View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 18/10/2007 10:38 pm Post subject: |
|
|
อาจเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนครับ เพราะเจตนารมณ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ที่ทรงเร่งก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนครราชสีมาเป็นลำดับแรก เนื่องจากทางประเทศฝรั่งเศส ได้แอบยุยงให้บรรดาหัวเมืองในภาคอีสาน หันไปพึ่งอิทธิพลของตนที่มีอยู่ในดินแดนญวน โดยอ้างว่า เป็นชนเผ่าต่างจากไทยสยาม สมควรตั้งตัวเป็นอิสระ อันเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ จึงต้องเร่งสร้างระบบการคมนาคมเชื่อมโยงพระนครกับหัวภาคอีสานก่อน |
|
Back to top |
|
|
todte_kung
3rd Class Pass
Joined: 25/09/2007 Posts: 19
Location: ทางรถไฟสายบางบัวทอง
|
Posted: 18/10/2007 11:30 pm Post subject: |
|
|
สนุกดีครับ ได้ความรู้ด้วย นึกภาพตามแล้วได้อารมณ์มากครับ ถ้าเป็นภาพเคลื่อนไหว หรือนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์คงจะสนุกมากกว่านี้
ขอบคุณครับ _________________ ยังใหม่อยู่ ช่วยชี้แนะด้วยครับ ให้โอกาสผมหน่อย |
|
Back to top |
|
|
umic2000
2nd Class Pass
Joined: 06/07/2006 Posts: 676
Location: Lenin Grad , U.S.S.R.
|
Posted: 19/10/2007 2:22 am Post subject: |
|
|
เท่าที่เคยอ่านประวัติมารู้สึกว่าบริเวณวัดเทวสุนทรใกล้ๆวัดเสมียนนารีนั้น ทหารฝ่ายรัฐบาลได้ทำการนำปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 76 (ปตอ.76) ขนาด 40 มม.ขึ้นรถขต.แล้วยิงใส่กลุ่มทหารพระองค์เจ้าบวรเดชฯด้วยครับ (จริงๆเป็นปืนกลหนักขนาด 40 มม.ครับ แต่ศัพท์ทางทหารถือว่าปืนที่มีขนาดลำกล้องตั้งแต่ 20 มม.ขึ้นไปถือเป็นปืนใหญ่ทั้งสิ้นครับ )
ป.ล. ผมไม่สนับสนุนให้การเรียกการรัฐประหารครั้งนี้ว่าการกบฏเลยครับ เพราะถ้าดูจากเจตนารมณ์ของพระองค์เจ้าบวรเดชฯก็สื่อได้ว่าท่านได้ทำไปเพราะรักชาติ และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เพียงใด การที่เราเรียกการรัฐประหารครั้งนี้ว่ากบฏส่วนหนึ่งน่าจะมาจากทางบันทึกของฝ่ายรัฐบาลที่ได้บันทึกไว้เช่นนี้ครับ
Last edited by umic2000 on 26/10/2007 2:32 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 19/10/2007 7:48 am Post subject: |
|
|
ถ้าทำสำเร็จเรียกว่า " การปฏิวัติ " ถ้าไม่สำเร็จก็ถูกเรียกว่า "กบฎ "
การเมืองแบบไทย ๆ ก็เช่นนี้แหละ |
|
Back to top |
|
|
umic2000
2nd Class Pass
Joined: 06/07/2006 Posts: 676
Location: Lenin Grad , U.S.S.R.
|
Posted: 19/10/2007 8:53 am Post subject: |
|
|
เหมือนกรรมตามสนองนะครับ บุคคลต่างๆในคณะราษฎรที่เข้าร่วมปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ทุกคนล้วนมีฉากจบไม่สวยกันสักคนเลย แล้วยังหันมาไล่ล่าไล่ปิดบัญชีกันเองอีก |
|
Back to top |
|
|
TomThumb
3rd Class Pass
Joined: 14/01/2007 Posts: 29
|
Posted: 19/10/2007 2:31 pm Post subject: |
|
|
จะเรียกว่า "กบฏ" หรือเรียก "รัฐประหารที่ล้มเหลว" ก็ถูกทั้งคู่ครับ
ผู้ที่เห็นด้วยกับรัฐบาลคณะราษฎร ก็เรียกเหตุการณ์ว่า "กบฏบวรเดช" แต่ผู้ที่เห็นด้วยกับ "คณะกู้บ้านกู้เมือง" ของพระองค์เจ้าบวรเดชก็อาจเรียกว่ารัฐประหารที่ล้มเหลว
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่คนไทยต้องฆ่ากันเอง ถ้าพูดกันอย่างเป็นธรรมแล้วทั้งฝ่ายรัฐบาล (คณะราษฎร) และฝ่ายกบฏ (หรือฝ่ายรัฐประหาร) ต่างก็เห็นแก่ชาติบ้านเมืองทั้งสองฝ่าย เพียงแต่ไม่ลงรอยกัน และพยายามนำประเทศไปในทิศทางที่ตนเห็นว่าดีงาม ถือเป็นบทเรียนว่าทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากันพูดคุยเจรจาหาจุดร่วมที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ แม้ว่าจะไม่ถูกใจคนแต่ละคน 100% ก็ตาม |
|
Back to top |
|
|
pattharachai
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย
|
Posted: 19/10/2007 5:18 pm Post subject: |
|
|
umic2000 wrote: | เหมือนกรรมตามสนองนะครับ บุคคลต่างๆในคณะราษฎรที่เข้าร่วมปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ทุกคนล้วนมีฉากจบไม่สวยกันสักคนเลย แล้วยังหันมาไล่ล่าไล่ปิดบัญชีกันเองอีก |
ไม่หรอกครับ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง นั้น ก็คงเป็นครรลองทางการเมือง แต่อย่างไรซะ เรื่องการเมือง ยังไงมันก็เป็นการเมือง ยุคไหนสมัยไหนก็เหมือนกัน ต่อให้ไม่ใช่คณะราษฎร์ ก็ตาม |
|
Back to top |
|
|
Paniti23
3rd Class Pass (Air)
Joined: 28/09/2007 Posts: 445
Location: พญาไท-ประสานมิตร-องครักษ์
|
Posted: 19/10/2007 8:37 pm Post subject: อืม |
|
|
คำพูดพี่บอย ก็ยังใช้ได้ แม้กระทั่งปัจจุบัน ในยุคที่ทีมีเทคโนโลยีเต็มบ้านเต็มเมือง |
|
Back to top |
|
|
railway123
3rd Class Pass
Joined: 30/08/2007 Posts: 179
|
Posted: 22/10/2007 7:30 pm Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | นี่ยังไม่รวมกรณี รถไฟไทยต้องทำขบวนเข้ามลายูโดยไม่เปลี่ยนหัวที่ปาดังเบซาร์
รถไฟไทย เข้าไปทำงานตามคำสั่งกองทัพญี่ปุ่นตอนศึกยึดสิงคโปร์
รถไฟไทย ต้องคุมการเดินรถขนทหารญี่ปุ่นจากกรุงเทพ - ปาดังเบซาร์ วันละ 3 เที่ยวไป 3 เที่ยวกลับ แถมล่าช้ากว่ากำหนด 41 ชั่วโมง ไปตั้ง 10 ชั่วโมง จนโดนด่ากันกลางที่ประชุมร่วมพันธมิตรไทย - ญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ยังมีกรณีคนรถไฟโดนญี่ปุ่นซ้อมปางตาย เพราะทำงานงุ่มง่ามๆ สื่อกันไม่รู้เรื่อง แถมญี่ปุ่นชอบปีนระเบียบการบรรทุกและเดินรถ
อา ... ยังไม่รวมกรณี ถล่มสถานีชุมพร ถล่มมักกะสัน และ สะพานท้ง 3 ( ปรมินทร์ พระราม 6 และ สะพานท่าข้าม ที่บ้านดอน - สุราษฎร์ธานี ) |
รบกวนคุณWisarut ช่วยขยายความหน่อยนะครับ คือเอาแบบว่าโดยละเอียดเลย เกี่ยวกับรถไฟไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 08 ธันวาคม 2484 อันเป็นวันที่กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกสู่ประเทศไทย จนกระทั่งสิ้นสุดสงคราม ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนรถไฟกับทหารญี่ปุ่น เป็นแบบมิตรหรือศัตรู (ถ้าเป็นผมนะผมขอเป็นศัตรูดีกว่า และจะสมัครเป็นเสรีไทยสายรถไฟไทยด้วย มีอย่างที่ไหนบังอาจซ้อมคนรถไฟปางตาย)
รัฐพาณิชย์ กรมรถไฟ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 23/10/2007 5:14 pm Post subject: |
|
|
ก็ไม่มีอะไรหรอก ... พอญี่ปุ่นขึ้นเมือง แล้วก็ตั้งเงื่อนไขการส่งกำลังยำรุงทางรถไฟว่า
1. รถไฟทหารญี่ปุ่นได้ไปก่อน รถไฟของทหารและราชการไทย ค่อยเดินตามมา และ รถไฟราษฎร ก็เท่าที่เหลือ
2. รถไฟญี่ปุ่นจ่ายครึ่งราคา โดยจ่ายเป็นเช็คของธนาคารโยโกฮามา สเปซี
(ธนาคารโตเกียวมิตซูบิชิในปัจจุบัน)
แต่ขณะนั้นก็มีการยืมรถจักรรถพ่วงไทยไปใช้ในราชการทหารญี่ปุ่นตอนถล่มสิงคโปร์ ถึงขั้นเอาปืนจี้คนขับและช่างไฟ รฟท. ให้ขับข้ามแดนไปโดยไม่เปลี่ยนคนขับ แถมรื้อฝารถ ขต.ออก เพื่อขนอาวุธหนักได้ และ ต่อขบวนแรง จนจุกอุดหน้าหม้อน้ำรถจักรดุ้ง หนักๆเข้า ขับแบบไม่เติมน้ำทั้งๆที่ควรจะเติมทำให้ตะกั่วบัดกรีหม้อน้ำรถจักรละลาย ต้องส่งให้มักกะสันซ่อม แถมพอใช้แล้วก็ไม่ยักกะส่งคืน จนต้องเถียงกันแทบตาย พอส่งคืนก็ดันเอารถ ตญ. มล่ายูแบบไม่มีห้ามล้อลมดูดมาให้เพื่อจะได้ขนของไปเยอะๆ ทั้งๆ ที่ต้องเอารถ ตญ. ไม่มีห้ามล้อลมดูดขึ้นเขา ช่วง แก่งคอย - ปากช่อง
นอกจากนี้ คนรถไฟญี่ปุ่นที่ตามทหารญี่ปุ่นมาคุมการเดินรถและสับเปลี่ยนรถ ที่ย่านสถานีสำคัญชอบปีนระเบียบ จนมีเรื่องชกต่อยกันไม่เว้นแต่ละวันเพราะสื่อภาษากันไม่รู้เรื่อง ต้องให้นักเรียนไทยที่จบจากญี่ปุ่นรับราชการเป็นล่ามประจำสถานี ไม่งั้นก็อาจต้องใช้ล่ามคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาไทยแบบเอียงหูฟัง
หนักๆเข้าคนขับหรือแม้แต่นายสถานถูกทหารญี่ปุ่นซ้อมเอาปางตาย เช่นกรณีนายสถานีสงขลา และ พขร. รถ หาดใหญ่ - สุไหงโกลก
พอเดินรถพิเศษ กรุงเทพ -ชุมพร - ปาดังเบซาร์, กรุงเทพ -พระตะบอง -สวายดอนแก้ว คนรถไฟ ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงกว่าจะเติมน้ำเสร็จ ทั้งๆ ที่ 1 ชั่วโมง ก็น่าจะเสร็จ ทำให้ญี่ปุ่นโกรธมากเพราะทำให้ขบวนล่าช้าไป 10 ชั่วโมง จนต้องมีการด่ากันกลางที่ประชุม
ตอนที่ได้ 4 รัฐมลายู นั้น รถหาดใหญ่ - โกลก ก็เดินไปถึงตุมปัต แต่ รถ ที่ข้ามแดน ที่ สุไหงปัตตานี ต้องตรวจว่าเป็นของที่ใช้ในราชการทหารญี่ปุ่นหรือ ของในราชการทหารไทยหรือไม่ ถ้าไม่ใช้ก็โดนเหวี่ยงลงหมด แถมทางตั้งแต่ปาดังเบซาร์ - สุไหงปัตตานี มีแต่คนของทหารญี่ปุ่น ส่วนช่วงโกลก - ตุมปัตนั้นแม้จะใช้คนรถไฟไทย คุม แต่ก็ได้รับค่าโดยสารเป็นเงินเยนทหาร (เงินกล้วย ตังค์กล้วย เงินเจดีย์) พอสิ้นสงคราม เยนทหารญี่ปุ่น ก็กลายเป็นเงินกงเต๊ก แถม ตอนหลัง เดิอนกันยายน 2488 ทางราชการเลิกคลังสนามเพราะ ทหารอังกฤษยึด 4 รัฐมลายูคืน และขณะนั้น ราง รถไฟจากเกมัส ไป ปาเซอร์มาสโดนรื้อไปสร้างทางรถไฟสายมรณะ ทำให้เดินรถไฟมลายูไม่ได้ ต้อง จ้างให้ รถไฟไทยเดินไปชั่วคราว จนกว่าจะซ่อมทางเสร็จ แต่ กรมรถไฟ ต้องขอร้องให้ผู้โดยสารจ่ายเป็นดอลลาร์เสตรทเซตเติลเมนต์ ไม่รับเป็นเยนทหาร ไม่งั้นอดตายแน่
Last edited by Wisarut on 16/11/2012 12:40 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
|