ไอติมทัวร์ ที่ชุมทางบ้านภาชี (10/11/2007)

[pattharachai]

[CivilSpice]

เอาล่ะครับ ไหนๆ พี่ตึ๋งก็แตะมือ ส่งไม้วิ่งผลัด มาให้ผมดำเนินการต่อแล้ว ก็ขอถือโอกาสนำเอาเรื่องราวต่างๆ ในวันนั้น มาบรรเลงและร้อยเรียงเป็นบันทึกการเดินทางสั้นๆ สนองตัณหา เอ๊ย .... สนองความอยากทานไอติม และลองกล้องตัวใหม่สำหรับถ่ายภาพรถไฟ ให้ทุกท่านได้รับชมกันครับ สำหรับรูป ก็มีทั้งสวยบ้างไม่สวยบ้าง ตามประสามือสมัครเล่นถ่ายเอามันส์แบบผม ....... เอ้า ใครอยากทานไอติมที่บ้านภาชี ก็ตามมาเลย ถ้วยละ 5 บาทเท่านั้น

ผมนัดแนะกับพี่ตึ๋ง โดยเริ่มต้นการเดินทางที่สถานีชุมทางบางซื่อ 1 ในเวลาราวๆ 9 โมงเศษๆ ซึ่งในที่นี้ ผมแวะไปรับพี่ตึ๋งที่ลาดพร้าว ซอย 1 ก่อน จากนั้นจึงนำรถยนต์ มาฝากไว้ ณ ที่จอดรถบางซื่อ ซึ่ง การรถไฟฯ , รฟม., สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด ร่วมจัดสร้างขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่ต้องการจะใช้บริการรถไฟ และรถไฟใต้ดิน โดยสามารถนำรถมาจอดได้ฟรี พร้อมทั้ง มีพนักงานรักษาความปลอดภัย คอยดูแลตลอด แล้วก็ไม่ต้องจอดรถตากแดด เนื่องจากมีหลังคาครอบคลุมลานจอดทั้งหมด ซึ่งนับว่าสะดวกมากๆ เลยล่ะครับ นอกจากนั้น ยังเป็นการช่วยชาติ ประหยัดพลังงาน ประหยัดเงินตรา แถมยังช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้อีกด้วย ซึ่งที่จอดรถบางซื่อนี้ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 น. - 01.00 น. ครับ

อ่า .. มาถึงแล้ว เพื่อความปลอดภัย ก็ต้องเดินข้ามสะพานลอย (จะได้ไม่โดนรถไฟเหยียบให้เป็นข่าว) เพื่อข้ามมายังฝั่งสถานีบางซื่อ 2 ระหว่างนั้น ก็เดินไปชมวิวไป แล้วก็อดไม่ได้ ที่จะต้องหยิบกล้อง ออกมาซ้อมมือเล่นๆ สักภาพสองภาพก่อน ........ ว่าแล้วก็ประเดิมด้วย ย่านพักรถโดยสารหน้าโรงรถจักรบางซื่อ ครับ



ระหว่างนั้น พี่ตึ๋งก็พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า นี่แหล่ะ คือ ที่มาของคำว่า "เตาปูน" ซึ่งเป็นชื่อของพื้นที่แถบนั้น ไอ้ผมก็สงสัยอยู่นาน จนมาถึงบางอ้อ จากคำเฉลยของพี่ตึ๋ง ว่ามันก็มาจากปล่องสูงๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของ บมจ. ปูนซีเมนต์ไทย นั่นแหล่ะ เพราะเมื่อก่อนนี้ ปล่องพวกนี้ ก็คือส่วนหนึ่งของเตาเผาปูนซีเมนต์ นั่นเอง ........ มิน่าล่ะ ถึงเรียกกันว่า ย่าน "เตาปูน"



และแล้วก็เดินลงมาถึงซะที ที่นี่ สถานีชุมทางบางซื่อ จุดเริ่มต้นของการเดินทางวันนี้

[CivilSpice]

ระหว่างนั้น พี่ตึ๋งก็แยกไปซื้อตั๋ว บางซื่อ - บ้านภาชี ซึ่งเราจะเดินทางกันด้วย ขบวนรถธรรมดาที่ 201 กรุงเทพ-พิษณุโลก ซึ่งตามกำหนด จะออกจากบางซื่อ ในเวลา 10.04 น. ยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปถ่ายภาพขบวนรถไฟอื่นๆ ที่แล่นผ่านไปๆ มาๆ อย่างคึกคักในช่วงเช้า ว่าแล้วไม่ถึงอึดใจ ขบวนรถธรรมดาที่ 261 กรุงเทพ-หัวหิน ก็กำลังแล่นเข้าสถานีบางซื่อ 2



หลังจากขบวน 261 ออกไปแล้ว สักพัก ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณ ที่ 38 สุไหงโกลก-กรุงเทพ ก็แล่นเข้าเทียบในชานชาลาที่ 2 วันนี้นำมาด้วย Alsthom (AHK) 4213

[CivilSpice]

ใกล้เวลา 10 โมง ขบวนรถธรรมดาที่ 201 ก็เข้าเทียบชานชาลา ผมกับพี่ตึ๋งก็ค่อยๆ เดินไปทางท้ายขบวน เพื่อหาที่นั่ง แต่ดูท่าว่าจะลำบาก เพราะกี่ตู้ๆ คนก็นั่งเต็มไปหมด (แต่ก็ยังไม่ถึงกับต้องยืนเบียดกันเหมือนปลากระป๋อง) จนในที่สุดก็ต้องไปอยู่ตู้สุดท้าย ซึ่งเป็นรถ บสส. แล้วก็ต้องตัดสินใจนั่งชั้น 2 กันตามระเบียบ ราคาค่าตั๋วชั้น 3 ปกติ จากบางซื่อ-บ้านภาชี ก็คนละ 18 บาท แต่พอมานั่งชั้น 2 ก็ต้องเพิ่มเงินอีกคนละ 24 บาท ก็เอาเถอะครับ แลกกับการได้นั่งสบายๆ แล้วก็สะดวกเวลาถ่ายภาพจากบนขบวนรถ



ขบวน 201 ทำการเปลี่ยนรถจักรดีเซล และพร้อมออกเดินทาง ในเวลา 10.04 น. ตามเวลา แสงแดดที่ส่องเข้ามาในช่วงนั้น จัดได้ว่าค่อนข้างร้อนเลยล่ะครับ แต่ก็คงมีเฉพาะที่นั่งของผมกระมัง ที่ไม่ยอมเอาม่านบังแดดลงมากั้น ผิดกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ขบวนรถแล่นๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกจากสถานีหลักสี่ ถึงได้รู้ว่า มีสมาชิกอีก 1 ท่าน กระโดดเกาะรถขบวนนี้ ไปทานไอติมด้วยกัน ซึ่งก็คือ พี่หนุ่ม Nakhonlampang นี่เอง ...... เล่นเอาซะงง ว่าพี่ท่านตามมาได้ไง

นั่งคุยกันได้พักใหญ่ จนขบวนรถผ่าน ดอนเมือง รังสิต เชียงราก เชียงรากน้อย โดยที่ไม่เสียเวลาเลย แต่ผมก็ไม่ได้ถ่ายภาพอะไรเท่าไหร่นัก เพราะว่า ในขณะที่รถวิ่งอยู่ ฝุ่นได้ฟุ้งกระจายเข้ามาในรถตลอด ขนาดปล่อยกล้องไว้เฉยๆ ฝุ่นยังมาเกาะซะเต็มจนเห็นได้ชัด มาโล่งๆ หน่อย ก็ช่วงลอดใต้ถนนวงแหวนตะวันตก หมายเลข 9 ก่อนเข้าสถานีคลองพุทรา โน่นล่ะ

ว่าแล้วก็หยิบกล้อง ออกมาขยับชัตเตอร์เล่นเสียเล็กน้อย พอเป็นพิธี



สถานีคลองพุทรา เป็นสถานีระดับที่ 4 ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจาก สถานีกรุงเทพ 51.88 กม. โดยขบวน 201 หยุดรับ-ส่ง ผู้โดยสาร ที่สถานีแห่งนี้ด้วย .... กะว่าโอกาสหน้า จะมาดักถ่ายรูปรถจักรไอน้ำ ที่สถานีแห่งนี้ดูสักครั้ง

[CivilSpice]

ออกจากคลองพุทรา ก็ไม่ได้ถ่ายอะไรต่อ เพราะแสงแดด ไม่ค่อยอำนวย อีกทั้งส่วนใหญ่ จะหนักไปทางนั่งคุยกันเอง และนั่งคุยกับ พรร. มากกว่า แต่ก็มีโอกาสได้ลองใช้ Optical Zoom 12x ที่ติดมากับเจ้าหนอน เพื่อถ่ายภาพขบวนรถไฟตอนขณะกำลังเข้าโค้ง บ้างๆ นิดๆ หน่อย ..... ซึ่งกว่าจะเล็งได้แต่ละครั้งนี่ก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะถ่ายในโหมดแบบตั้งค่าความไวชัตเตอร์ และรูรับแสงเอาเอง ไม่ได้ถ่ายด้วยโปรแกรม Auto

ภาพนี้ ขณะกำลังออกจากโค้ง เหนือสถานีอยุธยา .... สังเกตว่าในรางประธานกลาง กำลังได้สัญญาณไฟเขียวด้วย



โค้งเดียวกัน แต่คนละมุม .......จะมีขบวนอะไร แซง 201 ขึ้นมาล่ะเนี่ย ถ้าดูตามเวลาแล้ว ก็อาจจะเป็น ข.71 กรุงเทพ-ศรีสะเกษ

[CivilSpice]

ผ่านไปไม่นาน ก็เริ่มจะได้คำตอบแล้วล่ะครับ ว่าเจ้าขบวนที่กำลังจะตามมาทัน ในรางประธานกลาง คืออะไร ...... เห็นไฟ Head Light เปิดสว่างมาแต่ไกล

อ้าวเฮ้ย ...... !!! ผิดคาด เพราะเขาคือ



เขาคือ ดีเซลเปล่า GE4037 .... กำลังค่อยๆ ไล่จี้ขึ้นมานั่นเอง โดยขณะนั้นยังไม่ทราบเส้นทาง ว่าจะไปที่ไหน และไปด้วยเรื่องอะไร



ขบวน 201 ต้องจอดรับ-ส่ง ผู้โดยสาร ที่สถานีพระแก้ว ดังนั้น GE 4037 ก็เริ่มที่จะไล่มาทัน แล้วก็ค่อยๆ แซงขึ้นไป



แต่แล้วก็จอด ที่สถานีพระแก้ว เหมือนกันทั้งคู่ ..... เห็น จนท. แบกกล่องอะไรไม่รู้ ส่งให้ ชค. บนรถด้วย

[CivilSpice]

ขบวน 201 ได้สัญญาณไฟเขียว ให้ออกจากสถานีพระแก้ว ก่อนดีเซลเปล่า เล็กน้อย



แต่แล้วสักพัก ก็เป็นช่วงเอาคืน ดีเซลเปล่า เริ่มแซงขึ้นหน้าไปอีกแล้ว



แต่ก็ไปไหนไม่รอด เพราะดีเซลเปล่า ก็เจอเสาแดง ที่หน้าสถานีชุมทางบ้านภาชี ต้องยอมปล่อยให้ 201 เข้าสถานีก่อน แต่สุดท้าย ดีเซลเปล่า ก็แซงและทิ้งห่างหนีขึ้นเหนือไปจนได้ เห็นตาเจฟบอกว่า ได้วิ่งในทางล่อง ขึ้นไปจนถึงสถานีท่าเรือ แล้วค่อยเบี่ยงกลับมาวิ่งทางประธานขาขึ้นที่นั่น ... ที่สุด เราก็ยังไม่รู้อยู่ดีล่ะครับ ว่า 4037 เขาไปปฏิบัติภารกิจพิเศษที่ไหน

[Air_Reservoir]

ไปวันเดียวกันกับที่เราไปเที่ยวเขื่อนด้วยแฮะ ว่าแต่มี S-curve ที่ภาชีด้วยเหรออาจารย์ตุ้ย ....
_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง

[CivilSpice]

และแล้ว ก็มาถึงร้านไอติม ของเราในวันนี้ ตามเวลา 11.48 น. "สถานีชุมทางบ้านภาชี" ชุมทางรถไฟที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เพราะเป็นจุดแยกระหว่างเส้นทางสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ จำได้ว่าเมื่อก่อนนี้ สมัยเด็กๆ เวลานั่งรถไฟผ่าน ขบวนรถไฟจะต้องมาแบบค่อยๆ ใช้ความเร็วต่ำ ลัดเลาะผ่านประแจตัวโน้นตัวนี้ จนกระทั่งพ้นย่านสถานี โดยเฉพาะตอนที่นั่ง รถเร็ว ข.38 จากลำปาง มากรุงเทพ ผมตั้งใจไว้เลยว่า จะไม่หลับ (แม้จะเป็นเวลาช่วงตี 3) เพราะจะรอดูขบวนรถไฟ ค่อยๆ วิ่งผ่านประแจ ของชุมทางบ้านภาชีทีละตัวๆ แล้วก็จะดูว่า รถไฟทางคู่เข้ากรุงเทพ มันเริ่มต้นที่ตรงไหน (โรคจิตซะไม่มี)



ไม่คิดเหมือนกันว่า อีกสิบกว่าปีให้หลัง จะได้มาเดินนับไม้หมอน ที่นี่จริงๆ ... แต่สภาพสถานีตอนนั้น กับตอนนี้ ก็เปลี่ยนไปเยอะพอสมควร



สถานีชุมทางบ้านภาชี ตำเป็นสถานีระดับที่ 1 ตั้งอยู่ที่ตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากสถานีกรุงเทพ 89.95 กม. สถานีก่อนหน้า คือ สถานีพระแก้ว ส่วนสถานีถัดไปทางสายเหนือ คือ สถานีหนองวิวัฒน์ ส่วนสถานีถัดไปในสายตะวันออกเฉียงเหนือ คือ สถานีหนองกวย



กับป้ายประเพณีด้านเหนือ ของสถานีชุมทางบ้านภาชี .... มีใครแอบซ่อนอยู่ข้างหลังด้วย

[CivilSpice]

รู้สึกแปลกตาไปนิด ก็ตรงที่ รถจักรไอน้ำ North British (E-Class) หมายเลข 177 ที่ตั้งเป็นอนุสรณ์ อยู่ที่นี่สถานีแห่งนี้ ได้รับการบูรณะและทำสีใหม่ ดูสดใสน่าชมเลยทีเดียว เห็นเจฟบอกว่า เพิ่งทำสีไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ว่าแล้วก็ได้เวลาต้องลั่นชัตเตอร์กันอีกแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวสีซีด แล้วจะไม่สวย



รถจักรไอน้ำคันนี้ มาพร้อมกับเพื่อนๆ หมายเลข 156-197 แบบล้อ 4-6-0 สร้างโดย บ.นอร์ท บริติช โลโคโมทีฟ แอนด์ คัมปะนี, การรถไฟฯ สั่งเข้ามาใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2456-2464 นำมาใช้ในทางกว้าง 1 เมตร .... สำหรับหมายเลข 177 คันนี้ ปลดประจำการเมื่อปี พ.ศ. 2510



ได้ยินพี่หนุ่ม Nakhonlampang แซวว่า เห็นรถเบนซ์ มีรุ่น C Class, E Class และ S Class ครบเซ็ต แต่หัวรถไฟ มีแต่รุ่น C Class และ E Class ยังไม่มีรุ่น S Class แต่อย่างใด .......



ขออนุญาตส่งผู้โดยสาร ที่เกาะขบวนรถตามมาในวันนี้ ที่สถานีชุมทางบ้านภาชีก่อนครับ ส่วนไอติม ค่อยรอทานในวันถัดไปก็แล้วกัน พอดีจิ้งจกทัก ว่ากำลังจะถูกเบิร์นโดยคนใกล้ตัว ในเร็วๆ นี้ เลยขอจบแค่นี้ก่อนดีกว่า ..... เผื่อจะได้มีข้ออ้างว่า เพราะกลัวถูกเบิร์น เลยไม่ยอมลงกระทู้ต่อ หุหุหุหุหุ

นอนหลับฝันดีกันทุกท่านนะครับ .... พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้ว น่าเบื่อชะมัดเลย