ตะลอน ๔ บุรี ตามเก็บสายแม่กลอง ไปเมืองโอ่ง แวะเที่ยวเพชรบุรี

[Nai_SapaN]

[palm_gea]

[therock]

โดนจนได้

[ExtendeD]

ผมเดินตามถนนมาเรื่อย ๆ จนถึงสะพานเทศบาล ก็เห็นว่าเสียงที่พูดถึงเมื่อหลายวันก่อน ก็คือเสียงเชียร์ของกองเชียร์ และโฆษกในงานแข่งเรือยาวที่แม่น้ำเพชรบุรีครับ มองออกไปด้านข้างก็เห็นทั้งกองเชียร์ ทั้งฝีพายทุกคนต่างจ้องมองกันไปทางจุดปล่อยเรือเหมือนกันหมด...




ไม่กี่วินาทีต่อมา เรือยาว 2 ลำก็ผ่านเข้ามาครับ จากภาพนี้คงไม่ต้องบอกแล้วละมั้งครับ ว่าเรือลำไหนจะเป็นฝ่ายชนะ




อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเพชรบุรีก็มีกองเชียร์เหมือนกัน ยังดีที่น้ำหนักของสาว ๆ บนเวทีไม่มากจนเกินไปนัก เวทีคงจะพอรับไหว ส่วนฝีพายใส่เสื้อสีฟ้าที่อยู่ในเรือลำนี้ กำลังพายเรือไปที่จุดเริ่มต้นครับ



จริง ๆ แล้วปีนี้ผมคิดว่าจะไปดูงานแข่งเรือที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร แต่ในเมื่อหลาย ๆ อย่างไม่อำนวย แค่ได้มาแวะยืนดูที่จังหวัดเพชรบุรี ถึงแม้จะแทนกันไม่ได้ เพราะงานแข่งเรือที่อำเภอหลังสวนนั้น ไม่เหมือนกับที่อื่น ๆ แต่ก็พอจะทำให้นึกถึงเมื่อครั้งยังเป็นเด็กที่ได้ไปดูงานแข่งเรือที่หน้าวัดใหญ่อยู่บ่อย ๆ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ผมยืนดูการแข่งเรือยาวรื้อฟื้นอดีตอยู่นานพอสมควร จากนั้นก็หาทางกลับขึ้นมาบนทางรถไฟครับ ผมมาเริ่มต้นสำรวจ " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรุบรี " จากทางฝั่งใต้ครับ เท่าที่มองดูจากภายนอกคร่าว ๆ ก็เห็นว่า " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรบุรี " แห่งนี้เป็นสะพานเหล็กแบบโครงขึ้น มี 2 ช่วง Span มีตอม่ออยู่กลางแม่น้ำ 1 ต้นครับ

[ExtendeD]

สำหรับแม่น้ำเพชรบุรีบริเวณนี้จะมีถนนขนาบทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเลยครับ แล้วในวันนั้นก็อย่างที่ได้เห็นรูปไปว่ามีการแข่งเรือยาวกันอยู่ เพราะฉะนั้นก็จะมีผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่เพียงแต่ยืนดูการแข่งขันอยู่บนสะพานเทศบาลอย่างที่เห็นอยู่ในรูปนะครับ แต่บนถนนที่ขนาบทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำก็มีฝีพาย รวมไปถึงผู้เกี่ยวของทีมต่างที่เข้าร่วมการแข่งขันในวันนั้น มานั่งพัก หรือนั่งรอเวลาแข่งด้วย




นี่เป็นครั้งแรกที่การสำรวจสะพานของผมมีสายตาจ้องมองมากขนาดนี้ ก็เลยต้องรีบทำเวลาสักหน่อย สะพานแห่งนี้ก็เลยได้ตำแหน่งสะพาน ( ขนาดใหญ่ ) ที่ผมใช้เวลาสำรวจน้อยที่สุดไปครองครับ ในวันนั้นผมได้เดินสำรวจเพียงรอบเดียวครับ ( ข้ามไป แล้วไม่ได้ข้ามกลับ ) รูปที่ได้ติดกล้องมาก็เลยไม่ได้เห็นทุกซอกทุกมุมของสะพานครับ

เริ่มจากบริเวณคอสะพานครับ เก็บมาได้แค่รูปเดียว




คานเหล็กรับน้ำหนักที่อยู่ใต้ทางประธานครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

เดินผ่านช่วง Span แรกของ " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรบุรี " มา ถ้ามองไปที่โครงสะพานทางด้านซ้ายของรูป ก็จะเห็น nameplate ของสะพานแห่งนี้ครับ

[ExtendeD]

ที่เห็นอยู่ในรูปนี้ก็คือช่วง Span ที่ 2 ข้ามสะพานช่วงนี้ไปก็จะไปทาง " สถานีเพชรบุรี " ครับ



โครงสร้างทุกอย่างของ Span ช่วงที่ 2 นี้ก็คล้าย ๆ กับช่วง Span แรกครับ ผมก็เลยคิดว่าจะเอาไว้เก็บรายละเอียดตอนเดินกลับไปอีกครั้ง แต่พอเหตุการณ์เปลี่ยน เดินข้ามมาแต่ไม่ได้เดินกลับไป ก็เลยไม่มีโอกาสกลับไปเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมครับ


ข้ามมาถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้วก็ต้องหันมองกลับไปอีกสักครั้ง ถ้าตรงไปตามทางนี้ ข้ามสะพานไปก็จะเป็นทางไปสู่ " สถานีเขาทโมน " แล้วลงใต้ไปเรื่อย ๆ ครับ




ส่วน nameplate ที่ติดอยู่ที่ช่วง Span ที่ 2 นี้ ทั้งตัวอักษรที่อยู่บน nameplate และตำแหน่งที่ติด ก็เหมือนกับ nameplate ที่ติดอยู่ที่ช่วง Span แรกครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

เดินผ่าน " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรบุรี " มาไม่ไกล ก็จะเห็น " ป้ายหวีดรถจักรสำหรับถนนผ่านเสมอระดับทางรถไฟ มีเครื่องกั้นถนน และมีสัญญาณผ่านถนนเสมอระดับทาง * " ครับ



* รายละเอียดเกี่ยวกับ " ป้ายหวีดรถจักรสำหรับถนนผ่านเสมอระดับทางรถไฟ มีเครื่องกั้นถนน และมีสัญญาณผ่านถนนเสมอระดับทาง " รวมถึงป้ายสัญญาณต่าง ๆ ที่ใช้ในกิจการรถไฟไทย สามารถอ่านได้จาก file " signalsign.pdf " ที่ download จาก rotfaithai.com


หันกลับไปมองอีกฝั่งหนึ่งก็จะเห็น " หลักเขตสถานี " ถ้าเดินตรงไปตามทางรถไฟที่เห็นอยู่นี้ก็จะไปถึงโค้งขวา จุดตัดถนนราชดำเนิน แล้วก็จะเข้าสู่ " สถานีเพชรบุรี " ครับ




ปิดท้ายสำหรับ " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรบุรี " ด้วยรูปของเจ้าของทางอีกเช่นเคย เป็นรูปของขบวนรถด่วนพิเศษที่ 43 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ผ่านมาถึงที่ " สะพานข้ามแม่น้ำเพชรบุรี " เวลา 11.05 น. ครับ กซข.ป. หมายเลข 2527 ที่เห็นอยู่นี้เป็นคันตามครับ ในตอนนั้นไม่มีเวลาจะหาทำเลเหมาะ ๆ เก็บภาพรถขบวนนี้เอาไว้ครับ แค่ปีนราวสะพานรอดกลับออกมายืนอยู่บนทางเดินข้างสะพานได้อย่างปลอดภัยก็บุญแล้วล่ะครับ



เห็นขบวนที่ 43 ครั้งสุดท้ายก็เมื่อวานนี้เอง ( 6 พ.ย. 50 ) กลับไปใช้รถสปรินเตอร์ทำขบวนอีกแล้ว เมื่อวานนี้ได้ กซข.ป. หมายเลข 2510 เป็นคันนำครับ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

กลับลงมาจากทางรถไฟ ก็มาต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่ " โรงแรมเขาวัง " ครับ ห้องที่เห็นอยู่นี้ราคา 350 บาท / คืน มีทั้งแอร์ น้ำอุ่น โทรทัศน์ เคเบิ้ลท้องถิ่น แถมพัดลมเพดานให้ด้วย ถ้าเทียบกับโรงแรมนำสินที่ราชบุรีแล้ว ห้องที่นี่กว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ




จากนั้นก็ได้เวลามื้อกลางวันครับ เป็น OSOP อาหารเส้นจาก " สถานีปากท่อ " นั่นก็คือ ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ราคาห่อละ 5 บาท ปริมาณก็ตามราคา ส่วนเรื่องรสชาติก็คงต้องมาตัดสินกันเอาเองครับ ผมบอกได้แค่ว่าทุกครั้งที่ผมขึ้นขบวนที่ 262 จากหัวหินกลับบ้านเนี่ย พ่อค้าคนที่แบกตะกร้ามาขายส่งให้ผู้โดยสารแทบไม่ทันครับ ถ้าได้อยู่บนกซข. คันท้าย ๆ เนี่ย ลุ้นกันเหงื่อตก ทั้งลุ้นว่าพ่อค้าจะเดินมาทันก่อนที่รถจะออกหรือเปล่า แล้วก็ต้องลุ้นอีกว่าผู้โดยสารที่นั่งอยู่บน กซข. คันข้างหน้า จะไม่เหมาไปหมดซะก่อน


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.