View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44599
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 02/08/2008 6:51 am Post subject: |
|
|
งั้นก็ได้การแล้วครับคุณวิศรุต
ผมลองมั่ว จับแพะชนแกะดูนะครับ
สถานีหัวงิ้วกับสถานีเนินมะกอก เป็นแหล่งชุมชนและมีถนนไปยังนิคมเขาบ่อแก้ว (ตั้งขึ้นปี 2503) อยู่แล้ว
ดังนั้นจึงเปิดที่หยุดรถทุ่งน้ำซึมในปลายปี 2502 ขึ้นระหว่างเริ่มสร้างนิคมเขาบ่อแก้ว
เพื่อเปิดให้มีการสัญจรเข้าสู่เขตนิคมฯ ทางด้านเหนือ ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง
จากสถานีเขาทองด้านเหนือสุด ก็ไกลเกินไป
เหตุผลฟังขึ้นมั้ยครับ
ที่สำคัญ มีเหตุผลแย้งว่า ไม่เห็นมีถนนสายตรงใดๆ จากที่หยุดรถทุ่งน้ำซึม เข้าไปยังนิคมฯ เลย
|
|
Back to top |
|
|
umic2000
2nd Class Pass
Joined: 06/07/2006 Posts: 676
Location: Lenin Grad , U.S.S.R.
|
Posted: 02/08/2008 10:12 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | ก่อน ที่ผม จะ ตอบว่า ที่หยุดรถทุ่งน้ำซึมหนะ นั้นตั้งขึ้นมาเมื่อไหร่
ผม อยากจะถามย้อนไปยังสหาย umic2000 ว่า
Wisarut wrote: | เหตุใด สหาย umic2000 ถึงอยากจะรู้จักกับที่หยุดแห่งนี้หละ หือ |
คราวนี้ ผม จะตอบให้หละ นะ ...
ที่หยุดรถทุ่งน้ำซึมเปิดเมื่อ 10 ธันวาคม 2502 โน่นหนะครับ |
ขอบคุณมากครับพี่วิศรุต (ถ้าเฮียไปเรียกผมแบบนี้เมื่อ 30-40 ปีก่อน ทั้งเฮียทั้งผมโดนสันติบาลจับขึ้นบัญชีดำจนต้องเผ่นเข้าป่าแล้วนะเฮีย อิๆ )
เหตุที่ผมสนใจไม่ใช่อะไรหรอกครับ เผอิญเคยมีสมาชิกบางท่านในเวบกล่าวถึงที่หยุดรถแห่งนี้ประกอบกับตอนเด็กๆพ่อผมก็เคยพูดถึงที่หยุดรถนี้ด้วย ตอนเล่าถึงเรื่องสมัยที่นั่งรถไฟไปเรียนนายสิบที่ร.ร.นายสิบที่จ.ลพบุรี ตอนที่ยังไม่ย้ายโรงเรียนไปที่ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์เช่นในปัจจุบัน มันก็เลยจุดประกายให้ผมลองค้นหาจนได้พิกัดว่าที่หยุดรถนี้อยู่ที่ไหน และมีระยะห่างจากสถานีใกล้เคียงเท่าไหร่ แล้วก็ใช้โปรแกรม Google Earth ส่องดูก็เจอร่องรอยอดีตที่หยุดรถจริงๆ แล้วพอดีก็เห็นว่ามันมีร่องรอยคล้ายๆกับว่าเคยมีทางหลีกด้วย ประกอบกับมีสมาชิกบางท่านกล่าวว่าทุ่งน้ำซึมนี้เคยเป็นสถานีมาก่อนแล้วลดลงมาเป็นที่หยุดรถ ผมถึงต้องมาพิสูจน์ทราบจนกว่าจะสิ้นซึ่งข้อสงสัยอย่างนี้ไงขอรับ
ส่วนเรื่องบ.นิคมเขาบ่อแก้วนั้น เดิมเคยเป็นหมู่ที่ 11 ของบ.เนินมะกอกมาก่อนครับท่านอ.หม่อง แต่ตอนหลังแยกออกมาและยกฐานะขึ้นเป็นตำบลเมื่อปีพ.ศ. 2491 ส่วนประวัติที่เหลือนั้นขอเชิญอาจารย์หม่องอ่านได้ที่ http://www.obt-nikhom.th.gs/ หรืออ่านข้อความที่ผมคัดลอกมาในกรอบข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
ส่วนเรื่องการคมนาคมนั้น เดิมก็มีทางเกวียนจากตัว อ.พยุหะคีรี ผ่าน บ.เนินมะกอกตรงไปยัง บ.นิคมเขาบ่อแก้วนี้อยู่แล้วครับ และที่ บ.นิคมเขาบ่อแก้วนี้ก็เป็นทางผ่านแยกไปยังบ.หัวงิ้ว หรือแยกไปยังบ.หัวประแจ ใน ต.อุดมธัญญา อ.ตากฟ้า หรือขึ้นเหนือไปยังบ.เขากะลา ต.เขากะลา อ.พยุหะคีรี ตรงไปยังอ.ท่าตะโก ก็ได้ครับ ภายหลังเมื่อมีความเจริญเข้ามามากขึ้นก็มีการสร้างทางหลวงหมายเลข 3008 ขึ้นมาบนทางเกวียนเหล่านั้นครับ ส่วนที่เห็นถนนตัดเป็นตารางแบ่งออกเป็นล็อกต่างๆนั้นก็มาจากสมัยที่ตั้งนิคมกสิกรนั่นละครับ เหมือนกับถนนในแถบอ.พัฒนานิคมกับอ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรีเช่นกันครับ
ข้อมูลจาก อบต.นิคมเขาบ่อแก้ว wrote: | ตำบลนิคมเขาบ่อแก้ว เดิมเป็นหมู่ที่ 11 ตำบลเนินมะกอก ได้รับการยกฐานะจัดตั้งเป็นตำบล ในปี 2491 โดยกระทรวงมหาดไทย ราษฎรผู้เขามาอยู่อาศัยแต่เดิม เป็นกรรมการว่างงาน ในจังหวัดพระนคร-ธนบุรี (กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน) มาสร้างกระท่อมชั่วคราวรับจ้างทำไร่ ต่อมานานเข้ามีจำนวนประชากรมากขึ้นได้เริ่มลงหลักปักฐานปลูกบ้าน ทำไร่เอง ประกอบกับราษฎรภายในตำบล อำเภอและจังหวัด ใกล้เคียงอพยพเข้ามาจับจองที่ทำไร่เพิ่มมากขึ้น "นิคมกสิกร" จึงถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2479 โดยกองกรรมการ กรมพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ต่อมาเมื่อ 1 มีนาคม 2484 กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย จึงได้รับโอนกิจการนิคมกสิกรเขาบ่อแก้วมาดำเนินงานและมีประกาศพระราชกฤษฎีกายกเลิก "นิคมสร้างตนเองเขาบ่อแก้ว"
ส่วนที่มาของคำว่า "เขาบ่อแก้ว" นั้น มีเรื่องเล่าลือต่อกันมาว่า มีชาวบ้านคนหนึ่งระบุว่ามีลูกแก้วสวยงามมากอยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง และได้ชวนเพื่อนบ้านจำนวนหนึ่งขึ้นไปขุดค้นหา จนกระทั่งพบลูกแก้วดังกล่าวถูกฝังอยู่ในร่องหิน ในขณะที่ทุกคนกำลังดีใจอยู่นั้น ร่องหินดังกล่าวได้แยกออกจากกันเป็นโพรงลึกพร้อมกับลูกแก้วได้หล่นลงไปและมี น้ำใสพุ่งออกมาจากโพรงหินจนเอาอะไรอุดก็ไม่อยู่ ชาวบ้านละแวกนั้นจึงเรียกกันว่า "น้ำบ่อแก้ว" และเรียกภูเขาลูกนั้นว่า “เขาบ่อแก้ว” ซึ่งปัจจุบันบ่อดังกล่าวก็ยังปรากฏอยู่ และชาวบ้านได้เทปูนทำปากบ่อใหม่ |
ขอเพิ่มเติมเอกสารอ้างอิงเกี่ยวกับ บ.นิคมเขาบ่อแก้ว จากราชกิจจานุเบกษาครับ
1. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งตำบลนิคมเขาบ่อแก้ว ในท้องที่อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2503/D/056/1651.PDF
2. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การสิ้นสภาพของนิคมสร้างตนเองเขาบ่อแก้ว จังหวัดนครสวรรค์
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2523/D/087/1691.PDF
Last edited by umic2000 on 02/08/2008 11:15 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 02/08/2008 10:38 am Post subject: |
|
|
^
^ เมื่อก่อนสัก 35 ปีก่อน การเดินทางด้วยรถยนต์ของคน บ้านเขาทอง บ้านเนินมะกอก นิคมเขาบ่อแก้ว มาตลาดปากน้ำโพแสนลำบาก
มีรถสองแถวไม้วิ่งวันละไม่กี่เที่ยว ถ้าหน้าฝนทะเลโคลน บางวันไม่มีรถเข้าตลาดปากน้ำโพเลย คนเก่าคนแก่ในตลาดปากน้ำโพ (ไม่ได้ดูหมิ่นดูแคลน)
เรียกจะเรียกคนรอบนอกว่า คนบ้านดอน หมายถึงการเดินทางสัญจรลำบากรวมทั้งน้ำ และไฟฟ้า ยิ่งทุ่งน้ำซึม ด้วยไปใหญ่เลย
เหมือนมีคำกล่าวสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ ถึง อุทัยธานี บ้านน้องเอก คือ " ไปอุทัย ไม่ต้องอุทรณ์ มึดแล้วนอนที่อุทัย " _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
umic2000
2nd Class Pass
Joined: 06/07/2006 Posts: 676
Location: Lenin Grad , U.S.S.R.
|
Posted: 02/08/2008 11:01 am Post subject: |
|
|
pak_nampho wrote: | ^
^ เมื่อก่อนสัก 35 ปีก่อน การเดินทางด้วยรถยนต์ของคน บ้านเขาทอง บ้านเนินมะกอก นิคมเขาบ่อแก้ว มาตลาดปากน้ำโพแสนลำบาก
มีรถสองแถวไม้วิ่งวันละไม่กี่เที่ยว ถ้าหน้าฝนทะเลโคลน บางวันไม่มีรถเข้าตลาดปากน้ำโพเลย คนเก่าคนแก่ในตลาดปากน้ำโพ (ไม่ได้ดูหมิ่นดูแคลน)
เรียกจะเรียกคนรอบนอกว่า คนบ้านดอน หมายถึงการเดินทางสัญจรลำบากรวมทั้งน้ำ และไฟฟ้า ยิ่งทุ่งน้ำซึม ด้วยไปใหญ่เลย
เหมือนมีคำกล่าวสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ ถึง อุทัยธานี บ้านน้องเอก คือ " ไปอุทัย ไม่ต้องอุทรณ์ มึดแล้วนอนที่อุทัย " |
คำกล่าวนี้ต้องแก้ไขนิดนึงครับพี่นพ แก้เป็นอย่างนี้ครับ "ไปอุทัยไม่ต้องอุทธรณ์ ค่ำแล้วก็นอนที่เมืองอุทัย"
สมัยเมื่อสัก 20 กว่าปีก่อน ใครบอกจะไปเมืองอุทัยธานีทุกคนจะรู้สึกมันช่างไกลเหลือเกิน ถ้าไม่ไปทางเรือก็ต้องไปทางรถ จะใช้วิธีขับไปเองทางอ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ หรือจะนั่งรถเมล์เข้ามาทาง อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาทแล้วข้ามโป๊ะมาอีกทีเลย ใช้เวลาเดินทางเป็นวัน ซึ่งพ่อผมตอนไปจีบแม่ผมที่ร้านอากงอาม่าใช้วิธีลงทุนขี่มอเตอร์ไซค์จากบ้านแถววัดเกาะหงษ์ไปอ.โกรกพระแล้วเลาะไปตามถนนลูกรังจนถึงอุทัยฯ พอมีเงินขึ้นมาหน่อยก็ซื้อรถเก๋งขับไปหาแทน (เอากับป๋าผมสิลงทุนจริงๆ ขนาดมีผู้หญิงในตลาดปากน้ำโพสนใจก็ไม่เอา ) สมัยนั้นถนนหน้า (ถนนหมายเลข 333) ยังไม่สร้างเลยครับ
ป.ล. พี่นพ ผมเป็นลูกครึ่งเชียวนะครับ ลูกครึ่งอุทัยฯ-นครสวรรค์ไงครับพี่ ฮี่ๆ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 02/08/2008 10:21 pm Post subject: |
|
|
พ่อผมเคยเล่าให้ฟังว่า เดินทางจากบ้านที่อุทัยธานีไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ หากจะเดินทางไปโดยเร็วที่สุดแล้ว ต้องขึ้นรถไปตามทางเกวียน ลงเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่าน้ำอ้อย แล้วต่อรถยนต์ไปตามทางเกวียนอีกครั้งหนึ่ง ไปขึ้นรถไฟที่สถานีเนินมะกอก เข้ากรุงเทพฯ
ถ้าเป็นเส้นทางปกติ จะลงเรือที่ตัวเมืองอุทัยธานีล่องไปตามแม่น้ำสะแกกรัง ไปต่อเรือเมล์สองชั้นที่ อ.มโนรมย์ ไปขึ้นที่ท่าเตียน รวมเวลาสองวันพอดี
เหตุการณ์นี้เมื่อช่วงปี พ.ศ.2480 ครับ |
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 02/08/2008 10:48 pm Post subject: |
|
|
ใช่ครับพี่ตึ๋ง สมัยปี 2480 รุ่นพ่อพี่ รุ่นแม่ผม การเดินทาง อุทัย - ชัยนาท - ปากน้ำโพ ต้องอาศัยแม่น้ำเจ้าพระยาเดินทางทางโดยเรือเมล์ 2 ชั้น
จริงผมยังทันเรือเมล์ที่ว่า ชาวบ้านเรียก เรือแดง เพราะทาสีแดง _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 02/08/2008 10:50 pm Post subject: |
|
|
pak_nampho wrote: | ใช่ครับพี่ตึ๋ง สมัยปี 2480 รุ่นพ่อพี่ รุ่นแม่ผม การเดินทาง อุทัย - ชัยนาท - ปากน้ำโพ ต้องอาศัยแม่น้ำเจ้าพระยาเดินทางทางโดยเรือเมล์ 2 ชั้น
จริงผมยังทันเรือเมล์ที่ว่า ชาวบ้านเรียก เรือแดง เพราะทาสีแดง |
รายละเอียดเรื่องเรือแดง + เรือเขียวหนะ ดูได้ในหนังสือ ของเก่าเราลืม ที่ ลุงสรศัลย์ แพร่งสภา (ฒ. เฒ่า ผู้บ้ารถไฟรุ่นเดอะ) เขียนไว้ก็น่าจะได้การหละคุณเบียร์ สมัยเรือเขียวเรือแดง คอยดักตีกบาลกัน ก่อน จะเจ้าหนูจอมอภินิหาร ใช้ปืนลูกโม่ซัดคนเรือเขียวเรือแดงเอา _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 02/08/2008 10:51 pm Post subject: |
|
|
พี่นพเล่าประวัติทางเก่า ที่ยกเลิกมีการสร้างถนนมาทับรางเก่าของเส้นทางรถจักรไอน้ำ ที่ไปขนซุงที่ล่องแม่น้ำอ่ะครับพี่ อยากรู้จริงๆๆ ทราบว่ามีซากรางเก่าๆๆอยู่ตรงบ้านพักพนักงานแถวใต้ ติดๆๆกับโรงสีอ่ะพี่ |
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 02/08/2008 11:27 pm Post subject: |
|
|
^
เมื่อก่อนคนรถไฟเรียกออฟฟิตทำงานของ สรพ. ปพ สั้น ๆ ว่าโรงรถ หลังโรงรถมี 2 รางปะแจแยกจากทางเข้าโรงรถจักรมา 2 รางที่ว่าคือ
ถนนคอนกรีตทุกวันนี้แหละ ซุงที่มาทางรถไฟจะสับเปลี่ยนปล่อยเข้ารางนอกที่ติดแม่น้ำน่านแล้วปล่อยลงบริเวณที่เรียก คานทิ้งซุง(คานหรือ Slope
ทำจากรางรถไฟลาดลงตามตลิ่ง) แล้วคนงานโรงเลื่อยก็จะผูกซุงเป็นแพซุงไว้หน้าโรงเลื่อยชื่อโรงเลื่อยจักรจรินทร์นะ _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
umic2000
2nd Class Pass
Joined: 06/07/2006 Posts: 676
Location: Lenin Grad , U.S.S.R.
|
Posted: 03/08/2008 12:14 am Post subject: |
|
|
pak_nampho wrote: | รายละเอียดเรื่องเรือแดง + เรือเขียวหนะ ดูได้ในหนังสือ ของเก่าเราลืม ที่ ลุงสรศัลย์ แพร่งสภา (ฒ. เฒ่า ผู้บ้ารถไฟรุ่นเดอะ) เขียนไว้ก็น่าจะได้การหละคุณเบียร์ สมัยเรือเขียวเรือแดง คอยดักตีกบาลกัน ก่อน จะเจ้าหนูจอมอภินิหาร ใช้ปืนลูกโม่ซัดคนเรือเขียวเรือแดงเอา |
เรื่องการเดินทางด้วยเรือเมล์แถบจังหวัดนครปฐม สุพรรณบุรี ชัยนาท อุทัยธานี และนครสวรรค์หาอ่านจากหนังสือแปลกสุดสัปดาห์ ในเรื่องสั้นชื่อ "เจ้าเมือง" ของคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ก็ได้ครับ บรรยากาศของเรื่องจะย้อนไปถึงสมัยก่อนปีพ.ศ. 2475 ด้วยครับ |
|
Back to top |
|
|
|