RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13179908
ทั้งหมด:13491140
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - บันทึกการบอมบ์ประเทศไทย
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

บันทึกการบอมบ์ประเทศไทย
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 9, 10, 11, 12, 13  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 27/11/2017 8:20 pm    Post subject: Re: สืบเนื่องมาแต่การทิ้งระเบิดสะพานห้วยแม่ต้า Reply with quote

Wisarut wrote:
คนแป้แห่ระเบิด...เกิดเป็นระฆัง

โดย ปิ่น บุตรี
ASTV รายวัน 14 กรกฎาคม 2553 18:09 น.


นี่แหล่ะแพร่แห่ระเบิด..คนบ้านปิน ขุดประวัติศาสตร์สงครามโลก เปิดจินตนาการเยาวชน
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 26 พฤศจิกายน 2560 11:23:00
แพร่ - ชาวบ้านปิน เมืองแพร่ รวมพลังจักงาน “Banpin Festival” ขุดประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 รถไฟสายเหนือถูกทิ้งระเบิด-เสรีไทยสายแพร่-โชว์ของดีเมืองแพร่ เชื่อมโยงคนรุ่นเก่า เปิดพื้นที่จินตนาการให้เยาวชน พัฒนาเป็นอัตลักษณ์ของเมือง บอกแค่ขนมเส้นน้ำย้อย ก็ทำเงินนับร้อยล้านต่อปีแล้ว

ชาวเทศบาลตำบลบ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่ ได้ร่วมกันจัดเทศกาลบ้านปิน (Banpin Festival) ขึ้นที่บริเวณสถานีรถไฟบ้านปิน ระหว่าง 25-26 พ.ย. โดยมีการฟื้นฟูประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน , ประวัติศาสตร์อำเภอลอง โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการทิ้งระเบิดทำลายทางรถไฟสายเหนือ และขบวนการใต้ดินของเสรีไทยสายแพร่ อันเป็นที่มาของคำว่า “แพร่แห่ระเบิด” และประวัติศาสตร์เมืองแพร่ ผ่านรูปภาพในอดีต

พร้อมนำเยาวชน เข้าชมชุมชนโบราณที่มีอาชีพตีเหล็กจากแร่เหล็กในบ้านปิน ตลอดจนจัดประกวดภาพยนตร์สั้น ที่เกี่ยวกับความเป็นมาของชาวล้านนาตะวันออก และเชิญกลุ่มสนใจนิยายวิทยาศาสตร์ รวมถึงเหมืองแร่ทังสเตนแห่งเดียวของภาคเหนือ ที่อยู่ใน ต.บ้านปิน เข้าร่วมแสดงความรู้การค้นหาแร่ให้เยาวชนได้เห็นความสำคัญของธรรมชาติ และการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมเชิญนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ เข้ามาร่วมทัศนศึกษากับเยาวชนในตำบลบ้านปินอีกด้วย

ขณะที่บนลานกิจกรรม ก็ได้เชิญนักออกแบบผ้าพื้นเมืองระดับชาติ คือนายโกมล พาณิชพันธ์ ชาวอำเภอลอง ที่ออกแบบชุดมิสยูนิเวิร์ส ออกแบบผ้าโบราณแสดงละครเรื่อง “รอยไหม” มาร่วมเวทีเสวนาด้วย

นายเชษฐา สุวรรณสา เจ้าของร้านกาแฟแห่ระเบิด นักพัฒนาชุมชนของตำบลบ้านปิน กล่าวว่า จังหวัดแพร่ มีสิ่งดีๆ มากมาย แต่ทำไมเด็กเยาวชนเรียนรู้ศึกษาจนจบระดับสูงแล้วไม่กลับบ้าน ซึ่งถ้าปล่อยไปเช่นนี้ชุมชนดั้งเดิมก็จะเกิดปัญหา จึงจัดงานครั้งนี้จึง ภายใต้ความคาดหวังอยู่ 3 ประการ คือ

1.เปิดพื้นที่จินตนาการให้กับเยาวชนได้มีวิธีคิดได้อย่างเสรี โดยเฉพาะเรื่องของวิทยาศาสตร์ 2.ไม่อยากเห็นคนมองว่าผู้สูงอายุเป็นภาระ แต่ผู้สูงอายุคือผู้ที่มีความรู้ มีเงินที่จะร่วมส่งเสริมคนรุ่นใหม่ได้ และประการสุดท้ายคือ การยกระดับบ้านปิน ให้มีวิธีคิดที่เป็นสากล และนำเอาสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ของเมืองมาอวดกัน และพัฒนาเป็นอัตลักษณ์ของเมืองต่อไป

“เราฝันถึงเทศกาลหนังที่เมืองคาน เมืองเล็กๆ แต่สามารถทำได้จนมีชื่อเสียงระดับโลก ถ้ามองบ้านปิน อยู่ในป่าเมืองแพร่ ก็น่าจะเป็นเรื่องท้าท้ายอย่างยิ่ง”

โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลก และขบวนการเสรีไทย เป็นที่มาของคำว่า “แพร่แห่ระเบิด” เราสามารถค้นหาประวัติศาสตร์จนทำให้กลายเป็นจุดเด่น พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณเมืองลอง รวมไปถึงการรับประทานขนมเส้นน้ำย้อยที่ทำรายได้นับ 100 ล้านบาทต่อปี ที่กำลังมีการพัฒนาไปสู่อาหารปลอดภัยที่ขึ้นชื่อของจังหวัดแพร่ เมื่อเผยแพร่สู่สาธารณะผลออกมาก็ทำให้เมืองลอง มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 จาก 8 อำเภอของจังหวัดแพร่ แพ้ตัวเมืองแพร่เท่านั้น นี่คือความสำเร็จในระดับต่างๆ ที่ชาวอำเภอลองร่วมกันทำ

นางสาวฐิติชญา ปัญญาเอ้ย นักเรียน ม. 4 โรงเรียนลองวิทยา กล่าวว่า งานครั้งนี้ดีมาก คือถูกใจวัยรุ่นที่สนใจเข้ามาร่วมงาน เช่นคำที่ว่า มนุษย์ต่างดาวบุกบ้านปิน การคิดที่ไม่ยึดกรอบกติกา ซึ่งในงานก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เยาวชนสนใจพากันมาชมงาน สิ่งต่างๆที่ผู้สูงอายุนำมาแสดง ทำให้เด็กๆ ได้รู้คุณค่าของชุมชน อยากจะร่วมในการแสดงออกและพัฒนาชุมชน คิดว่าอยากให้งานเช่นนี้มีทุกปีโดยให้เยาวชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นๆ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 08/12/2017 12:31 pm    Post subject: Reply with quote

บริเวณสถานีหัวลำโพงรถไฟปากน้ำ โดนทิ้งระเบิดเมื่อ 7 พฤษภาคม 2487
https://www.facebook.com/senseandscenetravel/photos/a.401834290004801.1073741837.378946658960231/767732670081626/?type=3&theater
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 07/07/2019 10:09 pm    Post subject: Reply with quote

บุคคลในตำนานแป้แห่ระเบิด

" พระอธิการสมาน สุนันโต เจ้าอาวาสวัดแม่ลานเหนือ ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่ ในยุคสมัยนั้น หรือ ปัจจุบันคือ ลุงสมาน หมื่นขัน บุคคลที่ถูกกล่าวขวัญถึงในเรื่องราวของตำนาน "แพร่แห่ระเบิดเกิดเป็นระฆัง"

ระเบิดลูกแรกในประวัติศาสตร์ ในปี พ.ศ.2516 นายหลง มะโนมูล และคนงานสถานีรถไฟที่ดูแลเส้นทางรถไฟระหว่างสถานีรถไฟบ้านปินถึงสถานีแก่งหลวง ได้พบซากลูกระเบิดโผล่พ้นดินขึ้นมาในสวนของนายถา ถนอม ใกล้แม่น้ำยม บ้านแม่ลู้ จึงได้มาบอกให้ พระอธิการสมาน สุนันโต ซึ่งในขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดแม่ลานเหนือ ได้นำชาวบ้านจำนวนหนึ่งและเกวียนไปขนนำลูกระเบิดกลับมา และได้นำมาทำเป็นระฆัง ที่วัดแม่ลานเหนือ เนื่องจากเมื่อเคาะมีเสียงดังก้องกังวาลไปไกลหลายกิโลเมตร

ระเบิดลูกที่ 2 และลูกที่ 3 พบพร้อมกันในพื้นที่เดียวกัน ได้นำไปถวายเป็นระฆังลูกระเบิดให้แก่วัดศรีดอนคำและวัดนาตุ้ม

จากคำบอกเล่าในปี พ.ศ. 2499 นายมา สุภาแก้ว และนายชาญณรงค์ อินปันดี ทั้งสองคนได้นำช้างไปรับจ้างลากไม้ซุงที่ถูกลักลอบตัดทิ้งไว้บนเขาให้กับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ได้พบเศษเหล็กกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่บริเวณเชิงเขาใกล้ลำน้ำยมและใกล้กับสะพานรถไฟห้วยแม่ต้า ด้วยความสงสัยจึงได้ขุดดูและพบกับท่อนเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งเป็นซากระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นระเบิดที่ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรนำมาทิ้งทำลายสะพานรถไฟห้วยแม่ต้า เพื่อสกัดการเดินทางของทหารญี่ปุ่นที่จะเข้าสู่ภาคเหนือและข้ามแดนไปประเทศพม่า ซากระเบิดที่พบเป็นระเบิดที่ทิ้งลงมาจากเครื่องบินแล้วไม่ระเบิด ทหารสัมพันธมิตรจึงได้ทำลายด้วยการตัดส่วนหางของระเบิดเพื่อเอาดินปืนข้างในทิ้ง และทิ้งซากลูกระเบิดไว้เพราะไม่สามารถนำระเบิดกลับไปได้เนื่องจากน้ำหนักมาก และห่างจากบริเวณที่ขุดพบระเบิดลูกที่หนึ่งประมาณ 10 เมตร ก็ได้เจอกับระเบิดอีกลูกหนึ่ง ทั้งสองจึงได้ใช้ช้างลากลูกระเบิดขึ้นมาจากหลุมและลากมาไว้บริเวณปางไม้ริมน้ำยม จากนั้นได้นำซากระเบิดขึ้นแพไม้สักขององค์กรอุตสาหกรรมป่าไม้ เพื่อนำมาขึ้นฝั่งบริเวณปากลำห้วยแม่ลานในเขตตำบลปากกาง แล้วใช้ช้างลากซากระเบิดมาไว้ที่บ้าน โดยแบ่งซากระเบิดกันคนละลูก และนำซากระเบิดไปตั้งไว้ใกล้บันไดบ้านเพื่อใส่น้ำไว้ล้างเท้า ต่อมาในปี พ.ศ. 2516 นายมา สุภาแก้ว ได้นำซากระเบิดไปถวายวัดศรีดอนคำ เพื่อทำเป็นระฆัง เนื่องจากเคาะดูแล้วมีเสียงดังกังวาน โดยในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2516 ได้นำใส่เกวียนแห่ร่วมกับขบวนแห่ครัวทาน(เครื่องไทยทาน) งานประเพณียี่เป็ง(ลอยกระทง)ของหมู่บ้านดอนทราย ในขบวนแห่มีการนำฆ้อง กลอง มาตีกันอย่างสนุกสนาน จึงเกิดคำว่า “แพร่แห่ระเบิด” ขึ้นจนกลายเป็นที่มาของเรื่องราวตำนานดังเมืองแพร่ในปัจจุบัน
https://www.facebook.com/Ancient.Phrae/posts/2646577468686865
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 25/07/2019 11:14 am    Post subject: Reply with quote

วันนี้ 24 กรกฎาคม ครบรอบ 75 ปี​ จุดกำเนิดระฆังระเบิดเมืองแพร่ ... ทำไม?
แพร่โพสต์ Phrae.tv
พุธที่ 10 กรกฎาคม 2562 เวลา 9:58 PM ·

สะพานแม่ต้า จ.แพร่ จึงถูกโจมตีเป็นแห่งแรกของประเทศไทย
ส่วนหนึ่งจากการค้นหาข้อมูลพบว่า​ เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 1944 เครื่อง B-24 ของสหรัฐ​ ได้ปฏิบัติการดิ่งเข้าโจมตีทิ้งระเบิด สะพานแก่งหลวง หรือ​ สะพานห้วยแม่ต้า

โดยสะพานดังกล่าว​เป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำยม​ อยู่ระหว่างสถานีรถไฟบ้านปิ่น​ กับ​ สถานีรถไฟแก่งหลวง

จากการพูดคุยกับชาวบ้านผู้อยู่ในเหตุการณ์​ ยืนยันตรงกันว่าเครื่องบิน​ B24 ของสหรัฐ​ลำหนึ่ง ถูกยิงตกบนภูเขาไม่ไกลจากสะพานมากนัก​ ด้วยปืนต่อสู้อากาศยาน​ ซึ่งมีการถกเถี่ยงกันว่า​ใครเป็นคนยิง​ แต่อย่างไรก็ตามซากเครื่องบินดังกล่าว​ ถูกชาวบ้านเข้ารื้อทำลายเก็บเอาไปชั่งกิโลขายจนหมด​ สนนราคากิโลละ 50​สตางค์​ ซึ่งถือว่าแพงมากในเวลานั้น

สหรัฐเองก็ระบุยืนยันตรงกันว่า เครื่อง B-24 ลำหนึ่งตก นักบินและลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด หลังจากเสร็จภาระกิจที่สะพานแก่งหลวง​ หรือ​ สะพานห้วยแม่ต้า
>>>และภายหลังชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงได้นำลูกระเบิดที่ถูกปลดชนวนแล้ว มาถวายวัด เพื่อทำเป็นระฆัง ที่วัดในอำเภอลองจำนวน 3 วัด จนเป็นที่มาของคำว่าเมืองแพร่แห่ระเบิด เหตุเกิดที่เมืองลอง
ซึ่งจะครบรอบ​ 75 ปี​ ในวันที่​ 24​ กรกฎาคม​ 2562​ นี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 04/09/2019 6:36 pm    Post subject: Reply with quote

การบอมบ์ย่านสถานีชุมพรเมื่อ 19 มีนาคม 2488


รัชต์ รัตนวิจารณ์ - ท้าวทองไหล wrote:
๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ระหว่าง ๑๔๐๐ – ๑๘๐๐ เครื่องบินทิ้งระเบิดสัมพันธมิตร ๓๐ เครื่อง จากกองบินที่ ๗ เข้าทิ้งระเบิดย่านสถานีรถไฟชุมทางชุมพร สะพานข้ามแม่น้ำท่าตะเภา และตลอดเส้นทางรถไฟสายชุมพร – คลองละอุ่น ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และยังกราดยิงด้วยปืนกลบริเวณสถานีรถไฟ สายชุมพร-กระบุรี

สถานีรถไฟเขาฝาชี และค่ายทหารญี่ปุ่นที่เขาฝาชี ได้รับความเสียหายมาก ทหารญี่ปุ่นได้พยายาม ซ่อมทางรถไฟสายชุมพร-กระบุรี ให้ใช้การได้ แต่แก้ปัญหาฝ่ายพันธมิตรมาโจมตีเรือบรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์ที่รับช่วงจากรถไฟไม่ได้ ทำให้เรือจมเสียหายมากจนไม่สามารถลำเลียงอาวุธตามเส้นทางนี้ได้อีก คงใช้เป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารกับสัมภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่งให้หน่วยทหารที่รักษาการที่เกาะสอง ประเทศสหภาพพม่า เท่านั้น

สะพานข้ามแม่น้ำท่าตะเภา ชุมพร เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญอีกจุดหนึ่งของสัมพันธมิตร ในความพยายามของการทิ้งระเบิดสะพาน ในเส้นทางสายชุมพร โดยเดิมมีการทิ้งระเบิดแบบต่าง ๆ ก็ไม่สามารถทำลายสะพานได้ จนกระทั่งมีการพัฒนาระเบิดชนิดใหม่ เรียกว่า "Skip bomb"
การทิ้งระเบิดแบบ "Skip bomb" (ในวงกลมทั้งสองภาพ) คือการบินระดับต่ำ จากนั้นปลดระเบิดให้ลอยตกไปข้างหน้า ซึ่งเมื่อระเบิดตกกระทบพื้นจะมีการกระดอนหลายครั้งก่อนเข้ากระทบเป้า (เหมือนแผ่นกระเบื้องกระดอนไปบนผิวน้ำ) แม้ว่าทางรถไฟฟากหนึ่งของสะพานถูกทำลาย แต่ตัวสะพานยังคงอยู่ จึงยังต้องทำการทำลายสะพานให้ได้ เพราะการซ่อมสะพานทำยากกว่าการซ่อมรางและใช้เวลานานกว่าด้วย

https://www.facebook.com/2511RACH/posts/962272187438815?__tn__=-R
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 04/09/2019 6:38 pm    Post subject: Reply with quote

การบอมบ์ย่านสถานีปากน้ำโพเมื่อปี 2488

รัชต์ รัตนวิจารณ์ - ท้าวทองไหล wrote:
"สถานีรถไฟปากน้ำโพ ถูกโจมตีทางอากาศ"
ระหว่างปี 2487-2488 กองทัพอากาศสัมพันธมิตร เริ่มปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทางรถไฟ ขบวนรถไฟ สะพาน และสถานีรถไฟ ในเส้นทางสายเหนือตั้งแต่ชุมทางบ้านภาชี - เชียงใหม่ ในเวลากลางวันมากขึ้น โดยก่อนนั้นในช่วงปี 2485-2486 จะเป็นการเน้นการปฏิบัติการในเวลากลางคืน....ในภาพเป็นการกราดยิงสถานีรถไฟปากน้ำโพ ในช่วงปี 2488 ของเครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 (Liberator) ของกองทัพอากาสอังกฤษ จากกองบินทิ้งระเบิดที่ ๒๓๑ ซึ่งปฏิบัติอยู่ในอินเดีย .......เป้าหมายทางอากาศประเภททางรถไฟที่ฝูงบินของอังกฤษ ที่มาจากอินเดีย และฝูงบินของสหรัฐฯ ที่มาจากจีน เลือกโจมตี สถานีย่านสินค้าและสะพานจะโดนบ่อยมากคือ เชียงใหม่ ลำปาง ปากน้ำโพ นครสวรรค์ ท่าเรือ(อยุธยา) แก่งคอย บางซื่อ นครราชสีมา ชุมพร เพราะเป็นจุดเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ของญี่ปุ่น และเป็นสะพานข้ามลำน้ำซึ่งเวลาขาดแล้วซ่อมนาน

https://www.facebook.com/2511RACH/photos/a.188965268102848/961214880877879/?type=3&theater
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 22/06/2020 9:42 am    Post subject: Reply with quote

อดีตวันวาน อุดรธานี
๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓
ภาพเหตุการณ์ในอดีต เป็นภาพถ่ายทางอากาศการทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่๒ โดยเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรได้โจมตีทิ้งระเบิดในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำปาง เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๔๘๖ และต้นปี พ.ศ.๒๔๘๗ โดยมีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือค่ายพักของทหารญี่ปุ่น, สถานีรถไฟ, เส้นทางรถไฟ, สะพาน และสนามบิน ทั้งนี้เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงพลและการส่งกำลังบำรุงของกองทัพญี่ปุ่น อันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไทยได้ประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรและให้กองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นทางผ่านไปยังพม่าและอินเดีย (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Wikipedia ประเทศไทยในสงครามโลกครั้งที่สอง)
https://www.facebook.com/921316664572773/posts/2851514214886332/?vh=e&d=n
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 24/06/2020 12:56 am    Post subject: Reply with quote

"ทิ้งระเบิดโรงงานรถไฟมักกะสัน หัวลำโพง และบางซื่อ"
May 30 at 4:31 PM ·

ธรรมวัฒน์ รัชต์ รัตนวิจารณ์
พ.ศ. ๒๔๘๗ ในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา ขณะที่ประเทศไทยยังร่วมเป็น พันธมิตรกับประเทศญี่ปุ่น มีช่วงอยู่ระยะเวลาหนึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นสงคราม ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๗ – ๒๔๘๘ เมื่อสัมพันธมิตรเริ่มครองความเป็นเจ้าเวหาเหนือภูมิภาคนี้ ประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายในการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินของสัมพันธมิตร (ฝ่ายตะวันตก) ที่ใช้สนามบินดัม เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดียเป็นฐานบินส่งเครื่องบินขนาดต่างๆ มาทำการ ทิ้งระเบิดที่หมายในประเทศไทยทั้งเวลากลางวันและกลางคืนเพื่อมุ่งทำลาย ที่หมายต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและธนบุรี ตลอดจนบางจังหวัดทาง ภาคเหนือของประเทศไทย เช่น ลำปางและเชียงใหม่ เป็นต้น โดยเฉพาะใน พระนครมุ่งทำลายสะพานพระราม ๖ สะพานพระพุทธยอดฟ้า โรงไฟฟ้าวัดเลียบและสามเสน ตลอดจนโรงงานรถไฟมักกะสัน เป็นต้น ในเวลากลางคืนเป็นหน้าที่ของเครื่องบินบี -๒๔ (Liberator) มาทำการทิ้งระเบิด ส่วนในเวลากลางวันเครื่องบินแบบบี-๑๗ และบี-๒๙ จะมาทิ้งระเบิด เครื่องบินแบบบี -๒๙ หรือที่เรียกกันว่า Supper Forterss เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ไม่เคยนำไปใช้ที่ไหนมาก่อน เขาเตรียมจะใช้ไปโจมตีประเทศญี่ปุ่น เพราะมีรัศมีทำการบินไกลมาก ทั้งยังมีระวางบรรทุกมากอีกด้วย เขาจึงนำเครื่องบินแบบบี-๒๙ มาทดลองบินทิ้งระเบิดที่หมายต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครได้ทำการทิ้งระเบิด สะพานพระราม ๖ ตอนวันแรกๆ ส่วนมากนักบินสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดพลาด ที่หมายเพราะบินในระยะสูง เลยไปทำลายเลือกสวน และบ้านคนบริเวณปากคลองบางเขนย่อยยับไป คราวหลังทิ้งถูกวัดน้อย และบริเวณใกล้เคียงทาง ทิศใต้ของสะพานพระราม ๖ ด้านฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาย่อยยับมากส่วนคอสะพานชำรุดไปบ้าง คราวหลังสุดเขาบินลงทิ้งในระยะต่ำ และเข้าทิ้ง ระเบิดเป็นระลอก ระลอกละ ๑๒ – ๑๔ เครื่อง จนทำให้สะพานพระราม ๖ ถูกทำลายยับเยินจนใช้การไม่ได้ตลอดจนกระทั่งสงครามสงบ เหตุที่เครื่องบินสัมพันธมิตรโหมเข้าโจมตีที่หมายต่างๆ ในประเทศไทยทั้งเวลากลางวันและกลางคืนตอนนั้นเพราะกำลังทางอากาศของทั้งญี่ปุ่นและไทยด้อยลงไปมาก ประกอบกับเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักของเขามีสมรรถนะและ มีการป้องกันตัวดีที่สุด คือมีปืนกลอากาศอยู่รอบตัว สามารถป้องกันตนเองจากเครื่องบินขับไล่ข้าศึกได้เป็นอย่างดี

๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๗ เวลา ๒๑๑๐ เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 จำนวน ๑๔ เครื่อง จาก กองบิน ๑๔ จากบันทึกของฝ่ายสหรัฐฯ กำหนดแผนเข้ามาทิ้งระเบิดย่านสถานีรถไฟบางซื่อ แต่ความเป็นจริงในวันดังกล่าว คาดว่าเนวิกเกเตอร์ เห็นย่านสถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นบางซื่อ จึงสับสนไปทิ้งระเบิดบริเวณสถานีหัวลำโพง ทำให้พื้นที่โดยรอบได้รับความเสียหาย ระเบิดตกลงบริเวณบางรัก ยานนาวา และสีลม ทำลายอาคารสถานทูตเยอรมนี และโรงพิมพ์ประมวญมารค ระเบิดลูกหนึ่งตกลงไปจมอยู่ใต้ดินบริเวณบันไดไปรษณีย์กลางบางรัก แต่ระเบิดด้าน ยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้จนทุกวันนี้ นอกจากนี้ ระเบิดในวันนี้ ยังสร้างความเสียหายให้กับบริเวณหน้ามุข พระที่นั่งอนันตสมาคม อีกด้วย

๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๗ เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 จำนวน ๑๖ เครื่อง จากกองบิน ๑๐ ทิ้งระเบิดถล่มย่านบางซื่อ และสนามบินดอนเมือง

๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๗ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 จำนวน ๘ เครื่อง จากกองบินที่ ๑๐ ทิ้งระเบิดกรุงเทพในเวลากลางคืน

๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๗ เวลา ๑๐๓๐ เป็นการทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ ในเวลากลางวันเป็นครั้งแรก เมื่อกองทัพอากาศสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 จำนวน ๘ เครื่อง จากกองบินที่ ๑๔ ทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ ระเบิดตกลงสู่เป้าหมายและทำลายอาคารย่านเทเวศร์ชุมชนวัดเทวราชกุญชร และตลาดศรีย่าน มีประชาชนเสียชีวิต เป็นจำนวนมาก

๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ เวลา ๑๐๕๒ – ๑๒๐๐ สหรัฐฯปฏิบัติการด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด B-29 พิสัยไกลเป็นครั้งแรกจากกองทัพอากาศที่ ๒๐ (กองบินทิ้งระเบิดที่ 462 Strategic Aerospace Wing, ประกอบด้วย ฝูงบินทิ้งระเบิดที่ 768th Bombardment Squadron, 769th Bombardment Squadron, 770th Bombardment Squadron, 771st Bombardment Squadron) จำนวน ๑๐๐ เครื่อง ขึ้นบินจากฐานทัพอากาศต่างๆ รวม ๔ แห่ง ซึ่งอยู่ในอินเดีย อาทิ Piardoba Air-Field โดยบรรทุกลูกระเบิดเพลิงเครื่องละ ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ โดยมีแผนจะทำการทิ้งระเบิดที่โรงรถจักรมักกะสัน เมื่อถึงเป้าหมายมี เครื่องบิน ทิ้งระเบิด B- 29 จำนวน ๗๗ เครื่อง จากทั้งหมด ๙๘ เครื่อง บินเข้าทำการ ทิ้งระเบิดถล่มย่านรถไฟมักกะสัน เป็นครั้งแรก
เครื่องบินเหล่านี้ ได้รับการติดติดตั้งเรดาร์ช่วยนำร่องการทิ้งระเบิด (มีเครื่องบินทิ้งระเบิด ๔๘๗ เครื่อง ที่ได้รับการติดระบบนี้) แต่สาเหตุที่ต้องทิ้งระเบิดในเพดานบินสูง ๑๗,๐๐๐ – ๒๗,๐๐๐ ฟุตด้วยเรดาร์ เนื่องจาก มีเมฆปกคลุมกรุงเทพ ทำให้มีระเบิดตกกระจัดกระจายมีเพียง ๑๘ ลูก ที่ตกบริเวณโรงรถจักรไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ
นอกจากนี้ เครื่องบินทิ้งระเบิดยังทำการทิ้งระเบิดสถานีรถไฟ และย่านสินค้าบางซื่อ สะพานพุทธยอดฟ้า แต่ระเบิดไปโดนโรงพยาบาลญี่ปุ่น และหน่วยตำรวจลับญี่ปุ่นที่บ้านหม้อ รถรางได้รับความเสียหาย ชาวบ้านอพยพหนีภัยสงครามนอกพระนคร ทางราชการสั่งปิดโรงเรียน และมหาวิทยาลัยทั้งหมด ขณะเข้าทิ้งระเบิดนั้น กองทัพอากาศไทย ส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสกัดกั้นร่วมกับญี่ปุ่น รวม ๙ เครื่อง โดยเป็นเครื่องบินขับไล่แบบ ๑๓ ( ฮายาบูซ่า เดิมเรียกว่า บ.แบบ๑๔) ของฝูงบินรักษาพระนคร นำโดย พันจ่าอากาศเอก วิเชียร บูรณะเลข เป็นนักบินรวม ๓ เครื่องขึ้นสกัดกั้นโดยอเมริกันอ้างว่ายิง บ.ทั้งสามเครื่องได้ แต่ความจริง บ.ทั้งสามเครื่องไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่มีเครื่องบิน บี ๒๙ อย่างน้อยหนึ่งเครื่องได้รับความเสียหายที่แพนหาง
ผลการรบเครื่องบิน บี-๒๙ ตกอย่างน้อย ๕ เครื่องด้วยอุบัติเหตุและเครื่องขัดข้อง ทั้งนี้หมู่บินดังกล่าว เผชิญกับพายุในอ่าวเบงกอล ทำให้เครื่องบิน ๔ เครื่องไม่มีเชื้อเพลิงพอในการบินเดินทาง ไป – กลับ ๒๒๖๑ ไมล์ ต้องลงนอกสนามบิน และลงในทะเล ๔ เครื่องขณะที่เครื่องบิน ๔๒ เครื่อง ต้องแยกย้ายกลับไปลงในสนามบินถึง ๑๐ แห่ง
๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๗ เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 ประมาณ ๑๐ เครื่อง เข้าโจมตีทิ้งระเบิด บริเวณชุมทางบางซื่อ และโรงงานรถไฟ
๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๗ ฝ่าย สัมพันธมิตรได้ส่งฝูงบิน ทิ้งระเบิด B-29 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ราว ๕๐ เครื่อง ทำการบิน ทิ้งระเบิดเหนือพระนครอีกครั้ง ในเวลากลางวัน เริ่ม ตั้งแต่ ๐๙๐๐ เป็น ๓ ระลอก ระลอกละ ๑๒ – ๑๔ เครื่อง โดยไม่มีเครื่องบินขับไล่ คุ้มครองเข้ามาด้วยเลย ในครั้งนี้ “ฝูงบินรักษาพระนคร” ได้ส่ง เครื่องบินขับไล่แบบ ฮายาบูซ่า จำนวน ๑ ฝูง จำนวน ๙ เครื่อง ซึ่งสามารถยิง B-29 ตก ๑ เครื่อง ที่ได้รับการยืนยัน โดย มี เรืออากาศเอก เทอดศักดิ์ (สังวาลย์) วรทรัพย์ เป็นผู้ยิงตก

เล่าเรื่องโดย..... รัชต์ รัตนวิจารณ์ 30 พฤษภาคม 2563 #หยุดเชื้อเพื่อชาติ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=166594904893171&set=a.110309507188378&type=3&theater
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 25/06/2020 12:41 pm    Post subject: Reply with quote

การบอมบ์ย่านสถานีนครราชสีมา เมื่อ 2 มีนาคม 2488


รัชต์ รัตนวิจารณ์ - ท้าวทองไหล wrote:
"ทิ้งระเบิดสถานีรถไฟนครราชสีมา"
๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เครื่องบินทิ้งระเบิดของสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดถล่มสถานีนครราชสีมา เป็นครั้งที่ ๒
(ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๘ เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-24 จากฝูงบิน ๒๓๑ ทำการทิ้งระเบิดสถานีรถไฟนครราชสีมา วันเดียวกับที่มีการทิ้งระเบิดโดย B-29 จากกองบินที่ ๒๐ เพียงเครื่องเดียว เข้ามาทิ้งระเบิดสะพานพระราม ๖ อีกครั้งเพื่อประเมินค่าการทิ้งระเบิดใหม่ )
ปัจจุบันหากใครไปเที่ยวตลาดใกล้สถานีรถไฟ (ทางทิศใต้) จะมีการอนุรักษ์ร่องรอยหลุมระเบิดไว้ให้่ชมด้วย

เล่าเรื่องโดย...รัชต์ รัตนวิจารณ์ 30 พฤษภาคม 2563

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=166539504898711&set=a.110309507188378&type=3
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 27/07/2020 1:29 am    Post subject: Reply with quote

"สถานีรถไฟชุมพร"
หนึ่งในเป้าหมายทิ้งระเบิดของสัมพันธมิตรในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา ซึ่งยังมีอีกหลายที่ ความน่าสนใจในการ "พบระเบิดตกค้าง" คือ ถ้ากากบาทลงบนแผนที่สถานีรถไฟว่า "ระเบิดพบจุดไหน" จะน่าตกใจ และตื่นเต้นกว่านี้ว่า ตรงนี้หรือ ผ่านมากว่า 70 ปีที่อยู่ใต้ดินตรงนั้นที่หลายคนอาจจะผ่านไปมา
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=185253199694008&id=100046279876123
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 9, 10, 11, 12, 13  Next
Page 10 of 13

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©