ข่าวความคืบหน้าโครงการทางรถไฟสายนครพนม

Mongwin · Posted: 20/01/2016 12:54 pm Post subject:

ม. มหาสารคาม มีส่วนที่เป็น มศว. มาก่อน อยู่ในเมืองครับ ต่อมาสร้างใหม่เพิ่มที่ อ.กันทรวิชัย
เลยมีสองแห่ง เรียกว่า ม.เก่า กับ ม.ใหม่ Very Happy

(ผมยังไม่เคยไปเที่ยวเลยทั้งสองแห่งครับ)

black_express · Posted: 20/01/2016 3:25 pm Post subject:

อ้อ.... ขอบคุณครับ

Mongwin · Posted: 12/04/2016 9:03 am Post subject:

ได้ฤกษ์คลอดรถไฟทางคู่ 2 เส้น
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 12 เม.ย. 2559 05:01

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.วันนี้ (12 เม.ย.) รฟท.จะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาอนุมัติก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของวงเงินประมาณ 77,000 ล้านบาท และบ้านไผ่-นครพนม วงเงินประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งหากบอร์ดอนุมัติจะเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาอนุมัติโครงการ และเสนอ ครม.ตามขั้นตอนต่อไป โดยโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในปีนี้

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง วงเงิน 152,000 ล้านบาท และกรุงเทพฯ-หัวหิน 94,600 ล้านบาทนั้น กำลังส่งเรื่องให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือ สคร.พิจารณา และเสนอเข้าคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือคณะกรรมการพีพีพี ก่อนชงเรื่องเสนอ ครม.อนุมัติโครงการ หลังจากนั้นจะดำเนินการ ตามมาตรา 35 พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2556 ในการคัดเลือกเอกชนเข้ามาดำเนินการ ซึ่งตามกรอบเวลาจะต้องเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาให้แล้วเสร็จภายใน 9 เดือน

ส่วนการก่อสร้างจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสถานีเตาปูน-บางซื่อ 1 สถานี ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปนั้น รฟท.จะเข้าไปสำรวจพื้นที่หลังสงกรานต์ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับประชาชนเดินทางเชื่อมต่อโดยพิจารณาเส้นทางรถไฟของ รฟท.ที่มีอยู่เดิมว่า สามารถเปิดให้บริการขนส่งผู้โดยสารจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงมาใช้บริการรถไฟของ รฟท.และเชื่อมต่อไปยังรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่อได้หรือไม่ โดยเบื้องต้นสถานีที่มีศักยภาพคือบริเวณเส้นทางรถไฟที่ถูกปิดให้บริการอยู่ใต้ทางด่วนบริเวณถนนประชาชื่น มีระยะทาง 3 กม.ไปถึงสถานีบางซื่อ.

nutsiwat · Posted: 12/04/2016 11:13 am Post subject:

Wisarut · Posted: 12/04/2016 1:11 pm Post subject:

Mongwin · Posted: 13/04/2016 8:45 am Post subject:

บอร์ดรถไฟอนุมัติสร้างทางคู่ 2 เส้น
โพสต์ทูเดย์ 13 เมษายน 2559 เวลา 07:57 น.

บอร์ด รฟท.อนุมัติสร้างรถไฟทางคู่เส้นเด่นชัย-เชียงของ และบ้านไผ่-นครพนม 1.37 แสนล้านบาท

นายสราวุธ เบญจกุล ประธานกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟท.มีมติอนุมัติการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง วงเงินรวม 1.37 แสนล้านบาท ได้แก่ เส้นทางสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 7.69 หมื่นล้านบาท และเส้นทางสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม 6.03 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากนี้ รฟท.จะเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคมภายในเดือน เม.ย.นี้ ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป

“ทั้งสองโครงการจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 7 ปี หรือตั้งแต่ปี 2559-2565 โดยภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด และคาดว่าจะมีการเปิดประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออกชั่น ได้ในช่วงต้นปี 2560 ไปพร้อมๆ กับการจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แต่จะไม่มีการลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูลจนกว่าอีไอเอจะผ่าน”นายสราวุธ กล่าว

สำหรับรถไฟทางคู่เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีระยะทาง 323 กิโลเมตร ผลการศึกษาเบื้องต้น ระบุว่า เมื่อเปิดให้บริการมีจำนวนผู้โดยสาร 4,811 คน/เที่ยว/วัน และปริมาณการขนส่งสินค้า 859 ตัน/วัน ขณะที่รถไฟทางคู่เส้นทางสายบ้านไผ่-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร ผลศึกษาระบุว่า เมื่อเปิดให้บริการจะมีจำนวนผู้โดยสาร 8,628 คน/เที่ยว/วัน และปริมาณการขนส่งสินค้า 1,713 ตัน/วัน

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมบอร์ดยังรับทราบการลาออกของคณะกรรมการ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. (รฟฟท.) หรือ บอร์ดแอร์พอร์ตลิงค์ 3 คน และรับทราบการแต่งตั้งกรรมการ รฟฟท. 6 คน รวมทั้งได้แต่งตั้งกรรมการ รฟฟท.เพิ่มเติมอีก 3 คนด้วย

Wisarut · Posted: 14/04/2016 2:36 pm Post subject:

บอร์ดร.ฟ.ท.ชง คมนาคม รถไฟทางคู่เส้นใหม่ 2 สาย วงเงิน2โครงการ 1.37 แสนล้าน

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
13 เมษายน 2559 เวลา15:02:51 น.

นาย สราวุธ เบญจกุล ประธานกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังจากการประชุมบอร์ด ร.ฟ.ท.เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 363 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 76,980 ล้านบาท และสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 60,353 ล้านบาท รวมวงเงินทั้ง 2 โครงการกว่า 137,000 ล้านบาท โดยภายในสัปดาห์หน้าบอร์ดอนุมัติจะเสนอโครงการดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาเพื่อขออนุมัติโครงการ หลังจากนั้นจะเสนอต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ เพื่อพิจารณาเสนอไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการภายในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากนั้นจะจัดทำร่างทีโออาร์และราคากลางประมาณเดือนสิงหาคมถึงเดือน กันยายนนี้ และจัดประกวดราคาภายในเดือนตุลาคม 2559 ถึงเดือนมกราคม 2560 ทั้งนี้กระบวนการดังกล่าวจะจัดทำควบคู่เวนคืนที่ดินและการศึกษารายงานผลกระ ทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2561 หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างในปลายปี 2561 โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 48 เดือนหรือ 2 ปี ซึ่งทั้งโครงการจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565 หรือใช้ระยะเวลารวมกว่า 7 ปี

ชี้2โครงการผลตอบแทนสูง

"หาก คำนวณความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของรถไฟรางคู่ทั้ง 2 โครงการ พบว่าสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ 13.31% และมีอัตราการตอบแทนทางการเงิน 1.02% และสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ 12.04% และมีอัตราการตอบแทนทางการเงิน 1.49% ซึ่งถือว่าทั้ง 2 โครงการมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่สูงมาก รวมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ลดระยะเวลาในการเดินทาง ลดอุบัติเหตุทางท้องถนน ลดการใช้พลังงานในภาพรวม และยังช่วยให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเกิดการพัฒนา จึงถือเป็นโครงการที่ควรเร่งให้มีการลงทุนอย่างมาก" นายสราวุธกล่าว

Wisarut · Posted: 30/05/2016 3:03 pm Post subject:

Wisarut · Posted: 02/09/2016 10:29 am Post subject:

กกร.จี้คมนาคม ผุดรถไฟอีสเวสต์หนุนการค้าชายแดน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 02 กันยายน 2559, 09:15

"กกร." จี้ "คมนาคม" เร่งเดินหน้าโครงการรถไฟสายอีสเวสต์ คอร์ริดอร์ หนุนการค้าชายแดน ด้าน ร.ฟ.ท.เตรียมเสนอใช้ ม.44 ดันโครงการรถไฟสายใหม่

นายดรุณ แสงฉาย รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า การประชุมครั้งนี้ ภาคเอกชนได้เข้ามาติดตามรับฟังข้อเสนอโครงการที่เคยหารือก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งเร่งรัดประเด็นโครงการสำคัญอย่างการพัฒนาแนวรถไฟสายใหม่ที่อยู่ในแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (อีส-เวสต์ อิคอร์นามิก คอร์ริดอร์) ช่วงตาก-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น-มุกดาหาร ที่แบ่งออก 3 ช่วง คือ

1. ช่วงแม่สอด-กำแพงเพชร-นครสวรรค์ ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ศึกษาความเหมาะสมแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการออกแบบ

2. ช่วงนครสวรรค์-บ้านไผ่ ปัจจุบัน ร.ฟ.ท. ยังไม่ได้ศึกษา และ
3. ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทางราว 354 กิโลเมตร (กม.) มีกรอบวงเงินลงทุน 6 หมื่นล้านบาท เป็นช่วงที่ดำเนินงานคืบหน้ามากที่สุด เนื่องจากสถานะปัจจุบันบอร์ด ร.ฟ.ท.ได้เห็นชอบโครงการแล้ว และคาดว่าจะรวบรวมข้อมูลรายงานมายังกระทรวงคมนาคมภายในเดือน ก.ย.นี้ ก่อนเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงเดือน ต.ค.ที่จะถึง ซึ่งโครงการช่วงดังกล่าวจะจัดใช้ ม.44 เพื่อเดินหน้างานควบคู่ระหว่างการเสนอผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)

“โครงการนี้ก็จะจัดใช้ ม.44 เพื่อให้งานเดินหน้าควบคู่กันไประหว่างปัจจุบันที่อยู่ในขั้นตอนวิเคราะห์อีไอเอ ซึ่งอีกด้านก็จะดำเนินการขั้นตอนขออนุมัติโครงการไปพร้อมๆ กันเลย หาก ครม.เห็นชอบแล้วขั้นตอนต่อไป ร.ฟ.ท.ก็จะทำกระบวนการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาเตรียมไว้ก่อน เมื่อผ่านอีไอเอก็จะลงนามสัญญาจ้างได้ทันที ทำให้งานนี้เดินหน้าเร็ว และตอบสนองข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการผลักดันแนวเส้นทางสนับสนุนการค้า”

นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังเสนอให้กระทรวงพิจารณาการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (ครุยส์) เพิ่มเติมในพื้นที่ จ.กระบี่ หลังจากกระทรวงศึกษาความเหมาะสมจะพัฒนาในพื้นที่เกาะสมุยแล้ว ซึ่งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับข้อเสนอดังกล่าวไว้พิจารณาศึกษา เนื่องจากภาคเอกชนชี้แจงถึงเหตุผลของการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกระบี่มีศักยภาพสูง

นายสถาพร มงคลศรีสวัสดิ์ กรรมการหอการค้าไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานโครงสร้างพื้นฐานของหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเด็นหลักๆ ที่ กกร.เสนอคือเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานอีส-เวสต์ อิคอร์นามิก คอร์ริดอร์โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ ช่วงบางไผ่-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร - นครพนม ซึ่งอยู่ระหว่างรออีไอเอก็ต้องการให้เร่งรัดดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึงการขยายสนามบินร้อยเอ็ด และสนามบินสกลนคร

ส่วนภาคใต้ก็ต้องการให้พิจารณาก่อสร้างท่าเทียบเรือครุยส์ ที่จ.กระบี่ด้วยแทนที่จะพิจารณาก่อสร้างเฉพาะที่เกาะสมุยเท่านั้นเพราะถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ และเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในทะเลอันดามันได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ต้องการให้เร่งรัดการพัฒนาเส้นทางจากแม่สอด-เพชรบูรณ์-กาฬสินธุ์-มุกดาหาร ที่จะขยายให้เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจรตลอดเส้นทาง แต่ปัจจุบันพบว่าช่วง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ยังไม่ผ่านรายงานอีไอเอ จึงขอให้เร่งรัดดำเนินโครงการ

เนื่องจากจะเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการค้า การลงทุนในภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันพบว่าปริมาณการค้าในพื้นที่ จ.มุกดาหาร มีมูลค่า 7-8 หมื่นล้านบาท และมีสัญญาณจะเติบโตถึง 1 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับด่านการค้าในแม่สอดที่มีปริมาณการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย ดังนั้นหากภาครัฐฯ เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก็จะเป็นปัจจัยหนุนการค้าเป็นอย่างดี

ส่วนนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ว่า แผนการพัฒนาของกระทรวงคมนาคมจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะในช่วงเวลา 12 ปี มุ่งเน้นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่ การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม สิ่งแวดล้อม ระบบสาธารณูปโภค และเร่งพัฒนาใน 3 จังหวัดเป็นอันดับแรก คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง

โดยระยะแรกจะเกิดขึ้นระหว่างปี 2559-2560 อยู่ระหว่างการดำเนินการ ระยะที่สอง ระหว่างปี 2561 - 2563 และระยะสุดท้ายระหว่างปี 2564 - 2570 โดยแผนงานโครงสร้างพื้นฐานหลักจะมีทั้งหมด 35 โครงการ ภายใต้วงเงินพัฒนา 6 แสนล้านบาท

“งานหนักๆ ในช่วงแผนระยะแรก และระยะที่สองส่วนใหญ่จะเป็นการขยายมอเตอร์เวย์ การขยายท่าเรือแหลมฉบัง การขยายท่าเรือมาบตาพุด พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา พัฒนาท่าเรือจุกเสม็ดรองรับการท่องเที่ยว ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้บอกในที่ประชุมอีอีซีรอบที่ผ่านมาด้วยว่าทำอย่างไรให้ประชาชนยอมรับการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ ซึ่งต่อไปในพื้นที่ภาคตะวันออกจะมีโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-ระยอง และพัฒนาการเชื่อมโยงสนามบินเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทาง”

Wisarut · Posted: 02/09/2016 5:14 pm Post subject:

เร่งทางคู่บ้านไผ่-นครพนม
โพสต์ทูเดย์
02 กันยายน 2559 เวลา 08:15 น.

งานนี้เร่งทำทางคู่ บ้านไผ่นครพนมยาว 354 กิโลเมตร มูลค่า 6หมื่นล้านบาท ให้เร็วได้แล้ว จากนั้น ทำทางคู่ จากลำนารายน์ไป บัวใหญ่ และ ลำนารายน์ไป นครสวรรค์ เพื่อเชื่อมกะ ทางจาก นครสวรรค์เลียบลำน้ำปิงไปเมืองตากก่อนเลี้ยวไปแม่สอด