Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13179507
ทั้งหมด:13490739
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - จากตะวันออก - ขึ้นเหนือ : 2,700 กม. กับ 12 จุดหมาย
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

จากตะวันออก - ขึ้นเหนือ : 2,700 กม. กับ 12 จุดหมาย
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 8, 9, 10 ... 18, 19, 20  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม
View previous topic :: View next topic  
Author Message
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 02/04/2006
Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT

PostPosted: 28/11/2007 2:12 pm    Post subject: Reply with quote

ช่วงนี้ผมก็พอๆกับพี่เต้ยเลยวุ้ยออกทริปเยอะ กำลังจะเริ่มเป็นโรคทรัพย์จางแล้วล่ะครับ 55555
_________________
The Guardian of Rotfaithai.Com
Back to top
View user's profile Send private message MSN Messenger
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 28/11/2007 3:33 pm    Post subject: Reply with quote

KTTA-50-L wrote:
ช่วงนี้ผมก็พอๆกับพี่เต้ยเลยวุ้ยออกทริปเยอะ กำลังจะเริ่มเป็นโรคทรัพย์จางแล้วล่ะครับ 55555


ทริปของพี่จบไปตั้งนานแล้ว นี่ก็แค่เอาเวลาที่เหลือมาโพสท์รูปให้ดูกันแค่นั้นเอง

แต่ของเจฟนี่สิ ช่วงนี้ดูเหมือนว่ายังอีกหลายทริปนี่นา มีน้อง ๆ ชวนไปเที่ยวอีกไม่ใช่เหรอ คนเนื้อหอมก็แบบนี้ล่ะ laugh น้องเขาชวนแล้วไม่ไปเดี๋ยวเสียน้ำใจนะ Wink

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณวัดมหาธาตุแห่งนี้ครับ

Click on the image for full size


ยังคงอยู่ในบริเวณวัดมหาธาตุนะครับ แต่คิดคำบรรยายไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าบริเวณที่ยืนอยู่นี้คือส่วนไหนของวัด Confuse

Click on the image for full size


มองออกไปบริเวณด้านข้างของวัดมหาธาตุก็จะเป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีเจดีย์เป็นฉากหลังครับ

Click on the image for full size


จากวัดมหาธาตุผมก็พาเด็ก ๆ เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนมาถึงวัดศรีสวายครับ

Click on the image for full size

ข้อมูลตามป้าย wrote:
วัดศรีสวาย

ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ และอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองสุโขทัยด้านทิศใต้ โบราณสถานสำคัญประกอบไปด้วยปรางค์ ๓ องค์ ที่มีรูปแบบศิลปะลพบุรี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม แต่ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียวตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ มีลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ ส่วนด้านหน้าขององค์ปรางค์ มีวิหาร ๒ หลังที่สร้างเชื่อมต่อกัน โบราณสถานทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงซึ่งก่อด้วยศิลาแลง

ปี พ.ศ. ๒๔๕๐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สยามมกุฏราชกุมาร ได้เสด็จประพาสวัดศรีสวาย ทรงพบรูปพระสยุมภู ( พระอิศวร ) ในวิหาร ก็ทรงสันนิษฐานว่าวัดศรีสวายอาจะเป็นเทวสถานทางศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูแล้วแปลงเป็นวัดในพุทธศาสนาในภายหลัง



รูปแบบสันนิษฐานของวัดศรีสวาย อยู่ในป้ายที่ติดตั้งเอาไว้ในบริเวณวัดครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 28/11/2007 4:00 pm    Post subject: Reply with quote

จากวัดศรีสวายก็เดินต่อครับ ผมยังโชคดีอยู่บ้างที่ทางเดินบางส่วนที่อยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์นี้ อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกร้อนเท่าไหร่ครับ

Click on the image for full size


ผมพาเด็ก ๆ เดินผ่านมาถึงวัดตระพังเงินครับ

Click on the image for full size

ข้อมูลตามป้าย wrote:
วัดตระพังเงิน

ตั้งอยู่ทางตะวันตกของวัดมหาธาตุ โบราณสถานแห่งนี้ไม่มีกำแพงล้อมรอบ แต่อาศัยน้ำเป็นขอบเขตของวัด คำว่า ตระพัง เป็นคำภาษาเขมร แปลว่า สระน้ำ

โบราณสถานของวัดนี้มีเจดีย์ประธานทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงดอกบัวตูม มีวิหารประกอบอยู่ด้านหน้า ลักษณะที่เด่นของเจดีย์ทรงดอกบัวตูมของวัดนี้ คือมีจระนำที่เรือนธาตุทั้งสี่ด้านสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปยืนและเดิน ลีลา ซึ่งแตกต่างไปจากเจดีย์ทรงดอกบัวตูมในที่อื่น ๆ

ด้านตะวันออกของเจดีย์ประธาน เป็นเกาะมีอุโบสถ ( โบสถ์ ) ตั้งอยู่กลางสระน้ำตามคตินทีสีมา หรืออุทกสีมา เช่นเดียวกับวัดสระศรี ที่ใช้น้ำในความหมายของความบริสุทธิ์ของขอบเขตที่กันไว้เป็นเขตสำหรับให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม



นี่คือสระน้ำที่อยู่ข้างหน้าวัดตระพังเงินครับ

Click on the image for full size


จากนั้นผมก็เดินไปตามสระน้ำที่เห็นเมื่อสักครู่ครับ ก่อนจะไปถึงวัดต่อไป มองย้อนกลับไปทางวัดตระพังเงินก็เห็นชาวต่างชาติอีกกลุ่มหนึ่งขี่จักรยานตาม ๆ กันมาเป็นแถวเลยครับ เห็นแล้วมองย้อนดูตัวเอง ไม่รู้จะต้องเดินอีกไกลเท่าไหร่ครับ กว่าจะไปถึงจุดหมายที่ผมตั้งใจจะไปให้ถึงให้ได้ ยังไม่บอกว่าที่ไหนครับ Hahaha

Click on the image for full size


จริง ๆ แล้วผมมีจุดหมายครับ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหนแค่นั้นเอง Ahhh ก็ได้แต่คลำทางไปเรื่อย ๆ เพราะเจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่ประตูเขาไม่ยอมแจกแผนที่ให้ผม ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน dots แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอาศัยถามพี่ ๆ ที่ทำงานอยู่ข้างในเขตอุทยานก็ได้ครับ

ผมเห็นมีพี่ ๆ กลุ่มหนึ่งกำลังทำความสะอาดบริเวณภายในวัดสระศรีครับ ถือโอกาสนี้เดินเข้าไปเที่ยวด้านในด้วยเลยดีกว่า

ข้อมูลตามป้าย wrote:
วัดสระศรี

ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ วัดนี้มีความงดงามมากอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากตั้งอยู่กลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ชื่อว่าตระพังตระกวน โบราณสถานสำคัญประกอบด้วย เจดีย์ปรธานทรงระฆัง วิหาร อุโบลสถ ( โบสถ์ ) และเจดีย์รายขนาดต่าง ๆ รวม ๙ องค์

เจดีย์ทรงระฆัง ของวัดเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการรับพุทธศาสนาจากลังกาของสุโขทัย บางครั้งจึงเรียกเจดีย์แบบนี้ว่า เจดีย์ทรงลังกา ส่วนอุโบสถ ( โบสถ์ ) ที่อยู่กลางสระน้ำก็เป็นความเชื่อแบบพุทธศาสนา ที่ใช้น้ำในความหมายของความบริสุทธิ์ของขอบเขตที่กันไว้เป็นเขตสำหรับให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม เรียกว่า นทีสีมา หรืออุทกสีมา

ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๒๑ มีถนนจรดวิถีถ่อง ถนนหลวงสายสุโขทัย - ตาก ตัดผ่านกลางวัด ซึ่งทำลายคุณค่าและเป็นอันตรายต่อโบราณสถาน กรมศิลปากร จึงได้ร่วมกับกรมทางหลวง ขุดรื้อถนนเดิมออกไป แล้วสร้างถนนใหม่เลียบสระน้ำทางด้านทิศเหนือขึ้นแทน เพื่อรักษาโบราณสถานและปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงามเช่นในอดีต


Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 28/11/2007 4:44 pm    Post subject: Reply with quote

พี่ ๆ ที่ทำความสะอาดภายในบริเวณวัดสระศรีบอกผมว่า จุดหมายที่ผมต้องการไปนั้น จะต้องเดินจากวัดสระศรี ไปที่ประตูที่อยู่ทางขวาครับ ผมก็พาเด็ก ๆ เดินไปตามทางที่พี่ ๆ เขาบอกมาครับ ที่ประตูทางขวาที่พี่ ๆ เขาบอกมานั้น จะเป็นประตูออกไปสู่บริเวณด้านนอกอุทยานประวัติศาสตร์ครับ มีพี่ ๆ รปภ. เฝ้าประตูนั้นอยู่ ซึ่งพี่เขาบอกว่าผมต้องเดินจากประตูนี้ ตรงไปตามถนนที่เห็นอยู่นี้ไปเรื่อย ๆ ครับ แล้วจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ขอบคุณพี่เขา แล้วรีบจ้ำต่อเลยครับ

Click on the image for full size

ข้อมูลตามป้าย wrote:
อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย
มรดกโลก

SUKHOTHAI HISTORICAL PARK
WORLD HERITAGE



ผมเดินไปตามถนนที่เห็นข้างบนครับ สักพักก็เดินผ่านร้านขายก๋วยเตี๋ยวก็เลยแวะซื้อน้ำอัดลมกินให้ชื่นใจสักหน่อย คุณป้าเจ้าของร้านก็คุยสนุกดีครับ แต่พอนั่งพักจนหายเหนื่อย กินน้ำหมดแล้วผมก็ต้องพาเด็ก ๆ เดินกันต่อครับ ไม่ไกลจากร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณป้าคนนั้น ผมก็มาถึงป้ายบอกทางที่พี่รปภ. บอกผมแล้วครับ จุดหมายสำคัญที่ผมอยากจะพาเด็ก ๆ ไปดู ก็คือ วัดศรีชุม ครับ ในป้ายนั้นบอกว่าเราต้องเดินเลี้ยวไปทางขวาอีก 600 เมตรครับ

Click on the image for full size

ระยะทาง 600 เมตรนั้น เป็น 600 เมตรที่หนักมากเลยล่ะครับ เพราะผมต้องแบกน้องพีเอาไว้บนหลังด้วย โดยมีเจ้าตี๋เดินตามหลังมาแบบหมดเรี่ยวแรง laugh


พอเลี้ยวขวาจากถนนใหญ่แล้ว ถนนเส้นที่แยกออกมาก็จะเป็นทางตรงไป แล้วเราก็ต้องเลี้ยวขวา ตามด้วยเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง แล้วก็จะเห็นวัดศรีชุมอยู่ทางด้านซ้ายของถนนครับ

Click on the image for full size


ที่หน้าประตูทางเข้ามีที่สำหรับติดป้ายประกาศเอาไว้หลายแผ่นเลยครับ ไปดูกันสักหน่อยดีกว่า...

Click on the image for full size

ข้อมูลตามป้าย wrote:
วัดศรีชุม

อยู่นอกกำแพงเมืองตรงมุมตะวันตกเฉียงเหนือพอดี สิ่งสำคัญที่ปรากฏอยู่โดดเด่นได้แก่อาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งขนาดใหญ่เต็มพื้นที่อาคาร มีขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 11.30 เมตร เชื่อกันว่าพระพุทธรูปเรียกตามที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า " พระอจนะ " มีความหมายว่าผู้ไม่หวั่นไหว สร้างเป้นพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ที่เห็นในปัจจุบันนี้ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ราว พ.ศ. 2496 - 2499

คำว่า " ศรี " มาจากคำเรียกพื้นเมืองเดิมของไทยว่า " สะหลี " ซึ่งหมายถึง ต้นโพธิ์ ดังนั้นชื่อศรีชุม จึงหมายถึงดงของต้นโพธิ์ แต่ในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่เขียนในสมัยอยุธยาตอนปลาย ไม่เข้าใจความหมายนี้ จึงเรียกสถานที่นี้ว่า " ฤาษีชุม " ว่าเป็นสถานทีที่พระนเรศวรมาประชุมทัพกันอยู่ที่นั้นก่อนที่จะยกทัพไปปราบเมืองสวรรคโลก อันเป็นต้นตอของตำนานเรื่องพระ ( อจนะ ) พูดได้ที่เล่าขานต่อกันมา

วัดศรีชุมยังมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์สุโขทัยอีก ในช่องผนังของมณฑปได้ค้นพบหลักศิลาจารึกที่ 2 เรียกว่า " จารึกวัดศรีชุม " ที่เล่าเรืองราวของการก่อตั้งราชวงศ์สุโขทัยของคนไทยกลุ่มหนึ่ง และที่เพดานของช่องผนังดังกล่าวมีภาพจิตรกรรมลายเส้น เป็นภาพเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าในชาติต่าง ๆ ที่เรียกว่าชาดก บางภาพมีลักษณะทางศิลปกรรมคล้ายกับศิลปะลังกาโดยมีอักษรสมัยสุโขทัยกำกับบอกเรืองชาดกไว้ที่ภาพแต่ละภาพด้วย


ข้อมูลตามป้าย wrote:
ประวัติการศึกษา อนุรักษ์วัดศรีชุม

พ.ศ. 2430 หลวงสโมสรสรรพการรับหน้าที่ตรวจค้นศิลาจารึกเมืองสุโขทัย และได้พบศิลาจารึกหลักที่ 2 ( จารึกวัดศรีชุม ) ในช่องอุโมงค์
พ.ศ. 2434 นายลูเชียง ฟูเนอโร สำรวจและถ่ายภาพโบราณสถานและภาพชาดกในอุโมงค์จำนวน 49 - 50 แผ่น
พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ขณะดำรงพระยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมารเสด็จประพาสเมืองสุโขทัย และทรงบันทึกหลักฐานเกี่ยวกับวัดศรีชุมในหนังสือ " เที่ยวเมืองพระร่วง "
พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจานุเบกษา เล่มที่ 58 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2478
พ.ศ. 2496 - 2499 สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นระยะของการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมไทย ได้จัดงบประมาณมาดำเนินการอนุรักษ์โดยการขุดลอกโบราณสถาน เทคานคอนกรีตเสริมเหล็กยึดผนังส่วนบน เพื่อป้องกันผนังแยก และน้ำฝนซึมเข้าผนัง ที่สำคัญมีการบูรณะพระอจนะ โดยว่าจ้างนายบุญธรรม พูลสวัสดิ์ เป็นช่างบูรณะตามแบบของอาจารย์เขียน ยิ้มศิริ ซึ่งออกแบบพุทธลักษณะตามแบบอย่างพระพุทธรูปสำริดสมัยสุโขทัย การบูรณะในครั้งนั้นได้ยึดถือแบบวิธีและวัสดุอย่างโบราณทั้งสิ้น
พ.ศ. 2507 กรมศิลปากรมอบหมายให้นายจำรัส เกียรติก้อง และนายประพัฒน์ โยธาประเสริฐ หัวหน้าแผนกสำรวจกองโบราณคดี คัดลอกภาพชาดกจากแผ่นหิน
พ.ศ. 2509 บูรณะซุ้มประตูทางเข้ามณฑป ตามแบบที่เห็นในปัจจุบัน
พ.ศ. 2523 ผนังมณฑปด้านเหนือพังทลายลง เนื่องจากพายุและฝนตกหนัก พื้นที่ผนังประมาณ 30 ตารางเมตร ด้านนี้จึงได้รับการบูรณะขึ้นใหม่เพื่อป้องกันผนังส่วนอื่น ๆ พังทลายลงตาม
พ.ศ. 2524 โครงการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ดำเนินการอนุรักษ์วัดศรีชุมครั้งใหญ่ โดยเริ่มขุดค้นทางโบราณคดี
พ.ศ. 2527 ศึกษาหาแนวทางและอนุรักษ์ปูนปั้นองค์พระอจนะด้วยวิธีวิทยาศาสตร์และเสริมความมั่นคงที่ฐานและส่วนบนของมณฑป รวมทั้งมีการจัดสภาพภูมิทัศน์ของบริเวณด้วย
พ.ศ. 2540 - 2541 ศึกษาเพื่อการอนุรักษ์ปูนปั้นที่พระอจนะ โดยความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากร และรัฐบาลญี่ปุ่น



เดินผ่านซุ้มทรงไทยที่เห็นที่รูปข้างบนเข้าไป ก็จะเห็นวัดศรีชุมอยู่ไม่ไกลครับ เดินมาตั้งนาน ในที่สุดก็มาถึงจนได้ Victory

Click on the image for full size


รูปแบบสันนิษฐานของวัดศรีชุมครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 28/11/2007 5:15 pm    Post subject: Reply with quote

ผมจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ช่วงที่ปิดเทอมแล้วได้มาอยู่ที่พิษณุโลก คุณแม่ กับอาอี๊เคยพามาเที่ยวที่นี่ครั้งหนึ่งครับ ความทรงจำช่วงนั้นเลือนลางมาก ๆ แต่ที่จำได้ก็คือภาพของพระอจนะ ที่ประดิษฐานอยู่ด้านในวิหารนั้นมีขนาดใหญ่โตมาก ๆ เลยครับ แล้วก็ยังจำได้ว่าที่ผนังของวิหารนั้นมีบันไดให้เดินขึ้นไปข้างบนได้ด้วย แต่พอได้มายืนอยู่ที่นี่อีกครั้ง สิ่งที่ได้เห็นกลับไม่ค่อยจะเหมือนกับในความทรงจำสักเท่าไหร่...

Click on the image for full size


รูปแบบสันนิษฐานของวิหารแห่งนี้ครับ

Click on the image for full size


องค์พระอจนะประดิษฐานอยู่ด้านในวิหาร ข้างหลังประตูนี้ล่ะครับ ในวันนั้นที่ผมกับเด็ก ๆ ไปถึงที่วัดมีชาวต่างชาติเป็นผู้หญิงผมทอง 2 คนครับ ( คงจะเป็นเพื่อนกัน ) กล้องถ่ายรูปของพวกเธอนี่มีเลนส์ยื่นยาวออกมายาวออกมาเกือบฟุตแน่ะครับ จนผมคิดว่ากล้องหนัก ๆ เกะกะแบบนี้จะถ่ายได้ถนัดได้ยังไง แต่นี่ก็แค่มุมมองของคนที่ใช้กล้อง compact จนเคยล่ะครับ Think พูดมากอีกแล้ว chair

Click on the image for full size


องค์พระอจนะครับ กว่าจะได้รูปนี้มาผมต้องใช้ Super S Curve ขั้นสุดยอด ก้มลงไปจนหัวเกือบจะถึงพื้นเลยล่ะครับ วิหารก็แคบเหลือเกิน Ahhh

Click on the image for full size


ที่ผนังด้านข้างองค์พระอจนะ มีช่องว่าง ๆ ด้วยครับ ซึ่งช่องนี้ล่ะครับ ที่ทำให้ผมมั่นใจว่าวัดที่ผมได้มาเที่ยวเมื่อครั้งยังเป็นเด็กต้องใช่วัดศรีชุมแห่งนี้แน่ ๆ เลย ถึงแม้ว่าขนาดของวัด และวิหารแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้ หรือว่ายังมีวัดไหนที่เดินไต่บันไดไปตามผนังแล้วโผล่ออกมาดูบรรยากาศข้างนอกได้แบบนี้อีกหรือเปล่าครับ Wow

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 28/11/2007 6:00 pm    Post subject: Reply with quote

จากวัดศรีชุมผมกับเด็ก ๆ ก็ต้องเดินย้อนกลับไปตามทางเดิมที่ได้เดินเข้ามา 600 เมตรอีกแล้ว แล้วก็ต้องแบกน้องพีอีกแล้ว เริ่มออกอาการกวน... คงจะรู้ตัวแล้วล่ะครับว่าใกล้ถึงเวลาที่จะต้องจากกันแล้ว... wavecry

โชคดีวิ่งมาหาผมอีกครั้ง พอออกมาถึงถนนใหญ่ก็มีรถโดยสารวิ่งระหว่างจังหวัดตาก - จังหวัดพิษณุโลกวิ่งผ่านมาพอดีครับ ผมจำได้ว่าเคยเห็นรถสายนี้วิ่งผ่านโรงแรมไพลินด้วย ก็เลยลองโบกดูครับ เขาจอดรับพวกผมด้วย โอ๊ยดีใจสุด ๆ เลยครับ ไม่ต้องเดินย้อนกลับไปขึ้นรถสองแถวถึงที่หน้าทางเข้าอุทยานเหมือนอย่างที่คิดแล้ว Victory ผมกับเด็ก ๆ นั่งกันอยู่บริเวณหน้ารถ ก็เลยถ่ายบรรยากาศบนรถมาให้ดูได้ชัดที่สุดแค่นี้ล่ะครับ ส่วนค่าโดยสารก็ไม่แพงครับ คนละไม่เกิน 15 บาทครับ ( ผมจำราคาไม่ได้ แต่ว่าไม่เกิน 15 บาทแน่ ๆ ครับ )

Click on the image for full size


พอมาถึงโรงแรม ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งพักต่ออีกหน่อย ก็ได้เวลา Check out ออกจากโรงแรมแล้วครับ ผมก็ข้ามถนนมารอรถสองแถว 6 ล้ออีกครั้ง ตามข้อมูลที่ได้จากคุณป้าคนเมื่อวาน ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม ถ้าจะไปที่สถานีขนส่งก็ต้องถามคุณพี่คนขับก่อนครับ ว่าจะเลี้ยวเข้าไปส่งหรือเปล่า เพราะในช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษาอย่างที่เคยบอกไปครับ ทางไปที่สถานีขนส่งก็ต้องเลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 500 เมตร แต่ถ้าไม่มีผู้โดยสารไปลงที่สถานีขนส่ง พี่ ๆ เขาก็จะขับรถตรงเข้าตัวเมืองเลยครับ

มาถึงสถานีขนส่ง รถประจำทางของบริษัท สุโขทัยธานี จำกัด ที่วิ่งระหว่างตัวเมืองพิษณุโลก - ตัวเมืองสุโขทัย ก็จอดรออยู่แล้วครับ ค่าโดยสารที่ผมจ่ายไปวันนั้นก็คือ คนละ 42 บาท ( ก่อนหน้าที่ยังไม่ขึ้นค่าโดยสารนั้น เก็บค่าโดยสาร 39 บาทครับ ) ลักษณะของรถก็คล้าย ๆ กับรถไมโครบัสในกรุงเทพนั่นล่ะครับ เป็นรถคันสีขาว มีแถบสีชมพู สีเขียว ( อาจจะมีสีเทาด้วย ) คาดอยู่ตามตัวรถครับ อ้อ.. ผมเดินไปถามบขส. แล้ว เขาบอกว่าจากสถานีขนส่งสุโขทัย ไม่มีรถวิ่งไปที่สถานีขนส่งพิษณุโลกครับ Exclamation ส่วนบรรยากาศภายในรถที่วิ่งไปที่จังหวัดพิษณุโลกก็เป็นอย่างที่เห็นนี้ครับ

Click on the image for full size

ก่อนหน้านี้ที่เวปเปิดมาใหม่ ๆ มีพี่ ๆ ถามเรื่องการเดินทางระหว่างพิษณุโลก - สุโขทัยเอาไว้ มาถึงตอนนี้ผมหาคำตอบให้แล้วนะครับ ไม่รู้พี่ ๆ ยังจำกันได้หรือเปล่า แต่ผมจำได้แน่นอน ไม่เคยลืม เพียงแต่ว่าดองการบ้านข้อนี้เอาไว้นานไปหน่อยแค่นั้นเอง แล้วตอบไปไม่ค่อยจะดีด้วย เพราะว่าไม่มีรูปภายนอกของรถคันนี้มาให้ดูกันครับ ไม่สะดวกจะถ่ายจริง ๆ ครับ sorry


เท่าที่ผมจดบันทึกเส้นทางที่รถคันนี้วิ่งผ่านไป ก็คือ จากสถานีขนส่งสุโขทัยตรงไปที่แยกบางแก้ว เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 12 ( สิงหวัฒน์ ) ผ่านวัดกระชงคราม ผ่านแยกบ้านสวน ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นถนนหมายเลข 1054 ไปที่อำเภอศรีสำโรง แต่ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นถนนหมายเลข 1053 แต่รถก็ยังขับตรงไปครับ แล้วไปเลี้ยวขวาที่แยกโค้งตานก ผ่านหน้าโรงพยาบาลกงไกรลาศ ที่ว่าการอำเภอกงไกรลาศ วัดใหม่สุขเกษม วัดใหม่โพธิ์ทอง เขื่อนนเรศวร ( ต้องตรงเข้าไปในถนนเล็ก ๆ อีก 37 กิโลเมตร Shocked ) จากนั้นก็จะผ่านอีกหลายแยกครับ ทั้งทางแยกไปอำเภอวังทอง แยกไปจังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ แล้วก็จะผ่านวัดคูหาสวรรค์ ก่อนที่จะขึ้นสะพานนเรศวร ข้ามแม่น้ำน่านที่เห็นอยู่นี้ครับ

Click on the image for full size


ลงจากสะพานนเรศวรก็จะผ่านหน้า วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ที่ได้แวะมากราบองค์พระพุทธชินราชกันแล้ว

Click on the image for full size


หลังจากนั้นรถก็จะวิ่งขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของสถานีพิษณุโลก ( ไม่ได้เห็นรถไฟ 1 วันเต็ม ๆ แล้วเนี่ย ) ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าสู่สถานีขนส่งพิษณุโลกครับ จากสถานีขนส่งก็ต้องขึ้นรถเมล์กลับไปที่สถานีรถไฟอีกทีครับ ในตอนนั้นมีแต่รถธรรมดาจอดอยู่ ก็ต้องขึ้นล่ะครับ หิวแล้ว...

Click on the image for full size

จริง ๆ แล้ววันนั้นถ้าผมตัดสินใจเร็วกว่านั้นสักหน่อยจะลงจากรถที่นั่งมาจากสุโขทัยก่อนที่จะขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟครับ แล้วเดินไปขึ้นรถสองแถวที่ถนนด้านหลังของวัดใหญ่ดีกว่า เร็วกว่ามานั่งรอให้รถเมล์ออกจากสถานีขนส่งอีกครับ ช่วงเที่ยง ๆ แบบนี้มีการหยุดวิ่งด้วย Confuse
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 28/11/2007 7:27 pm    Post subject: Reply with quote

ผมกับพวกเด็ก ๆ ลงจากรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟครับ มื้อกลางวันของวันนั้นไม่ได้ไปกินที่ร้านไหนครับ ผมพาเจ้าตี๋กับน้องพีกลับไปกินที่บ้าน พอกินข้าวเสร็จ ก็ให้เจ้าตัวเล็กนอนพัก วันนี้พาเดินมาราธอนตลอดช่วงเช้า ก็คงเหนื่อยแล้วล่ะครับ ผมฝากน้องพีเอาไว้ที่บ้าน รอจนกว่าจะถึงตอนเย็น ๆ พ่อตาผมจะกลับมาจากบ้านที่อำเภอวัดโบสถ์ แล้วทั้งคู่ก็จะขึ้นขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 4 ต้นทางสถานีสวรรคโลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ที่ผมซื้อตั๋วไว้ให้ไปลงที่สถานีบางเขน เพื่อกลับบ้านประชานิเวศน์ครับ กว่าจะไปถึงแฟนผมคงกลับมาจากต่างจังหวัดแล้วละมั้ง

บ่ายวันนั้นผมคิดว่าจะพาเจ้าตี๋ไปหาเพื่อนผมที่บ้าน แต่ว่าโทรไปหาเขาแล้ว แต่เจ้าตัวไปติดธุระอยู่แถว ๆ บางกระทุ่มก็เลยเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางเล็กน้อย จากที่คิดเอาไว้ว่าจะขึ้น ขบวนรถเร็วที่ 116 ต้นทางสถานีพิษณุโลก - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ไปสู่จุดหมายต่อไป แต่หลังจากถามความเห็นจากผู้ร่วมทางที่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้ว อยู่ที่พิษณุโลกก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็ไปเที่ยวต่อดีกว่า ตกลงกันได้แล้วผมกับเจ้าตี๋ก็แบกเป้กลับมาที่สถานีพิษณุโลกอีกครั้งครับ แล้วก็ไม่ลืมที่จะโทรบอกพ่อตาผมว่าให้ออกจากวัดโบสถ์เร็วขึ้นอีกหน่อย เพราะน้องพีมาอยู่ที่บ้านในตัวเมืองแล้ว...

Click on the image for full size

สถานีพิษณุโลก ในเส้นทางสายเหนือ ( ปลายทางสถานีเชียงใหม่ )
เป็นสถานีระดับที่ 1 อักษรย่อ พล. รหัสสถานี 1118
ตั้งอยู่ในตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 389.28 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลไฟฟ้าชนิดบังคับสัมพันธ์ด้วยรีเลย์ และสัญญาณไฟสี ก.1ก *

* อ้างอิงจาก file station_north.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com


ในเวลานั้น ที่สถานีพิษณุโลกมี ขบวนรถท้องถิ่นที่ 402 ต้นทางสถานีพิษณุโลก - ปลายทางสถานีลพบุรี จอดอยู่ครับ ผมกับเจ้าตี๋ก็จะไปสู่จุดหมายต่อไปด้วยรถไฟขบวนนี้ล่ะครับ ได้ขึ้นรถไฟแล้ว Hahaha

Click on the image for full size

ชุดรถของขบวนที่ 402 ในวันนั้นก็ใช้รถดีเซลรางชุดเดียวกันกับ ขบวนที่ 401 ที่ผมนั่งมาจากสถานีหัวดงครับ


ขบวนที่ 402 ออกจากสถานีพิษณุโลกตามเวลาครับ แล้วก็เลี้ยวเข้าไปจอดอยู่ในรางหลีกที่สถานีบึงพระ โดยที่มี ขบวนรถเร็วที่ 111 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเด่นชัย ที่ได้รถจักรดีเซลไฟฟ้า Alsthom ( ALD. ) หมายเลข 4304 ทำขบวนวิ่งผ่านไปในทางประธานครับ

ผมไม่มีรูปรถไฟมาให้ดูครับ เพราะว่าผู้โดยสารบนขบวนที่ 402 ในขณะนั้นมีจำนวนไม่ต่างอะไรกันกับขบวนรถท้องถิ่นของสายอีสานใต้เลยครับ ผมเองยังต้องไปยืนเกาะประตูด้านหลัง Cab พี่ พขร. กับ พี่ช่างเครื่อง เพ่งดูทางรถไฟจากด้านหน้าขบวนรถเกือบตลอดทางเลยครับ เอาเป็นว่าดูรูปนี้แทนก็แล้วกันครับ เวลาอาหารเย็นพอดี ทำให้หิวข้าวขึ้นมาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในตอนนั้นแม่ค้าเพียงคนเดียวที่ขายของอยู่บนขบวนที่ 402 ขายขนมจีบ กับสาคูไส้หมูครับ ผมก็ไปซื้อมาอย่างละถุง รสชาติก็พอไหวครับ เอาไว้เคี้ยวเล่นระหว่างเดินทาง Love1

Click on the image for full size


จากนั้นขบวนที่ 402 ก็เลี้ยวเข้าไปจอดในรางหลีกอีกครั้งที่สถานีบ้านใหม่ คราวนี้หลีก ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 9 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเชียงใหม่ ครับ วันนั้นมี กซข.ป. 2523 เป็นคันนำ

แล้วในบ่ายวันนั้นเองครับ พอขบวนที่ 402 ผ่านไปจนถึงสะพานที่อยู่ห่างจากสถานีหัวดงประมาณ 3 กิโลเมตรที่ผมเคยบอกว่าขบวนรถจะเบาทางเหลือ 20 เมื่อผ่านมาถึงบริเวณนี้ ผมเห็นว่าที่สะพานกำลังมีการเจาะช่องน้ำลอดใต้สะพานให้กว้างขึ้น คงจะมีการขยายความยาวของสะพานนี้เพิ่มขึ้นอีก 1 ช่วง Span ครับ ( ไม่แน่ใจแต่คิดว่าน่าจะใช่ครับ ถ้ามีโอกาสผ่านไปแถว ๆ นั้นอีกจะไปดูมาอีกทีครับ ) เจาะช่องให้น้ำลอดผ่านทางรถไฟไปได้สะดวกขึ้นแบบนี้ ก็ขอให้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมทุเลาลงเร็ว ๆ ปีต่อไปจะได้ไม่เดือดร้อนกันมากแบบนี้อีกครับ

Click on the image for full size


จนขบวนรถมาถึงที่สถานีตะพานหิน ผมไม่เคยเห็นระดับน้ำในคลองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารสถานีสูงถึงขนาดนี้เลยครับ โอ้ว...Shocked Shocked

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Adithepc20
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/07/2006
Posts: 3403
Location: ลาดพร้าว 71 หรือ ชานเมือง 9

PostPosted: 28/11/2007 7:40 pm    Post subject: Reply with quote

ไม่ได้เข้ามาออนไลน์ 2 วัน แหมเล่นลงภาพการเดินทางสวยๆเป็นโกดังเลยนะครับพี่เต้ย
_________________
ฮิตาชิ 4506 ขณะทำขบวนรถสินค้าที่ 879 ออกจากสถานีชุมทางศรีราชา วันที่ 20 เม.ย. 2553 เวลา 16.50 น.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 28/11/2007 8:25 pm    Post subject: Reply with quote

Adithepc20 wrote:
ไม่ได้เข้ามาออนไลน์ 2 วัน แหมเล่นลงภาพการเดินทางสวยๆเป็นโกดังเลยนะครับพี่เต้ย


มาถึงตอนนี้ก็ขายออกไปเกือบครึ่งโกดังแล้วครับน้องอู๋ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ระบายสินค้าได้หมดก่อนวันจันทร์ที่จะถึงนี้แน่นอนครับ Hahaha เวลาเหลือน้อย เร่งเครื่องเต็มที่

ย้อนกลับไปอ่านดูอีกที ยังเห็นว่าพิมพ์ข้อมูลผิด link มั่วอยู่บ้าง จะอ่านทวนแล้วตามแก้ให้อีกทีครับ Ahhh sorry

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมกับเจ้าตี๋ลงจากขบวนที่ 402 ที่สถานีตะพานหินครับ

Click on the image for full size

ผมไม่ได้แวะมาที่นี่ เพื่อมาดูน้ำท่วมที่คลองข้าง ๆ สถานีรถไฟหรอกครับ แต่แวะมาเพื่อต่อรถ ไปยังจุดหมายใหม่ ในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้นครับ w00t ตอนแรกก็ว่าจะมากับขบวนที่ 116 มาถึงที่นี่แล้วก็เข้าโรงแรมนอน แต่ในเมื่อแผนเปลี่ยนก็ขอเดินเที่ยวตัวเมืองตะพานหินสักหน่อยแล้วกันครับ Hahaha


แต่ก่อนอื่นเลยต้องแวะเข้าโรงแรมปลดสัมภาระอันหนักอึ้งออกจากแผ่นหลังไปก่อน ที่เห็นนี้เป็นห้องพักของโรงแรมนิวหัวหินตึกใหม่ที่เพิ่งตกแต่งเสร็จครับ ราคา 450 บาท / คืน เป็นห้องแอร์ มีโทรทัศน์ เคเบิ้ล ตู้เย็น น้ำอุ่น เตี่ยงใหญ่ 2 เตียง ( นอนได้ 4 คน ) ครับ ที่เห็นว่ารูปสีออกมาดูเขียว ๆ เพราะแสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ผ่านผ้าม่านสีเขียวน่ะครับ ก็เลยเขียวไปทั้งรูปเลย Ahhh

Click on the image for full size


กว่าที่จะออกมาเดินเที่ยวตัวเมืองตะพานหินกันได้ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ - ช่วงเย็นแล้วครับ ผมเดินไปทางแม่น้ำน่าน มาที่สะพานเทวมงคลครับ สะพานแห่งนี้มีลักษณะเป็นสะพานแขวนครับ พื้นทางเดินเป็นคอนกรีตหรือปูนซีเมนต์นี่ล่ะครับ

Click on the image for full size

อยู่บนสะพานเทวมงคล ผมกับเจ้าตี๋ก็จะเดินฝ่าการจราจรที่แสนจะคึกคักบนสะพาน กว่าจะมาถึงอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำน่านได้ก็สักพักล่ะครับ เพราะชาวบ้านที่นี่ก็มีทั้งที่จูงจักรยานขึ้นมา บ้างก็ขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมา ที่อาศัย 2 ขาเดินมาบนสะพานแบบผมกับเจ้าตี๋นี่มีอยู่ไม่กี่คนหรอกครับ ก็ต้องคอยหลบกันเอาเอง สะพานก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรเลย Ahhh


อีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำน่าน เป็นที่ตั้งของวัดเทวประสาทครับ

Click on the image for full size


จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของวัดเทวประสาทแห่งนี้ก็คือ องค์พระพุทธเกตุมงคล หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อโตตะพานหิน ครับ

Click on the image for full size

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ องค์พระพุทธเกตุมงคล ( หลวงพ่อโตตะพานหิน ) ณ วัดเทวประสาท จาก Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ moohin.com ให้เอาไว้ดังนี้

Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย wrote:
พระพุทธเกตุมงคล หรือ หลวงพ่อโตตะพานหิน วัดเทวปราสาท
เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร หน้าตักกว้าง 20 เมตร สูง 30 เมตร แท่นสูง 4 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เมื่อปี พ.ศ. 2508 และเสร็จเมือปี พ.ศ. 2513 นับเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะสวยงามได้สัดส่วน และใหญ่ที่สุดของจังหวัดพิจิตร หากเดินทางโดยรถไฟจะมองเห็นองค์พระเหลืองอร่ามแต่ไกล ทางเข้าวัดอยู่บริเวณเชิงสะพานแม่น้ำน่าน


moohin.com wrote:
พระพุทธเกตุมงคล หรือ หลวงพ่อโตตะพานหิน เป็นพระพุทธรูป หลวงพ่อโต ขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ณ วัดเทวประสาท ตำบลห้อยเกตุ อำเภอ ตะพานหิน สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ มีขนาดใหญ่ที่สุด ในจังหวัดพิจิตร หน้าตักกว้าง ๒๐ เมตร สูง ๒๔ เมตร ได้รับพระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวว่า "พระพุทธเกตุมงคล"

_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 04/07/2006
Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร

PostPosted: 28/11/2007 9:05 pm    Post subject: Reply with quote

มายืนอยู่ที่ฝั่งนี้ก็สามารถมองเห็นสะพานเทวมงคลแบบไม่ย้อนแสงได้แล้วล่ะครับ ตอนผมเดินอยู่บนสะพานรู้สึกว่าสะพานจะโยกไปมาตลอดเลย พอมายืนดูตัวสะพานจากทางด้านนี้ก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะครับ
Shocked
Click on the image for full size


ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำน่านนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะสูงกว่าที่ผมเห็นเมื่อตอนที่นั่งรถผ่านสะพานนเรศวรหน้าวัดใหญ่นะครับ hmmm

Click on the image for full size


จากนั้นผมกับเจ้าตี๋ก็เดินข้ามสะพานเทวมงคลกลับมาที่ฝั่งตัวเมืองตะพานหินอีกครั้ง ที่บริเวณริมแม่น้ำช่วงเย็น ๆ จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของกันหลายร้านเลยครับ

Click on the image for full size

ผมเดินไปซื้อน้ำมะพร้าวปั่นใส่นม ที่ร้านขายน้ำผลไม้ปั่นร้านหนึ่ง จากที่ได้ลองพูดคุยกับแม่ค้าก็ได้ความมาว่า ปีนี้ระดับน้ำเพิ่งจะลดลงไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เองครับ ( ตอนแรกผมคิดว่ายังไม่ท่วมซะอีก นี่ขนาดลดแล้วนะเนี่ย Shocked ) ปีที่แล้วน้ำท่วมหนักจนล้นตลิ่งท่วมเมืองไปเยอะครับ พอมาปีนี้โดนน้อยกว่าปีก่อน แต่ปีที่หนักที่สุดก็คือปี 2546 ครับ


จากบริเวณตลาดนั้นผมเดินกลับมาที่สี่แยกที่มีร้าน 7/11 ตั้งอยู่ ที่เห็นนี้คือถนนแดงทองดีเหนือตัดกับถนนเล็ก ๆ ที่เป็นทางเดินไปสู่สถานีตะพานหินครับ มองตรงไปตามถนนที่เห็นในรูปนั้น เป็นทางเดินไปสู่บริเวณที่มีร้านขายอาหารตอนเย็น ๆ - ตอนกลางคืน ( คล้าย ๆ ตลาดโต้รุ่งแต่เก็บร้านกันประมาณ 4 ทุ่มครับ ) หาดีเซลเทลงท้องตอนมื้อเย็นมาเดินดูแถว ๆ นี้ก็ได้ครับ laugh

Click on the image for full size


เดินไปจนถึงบริเวณที่มีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ข้างหน้า แล้วก้าวขึ้นบันไดไปสู่สะพานข้ามคลองที่อยู่ข้าง ๆ กับสถานีรถไฟ แล้วเราก็จะไปถึงสถานีตะพานหินแล้วครับ

Click on the image for full size
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 8, 9, 10 ... 18, 19, 20  Next
Page 9 of 20

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©