Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13179333
ทั้งหมด:13490565
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ไปลำปาง ดูทางทำใหม่ กับ 101
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ไปลำปาง ดูทางทำใหม่ กับ 101
Goto page Previous  1, 2, 3  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม
View previous topic :: View next topic  
Author Message
tuie
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 09/07/2006
Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย

PostPosted: 15/07/2006 10:05 pm    Post subject: Reply with quote

ภาพสวยดีนะครับ ถึงเป็นเงาบ้างก็ดูเป็นธรรมชาติดี จะติดตามชมและช่วยลุ้นให้คุณกลับ ข.๒ ที่ลำปางทันเวลาครับ

ผมเคยนั่งรถเที่ยวโปรแกรมทำนองเดียวกับคุณนะครับ แต่ไม่กล้าจองรถเที่ยวกลับในเวลากระชั้นขนาดนี้ โดยผมมักจะเผื่อเวลาล่าช้าของรถเที่ยวไปอย่างน้อย ๓ ชั่วโมง หรือไม่ก็จองตั๋วเที่ยวกลับเป็นรถขบวนเดียวกับที่ทำขบวนเที่ยวไปเสียเลย แบบนี้ถึงเที่ยวไปช้าอย่างไรก็ทันแน่ๆ

หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็จะจองตั๋วเที่ยวกลับในระยะที่ลดทอนลง เช่น ข.๒ จากเด่นชัย-กรุงเทพ เอาไว้ก่อน หาก ๑๐๑ ช้าไม่มากเวลาลงลำปางก็เอาตั๋วเที่ยวกลับไปเพิ่มค่าโดยสารส่วนต่างได้ ถ้า ๑๐๑ ช้ามากก็ลงเด่นชัยรอดัก ข.๒ กลับกรุงเทพได้ทัน แต่ข้อเสียก็คือไปไม่ได้ตามระยะทางที่ตั้งใจไว้ สรุปว่าเป็นทางเลือกของคนขี้กลัว (จะตกรถเที่ยวกลับ) แบบผมน่ะครับ เลยขอเล่าให้ฟังเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ Smile
Back to top
View user's profile Send private message
vut_kmitnb
3rd Class Pass (Air)
3rd Class Pass (Air)


Joined: 08/07/2006
Posts: 253
Location: กฟผ.ส่วนกลาง บางกรวย จ.นนทบุรี

PostPosted: 16/07/2006 12:06 am    Post subject: Reply with quote

ผมว่าภาพสวยนะครับชวนติดตามว่าเมื่อไรจะถึงลำปางสักที Very Happy รออยู่นะครับ ผมว่าปิดเทอมนี้ถ้ามีเวลาก็ว่าจะนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ชะหน่อยหลังต่อสู้กับการเรียนมาอย่างหนัก
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
The_one
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 04/07/2006
Posts: 20
Location: ดอนเมือง กรุงเทพ

PostPosted: 16/07/2006 2:52 am    Post subject: Reply with quote

เข้ามาเอาใจช่วยด้วยอีกคนครับ Very Happy ขอให้ไปทันเวลาที่ลำปางนะครับ
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website Yahoo Messenger
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 16/07/2006 9:56 am    Post subject: Reply with quote

ต้องขอโทษทุกๆ ท่าน ครับ ที่รถขบวนนี้ ได้จอดกลางตอน หลังจากออกจากสถานีบ้านตาคลี นานไปหน่อยครับ Very Happy

หลังจากที่ขบวนรถได้แล่นผ่านบ้านตาคลีแล้ว ความรู้สึกผมจะเป็นอย่างนี้ เกือบทุกครั้งที่นั่งรถสายเหนือ คือ ช่วงสถานีบ้านตาคลี ถึง สถานีนครสวรรค์ นี้ มันช่างไกลเสียจริง มี สถานีรายทางตั้งหลายสถานี ทั้งที่เวลานั่งรถยนต์ จะรู้สึกว่าไม่ไกลนัก แต่รถไฟในช่วงนี้ ก็ดีที่ว่า สามารถทำความเร็วได้สูงหน่อย สภาพทางดี
เวลา 10.14 ผ่านสถานีดงมะกุ สถานีที่ผมอยากรู้ความหมายของชื่อ ว่า มะกุ นี่คืออะไร เพราะหากเป็น ดงมะนาว มะพร้าว มะไฟ ก็จะพอเข้าใจได้ทันที ว่า ที่นี่มีเยอะ แต่มะกุ นี่ ยอมรับว่า ไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ เวลา 10.17 ผ่านสถานีหัวหวาย ซึ่งตอนนี้ ผมได้เดินทางจากกรุงเทพ 200 กิโลเมตรแล้ว เวลาก็ผ่านไป 4 ชม. เศษๆ เวลา 10.22 ผ่านสถานีหนองโพ ซึ่งเป็นสถานีประจำ ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เวลา 10.26 ผ่านสถานีหัวงิ้ว เวลา 10.31 ผ่านสถานีเนินมะกอก สังเกตไหมครับ ว่า ระยะเวลาเดินทางระหว่างสถานีเหล่านี้ สั้นมากครับ เป็นเพราะสภาพเส้นทางดี และที่สำคัญในปัจจุบันนี้ คือ ช่วงนี้ ไม่มีทางตัดถนนมากมาย คงเป็นเพราะห่างไกล จากเขตทางหลวง และชุมชนบ้านคน เวลา 10.31 ผ่านสถานีเนินมะกอก ซึ่งช่วง สถานีเนินมะกอก ถึง นครสวรรค์ นี้ แล้ว สายตาของผมจะเริ่มมองมายังฝั่งซ้ายของรถอีกครั้ง โดยจุดหมายที่มอง เนื่องจาก ผมเคยเห็นป้ายโฆษณา ขนาดยักษ์ ซึ่งน่าจะเป็นป้ายบนถนนสายเอเซีย แต่ครั้งนี้ ผมมองไม่เห็นแล้ว แต่ก็สันนิษฐานได้ว่า หลังภูเขาลูกหนึ่งในช่วงนี้ น่าจะเป็นถนนสายเอเซีย เพราะจำได้ ช่วงที่แยกไป อ.พยุหะคีรี และ จ.อุทัยธานี จะมีภูเขา อยู่ทางฝั่งซ้ายของถนนเมื่อมุ่งหน้าไปนครสวรรค์
เมื่อไม่เห็นป้าย แต่ผมก็ได้เห็น การปศุสัตว์ อีกแล้ว ความทรงจำเมื่อครั้งเรียน ป.3 และได้อ่านหนังสือ สารานุกรมไทย เล่ม 4 เรื่อง รถไฟ เป็นครั้งแรก ก็กลับมาอยู่ในหัวผมอีกรอบ เพราะในหนังสือ นั้น จะมีภาพและอธิบายด้วยว่า ทางรถไฟพาผู้โดยสารผ่านไร่นาและทุ่งเลี้ยงสัตว์ และ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลง คือ ริมทางรถไฟ ยังมี เรือก สวน ไร่ นา และ การเลี้ยงสัตว์ อยู่เสมอ ........... ลองคลิ๊กดูได้ครับ เผื่อใครจะมีความทรงจำแบบผมด้วย Smile

http://kanchanapisek.or.th/cgi-bin/show2.cgi/kp6/BOOK4/pictures/l4-167c

และนี่ สิ่งที่ยังคงพบได้ในปัจจุบัน

Click on the image for full size

ฤดูกาลนี้ จะเป็นช่วงที่โค กระบือ หรือ วัว ควาย ชอบมากที่สุดครับ ไม่ใช่ว่าพูดคุยกันรู้เรื่องหรืออะไรนะครับ แต่สังเกตได้ว่า วัว ควายทุกตัวจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ในฤดูฝน เนื่องจาก มีทั้งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ และหญ้าอ่อน ให้ลิ้มลองอยู่เรื่อยๆ ไม่มีหมด และโดยเฉพาะควายจะชอบมาก เพราะในพื้นดิน บางจุด จะมีน้ำขัง เป็นบวก หรือโคลนตม ให้ตัวเอาไปเกลือกกลิ้ง แล้วนอนเคี้ยวเอื้อง สบายใจไปทั้งวัน ไม่เหมือนหน้าร้อน ที่น้ำก็ไม่มี หญ้าก็ไม่มี วัว ควาย ผอมโซ
ผมเป็นคนต่างจังหวัด เลยทราบดีครับ

ต่อมาความรู้สึกว่า ขบวนค่อยๆ ลดความเร็วลง และรู้สึกว่า กำลังลงเนิน ผมก็มองไปด้านขวา ของรถอีกครั้ง เพื่อมองหาคลังก๊าซ ปตท. ที่สถานีนครสวรรค์ และเมื่อมองไปพบว่า มี อัลสธอม กำลังตัดต่อขบวนรถออกมาจากคลังพอดี แต่ก็จะถ่ายภาพได้ก็ช้าไปเยอะเลย ผ่านมาไกลมาสมควรแล้วครับ

Click on the image for full size

ภาพเลยดูเหมือน อัสธอม ในป่าละเมาะ ยังไงยังงั้น
รถมาถึงนครสวรรค์ เวลา 10.46 กับระยะทาง 245 กิโลเมตร จากกรุงเทพ ใช้เวลาไปเกือบๆ 5 ชั่วโมง มีผู้โดยสารลงที่นี่ประปราย จากนั้นก็มีแม่ค้าเอาขนมโมจิ ขึ้นมขายบนรถ เสมือนเป็นสิ่งที่บอกได้โดยเจ้าหน้าที่รถไฟไม่ต้องประกาศว่า ท่านมาถึงนครสวรรค์แล้ว ไม่ว่า จะมาถึงดึกดื่น นอนหลับไม่อยากจะหลับตาตื่นเพียงใด ก็ยังได้ยินเสียงแม่ค้าขายขนมโมจิอยู่ดี

ช้าไป 10 นาที แล้วครับ น่าจะรีบออกเดินทางต่อนะ แต่กว่ารถจะได้เคลื่อนขบวนต่อไป ก็ปาไป 10.47 น. ซึ่งเมื่อรถออกมาจากนครสวรรค์แล้ว ผมก็มาประจำการยังที่นั่งด้านขวาของรถอีกครั้ง เพื่อส่องมองหาสัญญาณไฟข้างหน้า ซึ่งพบว่า เป็นสีส้มอีกแล้วหรือ และเมื่อผ่านมาอีกหน่อยก็เป็นสีแดง เลยทีนี้ จอดสิครับ รออยู่ 2 - 3 นาที ก็มีไฟส้มขึ้น พร้อมกับไฟเรียงเป็นตับเฉียงขึ้นอีกรอบ เข้าทางหลีกอีกแล้ว รถยิ่งช้าอยู่แล้วนะ แล้วขบวนรถก็ค่อยๆ แล่นเข้าโค้ง

Click on the image for full size

เป็นโค้งที่ยาวมาก ดูในภาพถ่ายดาวเทียม จะเห็นได้ชัดเลยว่า โค้งมากจริงๆ แล้วรถก็เข้ามาจอดในรางหลีก ของ สถานีปากน้ำโพ เรียบร้อย ในเวลา 10.55 เพื่อให้รถที่สวนทางมา ได้ผ่านในรางประธาน
ที่มาของชื่อ ปากน้ำโพ นั้น ผมได้ค้นหา และพบว่า มีการสันนิษฐานได้ 2 ประการคือ อาจมาจากคำว่า ปากน้ำโผล่ เพราะเป็นที่ปากน้ำปิงซึ่งรวมกับแม่น้ำวัง และแม่น้ำน่าน ซึ่งรวมกับแม่น้ำยม มาโผล่รวมกันเป็น ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเขต ต. ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสววรค์นี้ หรืออีกประการหนึ่ง คือมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อยู่ตรงปากน้ำในบริเวณวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งศาลเจ้าพ่อกวนอูในปัจจุบัน จึงเรียกกันว่า ปากน้ำโพธิ์ หรือ ปากน่ำโพ ก็อาจเป็นได้
รออยู่นานเลยครับ รถที่จะแล่นทาง ก็ไม่มาซักที จนกระทั่ง ได้ยินเสียง หวีด และไฟหน้ารถ หรือ HEADLIGHT ส่องมา จึงรู้ว่า น่าจะเป็นขบวน 106 ศิลาอาสน์ - กรุงเทพ ซึ่งจะทำขบวนด้วย THN หรือ กซข. หมายเลข 11xx หรือ NKF หรือ กซข. หมายเลข 12xx และ ATR หรือ กซม.ป. หมายเลข 21xx
แล้วขบวนรถ 106 ก็แล่นผ่าน สถานีปากน้ำโพไป

Click on the image for full size

กระทั่ง เวลา 11.01 น. นายสถานีปากน้ำโพ ก็ได้ให้สัญญาณธงเขียว และไฟเขียว ขบวน 101 ยังได้ออกเดินทางอีกครั้ง
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 16/07/2006 12:44 pm    Post subject: Reply with quote

มองไปทางด้านขวาของรถ ในขณะนี้ จะพบพึงบอระเพ็ด บึงน้ำจืด ตามธรรมชาติ ที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 132,737 ไร่ หรือ 212.3792 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอในจังหวัดนครสวรรค์ คือ อ.เมืองนครสวรรค์ อ.ท่าตะโก และ อ. ชุมแสง โดยแบ่งเขตพื้นที่กัน กลางบึง โดยเมื่อมีการจัดลำดับกันแล้ว บึงบอระเพ็ด จัดเป็นทะเลสาบน้ำจืดตามธรรมชาติ ที่มีพื้นที่ มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งจุดกำเนิดของบึงบอระเพ็ด นั้น น่าจะเกิดจาก พื้นที่ดังกล่าว เป็นที่ราบลุ่ม และยังเป็นจุดรวมของ คำคลอง ลำห้วย หลายสาย อีกทั้งในช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำน่าน จะเอ่อล้นฝั่ง และไหลมาเข้ามาในเขต บึงบอระเพ็ด อีกด้วย ทำให้บึงบอระเพ็ด มีความอุดมสมบูรณ์ทางชีววิทยามาก มีทั้งปลาหลายสายพันธุ์ ทั้งนกหลากหลายชนิด ซึ่งจะมีจำนวนมาก ในฤดูหนาว และในอดีตยังได้ชื่อว่า เป็นแหล่งน้ำที่มี จระเข้ ชุกชุม อีกด้วย แต่ปัจจุบันสันนิษฐานได้ว่า จระเข้นั้น น่าจะหมดไปจากบึงบอระเพ็ดนาน แล้ว
และที่บึงบอระเพ็ดนี้ ผมยังจดจำได้ เมื่อครั้งที่ผมได้นั่งรถไฟ มาภาคเหนือเป็นครั้งแรก ซึ่งเมื่อขบวนรถผ่าน บึงบอระเพ็ด สายตาผมมองเห็นหิ่งห้อย เป็นจำนวนหลายร้อย หลายพันตัว บินโฉบเฉี่ยวไปมา เหนือพื้นน้ำ ส่งแสงสีเขียวเรือง ส่องไสว ไปทั่วพื้นน้ำเลย ซึ่งเป็นภาพที่ยังตราตรึงในใจอยู่จนถึงทุกวันนี้เลยครับ ซึ่งน่าเสียดายว่า หลังจากนั้นแล้ว ผมไม่เคยได้เห็นภาพอย่างนั้นอีกเลย

หากอยากรู้จัก บึงบอระเพ็ด มากกว่านี้ เชิญคลิ๊กได้ครับ

http://www.fisheries.go.th/if-nakhonsawan/boraped.htm

ขบวนรถผ่านสถานีบึงบอระเพ็ด ทับกฤช โดยสัญญาณไฟเขียวตลอดทาง ภาพของบึงบอระเพ็ด ก็ค่อยๆ เลือนหาย เคลื่อนย้ายไปทางด้านท้ายของขบวนรถ พร้อมกับระยะทาง ที่ห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร มากขึ้นเรื่อยๆ

Click on the image for full size

และในเวลา 11.24 น. รถก็ได้แล่นมาถึงสถานีชุมแสง และจอดประมาณ 1 นาที ก็ได้ออกเดินทางต่อไป เมื่อผมมองดูเวลาในตารางแล้ว พบว่าขณะนี้ ขบวนรถได้ล่าช้าไป 14 นาทีแล้ว แต่ระยะทางยังอีกไกล
และเมื่อรถจะเข้าสู่สถานีวังกร่าง ไฟสีส้มก็มาปรากฎในสายตาผมอีกครั้ง และเมื่อผ่านเลยมาอีกไม่ไกล ก็พบสัญญาณไฟสีส้ม และไฟหลายดวงเรียงแถวเฉียงขึ้น เป็นสัญญาณว่า จะต้องเข้าทางหลีกอีกแล้ว หรือ ขบวนรถก็ค่อยๆ คืบคลาน เข้าไปในทางหลีกของสถานีวังกร่าง ซึ่งเป็นสถานีในเขต ต.เนินมะกอก อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร และเป็นสถานีกลางทุ่งนาเวิ้งว้าง ห่างไกลชุมชนจริงๆ เมื่อรถจอดสนิทแล้วในเวลา 11.35 น. ด้วยความสงสัยว่า จะเป็นรถขบวนใด ที่จะสวนทางมา เพราะตามเวลาแล้ว ขบวนรถโดยสารเที่ยวต่อไป น่าจะเป็น ขบวนรถเร็ว 112 เด่นชัย - กรุงเทพ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ปรากฎว่า เมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 5 นาที ก็ได้ยินเสียงราง และเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ ลุงของอัลสธอม และเมื่อรถเคลื่อนขบวนมาถึงสถานีวังกร่าง อพิโธ่ นึกว่า รถด่วนที่ไหน slap ที่แท้ พี่ด่วนดำ ณ บึงพระ นี่เอง สงสัยจะรีบจัด ถึงต้องให้รถเร็วมารอหลีกตั้งนาน
ต่อมา 11.42 น. รถก็ได้แล่นออกจากสถานีวังกร่าง ส่วนผมก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เพราะคิดอยู่เสมอว่า ทางตอนศิลาอาสน์ - ปางต้นผึ้ง นั้น อาจมีเบาทาง 20 กม./ขม. ตลอดระยะทางเกือบ 10 กว่า กิโลเมตร หากก่อนถึงศิลาอาสน์ช้าไป เป็น ครึ่งชั่วโมง แล้วแย่แน่
ปรากฎว่า เมื่อรถจะเข้าสู่สถานีบางมูลนากซึ่งอยู่ถัดจากวังกร่างแล้ว ก็ได้สัญญาณไฟเข้ารางหลีกอีกครั้ง และรถก็มาจอดในเวลา 11.49 น. คราวนี้ล่ะ คงเป็น 112 แน่ รีบๆ สวนทางไป จะได้แล่นฉิว แล้วก็รอครับรอ
รออยู่นานประมาณ 3 นาที ก็ได้ยินเสียงหวีดดังมาแล้ว เปิดไฟมาด้วย คงจะเตือนให้คนที่เดินข้ามรางประธาน ระหว่างขบวน 101 กับสถานีบางมูลนาก ได้ระวังว่า ข้ามาแล้วนะ อัลสธอมแน่นอน หัวโผล่มาแล้วล่ะ
แต่เอ๊ะ ทำไมไม่ชะลอเลย ขบวน 112 นี่ไม่จอด บางมูลนาก หรือไง ฮ่วย wacko

Click on the image for full size

นี่มัน ขบวนรถขนหินถมราง นี่หน่า ไอ้เราก็คิดว่าเป็น ขบวน 112 สงสัยขบวนนี้ น่าจะมาจากศิลาอาสน์ ปลายทาง บ้านหมี่ ก็ได้ ทำขบวนด้วยอัลสธอม 4121 โธ่ อย่างนี้ จอดรอที่หอไกรก่อนก็ได้ ต้องให้รถเร็วเชียงใหม่ มารอ
จนเมื่อรถขนหินผ่านไปแล้ว ขบวน 101 จึงได้ออกจากสถานีบางมูลนากบ้าง มองไปที่นาฬิกา 11.56 น. ช้ากว่าเวลาตั้งเกือบ 30 นาที เริ่มร้อนๆ หนาวๆ บ้างแล้ว
ต่อมาเมื่อรถจะแล่นเข้าสู่สถานีหอไกร ก็เห็นไฟสัญญาณให้เข้าทางหลีกอีกแล้ว หรือ ohmy อะไรกันนี่ ได้รอหลีกแบบแฮตทริกเชียว แต่ก็ยังดีเล้กน้อย ที่ไม่ต้องรออยู่นอกเขต เพราะสัญญาณไฟ ส้ม ขึ้นให้สัญญาณมาแล้ว เสมือนว่า ไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากเลยว่า ชบวนไหนจะรอ ขบวนไหนจะผ่านไปได้ก่อน เพราะ นายสถานีหอไกร ให้สัญญาณว่า ข.101 เข้าไปรอในทางหลีกเลย และขบวนก็ได้มาหยุดที่สถานีหอไกร ในเวลา 12.05 น.

ที่สถานีหอไกรนี้ ก็เป็นอีกสถานีหนึ่ง ซึ่งผมเห็นว่า ตัวสถานีขึ้นอยู่กลางท้องทุ่งนาแท้ๆ ไม่เห็นบ้านคนในระยะใกล้เลย แล้วจะมีผู้โดยสารมาขึ้นที่นี่บ้างไหม
และชื่อสถานีหอไกร ชวนให้ผมนึกถึงว่า คำว่า หอไกร จะมาจาก หอไกรทอง หรือบ้านของไกรทอง หรือที่พักของไกร ผู้ซึ่งปราบจระเข้ ชาลวัน เมืองพิจิตร หรือเปล่า ซึ่งความสงสัยของผมนี้ จึงได้ไปถามเพื่อน ซึ่งอยู่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ก็ได้คำตอบง่ายๆ สั้นๆ แต่ได้ใจความว่า ไม่รู้ no แต่ที่หอไกรนี้ มีชื่อด้านการแข่งเรือยาว ครับ
คราวนี้ ขบวนที่สวนทางมา ไม่ได้นำขบวนด้วย อัลสธอม แล้ว เพราะเสียงหวีด ที่ได้ยินนั้น บอกได้ทันทีว่า เป็น หัวรถจักร GEA แน่นอน และเมื่อขบวนรถมาถึงสถานีหอไกร จึงได้รู้ว่าคราวนี้ เป็นขบวนรถเร็ว 112 เด่นชัย - กรุงเทพ แน่นอน โดยท้ายขบวน ได้พ่วงรถตรวจสภาพทางมาด้วย เสมือนเป็นสัญญาณบอกว่า เส้นทางที่ชำรุด นั้น ได้รับการซ่อมแซมแล้วในระดับหนึ่ง

Click on the image for full size


และเมื่อชบวน 112 ผ่านไป เวลา 12.08 น. ขบวนรถที่พาผมหนีความวุ่นวายจากเมื่องกรุง ก็ได้มุ่งหน้าสู่เมืองเหนือต่อไป รถแล่นผ่านท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ของเมื่องพิจิตร ผ่านสถานีดงตะขบ ซึ่งแค่ได้ยินชื่อก็เปรี้ยวปากแล้ว สงสัยตะขบจะเยอะจริงๆ และแบบนี้ ค่อยแปลความหมายง่ายหน่อย ไม่เหมือนมะกุ และเมื่อมองไปด้านขวาของรถ อีกก็พบว่าสัญญาณไฟด้านขวามีสีเขียวตลอด ผ่านสะพานคอนกรีตของถนนซึ่งทางข้ามรถไฟ ซึ่งเสมือนเป็นสัญลักษณ์ที่จะบอกว่า จะเข้าเขตเมืองตะพานหินแล้ว และคงจะไม่มีการหลีกอีกหลายสถานีนะ
รถมาถึงจะจอดที่ตะพานหินและจอดประมาณ 1 นาทีเท่านั้น และในเวลา 12.23 น. จึงแล่นออกจากตะพานหิน

Click on the image for full size

ก่อนหน้านี้ ผมสงสัยว่า เหตุใด จึงได้ชื่อว่า ตะพานหิน และเมื่อได้ไปค้นหามา ก็ทราบว่า เหตุที่ได้ชื่อนี้นั้นก็เนื่องมาจากบริเวณเหนือตลาดตะพานหินขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตร มีหินดานอยู่กลางแม่น้ำน่านโดยยื่นออกมาจากฝั่งตะวันออกและยาวขวางแม่น้ำจนเกือบถึงฝั่งตะวันตกเหลือช่องว่างน้ำลึกเพียงเล็กน้อยพอที่เรือจะแล่นผ่านได้ เท่านั้นด้วยลักษณะคล้ายสะพานที่เป็นหินนี่เองจึงเรียกหมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เดิมว่า บ้านหัวดานหรือบ้านตะพานหิน
โดยในอดีตฤดูแล้งตอนน้ำลดจะสามารถมองเห็นหินดานดังกล่าวได้แต่ปัจจุบันไม่สามารถมองเห็นได้อีกแล้ว เพราะเมื่อปี พ.ศ 2530 กรมเจ้าท่ากระทรวงคมนาคมได้ก่อสร้างท่าเรือขึ้นที่อำเภอตะพานหินและต้องการให้เรือบรรทุกสินค้าผ่านได้สะดวกจึงได้ขุดลอกแม่น้ำน่านและได้ระเบิดหินดังกล่าวออกไป
ส่วนบ้านหัวดานหรือตะพานหิน ขึ้นกับตำบลห้วยเกตุ อำเภอเมืองพิจิตร

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา http://www.phichitceo.com หากสนใจเมืองพิจิตร คลิ๊กเข้าไปชมได้ครับ


Last edited by CENTENNIAL on 16/07/2006 1:15 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
pattharachai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย

PostPosted: 16/07/2006 1:22 pm    Post subject: Reply with quote

สถานีตะพานหิน จัดได้ว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดพิจิตร จะเห็นได้ว่ามีย่านที่ใหญ่พอสมควร (5ชานชาลา) มีรถนอนเป็นของตัวเอง เวลาประชาชนจะลงไปกรุงเทพ ก็มักจะนึกถึงรถไฟเป็นอันดับแรก

ป.ล....ไกรทองไม่ใช่คนพิจิตรครับ เป็นชาวเมืองตลาดขวัญ หรือนนทบุรีนั่นเอง
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 02/04/2006
Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT

PostPosted: 16/07/2006 1:29 pm    Post subject: Reply with quote

น้าผมเป็นรองผู้กำกับฯอยู่ที่ตะพานหินเนี้ยล่ะ แต่ว่ายังไม่เคยขึ้นรถไฟมาหาน้าซะที มีแต่น้าลงไปที่ท่าเรือซะมากกว่า Laughing ไว้ว่างๆขึ้นไปถ่ายรูปแถวนั้นดีกว่า ไปขบวน 401 กลับขบวน 402 กำลังดี 8)

Last edited by KTTA-50-L on 16/07/2006 3:28 pm; edited 4 times in total
Back to top
View user's profile Send private message MSN Messenger
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 16/07/2006 3:15 pm    Post subject: Reply with quote

เป็นรองผกก. ฝ่ายไหนล่ะ พูดถึงว่าอยู่ อ.ตะพานหิน ก็ดีเลยนะ ถือเป็นเมืองใหญ่ระดับนึงแล้ว อาคารสถานที่ก็โอเค เพื่อนพี่บางคนตอนไปทำงานครั้งแรกๆ เงินเดือนยังไม่ออก พ่อแม่ส่งเงินมาให้ก็ไม่ได้ เพราะธนาคารยังไม่มี ผกก. สั่งให้เลี้ยงไก่อย่างน้อยคนละตัว เพื่อเอาไว้กินปลวกที่เจาะตามเสาอาคารที่ทำการ จะพังแหล่มิพังแหล่ วันๆ นึง รถราไม่เคยมีการชนกัน เพราะมีถนนในรถวิ่งอยู่เส้นเดียว รถแล่นเร็วก็ไม่ได้ เพราะถนนไม่ดี Laughing คือเป็นการพูดเปรียบเทียบครับ แต่ก็ใกล้เคียงความจริงทีเดียว อย่าคิดมากครับ Smile
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 02/04/2006
Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT

PostPosted: 16/07/2006 3:29 pm    Post subject: Reply with quote

เป็น รอง ผกก. (สส.) ครับพี่ Very Happy
Back to top
View user's profile Send private message MSN Messenger
pattharachai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย

PostPosted: 17/07/2006 12:05 am    Post subject: Reply with quote

ตะพานหินนี่เป็นอำเภอใหญ่ก็จริงครับ แต่เงียบ ไม่ครึกครื้น กลางวันก็ยังโอเค ผู้คนพลุกพล่าน แต่พอตกค่ำ เงียบสนิทเลยครับ 2-3 ทุ่มนี้ ร้านรวงปิดกับแทบจะหมดทั้งตลาดแล้ว (ยกเว้น 7-11 และร้านข้าวต้มรอบดึก)
แต่ค่าครองชีพที่นี่ถูกมากครับ

มีอยู่วันหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ผมไปบ้านยายที่ตะพานหิน ก็ได้พบปะกับสมาชิกท่านหนึ่งที่กำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ ก่อนกลับ ก็พยายามที่จะเดินหาของกินเป็นเสบียงระหว่างทาง ปรากฏว่า ณเวลานั้น ประมาณบ่ายสาม-บ่ายสี่ แถวๆสถานีรถไฟ แทบจะไม่มีร้านไหนเปิดขายเลย ที่เปิดก็ปิดไปแล้ว (เงียบจริงๆเมืองนี้) แต่ ก็เจอหมูปิ้ง ที่ถ้าทราบราคาก็ต้องตกใจ เพราะไม้ละ 1 บาท (โอ้ ในกรุงเทพฯ หรือนครปฐมบ้านผมนี่หาราคานี้ไม่ได้แย้ว)

ป.ล. ไม่รู้เป็น Trend ของเมืองแถวนั้นหรือเปล่า ที่ถนนในตลาดมักเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก แทบทั้งตลาด ไม่ค่อยมีถนนราดยาง
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3  Next
Page 2 of 3

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©