View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 18/04/2022 2:24 pm Post subject: |
|
|
เรือด่วนเจ้าพระยา กำลังจะเป็นเรือไฟฟ้า กลางปี 65 นี้ เริ่มต้นเส้นทางแรก ท่าเรือนนทบุรีท่าเรือสาทร
By matemate -
18 เมษายน 2565 เวลา 8:00 น.
SHARGEผนึกเรือด่วนเจ้าพระยาสร้างเรือไฟฟ้า 30 ลำใน 8 ปี
หน้าเศรษฐกิจ เศรษฐกิจทั่วไป
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
18 เมษายน 2565 เวลา 14:42 น. 38
SHARGEผนึกเรือด่วนเจ้าพระยาสร้างเรือไฟฟ้า 30 ลำใน 8 ปี พร้อมติดตั้งสถานนีชาร์จความเร็วสูงอย่างน้อย 40 หัวชาร์จภายใน 5 ปี
เรือด่วนเจ้าพระยา จับมือ SHARGE เตรียมพลิกโฉมเรือสันดาปสู่ เรือไฟฟ้า ขับเคลื่อนการเดินทางรอบเจ้าพระยาด้วยพลังงานสะอาด ประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะทางอากาศ สอดรับเป้าหมาย Zero Emission Vehicle และ Low-carbon Society ตั้งเป้าสร้างสถานีชาร์จเรือไฟฟ้าพร้อมมีอย่างน้อย 40 หัวชาร์จความเร็วสูงภายใน 5 ปี นำร่องสถานีแรกที่ท่ามหาราช คอมมูนิตี้มอลล์
.
ความร่วมมือนี้ SHARGE จะเข้ามาช่วยพัฒนาสถานีชาร์จเรือยนต์ไฟฟ้าให้ตามท่าเรือต่างๆ ในเส้นทางที่เรือของเรือด่วนเจ้าพระยาแล่นผ่าน เพื่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าและปริมาณเรือไฟฟ้าของเรือด่วนเจ้าพระยาที่จะทยอยเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะเน้นการพัฒนาสถานีชาร์จแบบกระแสตรง (DC) ที่มีหัวชาร์จความเร็วสูง 360 kW เพื่ออำนวยความสะดวกให้เรือทุกลำสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วในเวลากลางคืน และมีกำลังไฟที่เพียงพอต่อการแล่นสัญจรตลอดทั้งวัน
.
ส่วนบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ตั้งเป้าจะพัฒนาและออกแบบเรือไฟฟ้าให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 หากเรือไฟฟ้าต้นแบบมีขีดความสามารถในการปฏิบัติงานที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค บริษัทจะเดินหน้าสร้างเรือไฟฟ้าปีละ 5-6 ลำ และสร้างให้ครบ 30 ลำภายในช่วง 5-6 ปี โดยแบ่งเป็นเรือไฟฟ้า 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดความจุผู้โดยสาร 200 คน และ 250 คน คาดว่าจะเริ่มให้บริการเรือไฟฟ้าในเส้นทางแรก คือเส้นทางท่าเรือนนทบุรีท่าเรือสาทร ภายในช่วงกลางปี 2565
https://www.facebook.com/BrandInsideAsia/posts/5874597399233570
"เรือด่วนเจ้าพระยาพัฒนาเรือไฟฟ้า 2 ลำบริการปีนี้
*จับมือSHARGEสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูง
*นำร่องท่ามหาราชชาร์จได้รวดเร็ว-แล่นได้ทั้งวัน
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/535972111313361 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 13/05/2022 6:47 am Post subject: |
|
|
เช็กที่นี่ เรือด่วนเจ้าพระยา ปรับตารางวิ่งรับเปิดเทอม เริ่ม 17 พ.ค.นี้
12 พฤษภาคม 2565 เวลา 16:05 น.
เรือด่วนเจ้าพระยา แจ้ง 17 พ.ค.นี้ ปรับเปลี่ยนตารางเวลาให้บริการเรือโดยสารทุกประเภท อำนวยความสะดวกผู้โดยสารเดินทางช่วงเปิดภาคเรียน
12 พ.ค. 25-65นาวาตรีเจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ผู้ให้บริการเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยามากว่า 50 ปี เปิดเผยว่า เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารมีการเดินทางเพิ่มขึ้น เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันที่เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ประกอบกับในวันที่ 17 พ.ค.นี้ โรงเรียนส่วนใหญ่มีกำหนดการเปิดภาคเรียนใหม่แล้ว คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางมากขึ้น ทางบริษัทฯ จึงได้มีการปรับเปลี่ยนตารางเวลาให้บริการเรือโดยสารทุกประเภท เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับผู้โดยสาร
นอกจากการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยามากขึ้น การปรับตารางเวลาให้บริการเรือโดยสารทุกประเภทในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยทางอ้อมได้เช่นกัน สำหรับตารางเวลาให้บริการเรือโดยสารทุกประเภท เริ่มใช้วันที่ 17 พ.ค.65 ดังนี้
เรือธงส้ม ให้บริการวันจันทร์-เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จากนนทบุรี จันทร์-ศุกร์ 06.00-18.10 น. / เสาร์และหยุดนักขัตฤกษ์ 08.00-17.00 น. จากวัดราชสิงขร จันทร์-ศุกร์ 06.20-18.10 น. / เสาร์และหยุดนักขัตฤกษ์ 08.30-17.30 น.,
เรือธงเหลือง ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ จากนนทบุรี 06.00-08.05 น. 8 เที่ยว | จากสาทร 17.05-19.05 น. 8 เที่ยว ,เรือธงเขียว ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ จากปากเกร็ด 06.05-07.45 น. 5 เที่ยว | จากสาทร 16.00-17.45 น. 5 เที่ยว และ
เรือธงแดง ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ จากนนทบุรี 06.50, 07.10, 07.25 น. | จากสาทร 16.30, 17.00, 17.30 น
สำหรับวันอาทิตย์ ทางเรือด่วนเจ้าพระยายังคงงดให้บริการเรือทุกประเภทเป็นการชั่วคราว ผู้โดยสารสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ตารางเวลาให้บริการ และเส้นทางที่อัพเดทจากทางเรือด่วนเจ้าพระยา ผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊ก Chao Phraya Express Boat-เรือด่วนเจ้าพระยา หรือที่ LINE: @cpxcare
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/551495063094399 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 19/05/2022 11:20 am Post subject: |
|
|
ผู้โดยสารร้องเรือแสนแสบแน่น รอนาน กรมเจ้าท่าสั่งเพิ่มความถี่ ช่วงเร่งด่วนรองรับเดินทางเพิ่ม
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 10:26 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 10:26 น.
กรมเจ้าท่า"เร่งแก้ ผู้โดยสารร้องเรือแสนแสบแน่น รอนาน สั่งเพิ่มความถี่ ช่วงเวลาเร่งด่วน เช้าและเย็น จาก 7 - 10 นาที เป็น 3-5 นาที ยันฟังเสียงประชาชนปรับปรุงบริการ กำชับเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือดูแลความปลอดภัย เต็มที่
จากนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมโดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้กรมเจ้าท่าตรวจสอบ ติดตามการให้บริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบในช่วงเปิดภาคเรียน
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา Facebook กลุ่ม ผู้โดยสารเรือด่วนแสนแสบ มีผู้ใช้บริการเรือคลองแสนแสบ ได้ร้องเรียนถึงการให้บริการเรือคลองแสนแสบที่ล่าช้าและหนาแน่น ทำให้มีผู้โดยสารแออัดบนเรือและบริเวณท่าเรือเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรือ นั้น กลุ่มตรวจการเดินเรือ สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า มิได้เพิกเฉยหรือนิ่งนอนใจต่อปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชน ได้มีข้อสรุปและมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามที่มีข้อร้องเรียนข้างต้น ที่ผ่านมาตั้งแต่มีการเปิดภาคเรียน กรมเจ้าท่า ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เพื่อเตรียมพร้อมและควบคุมกำกับดูแลการให้บริการเดินเรือโดยสารในช่วงเปิดภาคเรียน หรือการเรียนแบบ On site ในหลายๆโรงเรียน แต่เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากกลับมาทำงานตามปกติ ส่งผลให้ผู้โดยสารที่มาใช้บริการเรือแสนแสบมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
กลุ่มตรวจการเดินเรือจึงได้เชิญผู้ประกอบการเดินเรือหารือเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2565 เพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึง ได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรืออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยทางน้ำให้แก่นักเรียน และผู้โดยสารเรือ และจัดเรือตรวจการณ์เจ้าท่าพร้อมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและควบคุมการจราจรทางน้ำ ทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองแสนแสบ
ทั้งนี้ จากกรณีเหตุการณ์ในคลองแสนแสบ กลุ่มตรวจการเดินเรือได้ดำเนินการแก้ไข ดังนี้
1.เรียกประชุมซักซ้อมการปฏิบัติงาน กำชับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารที่ใช้บริการเรือ ทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองแสนแสบ
2.ขอความร่วมมือผู้ประกอบการเรือโดยสารคลองแสนแสบ ให้เพิ่มความถี่เรือในการรับผู้โดยสารในช่วงเวลาเร่งด่วน เช้าและเย็น ปกติจาก 7 - 10 นาที เป็น 3-5 นาที เพื่อให้ผู้โดยสารในเรือไม่หนาแน่น และไม่ให้มีผู้โดยสารสะสมที่ท่าเรือเป็นจำนวนมาก พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมกำกับในการปล่อยเรือตั้งแต่ท่าเรือต้นทาง
3.ร่วมประชุมกับสมาคมเรือไทยผู้ให้บริการเรือโดยสารทั้งในคลองแสนแสบและแม่น้ำเจ้าพระยา ขอให้ควบคุมกำกับเรือ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการเรือโดยสารให้เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยทางน้ำ เพื่อความปลอดภัยแก่ประชาชน ผู้โดยสาร นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ โดยผู้ประกอบการได้รับทราบถึงปัญหาดังกล่าวพร้อมยินดีปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า จะนำความคิดเห็นของประชาชนทุกท่าน มาปรับปรุงการทำงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้เส้นทางคลองแสนแสบต่อไป สำหรับเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรือ ถือเป็นหน้าที่และส่วนสำคัญของกรมเจ้าท่าในการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร ขณะขึ้น-ลงเรือ พร้อมควบคุมจำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่ให้เรือบรรทุกเกินขนาดที่กรมเจ้าท่ากำหนด ทางกรมเจ้าท่า ขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ขณะโดยสารเรือทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกท่าน ประชาชนสามารถแจ้งเรื่องราวทางน้ำ และความไม่ปลอดภัยในการเดินทางได้ที่สายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44626
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/05/2022 3:55 pm Post subject: |
|
|
1 มิ.ย. ขึ้นค่าเรือข้ามฟาก 8 ท่า ควักเพิ่มท่าเรือละ 50 สตางค์
เดลินิวส์ 27 พฤษภาคม 2565 11:40 น.
เศรษฐกิจ-ยานยนต์
1 มิ.ย.นี้ เรือข้ามฟาก 8 ท่า ปรับขึ้นค่าโดยสาร ท่าละ 50 สตางค์ต่อเที่ยว ราคาเริ่ม 3.50-5 บาทต่อเที่ยว ช่วยต่อลมหายใจผู้ประกอบการ ช่วงโควิด-น้ำมันแพง ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยา-เรือแสนแสบให้ตรึงราคาไปก่อน
นายสุธีย์ สุภาพร ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมเรือไทย และในฐานะผู้ให้บริการท่าเรือข้ามฟาก เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ประชุมหารือกับกรมเจ้าท่าในการขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารเรือข้ามฟาก เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา มติที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าโดยสารเรือข้ามฟาก ท่าเรือละ 50 สตางค์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65 เป็นต้นไป มีรายละเอียดท่าเรือที่ปรับขึ้นค่าโดยสารจำนวน 8 ท่าเรือ ดังนี้
1.เรือข้ามฟาก เส้นทางท่าเรือบางศรีเมือง-ท่าน้ำนนทบุรี จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว ขณะนี้มีผู้โดยสารใช้บริการ 3,000-4,000 คนต่อวัน 2.เส้นทางท่าเรือวัดระฆัง-ท่าเรือวังหลัง จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 3.ท่าเรือท่ารถไฟ-ท่าพระจันทร์ จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 4.ท่าเรือวังหลัง-ท่าพรานนก จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว ปัจจุบันท่าเรือทั้ง 3 แห่งนี้ เป็นเรือข้ามฟากที่ให้บริการโดยกลุ่มบริษัท สุภัทรา จำกัด มีผู้โดยสารใช้บริการอยู่ที่ 2,000-3,000 คนต่อวัน
นายสุธีย์ กล่าวต่อว่า 5.ท่าเรือท่าเตียน-วัดอุรณ จากเดิมเก็บราคา 4 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4.50 บาทต่อเที่ยว ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการ 1,000 กว่าคนต่อวัน 6.ท่าราชวงศ์-ดินแดง จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการ 2,000-3,000 คนต่อวัน 7.ท่าสี่พระยา-ท่าเรือคลองสาน เดิมเก็บราคา 4.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 5 บาทต่อเที่ยว และ 8.ท่าเรือโอเรียนเต็ล-ท่าเรือวัดสุวรรณ เดิมเก็บราคา 4 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4.50 บาทต่อเที่ยว
การปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการเรือข้ามฟากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้โดยสารและรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น บางท่าเรือก่อนโควิด-19 มีผู้โดยสาร 5,000-6,000 คนต่อวัน แต่ช่วงโควิด-19 ลดลงเหลือ 400-500 คนต่อวัน ประกอบกับช่วงปลายปี 64 ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจุจบันอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร
นายสุธีย์ กล่าวอีกว่า ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถจะทนแบกรับภาระต้นทุนการเดินเรือได้อีกต่อไป ถ้าไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร ทั้งที่ค่าโดยสารเรือข้ามฟากในปัจจุบันทุกท่าควรจะเก็บราคาที่ 5 บาทต่อเที่ยวด้วยซ้ำ เพราะปัจจุบันเรือข้ามฟากมีค่าใช้จ่ายในการให้บริการ ทั้งค่าน้ำมัน และค่าซ่อมบำรุงเรือที่ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก และความปลอดภัยในการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น และเรือข้ามฟากยังมีความจำเป็นต้องให้บริการเพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางให้ผู้โดยสาร เพราะจะเป็นขนส่งสายรองที่เชื่อมต่อให้ใช้บริการระบบขนส่งสายหลักได้
อย่างไรก็ตาม อนาคตหากราคาน้ำมันดีเซลปรับราคาขึ้นสูงถึง 35 บาทต่อลิตร ทางผู้ประกอบการจะเตรียมหารือกับกรมเจ้าท่า เพื่อขอปรับราคาค่าโดยสารเพิ่มอีกครั้ง เพื่อหยุงกิจการให้อยู่รอดต่อไป ส่วนการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเรือคลองแสนแสบ และ เรือด่วนเจ้าพระยานั้น กรมเจ้าท่าขออนุเคราะห์ให้ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารไปก่อน และยังไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 04/06/2022 10:45 am Post subject: |
|
|
อธิรัฐ ชะลอขึ้นค่าโดยสาร "เรือแสนแสบ-เจ้าพระยา" สุดยื้อเรือข้ามฟากปรับขึ้น 50 สต.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันศุกร์ ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 16:56 น.
ปรับปรุง: วันศุกร์ ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 16:56 น.
'อธิรัฐ' ชะลอปรับขึ้นค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาและคลองแสนแสบ รอดูสถานการณ์ราคาดีเซลอีกระยะ พร้อมเร่งรัดปรับปรุงท่าเรือ (Smart Pier) 5 ท่า เสร็จใน ก.ค.-ส.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2565 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารเรือข้ามฟาก จากกรณีผู้ประกอบการเรือโดยสาร เรือข้ามฟาก ขอปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากผลกระทบราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้อนุมัติให้เฉพาะเรือโดยสารข้ามฟากปรับขึ้นค่าโดยสาร 50 สตางค์ และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
ส่วนเรือโดยสารคลองแสนแสบและเรือด่วนเจ้าพระยา ให้ชะลอการขึ้นโดยให้ตรึงราคาออกไปก่อน
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น หากราคาน้ำมันสูงขึ้นไปอีก ให้เจ้าท่านำมาพิจารณาเปลี่ยนแปลงค่าโดยสารอีกครั้ง
นอกจากนี้ รมช.คมนาคมยังได้ติดตามการปรับปรุง พัฒนาท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา (Smart Pier) และติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2564 (กันเหลื่อมปี) และปี 2565 ของกรมเจ้าท่า โดยได้สั่งการให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
สำหรับท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้วจำนวน 5 ท่าได้แก่ 1. ท่ากรมเจ้าท่า 2. ท่าสะพานพุทธ 3. ท่าน้ำนนทบุรี 4. ท่าช้าง 5. ท่าสาทร
อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีกจำนวน 5 ท่า ได้แก่ 1. ท่าราชินี ดำเนินการคืบหน้า ร้อยละ 82 กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 15 ก.ค. 2565
2. ท่าเตียน ดำเนินการคืบหน้าร้อยละ 65 กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 31 ก.ค. 2565
3. ท่าบางโพ ดำเนินการคืบหน้าร้อยละ 70 กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 31 ส.ค. 2565
4. ท่าพระราม 7 ดำเนินการคืบหน้าร้อยละ 14 กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 31 ส.ค. 2565
X
นอน รพ. ค่ารักษาสูงสุด 4 แสนบาท/ปี
เจ็บแล้วจบไม่กระทบเงินเก็บ ประกันพรูอีซี่ แคร์ คุ้มครองค่ารักษาเหมาจ่าย ไม่ต้องสำรองจ่าย
สนใจคลิก
5. ท่าพายัพ ดำเนินการคืบหน้าร้อยละ 38 กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 31 ส.ค. 2565 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 09/06/2022 5:20 pm Post subject: |
|
|
นายกฯ เปิดท่าเรืออัจฉริยะ "ท่าช้าง-สาทร" เชื่อม "ล้อ ราง เรือ" กรมเจ้าท่าลุยพลิกโฉม 29 ท่าเรือในเจ้าพระยาเสร็จปี 67
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 11:45 น.
ปรับปรุง: วันพุธ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 11:45 น.
นายกฯ เปิดท่าเรืออัจฉริยะ "ท่าช้าง-ท่าสาทร" SMART PIER SMART CONNECTION กรมเจ้าท่าปรับปรุงยกระดับพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเชื่อมต่อ "ล้อ ราง เรือ" รองรับการเดินทางและท่องเที่ยว เผยปี 65 จะเสร็จอีก 6 ท่า ครบ 29 ท่าในปี 67
วันนี้ (8 มิ.ย.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดท่าเรือท่าช้าง-สาทร SMART PIER SMART CONNECTION โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคม หน่วยงานราชการ ประชาชนในพื้นที่ร่วม ซึ่งท่าเรือสาทร และท่าเรือท่าช้าง ที่ปรับปรุงพัฒนาเป็น Smart Pier สามารถรองรับผู้โดยสารและการกลับมาของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจากการเปิดประเทศและเปิดภาคการศึกษาในช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาอย่างมีประสิทธิภาพ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580 ยุทธศาสตร์กระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2561-2564 กระทรวงคมนาคมมีนโยบายในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทั้งทางบก น้ำ ราง อากาศ ให้มีความเชื่อมโยง สะดวก ปลอดภัย สร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่ประเทศ โดยกรมเจ้าท่า (จท.) มีภารกิจในการพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำให้เกิดความปลอดภัย สะดวก สบาย เชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่น โดยได้กำหนดแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา พ.ศ. 2562-2567 ให้เป็นสถานีเรือจำนวน 29 ท่าเรือ ให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงามเกิดเป็นจุดหมายตา (Landmark) ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ และผู้พิการ มีระบบการให้บริการที่ทันสมัย ปรับเปลี่ยนเรือโดยสารเป็นเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อีกทั้งมีส่วนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างรายได้ให้แก่ประเทศอีกด้วย
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า กรมเจ้าท่าได้ดำเนินภารกิจหน้าที่ในการกำกับ ดูแลรักษาความปลอดภัยทางน้ำ ควบคู่ไปกับการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) ให้พร้อมบริการ และมีมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยกระดับความสามารถให้ทัดเทียมนานาประเทศในเรื่องของการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ ตามแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา จะพัฒนายกระดับท่าเรือให้เป็นสถานีเรือทั้งในส่วนของท่าเรือ ตัวเรือ ตลอดจนพัฒนาระบบการให้บริการรองรับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นทั้ง ล้อ ราง เรือ เพื่อสร้างทางเลือกในการเดินทางของประชาชน สำหรับเส้นทางจากท่าเรือสาทร กรุงเทพมหานคร ไปยังปลายทางที่ท่าเรือปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ตามแผนพัฒนาจำนวน 29 ท่าเรือ วงเงินรวม 310.5 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2562-2563 ก่อสร้างเสร็จแล้วจำนวน 3 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือสะพานพุทธ และท่าเรือนนทบุรี ปัจจุบันเสร็จเพิ่มอีก 2 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือท่าช้าง วงเงิน 60 ล้านบาท แล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม 2564 และท่าเรือสาทร วงเงิน 10.5 ล้านบาท แล้วเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม 2565 และกำลังก่อสร้างคาดแล้วเสร็จภายในปี 2565 จำนวน 6 ท่าเรือ ขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2566 จำนวน 8 ท่าเรือ มีแผนของบประมาณปี 2567 จำนวน 10 ท่าเรือ และมีแผนติดตั้งระบบให้บริการบนท่าเรือทั้งหมด 29 ท่าเรือ ในปี 2566-2567 ในส่วนของตัวเรือนั้น กรมเจ้าท่าร่วมกับผู้ประกอบการเรือโดยสารปรับเปลี่ยนรูปแบบเรือเป็นแบบพลังงานไฟฟ้าสำหรับให้บริการ เป็นการช่วยลดมลพิษทางน้ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับการปรับปรุงท่าเรือท่าช้าง มีขนาดพื้นที่ 1,800 ตารางเมตร แบ่งพื้นที่การปรับปรุงออกเป็น 1. อาคารศาลาพักคอยขนาดพื้นที่ 320 ตารางเมตร จำนวน 2 หลัง 2. โป๊ะเทียบเรือ ขนาด 5 x 10 เมตร พร้อมสะพานปรับระดับ จำนวน 2 โป๊ะ 3. โป๊ะเทียบเรือขนาด 6 x 12 เมตร พร้อมสะพานปรับระดับ จำนวน 4 โป๊ะ ภายหลังการเปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ ท่าเรือท่าช้างสามารถรองรับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางสัญจรทางน้ำได้อย่างสะดวกสบาย และปลอดภัยตามมาตรฐานที่กรมเจ้าท่ากำหนดไว้
โดยการปรับปรุงและพัฒนาภายใต้แนวคิด ท่าเรือ ที่เป็นมากกว่าท่าเรือ และเป็นท่าเรือที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ประวัติศาสตร์ สามารถเชื่อมต่อการเดินทางสู่ระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้ในการเดินทางทางน้ำเป็นจำนวนมาก เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง อุโมงค์มหาราช วัดระฆังโฆสิตารามฯ ท่าน้ำศิริราช (วังหลัง) ฯ
ท่าเรือสาทร เป็นท่าเรือที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ก่อนทำการปรับปรุง เดิมท่าเรือสาทรมีสภาพชำรุด ทรุดโทรมตามระยะเวลาและการใช้งาน พื้นที่ใช้สอยยังไม่เป็นสัดส่วน ทำให้ผู้โดยสารที่มาใช้บริการมีความแออัดเบียดเสียดบนท่าเรือ ซึ่งอัตราผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าเรือสาทรในปี 2563 เฉลี่ยต่อวัน 15,236 คน โดยมีการปรับปรุงพื้นที่ท่าเรือขนาด 1,364 ตารางเมตร โป๊ะขนาด 6 x 12 เมตร จำนวน 4 โป๊ะ โป๊ะขนาด 9 x 17 เมตร จำนวน 1 โป๊ะ ขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างทางลาดด้านหน้าท่าเรือและปรับปรุงโป๊ะขนาด 6 x 12 เมตร พร้อมสะพานปรับระดับ จำนวน 2 โป๊ะ เพื่อให้สะดวกและสามารถรองรับการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ท่าสาทรจะสามารถเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนทั้ง 3 รูปแบบ ล้อ ราง เรือ รวมถึงความ Smart ของการใช้บริการบริเวณท่าเรือ ที่เชื่อมต่อกับ Smart Phone หรือบัตร HOP เข้ากับยุคสังคมไร้เงินสด |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 09/06/2022 6:16 pm Post subject: |
|
|
"เรือด่วนฯ ประกาศขึ้นค่าโดยสาร 1 บาท เริ่ม 15 มิ.ย. นี้"
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 10:59 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 10:59 น.
เรือด่วนเจ้าพระยา ประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารเรือทุกประเภท 1 บาท ยกเว้นเรือปรับอากาศธงแดง เหตุราคาน้ำมันดีเซลพุ่งต่อเนื่อง เริ่ม 15 มิ.ย. นี้ เผยพร้อมลดราคา หากน้ำมันลงต่ำกว่าเกณฑ์
นาวาตรีเจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ผู้ให้บริการเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา ในเส้นทางระหว่างท่าเรือปากเกร็ดถึงท่าเรือวัดราชสิงขรได้กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 จนถึงปัจจุบัน ทำให้จำนวนผู้โดยสารลดลงจำนวนมาก ประกอบกับราคาน้ำมันดีเซลที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาอยู่ที่ 32.99 บาทต่อลิตร ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับอัตราค่าโดยสาร เรือธงส้ม ธงเหลือง ธงเขียว ขึ้น 1 บาทจากอัตราเดิม ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 110/2559 เรื่อง ประกาศอัตราค่าโดยสารเรือกลประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลงวันที่ 29 กันยายน 2559 ดังต่อไปนี้
เรือธงส้ม: เส้นทางนนทบุรี วัดราชสิงขร จากราคา 15 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 16 บาท (ตลอดสาย)
เรือธงเหลือง: เส้นทางนนทบุรี สาทร จากราคา 20 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 21 บาท (ตลอดสาย)
เรือธงเขียว
- เส้นทาง ปากเกร็ด นนทบุรี จากราคา 13 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 14 บาท
- เส้นทาง นนทบุรี สาทร จากราคา 20 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 21 บาท
- เส้นทาง ปากเกร็ด สาทร จากราคา 32 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 33 บาท
ราคาค่าโดยสารดังกล่าวเป็นราคาที่อยู่ในเกณฑ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 29.01 บาท ถึง 33 บาทต่อลิตร ตามประกาศของกรมเจ้าท่าที่ 110/2559
เรือธงแดง (ปรับอากาศ): นนทบุรี สาทร ราคา 30 บาทตลอดสาย คงเดิม (ราคาปกติ 50 บาท)
นาวาตรีเจริญพร กล่าวว่า ทางบริษัทได้ชะลอการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารมาเป็นระยะเวลานาน เพราะคำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้ใช้บริการเป็นหลัก แต่ผลกระทบในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อรวมกับภาวะที่ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องแล้ว ทำให้ทางบริษัทจำต้องปรับค่าโดยสารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในกรณีที่ราคาน้ำมันลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ฯ ตามประกาศกรมเจ้าท่าที่ 110/2559 บริษัทฯ จะปรับลดอัตราค่าโดยสารต่อไป |
|
Back to top |
|
|
|