View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 21/07/2006 10:44 am Post subject: |
|
|
khainooi wrote: | ผมอยากดูภาพสถานีนครลำปางบ้างครับ นครราขสีมาด้วย |
เคย request เองมารอบนึงแล้วไม่ใช่เหรอครับ ที่ลำปางเนี่ย แล้วรู้สึกว่ามีคนมาโพสต์ไว้ให้แล้วด้วยกระมัง
ไม่ทราบว่าได้ลองติดตามผลงานของตัวเองที่ request เอาไว้บ้างหรือเปล่าครับ หรือแค่กระทู้ตัวเองไม่อยู่หน้าแรก ก็ไม่ดูกันแล้ว
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=262
กระทู้อื่นๆ ก็มีรูปที่ลำปางพอสมควร .... อีกทั้งรูปสถานีในแกลลอรี่ก็มีครับ แบบฟอร์มการ Search เราก็เตรียมไว้ให้แล้ว
|
|
Back to top |
|
|
buab
3rd Class Pass
Joined: 04/07/2006 Posts: 67
Location: ดอนเมือง
|
Posted: 21/07/2006 1:40 pm Post subject: |
|
|
ละเอียดยิบจริงๆครับ ยังกับว่าผมไปด้วยตัวเองเลย อิอิ |
|
Back to top |
|
|
khainooi
Warning 1
Joined: 03/07/2006 Posts: 154
|
Posted: 21/07/2006 9:59 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณครับท่านสมาชิกที่ลงให้ดู |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 26/08/2007 11:06 pm Post subject: |
|
|
พอดีมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับตัวเมืองพิษณุโลกมาฝาก เลยขออนุญาตต่อท้ายกระทู้คุณเต้ย ไปด้วยครับ
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2550 มีกำหนดนัดให้ผมกับน้องอีกคนหนึ่ง ไปร่วมประชุมกับหน่วยงานประจำภาค ในวันที่ 16 สิงหาคม เข้าใจว่าคงเป็นช่วงเช้า ประกอบกับงานเร่งรัดเข้ามา จึงต้องสางงานกว่าจะเสร็จก็เย็นพอดี เลยนัดกับน้องที่ทำงานไปขึ้นรถทัวร์เที่ยวค่ำ นอนเอาแรงที่พิษณุโลกดีกว่า
รุ่งเช้า หลังจากรับประทานมื้อเช้าที่โรงแรมที่อยู่ใกล้ย่านสถานีพิษณุโลก ก็ชวนกันย่ำเท้าออกจากโรงแรม ข้ามสะพานลอย ไปรอขึ้นรถเมล์ที่หน้าสถานีรถไฟ ลงหน้าหน่วยงานที่ตั้งอยู่ใกล้สามแยกสนามบิน และได้รู้ว่า เขาเลื่อนกำหนดประชุมออกไปเป็นช่วงบ่าย
เอ...เวลาที่เหลือครึ่งเช้า ไปทำอะไรดีล่ะ ? ประกอบกับน้องที่มาด้วย ยังไม่เคยมาพิษณุโลก จุดแรก จึงเริ่มต้นที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร นั่นแล....
พอเดินสำรวจบริเวณวัดจนทั่วแล้ว เห็นป้ายจอดรถราง ( เทียม ) ทัวร์เมืองพิษณุโลก ความคิดก็บังเกิด พาแขกไปดูเมืองพิษณุโลกดีกว่า ค่ารถรางก็ถูก ผู้ใหญ่คนละ 30 บาท ส่วนเด็ก คนละ 10 บาท เท่านั้น เสียอยู่นิดหนึ่งตรงที่รอผู้โดยสารตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ถึงจะล้อหมุนออกชมเมืองได้ ( แถมการบรรยายจากไกด์ประจำรถ และมีเอกสารแจกฟรีครับ )
ช่วงนั้น ผมต้องรออยู่เกือบๆ ชั่วโมง ถึงมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น มาขึ้นรถรางอีกกลุ่มหนึ่ง คุยกับไกด์แล้ว ช่วงที่นักท่องเที่ยวมากที่สุด รถรางคันนี้ออกวิ่งชมเมืองร่วม 20 รอบทีเดียว
ตั๋ว ซื้อบนรถนั่นแหละครับ แล้วเสียงเครื่องยนต์ดีเซลก็ดังขึ้น รถเริ่มเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางชมเมืองพิษณุโลกกันล่ะ
โชคไม่ดีนิดหน่อยที่ผมไม่ได้นำกล้องถ่ายรูปไปด้วย ใช้แต่กล้องมือถือ บางช่วงเก็บภาพจากรถไม่ทัน แต่ก็พอดูได้บ้างครับ
รถรางสายนั้น ผ่านอนุสาวรีย์จ่านกร้อง และจ่าการบุญ สองขุนนางที่สร้างเมืองพิษณุโลกในสมัยสุโขทัย วัดนางพญา วัดราชบูรณะ เรือนแพริมแม่น้ำน่าน และก็เนินดูตัวเจ้าพระยาจักรี เจ้าเมืองพิษณุโลก ที่ป้องกันเมืองจากกองทัพพม่าของอะแซหวุ่นกี้ ได้ถึง 3 ครั้ง 3 หน จนแม่ทัพพม่าต้องขอดูตัว ตามประวัติศาสตร์กล่าวไว้
จังหวัดพิษณุโลก ได้สร้างอนุสาวรีย์ตรงบริเวณพื้นที่หน้าสำนักงานเทศบาลนครพิษณุโลก ตามภาพนั่นแหละครับ
Last edited by black_express on 27/08/2007 8:22 am; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 26/08/2007 11:51 pm Post subject: |
|
|
ไกด์บอกว่า พิษณุโลกเปิดเมืองกันจริงๆ เมื่อรถไฟเข้ามาถึงครับ เพราะสมัยดั้งเดิม ใช้เรือเป็นพาหนะตั้งแต่เมืองบางกอก แยกเข้าแม่น้ำน่านที่ปากน้ำโพ จนมาถึงพิษณุโลก นานหลายวันทีเดียว
ปัจจุบัน หน่วยงาน บ้านพักต่างๆ ของการรถไฟฯ เริ่มถูกกลืนในหมู่ตึกแถว อาคารพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งเช่าที่ดินจากการรถไฟฯ นั่นแหละ
หอนาฬิกา ไกด์เล่าขำๆ ว่า แปลกกว่าที่ใดๆ ในประเทศไทยตรงที่เวลาไม่เหมือนกันสักด้าน และเล่าต่อไปว่า เป็นสิ่งก่อสร้างสิ่งเดียวที่เหลือจากไฟไหม้ใหญ่ ช่วงต้น 25 พุทธศตวรรษ รวมถึงโรงแรมไทยนิยม โรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองพิษณุโลกด้วย ตึกแถว อาคารพาณิชย์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ สร้างภายหลังจากไฟไหม้ใหญ่คราวนั้น รวมถึงตึกเหรียญห้าบาท ที่อยู่ในย่านนั้นด้วย
เสียดาย...มีรถจอดบังตึกพอดี เลยอดได้ภาพตึกเหรียญห้ามาฝากครับ
รถรางแล่นข้ามสะพานเอกาทศรถ แต่เดิมเป็นสะพานแขวนสลิงข้ามแม่น้ำน่านครับ เลาะเส้นทางริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก จนถึงบริเวณหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
ตรงจุดนี้ ไกด์ชี้ให้ดูว่า เป็นเนินสำหรับประหารชีวิตนักโทษสมัยโบราณของเมืองพิษณุโลก โดยการตัดคอ ปรากฎตรงหลักที่ระลึกตรงเขื่อนริมน้ำ
เป็นภาพที่แปลกดีครับ ถ้าสังเกตดูที่หลังป้าย จะมีรถ BMW คันหนึ่ง จอดทิ้งจนหญ้าขึ้นรก โดยเจ้าของไม่มาเหลียวแลแต่ประการใด
ถนนช่วงขวามือนี้จะเลียบคูเมืองพิษณุโลก ซึ่งทางจังหวัดได้ลงทุนด้านงบประมาณตกแต่ง พัฒนาทำความสะอาด ประดับไฟสีตามพุ่มไม้ สวยงามมากครับ ถึงตอนนี้ อาจมีคนสงสัยว่า ทำไมถึงมีคูเมืองที่ฝั่งตะวันตกด้วย ?
เรื่องมีอยู่ว่า ชาวเมืองพิษณุโลกสมัยก่อน ขุดคลองไขน้ำจากแม่น้ำน่านซึ่งไหลนอกกำแพงเมือง นำน้ำเข้ามาใช้ในเมือง นานเข้า กระแสน้ำได้กัดเซาะคลองไขน้ำกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแม่น้ำน่านที่เราเห็นปัจจุบัน เมืองพิษณุโลกจึงมีลักษณะกลายเป็น เมืองอกแตก
เราข้ามถนนสิงหนวัติ ผ่านโรงเรียนจ่านกร้อง ซึ่งผู้ที่เคยชมรายการชิงช้าสวรรค์ คงรู้จักกันดีนะครับ เข้าหลังศูนย์ราชการจังหวัดพิษณุโลก ไปจอดให้นักท่องเที่ยวลงไปไหว้สักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ พระราชวังจันทน์
พระราชวังจันทน์ แต่เดิม อยู่ในบริเวณพื้นที่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ครับ ผู้ที่ประสงค์จะเข้ามาสักการะองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
จะต้องเข้ามาที่ศาล ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงเรียน ฯ
มีอยู่วันหนึ่ง ทางโรงเรียนได้ก่อสร้างอาคารพลศึกษา พอขุดหลุมเพื่อวางฐานรากอาคารนั้น พบเศษอิฐโบราณ วางเรียงเป็นแนวซ้อนเรียงกันเป็นระเบียบ จึงให้นักโบราณคดีจากกรมศิลปากรมาสำรวจ และสันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้ง พระราชวังจันทร์ นั่นเอง
แทนที่จะได้อาคารพลศึกษา ทางราชการต้องตั้งงบประมาณ ย้ายโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ออกไปตั้งในพื้นที่ใหม่ รื้อถอนอาคารเดิมทั้งหมด เหลือเพียงศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และปรับปรุงพื้นที่พระราชวังจันทน์ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการจนทุกวันนี้
และมีทีท่าว่าจะลามไปถึงหน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน( เดิม ) ต้องรื้อถอนไปหาที่อยู่ใหม่ตามไปด้วย เพราะตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังจันทน์ เหมือนกัน
ทางเจ้าหน้าที่ ไม่อนุญาตให้นำธูปเทียนไปจุดบูชาภายในศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ นะครับ รวมถึงการนำสิ่งของมาทำพิธีแก้บนต่างๆ ด้วย
ภายในศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ ครับ มีผู้ถวายปืนยาวไว้ในศาลด้วยครับ
ผมได้มีโอกาสได้ไหว้สักการะ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทำให้เมืองไทยเรา มีเอกราช อยู่มั่นคงเป็นปึกแผ่นจนทุกวันนี้
อีกนิดหนึ่งครับ...ถ้าใครสังเกตไก่ชนที่ช่วยกู้ศักดิ์ศรีชาวไทย ให้เป็นที่รู้จักเลื่องลือทั่วทั้งกรุงหงสาวดี แล้ว มีผู้บอกว่า เป็นไก่ชนเชื้อสายจากตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกนี่เอง ตำบลนี้ ยังมีผู้เลี้ยงเพาะพันธุ์ไก่ชนขายอยู่นะครับ และก็มีราคาตัวละไม่ใช่น้อย
ชื่อตำบลอาจไม่ค่อยเสนาะหู แต่ไก่ชนจากที่นี่ มีชื่อระดับชาติมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเชียวนะ
ขอจบเรื่องต่อท้ายกระทู้คุณเต้ยเพียงเท่านี้ล่ะครับ |
|
Back to top |
|
|
|