RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311238
ทั่วไป:13181627
ทั้งหมด:13492865
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ว่าด้วยเรื่อง 'รางหัก'
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ว่าด้วยเรื่อง 'รางหัก'
Goto page 1, 2, 3, 4, 5  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 14/07/2006 10:09 pm    Post subject: ว่าด้วยเรื่อง 'รางหัก' Reply with quote

รางรถไฟเป็นเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุยืดหยุ่น (Ductile material) ทำไมถึงหักได้

เราจะมาคุยกัน


ผมเห็นมีภาพรางหักอยู่ที่

http://gallery.rotfaithai.com/details.php?image_id=498&sessionid=1808da7203e640d5ac03456170207080

อีกภาพที่ หนุ่มๆ 4 คนไปสำรวจอุโมค์เขาพังเหยกัน (ผมหาไม่เจอแล้ว)


มีอีกไหมครับ ขอเชิญเจ้าของภาพ "รางหัก" ทั้งหลายเอาภาพมาโพสท์ (ที่กระทู้นี้) กันหน่อยครับ

ยิ่งเยอะยิ่งดีครับ จะได้เทียบความเหมือน หรือ ความต่าง กันได้


การบ้าน

คุณสังเกตเห็นอะไรบ้าง จากภาพรางหัก
Back to top
View user's profile Send private message
Naranong
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 04/07/2006
Posts: 126
Location: บ้านทับช้าง ซอยวัดลานบุญ ลาดกระบัง พระจอมเกล้า หัวตะเข้

PostPosted: 15/07/2006 7:26 am    Post subject: Reply with quote

รางหักอะ ผมไม่เคยเห็นของจริง แต่รางงอนี้สิ คดซ้ายทีขวาที หาชมได้จากสายตะวันออกช่วงหัวหมากหัวตะเข้ บริเวณรางเก่า
Back to top
View user's profile Send private message
Gunnersaurus
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 29/03/2006
Posts: 1574
Location: เมืองช้าง

PostPosted: 15/07/2006 8:36 am    Post subject: Reply with quote

มีภาพของคุณบอมบ์ในแกลอรี่ครับ เห็นรางหักชัดเจนมาก รวมทั้งวิธีการซ่อมแซมด้วย

ผมก็สงสัยเหมือนกันว่ารางมันหักกันได้ยังไง แล้วก็ยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีกว่าเวลารถไฟแล่นด้วยความเร็วสูง พขร. ดูทันได้ยังไงว่ารางข้างหน้ามันหัก
หรือถ้าเห็นแล้วทำยังไงจะหยุดรถได้ทัน ก็เคยคุยกับ พขร. ท่านหนึ่งบอกว่าอาศัยมองดูเอาครับ

เคยเจอสภาวะรางหักตอนนั่งรถไฟไปหัวหินครั้งหนึ่ง กลับจากหัวหินอีกครั้งหนึ่ง รู้แต่เพียงว่า รถเสียเวลาจมเลยครับ

constructio
Back to top
View user's profile Send private message
Anan124
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/07/2006
Posts: 213
Location: สมุทรสาคร

PostPosted: 15/07/2006 1:09 pm    Post subject: Reply with quote

ตามความเห็นผมนะครับ พื้นที่แถบนั้นอยู่ในแถบน้ำกร่อย(หรือน้ำเค็ม) ซึ่งมันก็กัดกร่อนเหล็กรางรถไฟมาเรื่อยๆ และรางก็ไม่ได้รับการเปลี่ยนเลย (ไม่เชื่อลองไปนั่งดูสิ!!! แล้วมองดูแนวราง จะเห็นว่ามันเป็นรางเส้นสั้นๆมาวางต่อๆกัน แบบว่า โบราณมาก) รถก็วิ่งอยู่ทุกวัน วันละ 8 เที่ยว (มากกว่าสายสุพรรณบุรีซะอีก) มันก็ทรุดไปเรื่อยๆ และด้วยบริเวณที่รางหักก็ไม่มีหมอนรองรางมาคอยรับน้ำหนักเวลารถวิ่งมาถึง (รางจม) ก็เลยทำให้รางหักอ่ะคับ...


Wink Arrow
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 18/03/2006
Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น

PostPosted: 15/07/2006 2:07 pm    Post subject: Reply with quote

อย่างที่น้อง Anan กล่าวมาก็มีส่วนครับ รางที่แม่กลองเป็นแบบ 50 ปอนด์เก่ามากๆ อายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี
แถมบริเวณจุดเกิดเหตุ ก็อยู่ในสภาพน้ำท่วมขัง ชื้นแฉะอยู่ตลอด รางเหล็กก็เป็นสนิม และผุกร่อนได้เร็วกว่าปกติ

จุดที่รางหัก อยู่ระหว่างช่องว่างของไม้หมอน และอยู่ในลักษณะลอยๆ เพราะมีช่องว่างระหว่างพื้นดิน กับตัวรางอยู่พอควร
(ไม่ต้องถามหาหินรองทางนะครับเพราะมีบ้างไม่มีบ้าง) ดังนั้นเวลารถแล่นผ่าน รางก็ต้องแอ่นเป็นธรรมดา ถึงแม้จะเป็น THN แค่ 2 คันก็ตาม

และด้วยคุณสมบัติของเหล็ก ตามวิชา Strength of Matherial ที่แทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในสมองแล้ว โดยธรรมชาติของเหล็ก จะสามารถรับแรงดึง
หรือแรงกดทับได้ดีในระดับหนึ่ง โดยอาจจะมีการยืดตัวออกเล็กน้อยตามแรงกระทำ แต่เมื่อไม่มีแรงกระทำ หรือแรงกระทำลดน้อยลงแล้ว ตัวเหล็ก
ก็จะหดตัวกลับสู่สภาพเดิมได้ แต่ถ้าหากแรงกระทำนั้น ทำให้เหล็กยืดตัวออกไปจนถึงจุดที่เรียกว่า "จุดคลาก" หรือ "จุดยืด" จุดนี้เหล็กจะสามารถยืดตัวออกได้
ตามแรงกระทำ และจะยืดออกไปเรื่อยๆ ไม่คงที่ ซึ่งในการยืดช่วงนี้ เหล็กจะไม่หดกลับสู่สภาพเดิมอีกแล้ว แต่ก็ยังสามารถรับแรงได้ ในที่นี้ หากยังมีแรงมากระทำ
จนกระทั่งไปถึงจุดสุดท้าย เกินกว่าจุดที่เหล็กจะรับกำลังได้สูงสุดแล้ว เหล็กก็จะเสียรูปและขาดออกจากกันในที่สุด ซึ่งเราจะเรียกจุดนี้ว่า "จุดประลัย" หรือ "จุดวิบัติ"
(เมื่อเหล็กได้รับความร้อน ความสามารถในการรับแรงหรือรับน้ำหนักจะลดน้อยลงตามลำดับอีกด้วย)

ตามเคสรางหักที่เอามาให้ดูนั้น ผมสันนิษฐานว่า แรกๆ รางเหล็กก็รับน้ำหนักได้ตามปกติ แต่เมื่อมีน้ำหนักกดลงมา ก็ต้องเกิดการแอ่นตัว/ยืดตัวที่ท้องราง
แต่เนื่องจากมีการใช้งานมายาวนาน อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่เป็นสนิมและผุกร่อน ดังนั้น จึงทำให้เมื่อรางโดนน้ำหนักกดทับ ท้องรางก็เกิดการแอ่นตัว-ยืดตัว
สะสมมาเรื่อยๆ อยู่ภายใน กระทั่งวันหนึ่ง เจอน้ำหนักจากขบวนรถกระทำที่รางเหล็ก ทำให้แอ่นและยืดออกเกินกว่าจุดที่รับได้ ก็อาจจะเกิดรอย Crack
ขึ้นตรงบริเวณท้องรางเล็กน้อย (ในเคสนี้ไม่น่าจะหักทันทีนะครับ) และเมื่อขบวนรถแล่นผ่านไปผ่านมาอีกครั้ง เกิดแรงดึงที่ท้องรางมากๆ ก็เกิดการหักขึ้นในที่สุด

ทั้งหมดเป็นเพียงข้อสันนิษฐานส่วนบุคคลนะครับ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Derail
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/07/2006
Posts: 69

PostPosted: 15/07/2006 6:34 pm    Post subject: Reply with quote

Quote:
อย่างที่น้อง Anan กล่าวมาก็มีส่วนครับ รางที่แม่กลองเป็นแบบ 50 ปอนด์เก่ามากๆ อายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี
แถมบริเวณจุดเกิดเหตุ ก็อยู่ในสภาพน้ำท่วมขัง ชื้นแฉะอยู่ตลอด รางเหล็กก็เป็นสนิม และผุกร่อนได้เร็วกว่าปกติ

จุดที่รางหัก อยู่ระหว่างช่องว่างของไม้หมอน และอยู่ในลักษณะลอยๆ เพราะมีช่องว่างระหว่างพื้นดิน กับตัวรางอยู่พอควร
(ไม่ต้องถามหาหินรองทางนะครับเพราะมีบ้างไม่มีบ้าง) ดังนั้นเวลารถแล่นผ่าน รางก็ต้องแอ่นเป็นธรรมดา ถึงแม้จะเป็น THN แค่ 2 คันก็ตาม

และด้วยคุณสมบัติของเหล็ก ตามวิชา Strength of Matherial ที่แทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในสมองแล้ว โดยธรรมชาติของเหล็ก จะสามารถรับแรงดึง
หรือแรงกดทับได้ดีในระดับหนึ่ง โดยอาจจะมีการยืดตัวออกเล็กน้อยตามแรงกระทำ แต่เมื่อไม่มีแรงกระทำ หรือแรงกระทำลดน้อยลงแล้ว ตัวเหล็ก
ก็จะหดตัวกลับสู่สภาพเดิมได้ แต่ถ้าหากแรงกระทำนั้น ทำให้เหล็กยืดตัวออกไปจนถึงจุดที่เรียกว่า "จุดคลาก" หรือ "จุดยืด" จุดนี้เหล็กจะสามารถยืดตัวออกได้
ตามแรงกระทำ และจะยืดออกไปเรื่อยๆ ไม่คงที่ ซึ่งในการยืดช่วงนี้ เหล็กจะไม่หดกลับสู่สภาพเดิมอีกแล้ว แต่ก็ยังสามารถรับแรงได้ ในที่นี้ หากยังมีแรงมากระทำ
จนกระทั่งไปถึงจุดสุดท้าย เกินกว่าจุดที่เหล็กจะรับกำลังได้สูงสุดแล้ว เหล็กก็จะเสียรูปและขาดออกจากกันในที่สุด ซึ่งเราจะเรียกจุดนี้ว่า "จุดประลัย" หรือ "จุดวิบัติ"
(เมื่อเหล็กได้รับความร้อน ความสามารถในการรับแรงหรือรับน้ำหนักจะลดน้อยลงตามลำดับอีกด้วย)

ตามเคสรางหักที่เอามาให้ดูนั้น ผมสันนิษฐานว่า แรกๆ รางเหล็กก็รับน้ำหนักได้ตามปกติ แต่เมื่อมีน้ำหนักกดลงมา ก็ต้องเกิดการแอ่นตัว/ยืดตัวที่ท้องราง
แต่เนื่องจากมีการใช้งานมายาวนาน อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่เป็นสนิมและผุกร่อน ดังนั้น จึงทำให้เมื่อรางโดนน้ำหนักกดทับ ท้องรางก็เกิดการแอ่นตัว-ยืดตัว
สะสมมาเรื่อยๆ อยู่ภายใน กระทั่งวันหนึ่ง เจอน้ำหนักจากขบวนรถกระทำที่รางเหล็ก ทำให้แอ่นและยืดออกเกินกว่าจุดที่รับได้ ก็อาจจะเกิดรอย Crack
ขึ้นตรงบริเวณท้องรางเล็กน้อย (ในเคสนี้ไม่น่าจะหักทันทีนะครับ) และเมื่อขบวนรถแล่นผ่านไปผ่านมาอีกครั้ง เกิดแรงดึงที่ท้องรางมากๆ ก็เกิดการหักขึ้นในที่สุด

ทั้งหมดเป็นเพียงข้อสันนิษฐานส่วนบุคคลนะครับ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย


ผมอยากเสริมนิดนึงครับ ในบางกรณี เช่น รถที่มีล้อไม่เรียบ (Flat spot) จะทำให้เกิดแรงกระแทกกระหน่ำบนรางจนมันทนไม่ได้ (คล้ายๆกับการตีเหล็กละครับ)
Back to top
View user's profile Send private message
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 15/07/2006 9:06 pm    Post subject: Reply with quote

รูปมาแล้วครับ

Click on the image for full size

ที่มา: http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=235#4013

ต้องขออนุญาต คุณ บอม มา ณ ที่นี้ด้วยครับ (ที่เอารูปมาใช้)

Click on the image for full size

ที่มา: http://gallery.rotfaithai.com/details.php?image_id=498&sessionid=1808da7203e640d5ac03456170207080
Back to top
View user's profile Send private message
alderwood
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/04/2006
Posts: 6593
Location: กรุงเทพ-ราชสีมา

PostPosted: 15/07/2006 9:18 pm    Post subject: Reply with quote

สำหรับรูปรางหักของผมที่นำมาลงไว้นั้น เป็นรางหักที่ได้รับการซ่อมแซมแล้วครับ จะเป็นการซ่อมแบบขนมปัง โดยตัดเป็นท่อนเล็กๆ แล้วสอดแทรกเข้าไปตรงกลางครับ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website MSN Messenger
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 15/07/2006 9:38 pm    Post subject: Reply with quote

เลยไม่รู้ว่าอันไหน รอย หัก อันไหน รอยตัด เลย

แต่ไม่เป็นไร มีรูป ดีกว่าไม่มีรูป

ไม่รอยใดก้อรอยหนึ่งแหละ


ให้ทายเป็นการบ้านละกัน


ขอบคุณมากที่อุตส่าห์ถ่ายมาให้ดูกัน


รูปคุณบอมบ์เยี่ยมมากเลย ดู มีมิติ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 15/07/2006 10:50 pm    Post subject: Reply with quote

คุณบอม, รางสายบ้านแหลม - แม่กลอง ขนาด 50 ปอนด์หนะที่จริงไปเอามาจากสายประธานที่กำลังเปลี่ยนจากราง 50 ปอนด์ เป็น ราง 60-70 ปอนด์อ่านะ ... เปลี่ยนเมื่อปี 2500-2502 น่อ

ถ้าโชคดีก็ได้เห็นคำว่า "Carnegie 1913" (รางจากโรงถลุงเหล็กคาร์เนกี้ สหรัฐอเมริกา ปี 2456)
Shocked หรือไม่ก็ เจอรางญี่ปุ่นรุ่น ปี 2475-2482 โน่นแน .... Shocked Embarassed Laughing แต่หวังว่าคงไม่เจอรางอังกฤษปี 1898 เหมือนที่เจอกะตาผมเองตอนที่เขารือเอารางย่านมักกะสันออกไป

ส่วนรางสายวงเวียนใหญ่ - มหาชัยนั้นได้จากการเอาราง 70 ปอนดืที่ถอดออกจากทางสายใต้พร้อมหมอนทวินบล็อก มาเปลี่ยน เพราะตอนนี้ทางสายใต้ก็ใช้ราง 100 ปอนด์ หมอนโมโนบล็อกดแล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page 1, 2, 3, 4, 5  Next
Page 1 of 5

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©