View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44250
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 17/05/2010 5:38 pm Post subject: |
|
|
ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณคลองอ้อม ปี 2495 กรมแผนที่ทหารครับ
มองเห็นแนวคันทางรถไฟสายบางบัวทอง เป็นเส้นขาว ๆ เล็ก ๆ (สะพานคงถูกรื้อไปแล้ว)
เปรียบเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมครับ ซึ่งคันทางกลายเป็นถนนบางกรวย-ไทรน้อยไปแล้ว
|
|
Back to top |
|
|
Rakpong
President
Joined: 29/03/2006 Posts: 1716
Location: แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก
|
Posted: 17/05/2010 6:07 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | แต่ในกรณีที่เป็นสะพานคลองเปร็ง กม. 47+114.00
ผมมีข้อสงสัยว่าคลองเปร็งกับสะพานรถไฟไม่ได้ตัดกันแบบตั้งฉากครับ
แต่ตัดในแนวเฉียงดังภาพ
เมื่อเปรียบเทียบกับภาพเก่า มองเห็นคลองตัดกับสะพานค่อนข้างตั้งฉากน่ะครับ
|
แต่ดูจากภาพ น่าจะเป็นตัดแนวเฉียงนะครับ ภาพนี้น่าจะเป็นคลองเปร็งจริง ๆ เพราะทางรถไฟสายบางบัวทอง สะพานไม่น่าจะดูแข็งแรงขนาดนี้ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44250
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 17/05/2010 9:30 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณพี่หมอรักษ์พงศ์ครับที่ช่วยพิจารณา และลงความเห็นสนับสนุนอีกแรงหนึ่ง
ถ้าเฉียง ก็คงเป็นการถ่ายไปทางทิศเหนือ ทางรถไฟด้านซ้ายมือไปกรุงเทพ ขวามือไปอรัญประเทศนะครับ
เรื่องนี้ จำเป็นต้องแจ้งให้อาจารย์เอนกทราบ เพื่อแจ้งต่อไปยังคุณไพรัตน์ สุขมะโน เจ้าของหนังสือ ภาพเก่าเล่าเรื่องบางบัวทอง ให้ทราบข้อเท็จจริงว่าภาพถ่ายดังกล่าว ไม่ใช่ทางรถไฟสายบางบัวทองนะครับ |
|
Back to top |
|
|
OutRun
1st Class Pass (Air)
Joined: 26/05/2006 Posts: 1187
|
Posted: 18/05/2010 1:29 am Post subject: |
|
|
ผมก็ว่าไม่น่าจะใช่สะพานรถไฟสายบางบัวทองนะครับ รถจักรไอน้ำที่ใช้ในทางสายบางบัวทอง ผมว่าไม่น่าจะมีขนาดใหญ่ขนาดในภาพที่ว่าหน่ะครับ
อย่างเก่งก็น่าจะขนาดรถจักรสูงเนิน
ผมไม่มีภาพรถจักรไอน้ำที่ใช้ในทางรถไฟสายบางบัวทอง แต่จากวารสารรถไฟสัมพันธ์ที่ผมมีอยู่ ได้บอกไว้ว่าหลังปี พ.ศ. 2475 ฟืนเริ่มหายาก มีราคาแพง
จึงได้จัดหารถดีเซลมาใช้การแทนครับ ซึ่งผมก็มีภาพรถจักรดีเซลที่ว่านี้อยู่ แต่ตอนนั้นดันไม่ได้สแกนเอาไว้ด้วย รถดีเซลที่ว่านี้คันเล็กมากครับ น่าจะมีแค่ 4 ล้อเท่านั้น
ยังไงรบกวนอาจารย์เอกเข้าไปชมภาพที่ผมเคยสแกนเอาไว้ที่เว็บจักรยานด้วยครับ
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=29683&st=151
ลองดูภาพจาก คห. ที่ 177 จะมีภาพรถไฟสายบางบัวทองหลีกกันอยู่ โดยขบวนที่อยู่ทางขวาจะติดภาพที่ผมว่าน่าจะเป็นรถดีเซลที่ว่าอยู่หน่อย ๆ ครับ
เมื่อเทียบกับโบกี้โดยสารแล้วตัวรถจักรดีเซลมีขนาดเล็กมากครับ เลยทำให้ผมคิดว่าสมัยที่ยังใช้รถจักรไอน้ำ ขนาดไม่น่าจะใหญ่กว่ารถจักรสูงเนิน _________________ นายจักรยานกับการรถไฟ ฯ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42551
Location: NECTEC
|
Posted: 18/05/2010 2:16 am Post subject: |
|
|
^^^
รถจักรรถพ่วงสายบางบัวทองมันราง 75 เซนต์เมตรเหมือนสายพระพุทธบาท เลยใหญ่กว่ารถสูงเนินเล็กน้อย |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44250
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42551
Location: NECTEC
|
Posted: 18/05/2010 10:10 am Post subject: |
|
|
^^^
นี่ยิ่งไม่น่าใช้ก็เพราะ นี่มันภาพรถจักร Dubb ชัดๆ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44250
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 18/05/2010 10:13 am Post subject: |
|
|
แล้วทางขวามือของภาพ
ล้อเลื่อนที่พ่วงมา น่าจะใช้ในกิจการรถไฟสายใดครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42551
Location: NECTEC
|
Posted: 18/05/2010 10:58 am Post subject: |
|
|
^^^
รถข้างโถงนี้ใช้กับรางมาตรฐานจนสิ้นอายุการใช้งานหละครับ
OutRun wrote: |
ผมไม่มีภาพรถจักรไอน้ำที่ใช้ในทางรถไฟสายบางบัวทอง แต่จากวารสารรถไฟสัมพันธ์ที่ผมมีอยู่ ได้บอกไว้ว่าหลังปี พ.ศ. 2475 ฟืนเริ่มหายาก มีราคาแพง
จึงได้จัดหารถดีเซลมาใช้การแทนครับ ซึ่งผมก็มีภาพรถจักรดีเซลที่ว่านี้อยู่ แต่ตอนนั้นดันไม่ได้สแกนเอาไว้ด้วย รถดีเซลที่ว่านี้คันเล็กมากครับ น่าจะมีแค่ 4 ล้อเท่านั้น
ยังไงรบกวนอาจารย์เอกเข้าไปชมภาพที่ผมเคยสแกนเอาไว้ที่เว็บจักรยานด้วยครับ
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=29683&st=151
|
นั้นเป็นภาพคราวที่พระยาสารศาสตร์ฯ ตรวจพินิจการก่อสร้างทาง ไปลาดหลุมแก้วหงะ
ออ เรื่องผี ของครูเหม เวชการมีกล่าวถึงรถไฟบางบัวทองด้วย! |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42551
Location: NECTEC
|
Posted: 26/05/2012 10:03 pm Post subject: |
|
|
ดูคอลัมน์ชักธงรบของกิเลนประลองเชิงในไทยรัฐหน้า 3 วันนี้ หลายข้อความยังคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอยูมากพอดู เพราะ รู้ว่ากว่าจะเดินรถจริงก็ปี 2458 โน่น แม้จะเริ่มสร้างแต่ปี 2453 ก็จริง
รถไฟสายบางบัวทอง
คอลัมน์ชักธงรบ
โดย: กิเลน ประลองเชิง
ไทยรัฐ
26 พฤษภาคม 2555, 05:00 น.
หากจะว่ากันด้วยรถไฟสายฝั่งธนบุรี...เด็กรุ่นผมทันนั่งรถไฟสายปากคลองสานแม่กลอง เด็กรุ่นใหม่ยังได้ใช้รถไฟสายบางกอกน้อย และเด็กสองรุ่นนี้คงไม่รู้ว่าฝั่งธนฯยังมีรถไฟอีกสาย...สายบางบัวทอง
บันทึกแผ่นดิน ชุดเรื่องเก่าเล่าสนุกเล่ม 3 (สำนักพิมพ์สยามบันทึก) โรม บุนนาค เล่าว่า รถไฟสายบางบัวทอง วิ่งมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สถานีต้นทางอยู่ท่าน้ำวัดลิงขบ (วัดบวรมงคล)
เจ้าของรถไฟ คือ พระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว.เย็น อิศรเสนา) คนจึงเรียกอีกชื่อว่า รถไฟสายเจ้าคุณวรพงศ์
เจ้าคุณวรพงศ์รักเรื่องเครื่องยนต์กลไกมาแต่เล็ก ตอนรับราชการสมัย ร.5 เงินเดือน 12 บาท พอเงินเดือนขึ้นเป็น 30 บาท ก็เก็บซื้อรถเมล์เก่า 2 คัน มาซ่อมแล้วก็ออกรับคนโดยสาร หาเงินเข้าบ้านได้วันละสิบสลึง สามบาท...ก็ติดใจ
สมัยนั้นเจ้านายขุนนางกำลังแข่งกันสร้างวังสร้างคฤหาสน์ ต้องใช้อิฐจำนวนมาก เจ้าคุณวรพงศ์เช่าเตาเผาอิฐที่บางบัวทอง ทำอิฐชั้นดีส่งขาย ชื่ออิฐบางบัวทองเป็นที่รู้จัก เศรษฐกิจบางบัวทองเฟื่องฟู เป็นที่มาให้คิดสร้างทางรถไฟ
ตอนนั้นยังไม่มี พ.ร.บ.คุ้มครองการสร้างทางรถไฟ เจ้าคุณวรพงศ์ต้องไปอ้อนวอนซื้อที่ชาวบ้าน เมื่อไม่ได้ก็ต้องไปขอบารมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน บางรายไม่ขายก็ต้องย้ายแนวหลบ ทางรถไฟสายนี้จึงคดเคี้ยวเหมือนงูเลื้อย
ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ก่อตั้ง บริษัทรถไฟบางบัวทอง จำกัดสินใช้ ปี 2451 เริ่มวางรางปี 2452 ขนาดรางกว้าง 75 ซม. เปิดเดินรถปี 2458
ปี 2473 พ.ร.บ.คุ้มครองการสร้างทางรถไฟใช้แล้ว...เจ้าคุณวรพงศ์ต่อขยายเส้นทางจากบางบัวทองไปถึงทุ่งระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว ตอนนี้สร้างทางตรงได้ พร้อมกันก็ได้ย้ายทางแยกที่เคยไปถึงตลาดขวัญ ท่าน้ำวัดเฉลิมพระเกียรติ...
ไปตามศาลากลางจังหวัดแห่งใหม่ ไปสิ้นสุดที่ท่าน้ำนนทบุรี
ตอนเริ่มเดินรถใช้หัวรถจักรไอน้ำ ต่อมาฟืนหายาก ก็หันมาใช้หัวรถจักรดีเซล ถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันขาดแคลน ทั้งเจอคู่แข่ง บริษัทฝรั่งใช้เรือ มอเตอร์โบ๊ต วิ่งรับคนจากท่าน้ำบางบัวทอง มาท่าเขียวไข่กา รายได้รถไฟสายนี้เริ่มลดลงๆ
16 ก.ค.2485 เจ้าคุณวรพงศ์ประกาศเลิกกิจการ เริ่มรื้อถอนรางรถไฟ ไปขายบริษัทน้ำตาลวังกะพี้ ที่อุตรดิตถ์ ใช้ขนอ้อยจากไร่เข้าโรงงาน ปี 2520
โรม บุนนาค เล่าว่า เคยนั่งรถไฟสายบางบัวทอง ข้ามเรือจ้างจากท่าเทเวศร์ไปท่าวัดลิงขบ ขึ้นรถไฟไปลงสถานีวัดรวกบางบำหรุ ยังจำบรรยากาศตอนนั่งรถไฟได้ รถไฟวิ่งส่ายไปมาและกระเทือนตลอดทาง เหมือนนั่งเรือฝ่าคลื่น
ร่องรอยเส้นทางสายนี้ ยังพอมีเค้า ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 46 และถนนบางกรวยไทรน้อย บางแห่งยังมีตอม่อคอนกรีตสะพานรถไฟ...เหลือให้เห็น
ข้อคิดจากเรื่องรถไฟสายบางบัวทอง...เมื่อขาดทุน เอกชนก็เลิก... ตรงกันข้ามกับรถไฟหลวง ใช้งบประมาณซ่อมแซมรางที่พังแล้วพังเล่า รถไฟก็ตกรางครั้งแล้วครั้งเล่า...ปีละกว่า 2 หมื่นล้าน แต่หลวงท่านก็ยังทู่ซี้ทำเองต่อ
รถไฟไทยเริ่มมาก่อนประเทศใดในภูมิภาคเดียวกัน แต่วันนี้ล้าหลังกว่าหลายประเทศ เหตุแรกเพราะเป็นของหลวง เหตุต่อมาเพราะใช้คนไร้ประสิทธิภาพ นักการเมืองเข้ามาก็แอบหาประโยชน์ มีแรงเท่าไหร่ก็กอบโกยออกไป
รถไฟไทยไม่แค่แคะแกร็น คือไม่โตก็ยังถอยหลัง...เตี้ยลงๆทุกวัน
คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พูดเหมือนใจคิดครับ...คนการรถไฟไม่มีน้ำยา ยังไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะจับงานใหญ่ กระทั่งงานบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักร ซึ่งวันนี้มีโลโก้หรูหรา...ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ผมได้ข่าวมีขาใหญ่จากกลุ่มอำนาจใหม่...แย่งกันเข้ามาสวาปาม... ขาใหญ่มีหลายคน จนเอกชนที่ตั้งท่าจะเข้ามารับช่วง...ขยาด ประการแรกไม่รู้ว่าขาใหญ่ระดับรัฐมนตรีที่เข้าคุมจะหลุดจากเก้าอี้เมื่อไหร่
ประการต่อมา คนแบรับเงินไม่ใช่คนเดียว จ่ายแล้วก็ไม่แน่ใจ ว่าจะจ่ายถูกคน
ทุกกิจกรรมในบ้านเมือง มีการบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ ผมกำลังเป็นห่วงว่า ประวัติศาสตร์ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเจ๊ง...กลายสภาพเป็นตลาดแบกะดินธรรมดา...ในสมัยรัฐบาล...ยิ่งลักษณ์ น้องทักษิณ
กว่าจะย้ายจากสนามหลวงมาจตุจักร ผมจำได้ พลตรีจำลอง ศรีเมือง ท่านเปลืองแรงสมองเปลืองแรงกายมาก หากใครมายื้อไปแล้วทำให้ เสียของ จะต้องเป็นเรื่องให้ตามประจานกัน แบบไม่มีวันเลิกราทีเดียว.
กิเลน ประลองเชิง |
|
Back to top |
|
|
|