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน และอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติเพื่อดำเนินการสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค ในรูปแบบ PPP ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ต่อไป ขณะที่ จากผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 เพื่อศึกษารูปแบบ PPP ระบุว่า สถานีขนส่งสินค้า จ.หนองคาย มีรูปแบบการร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยภาครัฐเป็นเจ้าของรายได้ของโครงการ และจ่ายค่าตอบแทนจากการให้บริการ (AP) ให้กับเอกชน
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Posted: 17/01/2022 4:23 pm Post subject:
ศักดิ์สยาม ตอบกระทู้ "รถไฟไทยเชื่อมลาว" เร่งเดินหน้าสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าชายแดน
หน้าเศรษฐกิจ-ธุรกิจ การค้า-อุตสาหกรรม-คมนาคม คมนาคม-ขนส่ง
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 14:15 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 14:15 น.
ศักดิ์สยาม ตอบกระทู้ ส.ว.เร่งพัฒนารองรับหลังเปิด "รถไฟจีน-ลาว" ยันแผนเตรียมพร้อมต่อเนื่อง สร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าทางรางระหว่างประเทศ พร้อมลุยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่เชื่อมโยงไร้รอยต่อ สร้างโอกาสทางการค้า
วันที่ 17 ม.ค. 2565 นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ตั้งกระทู้ถาม เรื่อง แผนการพัฒนาเพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ตอบกระทู้แทน โดยมีคำถาม 5 ประเด็นคือ
1. ปัจจุบันปริมาณขนส่งสินค้าทั้งทางเรือ รถยนต์ ระหว่างจีนกับไทย มีปริมาณเท่าไรต่อปี และหากมีการขนส่งทางรถไฟ ระหว่างไทย-ลาว-จีน คาดว่าจะมีปริมาณขนส่งสินค้าเป็นเท่าไร
2. ข้อตกลงระหว่างไทย-ลาว ที่กำหนดให้มีศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศทางรางจุดใด และมีรายละเอียดข้อตกลงอย่างไร
3. เหตุใดขบวนรถไฟจีน-ลาวจึงไม่สามารถข้ามมาฝั่งไทยได้ และหากต้องการให้ข้ามมาต้องดำเนินการอย่างไร
4. สถานที่ก่อสร้าง ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศทางรางฝั่งไทย มีสถานที่เหมาะสมที่ใด และสามารถดำเนินการได้เมื่อใด
5. รูปแบบบริการและการลงทุนศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศของไทยเป็นอย่างไร
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงกระทู้ถามของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เรื่อง แผนการพัฒนาเพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว ว่า ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบันประเทศจีนเป็นตลาดนำเข้า-ส่งออกที่สำคัญของไทย เป็นลำดับที่ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา การค้าระหว่างไทย-จีน ส่วนใหญ่นำเข้า-ส่งออกผ่านทางทะเล ผ่านท่าเรือแหลมฉบังกว่า 90% ส่วนอีก 10% เป็นการขนส่งทางถนนผ่านประเทศลาว โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2562 จำนวน 2.48 ล้านล้านบาท เป็นกว่า 3 ล้านล้านบาทในปี 2564 ทั้งนี้ ไทยมีแนวโน้มขาดดุลการค้าเป็น 8.54 แสนล้านบาท
ขณะที่จากสถิติของกรมศุลกากร ระหว่างปี พ.ศ. 2555-2563 ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 มูลค่าการค้าไทย-จีน ณ ด่านชายแดนของไทย มีมูลค่าการค้านำเข้า-ส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555-2563 (9 ปีที่ผ่านมา) มูลค่าการส่งออกคงตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า ในส่วนของมูลค่าการนำเข้าก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางรถไฟ ผ่านแดนหนองคาย-เวียงจันทน์ เมื่อรถไฟจีน-ลาวเปิดให้บริการแล้ว หากพิจารณาความสามารถสูงสุดในการขนส่งสินค้าของรถไฟในเส้นทางดังกล่าวผ่านมายังด่านศุลกากรหนองคายของประเทศไทย ซึ่งสามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้สูงสุด 728 ตู้ต่อวัน คาดว่าจะมีตู้สินค้าเข้ามายังประเทศไทยผ่านด่านศุลกากรหนองคายเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ของปริมาณที่จะสามารถขนส่งได้ทั้งหมด โดยคาดว่าเพิ่มขึ้น 364 ตู้ต่อวัน
ทั้งนี้ หากมีการเปิดให้บริการรถไฟระหว่างจีน-ลาว อาจทำให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกในการขนส่งสินค้ามากขึ้น โดยผู้ประกอบการสามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟไปจนถึงจีนได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมีการขนถ่ายสินค้าทางรถนำมาลงเรือที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และเมื่อไปถึงท่าเรือปลายทางก็จะต้องขนถ่ายสินค้าขึ้นรถเพื่อนำสินค้าไปส่งยังผู้รับสินค้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกหรือต้นทุนในการขนส่งสินค้าลดลงได้
นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า ส่วนข้อตกลงระหว่างประเทศปัจจุบัน บริเวณชายแดนไทย-ลาวได้กำหนดให้มีศูนย์เปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศทางรางนั้น โดยจากบันทึกความร่วมมือระหว่างไทย-ลาว-จีน ว่าด้วยการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2562 ฝ่ายไทยและฝ่ายลาวตกลงที่จะให้มีพิธีการศุลกากร และสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งในบริเวณชายแดนของฝั่งไทยและฝั่งลาว ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ในการลดขั้นตอนพิธีการศุลกากรบริเวณชายแดน และตกลงกันว่าการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์
ทั้งนี้ จะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 จะพิจารณาให้มีการจัดตั้งสถานีท่าและสถานีเปลี่ยนถ่ายสินค้าทั้งในฝั่งไทยและฝั่งลาว เพื่อเชื่อมต่อโครงการรถไฟจีน-ลาวมายังโครงข่ายรถไฟขนาดทาง 1 เมตรที่มีอยู่ของประเทศไทย และ
ระยะที่ 2 โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย จะเชื่อมต่อกับสถานีดังกล่าว เพื่อเชื่อมต่อโครงการรถไฟจีน-ลาว และโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีนต่อไป
ข้อคำถามที่ระบุว่า เหตุใดขบวนรถไฟจีน-ลาวจึงไม่สามารถข้ามมาฝั่งไทยได้ และถ้าหากต้องการให้สามารถข้ามฝั่งไทย เพื่อทำการขนส่งผู้โดยสาร และขนส่งสินค้าทางรางต้องดำเนินการอย่างไรนั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ได้เตรียมความพร้อมต่อการเชื่อมต่อการขนส่งข้ามแดนผ่านทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ เพื่อใช้เชื่อมโยงเป็นโครงข่ายรถไฟไทย-ลาว-จีน โดยเส้นทางรถไฟไทย-ลาว ช่วงสถานีท่านาแล้ง-สถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) คาดว่าจะเปิดให้บริการใน ม.ค. 2565 ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางจากจีน-ลาว หากลงสถานีเวียงจันทน์ (บ้านไซ) จะมีการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างสถานีเวียงจันทน์ (บ้านไซ) กับสถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) ซึ่งมีระยะห่างระหว่างสองสถานีประมาณ 10 กิโลเมตร (กม.) โดยมีรถรับส่งให้บริการ
ขณะที่การเตรียมความพร้อมรองรับการเชื่อมต่อการเดินทางข้ามแดนผ่านทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์นั้น ได้แบ่งแนวทางการจัดขบวนรถไฟรองรับการเดินทางช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง เพื่อเชื่อมต่อไปยังลาวที่สถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) ด้านการเตรียมความพร้อมรองรับการเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ มีแนวทางการบูรณาการเชื่อมต่อรถไฟไทย-ลาว-จีน เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ ซึ่งในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ โดยการบริหารจัดการการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพานให้มีความเหมาะสม เพิ่มความถี่การเดินรถไฟจากเดิม ขาไป 4 เที่ยว ขากลับ 4 เที่ยว และขนส่งสินค้าขบวนละ 12 แคร่ เพิ่มเป็น ขาไป 7 เที่ยว ขากลับ 7 เที่ยว และขนส่งสินค้าขบวนละ 25 แคร่ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการไปยังท่าเรือแหลมฉบัง โดยจะเพิ่มความถี่ในช่วงเช้าเป็นหลักไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการสัญจรบนสะพาน
รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญในการเชื่อมต่อดังกล่าว ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ เป็นประธานกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในองค์ประกอบ โดยเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2565 ได้มีการประชุมคณะกรรมการดังกล่าว โดยขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันบูรณาการการทำงาน ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง นำไปสู่การพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน และได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการของบกลางเพื่อออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ และเร่งดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป นายศักดิ์สยามกล่าว
นายศักดิ์สยามกล่าวต่ออีกว่า สำหรับการก่อสร้างศูนย์ย้ายเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศของฝั่งไทยนั้น จากการประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและขนส่งสินค้า ครั้งที่ 1/2564 เรื่อง แนวทางการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการรถไฟสายจีน-ลาว เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติให้ใช้สถานีรถไฟหนองคายเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าชั่วคราวในระยะเร่งด่วน และมอบหมายให้ รฟท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคายให้แล้วเสร็จตามแผนการดำเนินงาน
ในปัจจุบันอยู่ระหว่างว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดงานโยธา ในโครงการความร่วมมือระหว่างไทย-จีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) และการออกแบบย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา จ.หนองคาย ได้รวมอยู่ในงานออกแบบดังกล่าว โดยปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างของบประมาณ เพื่อดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งทางราง จังหวัดหนองคาย ซึ่งจะคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ต่อไป
สำหรับรูปแบบการบริการศูนย์ย้ายเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศฝั่งไทย มีลักษณะการลงทุน การบริการ และการให้บริการนั้น กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ระบุว่า ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย และศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนและรับผิดชอบในส่วนของการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (O&M) ในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งให้ภาคเอกชนรับผิดชอบการให้บริการ เช่น บริการพื้นที่สำหรับเปลี่ยนถ่ายการขนส่ง บริการพื้นที่คลังสินค้า บริการด้านศุลกากร บริการยกขนสินค้า
ทั้งนี้ เอกชนรับความเสี่ยงด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ภาครัฐ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน และอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติเพื่อดำเนินการสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค ในรูปแบบ PPP ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ต่อไป ขณะที่จากผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 เพื่อศึกษารูปแบบ PPP ระบุว่า สถานีขนส่งสินค้า จ.หนองคาย มีรูปแบบการร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยภาครัฐเป็นเจ้าของรายได้ของโครงการ และจ่ายค่าตอบแทนจากการให้บริการ (AP) ให้แก่เอกชน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ศักดิ์สยาม ตอบกระทู้ ส.ว.เร่งพัฒนารองรับหลังเปิด "รถไฟจีน-ลาว" ยันแผนเตรียมพร้อมต่อเนื่อง สร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าทางรางระหว่างประเทศ พร้อมลุยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่เชื่อมโยงไร้รอยต่อ สร้างโอกาสทางการค้า
วันที่ 17 ม.ค. 2565 นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ตั้งกระทู้ถาม เรื่อง แผนการพัฒนาเพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ตอบกระทู้แทน โดยมีคำถาม 5 ประเด็นคือ 1. ปัจจุบันปริมาณขนส่งสินค้าทั้งทางเรือ รถยนต์ ระหว่างจีนกับไทย มีปริมาณเท่าไรต่อปี และหากมีการขนส่งทางรถไฟ ระหว่างไทย-ลาว-จีน คาดว่าจะมีปริมาณขนส่งสินค้าเป็นเท่าไร
2. ข้อตกลงระหว่างไทย-ลาว ที่กำหนดให้มีศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศทางรางจุดใด และมีรายละเอียดข้อตกลงอย่างไร 3. เหตุใดขบวนรถไฟจีน-ลาวจึงไม่สามารถข้ามมาฝั่งไทยได้ และหากต้องการให้ข้ามมาต้องดำเนินการอย่างไร 4. สถานที่ก่อสร้าง ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศทางรางฝั่งไทย มีสถานที่เหมาะสมที่ใด และสามารถดำเนินการได้เมื่อใด 5. รูปแบบบริการและการลงทุนศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศของไทยเป็นอย่างไร
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงกระทู้ถามของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เรื่อง แผนการพัฒนาเพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว ว่า ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบันประเทศจีนเป็นตลาดนำเข้า-ส่งออกที่สำคัญของไทย เป็นลำดับที่ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา การค้าระหว่างไทย-จีน ส่วนใหญ่นำเข้า-ส่งออกผ่านทางทะเล ผ่านท่าเรือแหลมฉบังกว่า 90% ส่วนอีก 10% เป็นการขนส่งทางถนนผ่านประเทศลาว โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2562 จำนวน 2.48 ล้านล้านบาท เป็นกว่า 3 ล้านล้านบาทในปี 2564 ทั้งนี้ ไทยมีแนวโน้มขาดดุลการค้าเป็น 8.54 แสนล้านบาท
ขณะที่จากสถิติของกรมศุลกากร ระหว่างปี พ.ศ. 2555-2563 ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 มูลค่าการค้าไทย-จีน ณ ด่านชายแดนของไทย มีมูลค่าการค้านำเข้า-ส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555-2563 (9 ปีที่ผ่านมา) มูลค่าการส่งออกคงตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า ในส่วนของมูลค่าการนำเข้าก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางรถไฟ ผ่านแดนหนองคาย-เวียงจันทน์ เมื่อรถไฟจีน-ลาวเปิดให้บริการแล้ว หากพิจารณาความสามารถสูงสุดในการขนส่งสินค้าของรถไฟในเส้นทางดังกล่าวผ่านมายังด่านศุลกากรหนองคายของประเทศไทย ซึ่งสามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้สูงสุด 728 ตู้ต่อวัน คาดว่าจะมีตู้สินค้าเข้ามายังประเทศไทยผ่านด่านศุลกากรหนองคายเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ของปริมาณที่จะสามารถขนส่งได้ทั้งหมด โดยคาดว่าเพิ่มขึ้น 364 ตู้ต่อวัน
ทั้งนี้ หากมีการเปิดให้บริการรถไฟระหว่างจีน-ลาว อาจทำให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกในการขนส่งสินค้ามากขึ้น โดยผู้ประกอบการสามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟไปจนถึงจีนได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมีการขนถ่ายสินค้าทางรถนำมาลงเรือที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และเมื่อไปถึงท่าเรือปลายทางก็จะต้องขนถ่ายสินค้าขึ้นรถเพื่อนำสินค้าไปส่งยังผู้รับสินค้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกหรือต้นทุนในการขนส่งสินค้าลดลงได้
นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า ส่วนข้อตกลงระหว่างประเทศปัจจุบัน บริเวณชายแดนไทย-ลาวได้กำหนดให้มีศูนย์เปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศทางรางนั้น โดยจากบันทึกความร่วมมือระหว่างไทย-ลาว-จีน ว่าด้วยการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2562 ฝ่ายไทยและฝ่ายลาวตกลงที่จะให้มีพิธีการศุลกากร และสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งในบริเวณชายแดนของฝั่งไทยและฝั่งลาว ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ในการลดขั้นตอนพิธีการศุลกากรบริเวณชายแดน และตกลงกันว่าการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์
ทั้งนี้ จะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 จะพิจารณาให้มีการจัดตั้งสถานีท่าและสถานีเปลี่ยนถ่ายสินค้าทั้งในฝั่งไทยและฝั่งลาว เพื่อเชื่อมต่อโครงการรถไฟจีน-ลาวมายังโครงข่ายรถไฟขนาดทาง 1 เมตรที่มีอยู่ของประเทศไทย และระยะที่ 2 โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย จะเชื่อมต่อกับสถานีดังกล่าว เพื่อเชื่อมต่อโครงการรถไฟจีน-ลาว และโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีนต่อไป
ข้อคำถามที่ระบุว่า เหตุใดขบวนรถไฟจีน-ลาวจึงไม่สามารถข้ามมาฝั่งไทยได้ และถ้าหากต้องการให้สามารถข้ามฝั่งไทย เพื่อทำการขนส่งผู้โดยสาร และขนส่งสินค้าทางรางต้องดำเนินการอย่างไรนั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ได้เตรียมความพร้อมต่อการเชื่อมต่อการขนส่งข้ามแดนผ่านทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ เพื่อใช้เชื่อมโยงเป็นโครงข่ายรถไฟไทย-ลาว-จีน โดยเส้นทางรถไฟไทย-ลาว ช่วงสถานีท่านาแล้ง-สถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) คาดว่าจะเปิดให้บริการใน ม.ค. 2565 ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางจากจีน-ลาว หากลงสถานีเวียงจันทน์ (บ้านไซ) จะมีการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างสถานีเวียงจันทน์ (บ้านไซ) กับสถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) ซึ่งมีระยะห่างระหว่างสองสถานีประมาณ 10 กิโลเมตร (กม.) โดยมีรถรับส่งให้บริการ
ขณะที่การเตรียมความพร้อมรองรับการเชื่อมต่อการเดินทางข้ามแดนผ่านทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์นั้น ได้แบ่งแนวทางการจัดขบวนรถไฟรองรับการเดินทางช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง เพื่อเชื่อมต่อไปยังลาวที่สถานีเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) ด้านการเตรียมความพร้อมรองรับการเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ มีแนวทางการบูรณาการเชื่อมต่อรถไฟไทย-ลาว-จีน เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ ซึ่งในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ โดยการบริหารจัดการการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพานให้มีความเหมาะสม เพิ่มความถี่การเดินรถไฟจากเดิม ขาไป 4 เที่ยว ขากลับ 4 เที่ยว และขนส่งสินค้าขบวนละ 12 แคร่ เพิ่มเป็น ขาไป 7 เที่ยว ขากลับ 7 เที่ยว และขนส่งสินค้าขบวนละ 25 แคร่ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการไปยังท่าเรือแหลมฉบัง โดยจะเพิ่มความถี่ในช่วงเช้าเป็นหลักไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการสัญจรบนสะพาน
รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญในการเชื่อมต่อดังกล่าว ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ เป็นประธานกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในองค์ประกอบ โดยเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2565 ได้มีการประชุมคณะกรรมการดังกล่าว โดยขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันบูรณาการการทำงาน ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง นำไปสู่การพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน และได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการของบกลางเพื่อออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ และเร่งดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป นายศักดิ์สยามกล่าว
นายศักดิ์สยามกล่าวต่ออีกว่า สำหรับการก่อสร้างศูนย์ย้ายเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศของฝั่งไทยนั้น จากการประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและขนส่งสินค้า ครั้งที่ 1/2564 เรื่อง แนวทางการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการรถไฟสายจีน-ลาว เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติให้ใช้สถานีรถไฟหนองคายเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าชั่วคราวในระยะเร่งด่วน และมอบหมายให้ รฟท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคายให้แล้วเสร็จตามแผนการดำเนินงาน
ในปัจจุบันอยู่ระหว่างว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดงานโยธา ในโครงการความร่วมมือระหว่างไทย-จีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) และการออกแบบย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา จ.หนองคาย ได้รวมอยู่ในงานออกแบบดังกล่าว โดยปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างของบประมาณ เพื่อดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งทางราง จังหวัดหนองคาย ซึ่งจะคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ต่อไป
สำหรับรูปแบบการบริการศูนย์ย้ายเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศฝั่งไทย มีลักษณะการลงทุน การบริการ และการให้บริการนั้น กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ระบุว่า ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย และศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนและรับผิดชอบในส่วนของการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (O&M) ในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งให้ภาคเอกชนรับผิดชอบการให้บริการ เช่น บริการพื้นที่สำหรับเปลี่ยนถ่ายการขนส่ง บริการพื้นที่คลังสินค้า บริการด้านศุลกากร บริการยกขนสินค้า
ทั้งนี้ เอกชนรับความเสี่ยงด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ภาครัฐ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน และอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติเพื่อดำเนินการสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค ในรูปแบบ PPP ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ต่อไป ขณะที่จากผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 เพื่อศึกษารูปแบบ PPP ระบุว่า สถานีขนส่งสินค้า จ.หนองคาย มีรูปแบบการร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยภาครัฐเป็นเจ้าของรายได้ของโครงการ และจ่ายค่าตอบแทนจากการให้บริการ (AP) ให้แก่เอกชน
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
Back to top