RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311283
ทั่วไป:13264122
ทั้งหมด:13575405
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับรถไฟไทย
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับรถไฟไทย
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 12, 13, 14
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 08/12/2021 7:20 pm    Post subject: Reply with quote

#วันนี้ในอดีต 08 ธันวาคม 2504
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้การต้อนรับ ดร.อาร์ตูโร ฟรอนดีซี ประธานาธิบดีแห่งสาธารณะรัฐอาร์เจนติน่า และภริยาในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้การรถไฟฯได้จัดขบวนรถพระที่นั่งนำผู้แทนพระองค์ฯ ไปรอรับที่สถานีรถไฟดอนเมืองเดินทางมายังสถานีรถไฟหลวงจิตรลดา เมื่อวันที่ 08 ธันวาคม 2504 https://www.facebook.com/pichet.chamneam/posts/7120737307940273
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 23/12/2021 11:10 am    Post subject: Reply with quote

#วันนี้ในอดีต 23 ธันวาคม 2510
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดยทางรถไฟ ในการนี้ พันเอก แสง จุละจาริตต์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และภริยาเฝ้าส่งเสด็จฯ ที่สถานีรถไฟสามเสน
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4760597907332033&id=222323771159492
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44530
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/12/2021 2:00 pm    Post subject: Reply with quote

เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ชุด ทวยราษฎร์รักบาทแม้ ยิ่งด้วยบิตุรงค์ lกระทรวงคมนาคม
Dec 23, 2021
Daoreuk Channel


https://www.youtube.com/watch?v=lMmEhZhvxyk

นิทรรศการออนไลน์ เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ
ชุด ทวยราษฎร์รักบาทแม้ ยิ่งด้วยบิตุรงค์
วันที่ 5 ธันวาคม 2564

โดย กระทรวงคมนาคม




เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ชุด สืบสานพระราชปณิธาน รัชกาลที่ ๙ l กระทรวงคมนาคม
Dec 23, 2021
Daoreuk Channel


https://www.youtube.com/watch?v=lIYoLlV_FAg

นิทรรศการออนไลน์ เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ
ชุดสืบสานพระราชปณิธาน รัชกาลที่ ๙
วันที่ 5 ธันวาคม 2564

โดย กระทรวงคมนาคม
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44530
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 06/01/2022 6:19 am    Post subject: Reply with quote

ตาคลีจัดย้อนรำลึก ร.9 เสด็จ
Source - ไทยรัฐ
Thursday, January 06, 2022 05:29

นางเพลินพิศ ศรีภพ นายกเทศมนตรีเมืองตาคลี จ.นครสวรรค์ เผยว่า เทศบาลเมืองตาคลีกำหนดจัดงาน "65 ปี ย้อนรำลึก รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินบ้านตาคลี" ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ.2565 ณ บริเวณวงเวียนหลังสถานีรถไฟบ้านตาคลี

เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ และเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย และสืบสานเล่าขานเมืองตาคลีให้อนุชนรุ่นต่อๆ ไปได้รับรู้เรื่องราวเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมายังบ้านตาคลีโดยรถไฟพระที่นั่งมา ณ สถานีรถไฟบ้านตาคลีและตลาดบ้านตาคลีเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2500

ภายในงานมีตลาดถนนคนเดินนัดพิเศษตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. ร้านค้ายื่นความประสงค์ได้ที่สำนักปลัดเทศบาล ชั้น 2 ตั้งแต่บัดนี้-วันที่ 31 ม.ค.2565 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นายภูมิใจ วงษ์ไทย โทรศัพท์ 08-6926-5415.

ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 6 ม.ค. 2565
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 02/02/2022 12:02 am    Post subject: Reply with quote

เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ( ภาคอีสาน )
วันที่ ๒-๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในภาคอีสาน ซึ่งก็เป็นการสร้างประวัติศาสตร์เช่นกัน เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคอีสานมาก่อนเลย เนื่องจากเส้นทางคมนาคมยังทุรกันดาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จไปถึงโคราชเมื่อมีทางรถไฟถึง แต่ก็เป็นการเสด็จประพาสต้นส่วนพระองค์ ไม่ให้ราษฎรรู้ข่าว
การเสด็จพระราชดำเนินของทั้งสองพระองค์ในครั้งนี้ ทรงมีพระราชดำรัสผ่านพระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า ให้ทางจังหวัดต่างๆที่เตรียมการรับเสด็จ ยึดถือหลักประหยัดให้มากที่สุด พระองค์ไม่ถือว่าที่ประทับในการรับเสด็จจะเล็กหรือใหญ่อย่างใด ให้ถือเอาการประหยัดเป็นหลักสำคัญในการรับเสด็จ และขออย่าให้มีการเกณฑ์ราษฎรมารับ
ข่าวการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรภาคอีสานได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว แม้สื่อการประชาสัมพันธ์สมัยนั้นยังไม่มีประสิทธิภาพนัก แต่การร่ำลือปากต่อปากก็ทำให้แพร่ไปอย่างทั่วถึง ประชาชนแม้ในถิ่นทุรกันดารต่างหอบเสื่อหอบหมอน ข้าวปลาอาหาร จูงลูกจูงหลาน ชักชวนกันมาเฝ้า ทั้งในตัวเมืองที่กำหนดเป็นสถานที่รับเสด็จ หรือตามเส้นทางเสด็จผ่านทางถนนและทางรถไฟ แม้แต่บนยอดภูกระดึง ก็ยังมีราษฎรพากันเดินทางขึ้นไปเฝ้าชมพระบารมีกันมากมาย ต่างจัดหาข้าวของมีค่าที่จะหาได้ ทั้งของเก่าแก่ประจำตระกูล ของกินของใช้ ตลอดจนของป่าพื้นเมือง นำไปทูลเกล้าฯถวายทั้งสองพระองค์ด้วยความจงรักภักดี และด้วยปรารถนาที่จะเข้าเฝ้าชมพระบารมีอย่างใกล้ชิดที่สุด ซึ่งต่างก็ประทับใจในพระราชจริยาวัตรอันงดงาม และปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณ อันเป็นความทรงจำที่มีค่ายิ่งของชีวิต
ที่สถานีรถไฟนครราชสีมา มีราษฎรมาเฝ้ารับเสด็จเป็นแสนคน โดยเดินทางมาจากอำเภอต่างๆ ทำให้โรงแรมในเมืองทุกแห่งเต็มหมดจนต้องพักกันตามศาลาวัด ทั้งสองพระองค์เสด็จลงจากรถไฟพระที่นั่ง ประทับโดยรถยนต์ ผ่านซุ้มรับเสด็จที่สวยงามกว่า ๕๐ ซุ้มไปที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ทรงวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีราษฎรพยายามออกจากแถวรับเสด็จเพื่อหมอบกราบพระบาททั้งสองพระองค์
ในวันนั้น ฝนซึ่งไม่ได้ตกในนครราชสีมาเป็นเวลานานแล้ว ก็โปรยลงมาขณะที่แดดยังอ่อนๆ มหาดเล็กนำพระมาลามาถวาย แต่ทรงปฏิเสธ ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปในหมู่ราษฎรที่มาเฝ้าในสายฝน ทรงรับของถวายและทรงทักทายเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร เด็กหญิงคนหนึ่งถูกเบียดจนเซ จึงคว้าพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไว้กันล้ม ทรงพระเมตตาให้ราษฎรได้เฝ้าอย่างใกล้ชิดในบรรยากาศที่ชุ่มชื่นเป็นเวลาถึง ๒ ชั่วโมงกว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ต่างยกมือขึ้นเหนือหัวกล่าวว่า....
"...บารมีของในหลวงองค์นี้ล้นเหลือนัก เหมือนฟ้ามาโปรด แต่นี้ไปความแห้งแล้งจะหมดไปจากอีสานละ..."
ที่อำเภอโนนไทย มีราษฎรมารอเฝ้าเป็นจำนวนมาก ขณะที่ประทับอยู่บนที่ว่าการอำเภอ ราษฎรจะขอนำของขึ้นมาถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้รับสั่งกับนายอำเภอว่า...
"...ฉันจะลงไปหาเอง ไม่ต้องให้ขึ้นมาหรอก ให้เขาอยู่นั่นแหละ...."
แล้วเสด็จลงไปเยี่ยมอย่างใกล้ชิด ทรงห่วงใยในเรื่องน้ำทำนา ทรงซักถามเรื่องนี้เป็นพิเศษ มักจะรับสั่งถามว่า...
"...ฝนแล้งขาดน้ำไหม ชลประทานช่วยดีไหม..."
สมเด็จพระนางเจ้าฯบรมราชินีนาถฯ ก็ทรงทักทายกับราษฎรเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีรับสั่งกับหญิงชราผู้หนึ่งว่า...
"...มารอนานแล้วหรือจ๊ะ ฉันมาช้าไปเพราะราษฎรมากเหลือเกิน ต้องแวะเยี่ยมเขาตลอดทาง..."
มีเด็กอายุ ๔ เดือนคนหนึ่งร้องไห้จ้า สมเด็จฯรับสั่งกับแม่เด็กว่า...
"...เอาผ้าปิดเสียซีจ๊ะ แดดร้อนเดี๋ยวจะเป็นไข้..."
แต่เด็กก็ยังไม่หยุดร้อง จึงทรงดีดนิ้วเปาะๆ ทำให้เด็กหัวเราะได้ ทรงรับสั่งว่า...
"...ยิ้มได้แล้ว เด็กชื่ออะไรจ๊ะ..."
แม่เด็กทูลว่า...
"...ชื่อสุวรรณชาติ..."
รับสั่งว่า....
"...แหม ชื่อเพราะจริงๆ ฉันมีลูกชาย แต่ก็ยังเล็กๆอยู่ ไม่ช้าจะได้เห็นลูกฉัน ฉันจะพามาเยี่ยม..."
ที่อำเภอโนนไทยนี้ ขณะที่ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่บนพลับพลา หญิงจากบ้านคูด่าน อำเภอโนนไทย ชื่อนางปล้อง จาเกาะ อายุ ๒๗ ปี ตั้งครรภ์แก่แล้วก็ยังอุตส่าห์มาเฝ้า และเกิดเจ็บท้องกะทันหัน เพื่อนบ้านประคองจะพาไปสุขศาลาก็ไม่ทัน จึงคลอดบุตรออกมาที่หน้าพลับพลา ขณะที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถฯ ทรงปฏิสันถารอยู่กับราษฎร
ออกจากอำเภอโนนไทยแล้ว ขบวนรถพระที่นั่งต้องเดินทางต่อไปยังบ้านหนองบัวโคก อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเส้นทางระหว่างนครราชสีมาไปชัยภูมิมีสภาพทรุดโทรมมาก นอกจากทำให้รถทั้งขบวนต้องตลบไปด้วยฝุ่นแล้ว ก่อนถึงสี่แยกหนองบัวโคก รถพระที่นั่งเกิดยางแตกเพราะถูกตะปูตำ ทั้งสองพระองค์ต้องเปลี่ยนไปประทับในรถพระที่นั่งสำรอง
ขบวนรถพระที่นั่งมาถึงจังหวัดชัยภูมิเมื่อเวลา ๑๗.๐๐ น. มีราษฎรทั้งในตัวจังหวัดและมาจากอำเภอภูเขียว เกษตรสมบูรณ์ บ้านเขว้า คอนสวรรค์ เฝ้ารอรับเสด็จอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัดไม่ต่ำกว่า ๕๐,๐๐๐ คน หนังสือพิมพ์ไทรายวัน ฉบับวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ รายงานว่า หนึ่งในผู้ที่มาเฝ้า มีนางดวงคำ ธนศรีรังกูร ซึ่งเป็นแม่ยายของอัยการจังหวัด ได้กราบทูลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยสำเนียงพื้นเมืองว่า...
"...ข้าน้อยพูดภาษาอีสาน พระองค์ฟังรู้เรื่องบ่..."
ทำให้ทรงพระสรวลและรับสั่งว่า...
"...พอรู้เรื่องจ้ะ..."
แล้วทรงมีพระราชดำรัสถามเด็กหญิงอุดมศิลป์ว่า...
"...หนูเรียนหนังสือชั้นไหน อยู่โรงเรียนอะไร อายุเท่าไหร่..."
เมื่อเด็กทูลตอบก็ทรงชมว่า...
"...เรียนเก่งจริง..."
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปถึงชายชราอายุ ๘๐ ปีคนหนึ่ง ทรงรับสั่งถามว่า...
"...ลุงอยู่ที่ไหน..."
ชายชราพนมมือตอบด้วยเสียงสั่นว่า...
"...อยู่ที่ตำบลแจ้งคร้อครับ..."
ทรงถามว่า...
"...ไกลไหมจ๊ะลุง..."
ชายชราทูลตอบว่า...
"..เดินทาง ๒ คืน..."
ทรงรับสั่งถามอีกว่า...
"...เดินทางมาด้วยพาหนะอะไร..."
ลุงตอบว่า...
"...ย่างมา ๒ วัน ๒ คืน..."
ทรงหันไปถามพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ประธานองคมนตรี เมื่อทรงทราบความหมายของคำว่า "ย่าง"แล้ว จึงรับสั่งถามว่า...
"...ลุงแก่แล้วไม่เหนื่อยหรือ..."
ชายชราทำตาลุกโพลง ยกมือขึ้นท่วมหัว ทูลตอบว่า...
"...เจ้าประคุณทูนหัว ไม่เหนื่อยหรอก อยากเห็นเจ้าประคุณ ขอหอมมือจักหน่อยจะได้บ่..."
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงยื่นพระหัตถ์ให้ชายชรา ซึ่งยกพระหัตถ์ขึ้นทูลเหนือหัว พร้อมกับก้มดมที่พระหัตถ์ แล้วกล่าวว่า...
"...จะตายก็ไม่ว่า เกิดมาชาตินี้สมปรารถนาแล้ว..."
ทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงแย้มพระสรวล
ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถฯ ทรงทักทายกลุ่มผู้หญิง เด็ก และคนชรา ตอนหนึ่งทรงมีพระราชปฏิสันถารกับหญิงชราที่เอาผ้าปูพื้นให้ประทับรอยพระบาท ซึ่งทรงพระกรุณาตามความประสงค์ และตรัสถามว่า...
"ไม่กลัวเปื้อนหรือยาย..."
หญิงชราก้มลงกราบแทบพระบาท ทั้งยังขอแตะพระบาท เมื่อทรงอนุญาตหญิงชราก็ใช้มือลูบขึ้นลูบลงพร้อมกับกล่าวว่า...
"...แหม เนื้อนิ่มเหลือเกิน สมกับเป็นพระราชินีแท้ๆ ยังสาวสวยอยู่นะเจ้าประคุณทูนหัว ขอให้เจริญๆยิ่งๆเถิด..."
ที่จังหวัดขอนแก่น ทรงเสด็จฯลงเยี่ยมราษฎรที่สนามหน้าศาลากลาง เพื่อให้ประชาชนเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด ประชาชนต่างเบียดเสียดกัน จนทำให้เก้าอี้ที่ตั้งไว้ให้ประชาชนนั่งเฝ้ารับเสด็จ ได้ล้มลงเพราะแรงดันของฝูงชน ผู้นำเสด็จฯต่างต้องนั่งคุกเข่าลงเพื่อกันมิให้ประชาชนเข้ามาชิดถึงพระองค์ แถวรับเสด็จรวนเรอยู่พักหนึ่งก็กลับคืนสู่ความเรียบร้อย
ในกลุ่มราษฎรที่เฝ้ารับเสด็จอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นนี้ มีราษฎรกลุ่มหนึ่งไม่ใช่คนอีสาน ปรากฏว่ามาจากจังหวัดนครปฐม จะทูลเกล้าฯถวายของตั้งแต่เสด็จนครปฐมแล้ว แต่ถวายไม่ได้ จึงต้องตามมา
"...ตั้งใจว่าก่อนตายจะต้องถวายให้ได้ นี่ก็มากันสิบกว่าคน ตอนนี้สบายใจแล้ว ได้ทูลเกล้าฯถวายสมปรารถนา...." หนึ่งในกลุ่มบอกนักข่าว
เช้าตรู่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปที่สนามหน้าโรงเรียนสนามบิน ซึ่งกองทัพอากาศจัดเฮลิคอปเตอร์ถวาย เพื่อเสด็จขึ้นยอดภูกระดึง นายทองหนัก สุวรรณสิงห์ อดีต ส.ส.เลย ได้เล่าว่า เดิมได้เตรียมช้างสำหรับพระองค์ละเชือก แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถฯ มีพระราชประสงค์ประทับช้างเชือกเดียวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขบวนเสด็จฯครั้งนี้มีทหารถือปืนเตรียมพร้อมเดินอยู่ข้างช้างฝ่ายละ ๑๐ คน ห่างประมาณ ๕ วา เสียงหญ้าแห้งเดินทำให้ช้างตื่น ตัวส่ายไปส่ายมา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถฯทรงรับสั่งว่า...
"...ทำไมเขาจึงเดินซิกแซกแบบนี้..."
นายทองหนักซึ่งทำหน้าที่ควาญช้างจึงได้หยุดชะงัก แล้วโบกมือให้ทหารที่อยู่ทั้งสองข้างออกไปห่างๆ ช้างจึงเดินเป็นปกติ ทรงรับสั่งว่า...
"...อ๋อ เขากลัว..."
มีพระกระแสรับสั่งกับนายทองหนักอีกว่า...
"...โซ่นี้ผูกขาเขาไว้ทำไม เดินลำบาก..."
นายทองหนักกราบทูลว่า...
"...ข้าพระพุทธเจ้าได้เตรียมพร้อมไว้เผื่อบางทีช้างอาจจะตื่นตกใจ วิ่งไปก็เกิดอันตรายได้ ถ้าช้างตื่นตกใจทำท่าจะวิ่ง จะได้ทิ้งโซ่นี้ให้ควาญช้างผูกกับต้นไม้ วิ่งไปไม่ได้..."
ทรงมีรับสั่งว่า...
"...อ๋อ รอบคอบดีนะ..."
ส่วน "พ่อเบี่ยง" นายยัน ศิริกันรัตน์ ควาญช้างอีกเชือกหนึ่งที่นำเสด็จทอดพระเนตรธรรมชาติบนภูกระดึง เล่าว่า คราวหนึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถฯ ทรงเหยียดพระบาทมาถูกศีรษะ ทรงรับสั่งว่า...
"...เท้าฉันถูกตาใช่ไหม ขอโทษนะ..."
พ่อเบี่ยงกราบทูลว่า...
"...ไม่เป็นไรครับ..."
และมาเล่าภายหลังว่า ดีใจมากที่ได้ถวายการรับใช้ในการเสด็จครั้งนี้ พระบาทถูกหัวก็ถือว่าเป็นมงคล
"...บ่ไข้บ่ป่วย เพราะท่านได้เหยียบหัว...." พ่อเบี่ยงว่า
ในตอนบ่าย เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาลงที่สนามหญ้าหน้าโรงเรียนบ้านสีฐาน อำเภอวังสะพุง มีราษฎรมารอเฝ้าและถวายของป่าแปลกๆ เช่น นกเขา ไก่ฟ้า กระจง กล้วยไม้ เป็นต้น สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถฯ ได้ทรงไต่ถามถึงการเดินทางมารับเสด็จของชาวบ้าน ก็ทรงได้รับคำตอบว่า...
"...มาแต่หลังภูโน้น เดินมาแต่ ๒-๓ วันก่อน อยากเห็นให้เต็มตา วันนี้มารอแต่เช้า..."
บางคนก็ตอบเป็นภาษาท้องถิ่นว่า...
"...ฮ้อนปานใดก็ฮีดได้ ขอเห็นเจ้าอยู่หัวคักๆเถอะ..."
ระหว่างทางที่เข้าจังหวัดเลยนี้ รถพระที่นั่งมาจากทางทิศเหนือ และจะต้องเลี้ยวซ้าย แต่ตำรวจจราจรที่รักษาการณ์ตรงทางแยก ซึ่งยืนอยู่ข้างซ้ายของถนน เกิดผิดคำสั่งที่ไม่ต้องทำความเคารพ และลีลามากไปหน่อย ได้ยื่นแขนตรงไปข้างหน้าก่อนจะยกขึ้นแตะหมวก ถวายความเคารพอย่างเข้มแข็ง คนขับรถเลยนึกว่าให้สัญญาณเลี้ยวไปทางขวา จึงเลี้ยวไปตามมือตำรวจ ทำให้เสียเวลาเป็นชั่วโมงกว่าขบวนรถพระที่นั่งจะกลับรถเมื่อรู้ว่าผิดเส้นทาง
เมื่อขบวนรถพระที่นั่งมาถึงจังหวัดเลย เป็นเวลา ๑๙.๐๐ น.เศษแล้ว เลยเวลาตามหมายกำหนดการไปมาก อากาศมืดมัว แต่ปรากฏว่าสองข้างถนนไปสู่ศาลากลาง ประชาชนได้ตั้งโต๊ะบูชาเรียงรายไว้เป็นแถว ต่างจุดธูปเทียน ทำให้แสงเทียนแวววาวอยู่ในความมืดทั้งสองฟากถนน เป็นภาพที่งดงาม ประชาชนต่างนั่งพนมมือขณะที่รถพระที่นั่งผ่าน
เอกสารประกอบเรื่อง : ผู้จัดการออนไลน์
ข อ เ ป็ น ข้ า ร อ ง พ ร ะ บ า ท ทุ ก ช า ติ ไ ป 🙏🇹🇭💞
# ตราบชีวีสูญสิ้นดินกลบกาย
สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกรานต์ กราบแทบพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
______________________________
https://www.facebook.com/groups/132481274010271/posts/987293981862325/
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 15/03/2022 7:07 am    Post subject: ในหลวงเสด็จอุบลราชธานี เมื่อพฤศจิกายน 2498 Reply with quote

ในหลวงเสด็จอุบลราชธานี เมื่อพฤศจิกายน 2498



ครั้งแรกในชีวิต
ตามรอยบันทึกของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่รอเฝ้าฯ รับเสด็จในทุกเส้นทางเสด็จฯ ความว่า
ปะรำกลางสนามหน้าศาลากลางของทุกจังหวัดนั้น แม้จะมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว ปะรำเหล่านั้นมักจะไม่พอแก่จำนวนราษฎรเรือนหมื่นเรือนแสนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยความจงรักภักดีทุกที่ไป มีบางจุดของการเสด็จฯ ผ่านไป มีคุณยายคนหนึ่งปูผ้ารอไว้ ให้ทรงประทับรอยพระยุคลบาท ปรากฏว่า เสด็จฯ เลยไปแล้ว คุณยายจึงร้องทูลว่า…
"...บักหล่ามาทางนี้ มาเหยียบผ้าให้ยายหน่อย…ทรงแย้มพระโอษฐ์ แล้วเสด็จมาประทับรอยพระบาทให้ คุณยายพับผ้าขึ้นจบหน้าผาก แล้วหันไปยิ้มกับคนข้างๆ พลางรำพึงว่า…ว่าง่ายแท้ น่ารัก…"
จุดที่มีราษฎรมากันจนแน่นขนัด ร้อนแดดเผา แต่ไม่มีใครแสดงอาการใดๆ ต่างยิ้มแย้ม แบ่งปันพื้นที่กันอย่างสามัคคีเพราะพวกเขามีจุดหมายเดียวกัน คือมาชื่นชมพระบารมีในหลวง ข้าราชบริพารบางคนฉุกใจคิดขึ้นมาว่า…เอ…ถ้าเจ้าของบ้านมากันเสียหมดในวันนี้ ขโมยคงสบาย แต่มีบางคนแย้งขึ้นว่า ไม่เป็นไรดอก เพราะวันนี้ขโมยก็คงหยุดงาน ไปรับเสด็จเหมือนกัน
ในระหว่างทางเสด็จฯ มักจะมีราษฎรถวายสิ่งของต่างๆ ซึ่งเป็นของบ้านๆ ของพวกเขา อาทิ ปืนลมฝีมือคนไทย ส้มซ่ากล้วยน้ำว้าที่งอมมากจนเป็นสีดำไปครึ่งหวีมาถวายพระราชินีท่านทรงรับไว้ ยังความปลาบปลื้มใจให้ผู้ถวายยิ่งนัก
ห้วงเวลาระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถึง จ.อุบลราชธานี และประทับแรมที่ค่ายทหารกองพลที่ ๖
วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ ราษฎรชาวอุบลราชธานีจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญถวายตามประเพณีท้องถิ่นที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร หลังจากเสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎรที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จแล้ว ได้เสด็จฯ ต่อไปยังพลับพลาหน้าศาลากลางจังหวัด ซึ่งมีราษฎรมารอเฝ้าฯ รับเสด็จเป็นจำนวนมาก รวมทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ใน จ.อุบลราชธานี
นอกจากนี้ ชายาเจ้าราชดนัย เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ได้นำพระญาติข้ามฝั่งจากประเทศลาวมารับเสด็จด้วย ในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้น้อมเกล้าฯ ถวายงาช้างและเกวียนเทียมโคที่แกะจากปุ่มไม้ประดู่ ผู้กำกับการตำรวจภูธรถวายลูกช้าง ชื่อ “พลายบุญเลิศ” ซึ่งแม่ถูกยิงตายและว่ายน้ำข้ามมาจากฝั่งลาว จากนั้นเสด็จฯ ต่อไปยังแก่งสะพือ
เมื่อเสด็จฯ ถึงแก่งสะพือ จ.อุบลราชธานี ทรงถ่ายภาพยนตร์ไว้เป็นที่ระลึกและพระราชทานพระปรมาภิไธยบนแผ่นหิน และยังประดิษฐานอยู่ที่แก่งสะพือจนถึงปัจจุบัน และประทับบนเครื่องบินพระที่นั่งเพื่อชมภูมิประเทศ จากนั้นทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรการหาปลาของชาวบ้านทรงพระราชปฏิสันถารกับชาวประมงคนหนึ่ง
เขาเล่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า...
"...ตอนนั้นผมหาปลาอยู่กลางแม่น้ำมูล เห็นคนที่ฝั่งกวักมือเรียก พอดูๆ ก็จำได้ว่าท่านคือในหลวง ผมเดินลุยน้ำเข้าไปหาด้วยความกลัว โยนข้องปลาทิ้ง เพราะกลัวว่าจะถูกจับ แต่นายทหารที่ติดตามมา บอกว่า อย่าทิ้ง…อย่าทิ้ง ในหลวงท่านอยากดูปลา ผมจึงนั่งลง
ในหลวงท่านก็นั่งยองๆ ขอดูปลาในข้อง และท่านถามว่า “ปลาอะไร” ผมตอบว่า ปลาเขี้ยวไก้ (ปลาหมู) ในหลวง บอกว่า “สวยดีนะ” แล้วให้คนเอาขวดโหลมาใส่และให้เงินผมมา ๒๐ บาท ผมไม่เคยนึกฝันว่าจะได้เข้าเฝ้าฯใกล้ชิดแบบนี้ ผมไม่เคยลืมมาตลอดชีวิต คิดคราวใดเหมือนเกิดขึ้นตรงหน้าทุกทีเลยครับ..."
ก่อนเสด็จฯ กลับทรงเยี่ยมราษฎรโดยรถยนต์พระที่นั่งเป็นการลำลอง ทั่วทุกถนนในเมืองอุบลราชธานีร่วม ๓ ชั่วโมง ทุกบ้านตั้งโต๊ะหมู่บูชา ประดับโคมไฟทั่วทั้งเมือง
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ เมื่อถึงวันเสด็จฯ กลับ ตลอดเส้นทางจากที่ประทับแรมจนถึงสถานีรถไฟอุบลราชธานีคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนจำนวนมากที่มารอส่งเสด็จ
แม้ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ขึ้นประทับรถไฟพระที่นั่งแล้ว แต่รถไฟยังไม่สามารถเคลื่อนขบวนได้ เพราะข้าราชบริพารที่ตามเสด็จไม่สามารถฝ่าฝูงชนมาขึ้นรถไฟได้ทัน
กาลที่ผ่านไปยังอยู่ในความทรงจำของพระพสกนิกรหลายแสนคนที่มี "ครั้งแรกในชีวิต" ที่มีความหมายกับพวกเขามากมาย พวกเขาเพิ่งเข้าตัวเมืองเป็นครั้งแรก เพิ่งเห็นวิทยุเป็นครั้งแรก เพิ่งรู้จักน้ำแข็ง เพิ่งรู้จักฝรั่งว่าหน้าตาเป็นแบบนี้ และเทียบไม่ได้แม้เพียงซีกเสี้ยวของการที่พวกเขาได้ "เห็น" ได้ "สัมผัส"ได้ "พูดคุย" กับในหลวงและพระราชินีของพวกเขาเป็นครั้งแรกที่จดจำไปชั่วชีวิต
พวกเขาและลูกหลานเปล่งเสียงดังกึกก้องท้องนา ท้องน้ำ และตลอดเส้นทางของรางรถไฟที่เสด็จฯ ผ่าน …ทรงพระเจริญ…ทรงพระเจริญ…ทรงพระเจริญ

https://www.facebook.com/groups/132481274010271/posts/1011891269402596/
https://www.youtube.com/watch?v=u65w3dqGueE
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 29/09/2022 7:00 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
การรถไฟฯ เผยพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนพื้นที่ภาคใต้ เมื่อ 6 - 28 มีนาคม 2502
https://lifestyle.campus-star.com/picpost/87731.html



ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนพื้นที่ภาคใต้ เมื่อ 6 - 28 มีนาคม 2502

https://www.youtube.com/watch?v=EEGmN902AxE
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 13/01/2023 1:39 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:

// ---------------------------------------------------------------------
ในปี 2505 ได้มีการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ระดับพระราชวงศ์ ดังนี้
จัดขบวนรถไฟพิเศษรับส่งสมเด็จพระเจ้ากรุงเดนมาร์กและสมเด็จพระราชินีอินกริด ผู้เสด็จฯ เยือนเมืองไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 12 - 24 มกราคม 2505 โดยมีรายละเอียดดังนี้

12 มกราคม 2505 ขบวนรถออกจากสถานีดอนเมืองไปสถานีหลวงจิตรลดา
15 มกราคม 2505 ขบวนรถออกจากสถานีหลวงจิตรลดาไปยังสถานีอยุธยาในตอนเช้าแล้วกลับถึงสถานีหลวงจิตรลดาในตอนบ่าย
16 มกราคม 2505 ขบวนรถออกจากสถานีหลวงจิตรลดาไปยังสถานีสระบุรีในตอนเช้าแล้วกลับถึงสถานีหลวงจิตรลดาในตอนบ่าย


#วันนี้ในอดีต 12 มกราคม 2505
สมเด็จพระเจ้าเฟรเดริคที่ 9 และสมเด็จพระราชินีอินกริด แห่งเดนมาร์กเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=5897964046928741&id=222323771159492
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 26/05/2023 10:17 am    Post subject: Reply with quote

กาลครั้งหนึ่ง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จทรงงานโครงการบำบัดน้ำที่บึงมักกะสัน ปี 2530
https://www.facebook.com/pongthep.prampratin.7/posts/3584440991774677
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44530
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/09/2023 9:34 am    Post subject: Reply with quote

Pichet Chamneam
24 ก.ย. 66 09:29 น.

#วันนี้ในอดีต 24 กันยายน 2515
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จทรงทอดพระเนตรและทรงทดลองวิทยุโทรศัพท์ในขบวนรถไฟพิเศษสำรองพระที่นั่ง ที่การรถไฟฯจัดถวาย ณ โรงปูนซีเมนต์ที่วัง จ.นครศรีธรรมราช

https://www.facebook.com/pichet.chamneam/posts/24452139904373411

https://www.facebook.com/witsawakamrotfai/posts/817995180121253
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 12, 13, 14
Page 14 of 14

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©