ข่าวและภาพรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

[Mongwin]

ความก้าวหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้า ณ 31 ธันวาคม 2560

[Mongwin]

รฟม. ร่วมกับ บีอีเอ็ม ซ้อมแผนกู้รถไฟฟ้าค้างกลางราง ครั้งที่ 4
เดลินิวส์ เสาร์ที่ 20 มกราคม 2561 เวลา 09.43 น.

รฟม. ร่วมกับ บีอีเอ็ม เป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะทางราง ครั้งที่ 4 เหตุการณ์รถไฟฟ้าติดค้างในเส้นทางหลัก เนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้าขับเคลื่อน

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 20 ม.ค. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวง (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวง (หัวหน้ากลุ่มภารกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง) นางอัมพวัน วรรณโก ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และนายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เข้าตรวจเยี่ยมการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุของระบบการขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ครั้งที่ 4 โดยมี นายฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการ (บริหาร) รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) คณะผู้บริหาร รฟม. และ BEM เจ้าภาพในการจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯ ให้การต้อนรับ ณ ชั้นชานชาลาสายสีน้ำเงิน สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน เขตบางซื่อกรุงเทพมหานคร
                      
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯนั้นได้มีการจำลองสถานการณ์ขึ้น โดยในเวลาประมาณ 17.30 น. (เวลาสมมติ)เกิดเหตุการณ์ รถไฟฟ้าติดค้างในเส้นทางหลัก เนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้าขับเคลื่อนโดยเกิดเหตุขัดข้องดังกล่าวเกิดจาก สถานีไฟฟ้าย่อยขับเคลื่อน (Traction Substation) ที่สถานีบางซื่อและสถานีกำแพงเพชร เกิด Breaker Trip ทำให้ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายเข้ารางที่ 3 ส่งผลให้รถไฟฟ้า 1 ขบวนที่กำลังเข้าสถานีเตาปูน ต้องหยุดก่อนเข้าสถานีเป็นระยะทางประมาณ 50 เมตร ประกอบกับมีผู้โดยสารติดอยู่ในขบวนรถเป็นจำนวนมาก  เมื่อศูนย์ควบคุมปฏิบัติการเดินรถ (Central Control Room: CCR) รับทราบเหตุและประเมินสถานการณ์แล้ว และคาดว่าว่าจะใช้เวลาแก้ไขเป็นเวลานานมากกว่า15นาที จึงได้มีคำสั่งอพยพผู้โดยสารลงรางเพื่อเดินทางเข้าสู่สถานีเตาปูน ซึ่งสถานการณ์ที่ซ้อมนั้นถือเป็นเหตุการณ์เสี่ยงในระดับ 2 (เหตุการณ์ขั้นรุนแรง) จากระดับ 0 - 3 ตามที่ระบุไว้ในคู่มือแผนเผชิญเหตุฯ  ซึ่งนอกเหนือจากวิธีดำเนินการแก้ไขตามคู่มือปฏิบัติของหน่วยงานผู้ให้บริการแล้ว จะต้องมีการรายงานสถานการณ์ทั้งในสภาวะที่เกิดเหตุจนกระทั่งกลับสู่สภาวะปกติไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กสทช. กรมประชาสัมพันธ์ จส.100 สวพ.91 เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนทราบต่อไป และรายงานต่อ ศปภ.คค. เพื่อพิจารณานำรายงานผู้บริหารและประสานงานหน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) (สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้โดยสาร) และกองบัญชาการตำรวจจราจร (อำนวยความสะดวกจราจร) ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์เสี่ยงในระดับอื่นๆ ได้มีการกำหนดคำจำกัดความ รวมถึงโครงสร้างการประสานงานที่แตกต่างกันไป เพื่อให้หน่วยงานสามารถจัดการแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับระดับเหตุการณ์ ต่อไป 
                          
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯ ดังกล่าว สืบเนื่องมาจากบันทึกความร่วมมือเพื่อเผชิญเหตุตามแผนบริหารความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในสังกัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวนทั้งสิ้น 13 หน่วยงาน ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 ณ อาคารสโมสร กระทรวงคมนาคม เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาจากเหตุการณ์กรณีเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคของระบบขนส่งสาธารณะทางราง ตลอดจนประสานงานแก้ไขและบรรเทาเหตุการณ์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยยึดแนวทางตามคู่มือแผนเผชิญเหตุฯ และกำหนดให้ผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้า MRT  BTS และ Airport Rail Link หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผน   เผชิญเหตุฯ เป็นประจำทุก 4 เดือน ซึ่งครั้งนี้ได้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 โดยกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ BEM ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ในความรับผิดชอบของ รฟม. เป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯ และมีคณะผู้เข้าร่วมฝึกซ้อมจาก ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและกู้ภัย รฟม. ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม (ศปภ.คค.) สำนักงานรักษาความปลอดภัย (สปภ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) รวมถึงผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์จากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง.

[Wisarut]

วิถีเช้าวันจันทร์ รถไฟฟ้าเจ๊งแต่เช้า! ไม่มีขบวนวิ่งระหว่าง “บางซื่อ-เตาปูน” ผู้โดยสารล้นสถานี
วันที่ 29 มกราคม 2561 - 09:06 น.


ด่วน!รถไฟฟ้าMRT ขัดข้อง วิ่งเชื่อมเตาปูน-บางซื่อไม่ได้ เร่งแก้ไขแล้ว
โดย: MGR Online

เผยแพร่: 29 มกราคม 2561 เวลา 09:37:00


รถไฟฟ้าสีน้ำเงินระบบขัดข้อง วิ่งเชื่อมจากสถานีบางซื่อ ไปยังสถานีเตาปูนไม่ได้ โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งแก้ไข

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 08.25 น. รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ เกิดระบบขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถวิ่งเชื่อมต่อ สถานีเตาปูนได้ เร่งแก้ไข แล้วเสร็จเดินรถเชื่อมได้แล้วหลัง9โมง

ทั้งนี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน( หรือ BEM อยู่ระหว่างเร่งแก้ไข คาดว่าจะใช้เวลา ประมาณ 1.30 ชม. ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีม่วง ยังคงให้บริการตามปกติ โดยวิ่งระหว่าง สถานีคลองบางไผ่-เตาปูน ซึ่งระหว่างนี้ยังเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนทำให้มีผู้โดยสารคับคั่ง ที่สถานีเตาปูน เพราะไม่สามารเชื่อมต่อไปยังสถานีบางซื่อได้ ซึ่งทางBEM ได้แจ้งข้อมูลผ่านเพจ เรื่องระบบขัดข้องแล้ว. พร้อมเร่งประสานเพื่อขอรถขสมก.มาช่วยรับส่งผู้โดยสารช่วง 1 สถานี

โดย ล่าสุด ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการแก้ไขระบบและสามารถเปิดเดินรถเชื่อมสถานีบางซื่อ-เตาปูนได้ เมื่อเวลา 9.05 น.


เปิดเดินรถเชื่อม "บางซื่อ-เตาปูน "ปกติแล้ว หลังพบระบบขัดข้อง
จันทร์ที่ 29 มกราคม 2561 เวลา 08.57 น.

เดินรถปกติแล้ว รถไฟฟ้าบางซื่อ-เตาปูน หลัง เสียรับวันจันทร์ เหตุ ‘อุปกรณ์ขัดข้อง’


เมื่อเวลา09.00น.วันที่29ม.ค.ฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด(มหาชน)หรือบีอีเอ็มผู้ให้บริการเดินรถสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน-หัวลำโพงและสายสีม่วงช่วงเตาปูน-บางใหญ่ แจ้งว่า ล่าสุดเวลา09.00น. เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ ซ่อมระบบเรียบร้อย และเปิดเดินรถระหว่างสถานีเตาปูน-บางซื่อได้ตามปกติแล้ว 

หลังจากเมื่อเวลา08.12น.เกิดเหตุอุปกรณ์เดินรถไฟฟ้าขัดข้องระหว่างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อและสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ทำให้ไม่สามารถเดินรถได้ ส่งผลให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปสายสีน้ำเงินมีการเดินทางที่ช้า  โดยเบื้องต้นภายในสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงินได้ประชาสัมพันธ์ ให้ผู้โดยเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ระบบขนส่งอื่นๆ เนื่องจากสายสีม่วงจะสิ้นสุดระยะที่เตาปูนเท่านั้น  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเวลาระหว่างรถเสีย บรรยากาศภายในสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ชั้นชานชาลาที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแน่นไปด้วยประชาชนที่รถใช้บริการรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีบางซื่อเป็นจำนวนมาก  ซึ่งเบื้องต้นมีผู้โดยสารจำนวนมากต้องเปลี่ยนไปใช้การเดินทางอื่น วินมอเตอร์ไซค์ รถโดยสารประจำทางเพื่อเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้าบางซื่อแทน .

[Wisarut]

รฟม.จ่อขึ้นค่าตั๋วรถไฟฟ้าใต้ดินอีก 1 บาท เริ่ม ก.ค.นี้
วันที่ 29 มกราคม 2561 - 16:34 น.

คนกรุงเตรียมตัว! รฟม.จ่อขึ้นค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน 3 สถานี อีก 1 บาท เริ่ม ก.ค.นี้
วันที่ 29 มกราคม 2561 - 19:15 น.

นายรณชิต แย้มสอาด รักษาการรองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลขนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เตรียมปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีขึ้น 3 สถานี สถานีละ 1 บาท ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยเป็นการปรับตามสัญญาสัมปทานที่ทำไว้กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ทุก 2 ปี แต่การปรับขึ้นครั้งนี้ถือว่าไม่แพง เพราะปรับขึ้นเพียง 3 สถานีเท่านั้น จากทั้งหมดที่มี 19 สถานี

สำหรับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าของ รฟม.ในปี 2561 นี้ รฟม.จะประกวดราคาเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าอีก 2 สาย คือ 1.รถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร (กม.) วงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท คาดว่าจะเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาเข้ามาก่อสร้างได้ก่อน และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-บางขุนนนท์ ระยะทาง 12.9 กม. วงเงินประมาณ 9 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเปิดประกวดราคาได้ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2562

[Mongwin]

กลุ่มธรรมาภิบาลจ่อยื่นหนังสือให้ระงับตั้ง“ภคพงศ์”นั่งผู้ว่ารฟม.
ฐานเศรษฐกิจ 29 January 2018

กลุ่มธรรมาภิบาลจ่อยื่นหนังสือถึง “อาคม” ให้ระงับการเสนอชื่อ “ภคพงศ์” ต่อครม.เพื่ออนุมัติให้นั่งตำแหน่งผู้ว่ารฟม. ชี้ไม่มีความเหมาะสม เหตุถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง ทำให้รฟม.เสียหายกว่า 290 ล้านบาทและอยู่ระหว่างที่สตง.ตรวจสอบพฤติการณ์ว่าได้กระทำทุจริตหรือมีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินแผ่นดินหรือไม่

นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาล เผยว่า วันอังคารที่ 30 มกราคม 2561 เวลา 10.30 น.จะเข้ายื่นหนังสือให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อให้ระงับการเสนอชื่อ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ รองผู้ว่าการ ฝ่ายวิศวกรรมก่อสร้าง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อให้ทำหน้าที่ผู้ว่าการรฟม.คนใหม่ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความเหมาะสม และอยู่ระหว่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ตรวจสอบว่ามีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อถือว่าได้กระทำทุจริตหรือมีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เงินแผ่นดิน ตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 หรือไม่

โดยเบื้องต้นนั้นพบว่าได้มีผู้ร้องเรียนไปยังสตง. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจิตริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่านายภคพงศ์ในฐานะรองผู้อำนวยการโครงการ และผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานก่อสร้าง(ในขณะนั้น) ได้มีการเปลี่ยนแปลงงานให้กับผู้รับเหมาสัญญาที่ 2 โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายช่วงสนามไชย-ท่าพระ(บมจ.ช.การช่าง เป็นผู้รับก่อสร้าง) ทำให้รฟม.ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 290 ล้านบาท
ทั้งนี้รฟม.ได้มีการแต่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่มีนายสราวุธ เบญจกุล เป็นประธาน และเห็นว่ามีความผิดจริง และได้มีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายภคพงศ์ แต่ต่อมาคณะกรรมการรฟม.ชุดที่มีพล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธาน ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดใหม่ที่มีนายไกร ตั้งสง่า เป็นประธาน พบว่ามีคณะกรรมการบางท่านไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการชุดนี้พร้อมกับได้ทำความเห็นแย้งไว้

“กรณีนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดเดิม มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ว่า เนื่องจากรฟม.เปลี่ยนแปลงงานโดยการออก Variation Order No. 12 (V.O.12) ตามสัญญาข้อ 64 โดยนำสัญญาข้อ 17 เป็นเงื่อนไขการออก V.O.12 ดังกล่าว ทำให้มูลค่างานเพิ่มขึ้น 290 ล้านบาท และมีการขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไป 90 วัน ทั้งๆที่สัญญาข้อ 13 กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าผู้รับจ้างมีหน้าที่ต้องสำรวจพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด และผู้รับจ้างต้องเป็นผู้รับความเสี่ยงเอง

ดังนั้นการออก V.O.12 ดังกล่าวและต่อมาเมื่อคณะกรรมการรฟม.ได้มีอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงาน และปัจจุบันได้มีการเบิกจ่ายแล้ว จึงถือได้ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ รฟม. ดังนั้นการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดใหม่มาฟอกความผิดให้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาลนี้โดยสิ้นเชิงที่เน้นความโปร่งใส การฟอกความผิดดังกล่าวนอกจากจะช่วยนายภคพงศ์แล้วยังเข้าข่ายไปช่วยให้บริษัทรับเหมาได้เงินหรือประโยชน์เพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจส่อว่าน่าจะมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนแก่ผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้

[Mongwin]

[Wisarut]

จัดรถไฟใต้ดินเพิ่ม8ขบวนลดแออัด
อังคารที่ 30 มกราคม 2561 เวลา 13.54 น.
รฟม.จัดซื้อรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่ม 8 ขบวน ลดความถี่ให้บริการ จาก3นาทีเหลือ2นาที  แก้ปัญหาผู้โดยสารแน่นชานชาลา



    นายรณชิต แย้มสอาด รักษาการรองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ได้ดำเนินการการจัดซื้อรถไฟฟ้าจำนวน35ขบวนเตรียมให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย 2ช่วง ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ว่า ขณะนี้การดำเนินการจัดซื้อรถไฟฟ้าทั้ง35ขบวนเป็นไปตามขั้นตอน อยู่ระหว่างดำเนินการประกอบตัวรถ คาดว่าจะดำเนินการจัดส่งมาทางเครื่องบินจำนวน1ขบวนหรือ3ตู้ ได้ภายในปลายปี61 และหลังจากนั้นทางบริษัทจะต้องมีการทดลองระบ1-2เดือน ก่อนจะออกให้บริการขบวนแรกในเดือนเม.ย.62 และจะทยอยส่งเข้ามาอีก 3 ขบวน ผ่านทางเรือ และจะทยอยทดสอบก่อนออกให้บริการในสายสีน้ำเงินหัวลำโพง-เตาปูน จำนวน 8 ขบวน  ส่วนที่เหลืออีก27ขบวน จะใช้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย คาดว่าจะได้รถครบทั้ง35ขบวนภายในปี 62
    นายรณชิต กล่าวต่อว่า สำหรับรถจำนวน8ขบวนที่จะมาเสริมสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-เตาปูน นั้น จะสามารถเพิ่มการรองรับผู้โดยสารได้ขบวนละประมาณ 800 คน รวม8ขบวนจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 640,000 คน  อีกทั้งยังจะสามารถลดความถี่การให้บริการจาก 3 นาที เป็น 2 นาที ได้ เนื่องจากมีจำนวนรถที่เพิ่มขึ้น จากเดิม19ขบวน เป็น27ขบวน ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของผู้โดยสารบริเวณชานชาลาในชั่วโมงเร่งด่วนได้
    นายรณชิต กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการเพิ่มพื้นในห้องโดยสารที่บีอีเอ็มได้ดำเนินการถอดที่นั่งภายในตู้กลาง จำนวน1ขบวน นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจำนวนผู้โดยสารต่ออีก1-2เดือน  เนื่องจากการถอดเบาะโดยสารเพียง1 ขบวนยังทำการประเมินได้ไม่มากเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมีผลสรุปที่ชัดเจนว่าจะเป็นในรูปแบบไหน
    รายงานข่าวแจ้งว่าเตรียมปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-เตาปูน จำนวน 3 สถานี สถานีละ 1 บาท ในเดือน ก.ค. นี้  โดยเป็นการปรับขึ้นตามสัญญาสัมปทานที่ต้องพิจารณาทุก ๆ 2 ปี แต่การปรับขึ้นครั้งนี้ถือว่าไม่แพง เพราะเป็นการปรับขึ้นค่าโดยสารเพียง 3 สถานี จากทั้งหมด 19 สถานี ซึ่งต้องเสนอเข้าคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟม.จากนั้น จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบก่อนปรับราคา

[Mongwin]

คนบางแค เฮ! รฟม.ลั่นก.ย.ปีหน้า เปิดวิ่งรถไฟฟ้า หัวลำโพง-บางแค
ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 29 มกราคม 2561 - 18:34 น.

นายรณชิต แย้มสะอาด รักษาการรองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ว่า การก่อสร้างคืบหน้าตามแผนงานที่กำหนด ซึ่งบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที และส่วนต่อขยาย ได้สั่งซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเติมแล้ว 35 ขบวน โดยระยะแรกจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าช่วงหัวลำโพง-บางแคได้ก่อน ประมาณเดือนก.ย. 2562 และคาดว่าจะเปิดให้บริการเพิ่มเติม จากนั้นจะเปิดให้บริการเพิ่มเติมคือช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ซึ่งจะครบทั้งสายในเดือนเม.ย. 2563

“เมื่อได้ขบวนรถใหม่มาเพิ่มเติมจะช่วยลดความแออัดของผู้โดยสารในรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีได้ เพราะจะสามารถเพิ่มความถี่ของแต่ละขบวนในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการประมาณ 3 แสนคนต่อวัน ส่วนสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ มีผู้ใช้ 5 หมื่นคนต่อวัน”นายรณชิตกล่าว

ส่วนสำหรับการทดลองถอดเก้าอี้แถวกลางบนขบวนรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีออกเพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารในช่วงเวลาเร่งด่วนได้นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูลของรถที่นำมาทดลองให้บริการรวม 3 ขบวน โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะได้ข้อสรุปว่าจะถอดเพิ่มหรือจะคงเก้าอี้ไว้เหมือนเดิม

[Wisarut]

[Wisarut]

ปิดแยกไฟฉายเวิร์ก-ให้รถวิ่งใต้โครงสร้างรถไฟฟ้า
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 05:01
พ.ต.อ.อดิศักดิ์ คุณพันธ์ รอง ผบก.น.7 กล่าวว่า ขณะนี้ผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญาที่ 3 บางซื่อ-ท่าพระ ได้เริ่มปิดการจราจรบริเวณท่าพระ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ฝั่งขาออก มุ่งหน้าบางขุนนนท์ จำนวน 2 ช่องทาง โดยให้รถมาวิ่งใต้โครงสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าแทน ทั้งนี้ จากการ สังเกตสภาพการจราจรในภาพรวมที่บริเวณแยกไฟฉาย และใกล้เคียง สามารถเคลื่อนตัวได้ตามปกติ และไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด เนื่องจากช่องจราจรทดแทนมีจำนวน 3 ช่อง ทำให้รับและระบายรถได้คล่องตัวขึ้น ในทางกลับกัน ถนนจรัญฯ ฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าท่าพระ วิ่งตามช่องทางปกติจำนวน 2 ช่อง ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน กรณีปริมาณมากก็จะเปิดช่องทางพิเศษใต้โครงสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าวิ่งสวนฝั่งขาออกได้อีกจำนวน 1 ช่องทาง.