View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 13/11/2006 12:06 am Post subject: |
|
|
วันนี้หลังจากส่งเอกสารให้คุณบอยที่ไปรษณีย์สุวรรณภูมินั้นได้เจอของดีคือแผนที่ภปรนะเทศไทย และ แผนที่อินโดจีน ฉบับรีปริ้นต์ จากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นซึ่งพิมพ์เมื่อปีโชวะ 18 (พ.ศ. 2486)
พอดูแผนที่ ก็พบสิ่งที่น่าตกตะลึงคือ
1) ญี่ปุ่นยังคงระบบมณฑลเทศาภิบาลอยู่ทั้งๆที่ประเทศสยามเลิกมณฑลเทษาภิบาลไปแต่ปี 2477 แล้ว
2) มณฑลปัตตานีในแผนที่ฉบับภาษาญี่ปุ่นกินเฉพะจังหวัดนราธิวาสเพราะเข้าใจผิดว่า ปัตตานีและยะลาได้รับการโอนเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลนครศรีธรรมราช ทั้งที่โดนยุบไปแต่ปี 2474 ... ส่งสัยเพราะค่าย ร พัน 42 เป็นเหตุกระมัง
3) ทางรถไฟช่วงขอนแก่น - อุดรธานียังไม่มี เพราะญี่ปุ่นไม่มีโอกาสสำรวจเส้นทางรถไฟนี้แม้ทหารญี่ปุ่นได้รับรู้ว่ารถไฟไปถึงอุดรตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2484 ...
4) ญี่ปุ่นสำรวจละเอียดเอาการเพราะ มีสถานีรถไฟในแผนที่ด้วย นี่ถ้าญี่ปุ่นได้สำรวจเส้นทางไปอุดรก็คงมีโผบัญชีเส้นทางแน่ๆ
5) ทางรถไฟไปเขมร ช่วงอรัญประเทศถึงมงคลบุรียังไม่มีเพราะไม่มีโอกาสได้สำรวจไว้ไม่งั้นได้มีโผบัญชีเส้นทางแน่ๆ
6) สถานีสวายดอนแก้วอยู่นอกจังหวัดพระตะบอง เพราะอยู่จังหวัดโพธิสัตว์ในแคว้นเขมร ของ อินโดจีนฝรั่งเศส และ สถานีปาดังเบซาร์ดันอยู่ฝั่งไทยทั้งๆที่ตัวสถานีอยุ่ฝั่งมลายู
Last edited by Wisarut on 28/06/2007 2:34 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 16/11/2006 5:32 pm Post subject: |
|
|
ปี 2483 ท่านผู้นำอยากให้กรมรถไฟ ยุบเส้นทางรถไฟปากน้ำช่วงหัวลำโพงไปคลองเตย เพราะเห็นว่ามีรถรางวิ่งอยู่แล้ว (ยืดเจากหัวลำโพงมาถนนวิทยุ และ คลองเตยเมื่อปี 2468) และ การจราจรติดขัดเหลือเกิน ... แต่หลวงเสรีเริงฤทธิ์ท่านแย้งว่า ทำแบบนั้นจะทำให้คนปากน้ำเข้าใจกลางพระนครไม่สะดวก
ต่อมาปี 2495 คนปากน้ำรองให้ยืดรถรางปากน้ำ (ก็รถไฟปากน้ำที่ใช้ไฟ้) ไปบางปูแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง แม้จะมีแผนนำรถดีเซลรางนิอิงาตะมาวิ่ง สายปากน้ำนอกเหนือจากสายไปคลองรังสิต ก็ทำได้แค่สัญญา ไม่เคยได้ทำอะไรจริงๆจังๆ เลย จนกระทั่งเลิกรถไฟปากน้ำไป เมื่อ 1 มกราคม 2503
ต่อมา ปี 2498 ได้มีการติดตั้งรถุบบขายตั๋วอัตโนมัน คิดสถานีละ 20 สตางค์ และ หัวลำโพงไปปากน้ำคิดแค่ 2 บาทเอง แต่ตั๋วจากตู้ขายจะไม่มีชื่อสถานีมีแต่ตัวเลข แทนตำแหน่งสถานีที่ซื้อตั๋วแทน
ปี 2512 คนปากน้ำร้องให้ฟื้นรถไฟปากน้ำแต่ก็ได้แค่สัญญา ไม่เคยได้ทำอะไรจริงๆจังๆ เลย
น่าสังเกตคือรถไฟปากน้ไม่เคยได้รับการทำรางคู่เหมือนรถไฟหลวงช่วงชานพระนครเลย ได้แค่เอาราง 50 ปอนด์มาเปลี่ยนกะราง 35 ปอนด์แล้วลงหินอัดหินหนาพอรับโหลดเพิ่มจาก 3 ตันเป็น 10.5 ตัน เท่านั้นเอง
Last edited by Wisarut on 23/01/2022 10:42 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 18/11/2006 11:29 pm Post subject: |
|
|
มาดูของเก่าที่ทำไม่สำเร็จจะดีกว่า
นี่ก็อีกรายการ
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 09/12/2006 9:28 pm Post subject: |
|
|
15 เมษายน 2464 นายเฮนรี่ กิตตินส์ ชาวอังกฤษที่ได้ตำแหน่งสูงถึงระดับที่ปรึกษา ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ได้รับอนุมัติให้เกษียณอายุ จากกรมรถไฟหลวง หลังจากที่งานให้กรมรถไฟมา 30 ปี โดยเป็น Section Engineer คุมการสร้างทางช่วงเชียงรากแต่ปี พ.ศ. 2434 ก่อนจะไต่เต้า ขึ้นเป็น Division Eingineer คุมการสร้างรถไฟสายตะวันออก ในปี 2448 และได้ขึ้นถึงนายช่างใหญ่ผู้ควบคุมการสร้างทางรถไฟหลวงสายใต้ นับแต่ปี 2452 และ ได้คุมการเดินรถสายใต้ทั้งหมด ตั้งแต่วีนที่ 1 เมษายน 2456 และที่ปรึกษาผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ในปี 2460 หลังรวมกรมรถไฟสายเหนือ และ สายใต้เข้าด้วยกัน โดยได้รับปำเหน็จบำนาญดังนี้
1) บำเหน็จในราชการ 70,000 บาท
2) บำนาญ ปีละ 8,000 บาท
3) เหรียญทองขึ้นรถไฟหลวงฟรีตลอดชีพ
ตอนก่อนเกษียนอายุนั้นได้เงินเดือนเดือนละ 2000 บาท ซึ่งเป็นเงืนเดือนระดับเดียวกีบเจ้ากรมรถไฟ หลุยส์ ไวเลอร์ ทั้งๆที่รั้งตำแหน่งเป็นรองก็แต่เจ้ากรมหลุย์ไวเลอร์
ทั้งนี้เนื่องจากนายเฮนรี่ต้องรับผิดชอบงานกว้างขวางกว่าเจ้ากรมหลุยสไวเลอร์มาก เพราะต้องเป็นทั้งนายช่างใหญ่คุมการก่อสร้างทางและนายช่างใหญ่ฝ่ายเครื่องกล .... ภายหลังนายเฮนร๊ได้ตั้งรองนายช่างใหญ่ฝ่ายเครื่องกล สำหรับการก่อสร้างทางสายใต้ ชาวอังกฤษที่ เคยทำงายให้กรมรถไฟแอฟริกาใต้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของท่าน ... และ เป็นที่ปรึกษาให้พระยารำไพพงษ์บริพัตร (คนไทยคนแรกที่ ศึกษาวิชาวิศวกรรมรถไฟ จากปรัสเซีย) ผู้รั้งตำแหน่ง นายช่างใหญ่ผู้ควบคุมการสร้างทางรถไฟหลวงสายใต้ นับขณะที่นายช่างใหญ่เฮนรี่เดินทางไปรักษาตัวที่ยุโรป หลังจากป่วยเป็นโรคปวดท้ายทอยที่รักษาไม่หาย ....
นอกจากนี้นายเฮนรี่ได้เคยแต่งตั้งให้หม่อมเจ้าฉลาดลพเลอสรร ให้รั้งตำแหน่งนายช่างใหญ่ผู้ควบคุมการสร้างทางรถไฟหลวงสายใต้ ขขณะเดินทางไปประมูลรถจักรรถพ่วงที่ต่างประเทศ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 26/12/2006 6:59 pm Post subject: พระยาสารศาสตร์ศิริลักษณ์ |
|
|
สมัยที่พระยาสารศาสตร์ศิริลักษณ์ ทำงานให้กรมรถไฟหลวง ก็ได้ช่วย กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน แก้ปัญหาทางรถไฟโดนน้ำท่วมปีมะเส็ง พ.ศ.2460 ร่วมกับหม่อมเจ้าฉลาดลบเลอสรรค์ และ หม่มเจ้าศุภปรารภ ซึ่งตอนแรกฝรั่งไม่เชื่อใจว่า คนไทยจะแก้ปัญหาน้ำท่วมทางรถไฟได้ แต่ตอนหลังได้แสดงฝีมือให้ฝรั่งดู โดยลุยน้ำที่ท่วมถึงอก ซ่อมสะพานและทางรถไฟได้เหมือนจระเข้เทียวครับ ... ขนาดน้ำยังไม่ลด ก็ทำขบวนรถจักรไอน้ำออกได้
งานนี้ สมเด็จในกรม ท่านภูมิใจในตัวพระยาสารศาสตร์ศิริลักษณ์มาก ที่สามารถรักษาพระพักตร์ได้ ถึงแก่ทำให้ฝรั่งหยุดวิจารณ์ไปเลยเทียว ตอนนั้น สมเด็จในกรม ท่านต้องส่งโทรเลขมาทุกชั่วโมงเพื่อสั่งการซ่อมทางเป็นช่วงๆ
เออ, เมื่อ มหาอำมาตย์โท พระยาสารศาสตร์ศิริลักษณ์ (สรรเสริญ สุขยางค์) ต้องพ้นตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี 2475 ท่านก็หันไปประกอบอาชีพนักเขียนและ นักหนังสือพิมพ์ โดยมีผลงานคือการแปลเรื่อง แซมเมียลไว้ต์ (Siamese White) เจ้าท่าว่าราชการเมืองมะริศ ครั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
นอกจากนี้ท่านยังทำงานให้แก่หนังสือพิมพ์ประมวญวัน ประมวญมารค ประมวญสาร ของ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส) โดยเป็น ประพันธ์กรคู่กับสมเด็จในกรมนั้นด้วย
โดยใช้นามปากกว่า "ส.ศ." หรือ "เอส เอส"
ท่านรับเป็นธุระในการแปลข่าวต่างประเทศให้ หนังสือพิมพ์ประมวญวัน โดยเฉพาะข่าววิทยุบีบีซี ซึ่งใช่ข่าวได้ดีกว่าดีกว่าสำนักข่าวโดเมอิ (หรือ โนมิอึ) ของจักรวรรดิญี่ปุ่น มากนัก
ท่าน ส.ศ. เองเป็นหนอนหนังสือตัวยง ขนาดหนังสือที่บ้านท่านมีการลงนามว่า "ส.ศ." หรือ "S.S." ทุกเล่มแต่น่าเสียดายว่าหนังสือของพระยาสารศาสตร์ศิริลักษณ์ ต้องหายไปกะกองเพลิงเพราะฤทธิ์ระเบิดเพลิงที่ถล่มสถานีกรุงเทพ ซึ่งถล่มย่าน 4 ส. เมื่อ 23 ธันวาคม 2486 ซึ่งได้ถล่มบ้านท่าน ส.ศ. ที่หัวลำโพง ไปด้วย นอกเหนือจากโรงพิมพ์ประมวญวัน ของสมเด็จในกรมที่โดนระเบิดเพลิงไปด้วยในวันนั้นด้วย
แม้ตอนนี้จะเหลือก็แต่บันทึกประจำวันที่รอดจากกองพระเพลิงก็ตามที
อ้างอิง: 1 ศตวรรษหนังสือพิมพ์ไทย โดย เสลา เรขะรุจิ (ไทยน้อย)
เออ, ใครมีหนังสืองานศพของ พระยาสารศาสตร์ศิริลักษณ์ และ พระยาประกิตกลศาสตร์ ช่วยกระซิบบอกผมด้วยน่อ เผื่อเจอของดีที่ต้องพลกแผ่นดินล่าน่อ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 27/12/2006 10:42 am Post subject: |
|
|
พอมีใครนึกออกบ้างไหมครับว่า " ถนนสุขยางค์ " ปัจจุบันนี้ คือส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดินหมายเลขใด ? |
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 27/12/2006 11:21 am Post subject: |
|
|
แวะมาขัดจังหวะนิดนึง ผมว่ากระทู้นี้ของเฮีย น่าจะเอาออกข้างนอกได้นะครับ
เพราะมีอะไรที่น่าสนใจเยอะมาก .... ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ คิดเห็นเป็นอย่างไรบ้าง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 27/12/2006 11:52 am Post subject: |
|
|
คุณบอม,
จริงๆ ผมว่าน่าจะเอาออกมาได้ แถมควรจะตรึงไว้ซะด้วยซ้ำ แต่ผมกลัวบรรดาพวกมนุสฺสเปโต มันจะละเมิดลิขสิทธิ์จนผมหมดเครื่องมือทำมาหากินน่อ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 27/12/2006 8:56 pm Post subject: |
|
|
เอาเป็นว่า ไว้ผมแยกส่วนที่เก็บจาก หจช. และ รายงานประจำปี ออกมาก่อน เพื่อเก็บอยู่ในหลุม นอกนั้นให้เผยแพร่ออกมาได้
ส่วนถนนสุขยางค์ อยู่ที่ตัวเทศบาลนครยะลาไม่ใช่หรือพี่ตึ๋ง |
|
Back to top |
|
|
|