RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311234
ทั่วไป:13180149
ทั้งหมด:13491383
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ร.5 กับการเสด็จฯ ทางรถไฟ
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ร.5 กับการเสด็จฯ ทางรถไฟ
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 25/08/2006 12:35 am    Post subject: Reply with quote

19 ตุลาคม 2441 (รศ 117) เวลาบ่าย 4 โมง 40 นาที พระเจ้าบาทสมเด็จอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนารถ เสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มาทางประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวป้อมขัณฑ์เขื่อนเพชร เผด็จดัสกร ไปตามถนนท้องสนามไชยเลี้ยวถนนบำรุงเมืองสะพานยศเส ไปตามถนนริมคลองผดุง ยังสเตชั่นรถไฟกรุงเทพ
พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและพนักงานกรมรถไฟรับเสด็จ มีพระราชปฏิสันฐานพิสมควรจึงประทัยรถไฟพระที่นั่ง

เวลาบ่าย 5 โมง เจ้าพนักงานกรมรถไฟใช้จักนำรถพระที่นั่งออกเดินทางจากสเตชั่นกรุงเทพ ถึงสเตชั่นบางปอินเวลา ย่ำค่ำ 30 นาที กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ และ กรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ พร้อมข้าหลวง ข้าราชการ กรมการเมือง มณฑลกรุงเก่ามารับเสด็จ พระสงฆ์สวดพระคาถาไชยมงคล มีพระราชปฏิสันฐานพอสมควร

จากนั้น จึงประทับเรือพระที่นั่งที่ท่าสเตชันเพื่อไปยังท่าพระราชวังบางปอิน เสด็จขึ้นพระที่นั่งวโรภาศพิมาน


22 ตุลาคม 2441 (รศ 117) พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดกฐินพระราชทานที่กรุงเก่า โดยทางรถไฟ เวลาบ่าย 2 โมง15 เสด็จจากพระที่นั่ง วโรภาษพิมานเวลา โดยเรือพระที่นั่งถึงท่าน้ำหลังสเตชั่นบางปอิน

รถไฟใช้จักรออกจากสเตชันบางปอินเวลา บ่าย 2 โมง 45 นาที ถึงสถานีกรุงเก่าเวลา บ่าย 3 โมง 15 นาที จากนั้นจึงประทับเรือพระที่นั่ง กลไฟ ประทีปทัศนาการเทียบท่าที่วังจันทร์เกษม
จากนั้นจึงเสด็จพระราชดำเนินทอดกฐินพระราชทาน ณฯ วัดเสนาศนาราม, วัดสุวรรณดาราราม จากนั้นจึงประทับเรือกลไฟพระที่นั่งซึ่งเทียบท่าวัดพนัญเชิง กลับพระราชวังบางปอินถึงพระราชวังบางปอินเวลา 1 ทุ่ม 5 นาที วันนี้แต่งกายเต็มยศ

23 ตุลาคม 2441 (รศ 117) พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดกฐินพระราชทานที่กรุงเก่า ทางชลมารคโดยประทับพระที่นั่งกลไฟสง่างาม ถึงวัดชุมพลนิกายารามเวลาบ่าย 4 โมง ได้ทอดกฐินและ พระราชทานจตุปัจจัยให้คณะสงฆ์มูลค่า 100 บาท จากนั้นจึงเสด็จฯ ทอดกฐิน ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ โดยถวายจตุปะจจัยมูลค่า 560 บาทให้คณะสงฆ์วัดนิเวศธรรมประวัติ


26 ตุลาคม 2441 พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดกฐินพระราชทานที่กรุงเก่า โดยทางรถไฟ เป็นคำรบ 2 เวลาบ่ายโมง 40 นาที เสด็จจากพระที่นั่ง วโรภาษพิมานเวลา โดยเรือพระที่นั่งถึงท่าน้ำหลังสเตชั่นบางปอิน

รถไฟใช้จักรออกจากสเตชันบางปอินเวลา บ่าย 2 โมง ถึงสถานีกรุงเก่าเวลา บ่าย 2 โมง 30 นาที จากนั้นจึงประทับเรือพระที่นั่ง 6 แจว เทียบท่าที่วัดยม เพื่อเสด็จทอดพระเนตรภาพโบราณที่เขียนไว้บนผนัง (ตอนหลังได้มีการคัดลองไว้เป้นภาพจิตกรรมฝาผนังวัดยมเพื่อรักษาไว้ให้ลูกหลานเป็นสมบัติของชาติ) Rolling Eyes

จากนั้นจึงเสด็จทางชลมารคด้วยเรื่อพระที่นั่งแจวที่ให้เรือกลไฟปรนะทีปทัศนาลากจูง เข้าคลองเมือง ยังวัดธรรมิกราช เพื่อถวายผากระกฐินพร้อมจตุปัจจับยโดยพระองค์เจ้ารพีพัฒนสักดฺเป็นผู้ถวายปัจจัย จากนั้นจึงเสด็จยังหัวแหลม ถึงพระราชวังบางปอินเวลาย่ำค่ำ 50 นาที วันนี้แต่กายรรมดา


Last edited by Wisarut on 28/08/2006 12:03 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 25/08/2006 10:23 pm    Post subject: Reply with quote

1 กุมภาพันธ์ 2452 (รศ 128) เวลาบ่ายก่อน 4 โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ด้สวยรถยนตร์พระที่นั่งจจากพระราชวังดุสิตมายังสถานีรถไฟสามเสน เพื่อประทับขบวนรถไฟพิเศษ รถไฟจูงรถพระที่นั่งถึงสถานีบางปะอินเวลาบ่ายราว 5 โมง มีเจ้านายที่เสด็จล่วงหน้าและพระยาโบราณบุรานุรักษ์ (เทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า) พร้อมข้าราชการมณฑลกรุงเก่ามารอรับเสด็จ ที่สถานีบางปอิน เสด็จลงเรือพระที่นั่งแจวที่กรมทหารเรือได้จขัดเตรียมไว้ให้ แล้วเสด็จประทับแรมที่พระราชวังบางปะอินนับแต่วันนั้น

9 กุมภาพันธ์ 2452 (รศ 128) เวลาบ่าย 4 โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ประทับเรือพระที่นั่งกลไฟจากท่าหน้าพระราชวังบางปอิน ไปยังท่าน้ำหลังสถานีบางปอิน เพือ่ประทับรถไฟพระที่นั่งพิเศษ รถไฟจูงรถพระพที่นั่งถึงสถานีสามเสนเวลาบ่าย 5 โมงเศษ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการมารอรับเสด็จที่สถานีสามเสนอย่างพร้อมพรั่ง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 26/08/2006 11:54 pm    Post subject: Reply with quote

7 กุมภาพันธ์ 2441 (รศ. 117) เวลาส 4 โมงเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เสด็จเปิด คลองราชดำริห์ ซึ่งตัดตรงจากหลังสถานีไปยังแม่น้ำ เพื่อสะดวกแก่มหาชนที่เดินทางไปมา เพื่อนำสิ่งของและสัมภาระมายังสถานีบางปอินได้สะดวก

วันนี้มีการปักต้อนกล้วยต้นอ้อยประดับด้วยธงช้างและ โคมญี่ปุ่น อย่างสวยงาม มีการปักป้ายชื่อคลองและ มีแพรคลุมป้าย พร้อมซุ้มหใพระเจ้าอยู่หัวเปิดแพรคลุมป้าย กรทมทหารเรือได้จัดเรือพระที่นั่งและ ราษฎรได้โห่ร้องแสดงความยินดีคตลอด 2 ฝั่งคลอง

เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ (เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ) ได้รายงานพระเจ้าอยู่หัวว่า แต่ก่อน การเดินทางจากแม่น้ำไปยังสแตชั่นบางปะอิน ต้องกรำแดด ไปตามถนนยาว 10 เส้น 1 วา 2 ศอก ซึ่งเป้นการลำบากมาก ดังนั้น ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงมีพระราชดำริอห์ให้ขุดคลองตรงจากสถานีไปยังแม่น้ำ ยาว 6 เส้น 12 วา 2 ศอก ปากกว้าง 8 วา ก้รนคลองกว้าง 5 วา ลึก 6-8 ศอก และกรมรถไฟได้อำนวยการว่าจากเครื่องจากรขุดของบริษัทคลองคูนาสนาม ตจำกัดและได้ระดมแรงงานขุดคลองให้เสร็จใน 33 วัน สิ้นพระราชทรัพย์ในการขุดคลอง 9000 บาท และ สิ้นพระราชทรัพย์ในการทำตะพานท่าเรือเป็นเงิน 1500 บาท รวมทั้งสิ้น 10,500 บาท

คอลงสายนี้ทำให้การเดินทางมายังสถานีบางปะอินนั้นสะดวกขึ้น นับว่าเป็นประโยชน์แก่รถไฟยิ่งขึ้นไปด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 27/08/2006 12:37 am    Post subject: Reply with quote

2 กันยายน 2446 (รศ 122) เวลา เช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชได้ฉายพระรูปร่วมกันที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ครั้งเวลา เช้า 2 โมง 45 นาที พระบบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมโอรสาธิราช ประทับรถม้าจาพะทวารเทเวศรักษา ไปยังประตูพิมานไชยศรี ประตูวิเศษไชยศรี ผ่านถนนน่าพระลาน ถนนสนามไชย ถนนมหาไชย ถนนหลวง ข้อมสะพานรพีพัฒนภาค ไปยังสเตชั่นรถไฟสายนครราชสีมา กรุงเทพ ได้มีพระราชปฏิสันฐานกับข้าทูลละอองธุลีพระบาทและ พระบรมวงศานุวงศ์

ครั้นเวลาเช้า 3 โมง 5 นาที รถไฟทำขบวนออกจากสเตชั่นถึงสเตชั่นบางปอินเวลา เช้า 4 โมง 40 นาที กรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพิพัฒน์และข้าราชการมณฑลกรุงเก่ามารับเสด็จที่สเตชั่นบางปะอิน
พระสงฆ์สวดไชยมงคล มีกำนันผู้ใหญ่บ้านรับเสด็จนอกสถานี กรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพิพัฒน์ถวายพระแสงสำหรับเมืองให้พระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปฏิสันฐานกับข้าราชบริพานและผู้รับเสด็จพอสมควร

จากนั้นจุงประทับเรือคอนโดเล่อ แจงจากท่าน้ำหลังสถานี เพื่อเสด็จยังพระราชวังบางปอิน โดยเสด้จขึ้นที่ที่หน้าพระที่นั่งวโรภาศพิมาน

เวลาคำได้มีก่ารจัดเลี้ยงดินเนอร์ เพื่อส่งเสด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้า ยุคลทีฆัมพร ที่พระที่นั่งภูมิเสถียร

วันที่ 3 กันยายน 2446 เวลาเช้า พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้า ยุคลทีฆัมพรกราบบังคมทูลลาพระเจ้าอยู่หัวเพื่อเสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ทรงเจิมและพระราชทานน้ำมหาสังข์ จากนั้น พระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ได้ส่งเสด็จที่สเตชั่นบางปอิน รถไฟลากจูงรถพระที่นั่งที่พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้า ยุคลทีฆัมพรประทับ ไปยังสถานีกรุงเทพ เพื่อเสด็จประทับเรือกลไฟ โสภณที่ท่าราชวรดิษฐ์ พระเจ้าอยู่เสด็จกลับพระที่นั่ง วโรภาศพิมานเวลาเช้า 2 โมงเศษ รถไฟถึงสถานีกรุงเทพเวลา เช้า 3 โมงเศษ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 27/08/2006 11:41 pm    Post subject: Reply with quote

24 กรฎาคม 2445 (ร.ศ. 121) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแต่พระราชวังดุสิตด้วยรถพระที่นั่ง มายังพระบรมมหาราชวัง จุดธูปเทียนพรรษาถวาย
พระพุทธบุศยรัตน์น้อย


จากนั้นจึงเสด็จยังสเตชั่นกรุงเทพ มีพระบรมวงศานุวงศ์รับเสด็จที่สถานัมากมาย สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพิพัฒน์และข้าราชการมณฑลกรุงเก่ามารับเสด็จที่สเตชั่นกรุงเพด้วย

รถไฟใช้จักรจูงรถพระที่นั่งออกจากกรุงเทพเวลา บ่าย 4 โทมง ถึงสเต่ชั่นบางปอินเวลาบ่าย 5 โมง เศษ พระธรรมราชาสนุวัติและคณะสงฆ์ สวดชยันโต กรมหลวงดำรงราชานุภาพซึ่งเสด็จล่วงหน้าได้มารับเสด็จด้วย

จากนั้นจึงเสด็จลงเรือพระที่นั่งพายจากหน้าสเตชั่นไปต่ามคลองราชดำริห์ ไปยังท่าน้ำหน้าพระที่นั่งวโรภาศพิมาน แล้วเสด็จประทับแรมในพระราชวังบางปอิน

27 กรกฎาคม 2445 เวลาบ่าย 4 โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จทางชลมารค เพื่อพระราชทานพุ่มเข้าพรรษาให้พระคันธารราษฎร์ และ พระศรีมหาโพธิ์ในวัดนิเวศธรรมประวัติ เวลาย้ำค่ำจึงเสด็จกลับพระราชวังบางปอิน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 24/09/2006 2:32 am    Post subject: รายงานจากกรมหลวงดำรง ถึงราชเลขนุการ Reply with quote

ศาลาว่าการมหาดไทย
วันที่ 21 มกราคม รศ 121 (พ.ศ.2445 นับใหม่ต้อง พ.ศ.2446)

กราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสมมตอมรพันธุ์ ราชเลขานุการทรงทราบ

ด้วยในการที่เกล้าฯ ได้กราบบังคมลาขึ้นไปตรวจราชการเมืองนครราชสีมาคราวนี้ เกล้าฯ ได้เห็นความเจริญที่แปลกเปลี่ยนในเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่เวลามีรถไฟแล้วผิดกว่าแต่ก่อน ก่อนนี้เพียงไรนั้น เกล้าฯ ได้จดเป็นรายงานย่อถวายมาพร้อมกับจดหมายนี้

ขอฝ่าพระบาทได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท

ควรมิควรแต่จะทรงพระกุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

(ลงพระนาม) ดำรง

เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย

การที่แปลกเปลี่ยนในโคราชตั้งแต่มีรถไฟ

1. พ่อค้ามณฑลอิสาณ อุดร ไม่รับซื้อสินค้าจากพ่อค้าโคราชดังแต่ก่อน ลงไปซื้อเสียเองที่กรุงเทพฯ

2. สินค้าลง ข้าวเปลือก สุกร ยาง (ชันยาง หรือ ยางทำไต้) ส้มมะขามป้อม สมอ นุ่น มะขามฝัก (เพราะคนเมืองนี้ไม่กิน) มะเกลือ ส้ม อ้อย เนื้อโค ไม้เสาเรือน ไม้ไถ ไม้เครื่องเกวียน ไม้แดง ไม้ท่อน ศิลา โค ม้า เป็ดไก่

3. สินค้าขึ้น ของกรุงเทพ ขึ้นหมดทุกอย่าง มีน้ำแข็งเป็นที่สุด

4. ปลาย่าง ปลากรอบ คนโคราชบรรทุกเกวียนมาคราวละ 50 - 60 เล่ม มาแต่พระตะบองแล้วบรรทุกรถไฟลงมายังกรุงเทพ

5. คนโคราชกินเกลือทะเล ขณะที่คนชนบทกินเกลือสินเธาว์ แต่ก่อนใช้ยา [สูบ] จากหนองคายและเพชรบูรณ์ บัดนี้ได้หันไปสูบยา[สูบ] จากเกาะกร่าง หมากพลู ปูนแดง ยาจืดจากกรุงเทพฯ ลงมา แต่ก่อนใช้ปลาร้าพิมาย เดี๋ยวนี้ใช้ปลาร้ากรุงเก่า

6. โรงเรือนมุงสังกะสีมีมากขึ้น โรงแถวปลูกใหม่มากมายทั้งในเมืองนอกเมือง ตลอดจนสเตร์ชั่น มีโรงรับจากทำอิฐ ทำกระเบื้อง

7. ราคาที่ดินแพงขึ้นถึงวาละ 6 - 7 บาท

8. บ้านข้างทางสถานีลาดบัวขาว สีคิ้ว ปากช่อง มีการปลูกบ้านมากขึ้น ไม่เหมือนที่บ้านสูงเนิน ที่มีตลาดและโรงแถวครึกครื้น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 25/09/2006 10:36 pm    Post subject: Reply with quote

3 ธันวาคม 2452 (รศ.128) เวลาเช้า 5 โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรถม้าพระที่นั่งจากพระราชวังดุสิต ไปประทับตำหนักแพวัดราชาธิวาส พระสงฆ์สวดชยันโต ส่งเสด็จ จากนั้นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับเรือพระที่นั่งกระบี่เตร็จไตรภพ ล่องลงไปประทับท่าหน้าสถานีรถไฟบางกอกน้อย จากนั้นจึงประทับรถไฟพระที่นั่ง เจ้าพนักงานเปิดรถไฟใช้จักรจูงรถพระที่นั่งไปยังเมืองเพชรบุรี

ที่ในหลวงโปรดที่จะเสด็จฯประทับเมืองเพชรบุรีเนื่องจากพระองค์โปรดน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรียิ่งนัก ยึ่งขณะนั้นพระองค์ทรงพระประชวรด้วยพระโรควักกะพิการซึ่งต้องจำกัดการเสวยน้ำและพระสุธารสทุกชนิดแล้ว จึ่งยิ่งจำเป็นต้องเสวยน้ำเมืองเพชรบุรี เพราะเสวยน้ำจากที่อื่น จะต้องเสวยน้ำมากกว่าน้ำเมืองเพชร

9 ธันวาคม 2452 (รศ.128) เวลาบ่าย 3 โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากการประพาสเมืองเพชรบุรี ถึงสถานีปากคลองบางกอกน้อย เสด็จประทับเรื่อยนต์พระที่นั่ง ยังแพหน้าวัดราชาธิวาส พระบรมวงศานุวงศ์รับเสด็จ มีพระราชปฏิสันฐานแล้วเสด็จประทับรถม้าพระที่นั่งยังพระราชวังดุสิต

น่าสังเกตคือ สมัยนั้นไม่มีท่าวาสุกรี ทำให้ต้องใช้บริการท่าน้ำวัดราชาธิวาส เมื่อย้ายที่ประทับมายังพระราชวังดุสิต แต่ปี 2442
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 27/09/2006 12:04 am    Post subject: Reply with quote

8 กรกฎษคม 2453 (รศ.129) เวลาเช้า 5 โมง เศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรถพระที่นั่งจากพระราชวังสวนดุสิต ไปประทับเรือพระที่นั่งยนต์ อรุณรุ่งฟ้าล่องลงไปประทับท่าหน้าสถานีรถไฟบางกอกน้อย มีพระราชดำรัสแก่บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการ เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้ว จึงประทับรถไฟพระที่นั่ง เจ้าพนักงานเปิดรถไฟใช้จักรจูงรถพระที่นั่งไปยังเมืองเพชรบุรี

14 กรกฎาคม 2453 (รศ.129) เวลาบ่าย 3 โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากการประพาสเมืองเพชรบุรี ถึงสถานีปากคลองบางกอกน้อย เสด็จประทับเรื่อยนต์พระที่นั่ง ยังท่าวาสุกรี พระบรมวงศานุวงศ์รับเสด็จ มีพระราชปฏิสันฐานแล้วเสด็จประทับรถพระที่นั่งยังพระราชวังดุสิต

14 สิงหาคม 2453 (รศ.129) เวลาเช้า 5 โมง เศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรถพระที่นั่งจากพระราชวังสวนดุสิต ไปประทับเรือพระที่นั่งยนต์ล่องลงไปประทับท่าหน้าสถานีรถไฟบางกอกน้อย มีพระราชดำรัสแก่บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการ เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้ว จึงประทับรถไฟพระที่นั่ง เจ้าพนักงานเปิดรถไฟใช้จักรจูงรถพระที่นั่งไปยังเมืองเพชรบุรี

11 กันยายน 2453 (รศ.129) พระเจ้าอยู่เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการประพาสเมืองเพชรบุรีเพื่อความสำราญพระราชหฤทัย ... วึ่งการเดินทางไปเมืองเพชรบุรีครั้งนี้เป็นการเดินทางครั้งสุดท้าย ....

ที่ในหลวงโปรดที่จะเสด็จฯประทับเมืองเพชรบุรี ถึงขึ้นสร้างพระราชวังบ้านปืน เนื่องจากพระองค์โปรดน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรียิ่งนัก ยึ่งขณะนั้นพระองค์ทรงพระประชวรด้วยพระโรควักกะพิการซึ่งต้องจำกัดการเสวยน้ำและพระสุธารสทุกชนิดแล้ว จึ่งยิ่งจำเป็นต้องเสวยน้ำเมืองเพชรบุรี เพราะเสวยน้ำจากที่อื่น จะต้องเสวยน้ำมากกว่าน้ำเมืองเพชร

นอกจากนี้พระองค์ยังโปรดการนวดของเจ้าจอม ก๊ก ออ สกุลบุนนาค ที่เป็นชาวเพชรบุรีเป็นอย่างยิ่งด้วย ถึงแก่มีพระราชดำรัสชมเชยว่า นวดได้วิเศษกว่าผู้ชายยิ่งนัก แม้สมเด็จพระบรมราชินีนารถจะตั้งข้อรังเกียจเจ้าจอมก๊ก ออ เพราะอารมณ์หึงหวงก็ตามที

น่าสังเกตคือ ปี 2453 นี้เองที่เริ่มเปิดใช้งานท่าวาสุกรี ...
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 30/09/2006 12:22 am    Post subject: Reply with quote

ศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2451 (รศ 128 นับอย่างใหม่ต้องปี 2452) แรม 7 ค่ำ เดือน 3 ปีวอก สัมฤทธิศก พระราชชายาเจ้าดารารัศมี เสด็จจากพระราชวังดุสิต ไปขึ้นรถไฟที่สถานีวสามเสน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเหล้าเจ้าอยู่ได้เสด็จฯไปส่งพระราชชายา บยรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายใน และ บรรดาข้าราชการทั้งปวงได้ส่งเสด็จเป็นจำนวนมาก

จากนั้นรถไฟได้จูงรถพระที่นั่งยัง สถานีปากน้ำโพ ซึ่งเป็นปลายทางสถานีรถไฟสายเหนือในเวลานั้น (จริงๆ รถไฟตนนั้นขึนไปถึง พืษณุโลกแล้วแต่ ที่ไม่ไปถึงพิษณุโลหกเพราะพระองค์มีพระประสงค์ที่จะเสด็จตามลำน้ำปิงถึงเชียงใหม่ โดยที่พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ และ กรมหลวงดำรงราชานุภาพได้ ตามเสด็จถึงสถานีปากน้ำโพ

สาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2451 (รศ 128 นับอย่างใหม่ต้องปี 2452) แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีวอก สัมฤทธิศก
เมื่อเสด็จจากขบวนรถพระที่นั่งแล้วจึงเสด็จขึ้นเชียงใหม่โดยทางเรือ โดยใช้เรือพระที่นั่งเก๋งประพาส มีเรือ่แม่ปะ (เรือหางแมงป่อง) เรือสีดอ และ เรือชะล่า กว่า 50 ลำ รอนแรมทางชลมารค ไปยังเมืองระแหง เมื่อถึงที่ใดก็มให้ประทับแรมตลอดเขต

9 เมษายน 2452 (รศ 128) ถึงกำแพงพระนครเชียงใหม่ น่าแปลงกที่หีบพระศรีทองคำที่ในหลวงพระราชทานให้กลับบไปถึงเชียงใหม่ ก่อนเจ้าดารารัศมีเสียอีก ทั้งๆ ที่ส่งขึ้นไปเมื่อ 6 มีนาคม 2451 (นับอย่างใหม่ 2452)

เจ้าดารัศมีประทับที่เชียงใหม่ เป็นเวลา 6 เดือน 8 วัน

11 พฤศจิกายน 2452 (รศ 128) จึงเสด็จล่องลงมายังพระนคร
23 พฤศจิกายน 2452 โดยในหลวงได้เสด็จไปรับเจ้าดารารัศมีที่อ่างทอง แล้วล่องเรือพระที่นั่งยนต์ถึงพระราชวังบางปะอินเมื่อ เวลาเกือบ 4 โมงเย็น
26 พฤศจิกายน 2452 เจ้าดารารัศมีเสด็จกลับถึงกรุงเทพ
1 ธันวาคม 2452 เจ้าดารารัศมีได้รับบพระราชทานตำหนักส่วนฝรั่งกังไส ที่พระยาวรพงษ์พิพัฒน์ได้ เป้ฯนายช่างก่อสร้าง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 30/12/2006 8:28 pm    Post subject: Reply with quote

กำหนดเวลารถไฟพิเศษ สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คราวเสด็จพระราชดำเนินเปิดเมืองธัญญบูรี ในวันศุกร์ที่ 13 มีนาคม รัตนโกสินทร์ศก 121 (นับอย่างใหม่ พ.ศ. 2446)

รถไฟพิเศษเตรนที่ 1 สำหรับผู้รับเชิญ

ออกจากกรุงเทพ ย่ำรุ่ง 50 นาที (0650)
ออกจากหลักสี่ เช้า 1 โมง 13 นาที (0713)
ถึงคลองรังสิต เช้า 1 โมง 30 นาที (0730)

รถไฟพิเศษเตรนที่ 2 สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ออกจากสามเสน เช้า 1 โมง 35 นาที (0735)
(สมัยนั้น เขาเรียกสถานีจิตรลดาว่าสถานีสามเสน)
ผ่านหลักสี่ เช้า 1 โมง 56 นาที (0756)
ถึงคลองรังสิต เช้า 2 โมง 15 นาที (0815)

รถไฟพิเศษเตรนที่ 3 สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับพระราชวังสวนดุสิต

ออกจากคลองรังสิต บ่าย 5 โมง (1700)
ผ่านหลักสี่ บ่าย 5 โมง 19 นาที (1719)
ถึงสามเสน บ่าย 5 โมง 40 นาที (1740)
ออกจากสามเสน บ่าย 5 โมง 50 นาที (1750)
ถึงสถานีกรุงเทพ ย่ำค่ำ (1800)

รถไฟพิเศษเตรนที่ 4 สำหรับผู้รับเชิญ

ออกจากคลองรังสิต บ่าย 5 โมง 40 นาที (1740)
ผ่านหลักสี่ ย่ำค่ำ (1800)
ถึงสถานีกรุงเทพ ย่ำค่ำ 25 นาที (1825)

กระบวนรถพระทีนั่ง

1) รถจักร
2) รถฟืน
3) รถชั้นที่ 3 ฤๅที่ 4 สำหรับทหารตำรวจ
4) รถชั้นที่ 2 สำหรับข้าราชการ
5) รถชั้นที่ 1 สำหรับดจ้านาย
6) รถพระที่นั่ง
7) รถชั้นที่ 2 - 3 สำหรับมหาดเล็ก
8) รถซาลูนสำหรับ เจ้ากรมรถไฟ

กระบวนรถพระทีนั่ง

1) รถจักร
2) รถฟืน
3) รถชั้นที่ 4 สำหรับมหาดเล็ก เจ้าบ่าว ขุนนาง
4) รถชั้นที่ 2 สำหรับผู้รับเชิญ
5) รถชั้นที่ 2 สำหรับผู้รับเชิญ
6) รถชั้นที่ 2 สำหรับผู้รับเชิญ
7) รถชั้นที่ 1 สำหรับผู้รับเชิญ

ตัวขึ้นรถไฟพิเศษ มีข้อความระบุว่า

ด้านหน้า
ตัวขึ้นรถไฟพิเศษ

ผู้ถิอตั๋วนี้ อนุญาตให้ขึ้นรถไฟพิเศษ
เตรนที่ ๑ ไปเมืองธัญญบูรี และกลับ
กรุงเทพฯ โดยเตรนที่ ๔ กับทั้งลง
เรือกลไฟไปมาในวันที่ ๑๓ มีนาคม
(ลงนาม) หลววงบรรณสาธประสิทธิ์

ด้านหลัง

ตั๋วนี้ต้องใว้ให้เจ้าพนักงานรถไฟดู

อ้างอิง: 100 ปีเมืองธัญญบูรี ๒๕๔๕
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  Next
Page 3 of 7

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©