ไอติมทัวร์ ที่ชุมทางบ้านภาชี (10/11/2007)

[alderwood]

[CivilSpice]

ปิดท้ายกระทู้ ด้วยภาพนี้ครับ เป็น ขบวนรถคอนเทนเนอร์ ทำขบวนมาด้วย ปู่ GE 4010 หมายเลขที่มีประวัติ และคำเล่าขานมามากมาย มารอบนี้ ดูเหมือนว่าได้รับการทำสีใหม่ เสียสวยเช้งวับ วิ่งตัวปลิว ในรางประธานขาล่อง มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ในเวลา 16.19 น.



มีเรื่องขำๆ นิด ในช่วงขากลับ เพราะวันนั้น ตอนแรกคณะไอติม ตั้งใจจะกลับกับ ขบวนรถเร็วที่ 112 เด่นชัย - กรุงเทพ ซึ่งตามเวลาจะออกจากภาชี ในเวลา 15.35 แต่วันนั้น ดันช้าไป 50 นาที เพราะรถจักรมีปัญหาน้ำร้อน ต้องจอดเติมน้ำถึง 2 ครั้ง ที่บ้านหมี่ และลพบุรี และในเวลาไล่ๆ กันนั้น ขบวนรถเร็ว ที่ 136 อุบลราชธานี - กรุงเทพ ก็กำลังจะมา แต่น่าจะเข้าช้ากว่า 112 ประมาณ 5-10 นาที สุดท้าย เราก็เลยวัดดวง ตัดสินใจขึ้น 112 กลับกรุงเทพ

ออกจากภาชี ก็เริ่มออกอาการ คือ รถจักรไม่สามารถทำความเร็วได้เต็มที่ ต้องค่อยๆ ไหลมา ในรางประธานกลาง ด้วยความเร็วประมาณ 30-50 กม./ชม. ท่ามกลางอารมณ์ลุ้น ของผู้โดยสาร ว่ามันจะไปเน่ากลางทางหรือไม่ แล้วจะโดนขบวน 136 แซงที่ไหน .... พอพ้นสถานีพระแก้ว สิ่งที่เราคาดคิดไว้ก็เป็นจริง เพราะขบวน 136 แล่นจี้เข้ามาในทางประธานขาล่อง นำมาด้วย HID 4509 แล้วก็แซงไปต่อหน้าต่อตา .... จนหลายๆ คนเริ่มบ่น ว่ารู้งี๊ ขึ้นขบวน 136 ซะก็ดี

พอพ้นสถานีอยุธยา ก็รู้สึกได้ว่า ขบวน 112 เริ่มวิ่งได้เร็วขึ้น หลังจากที่คลานกระดื้บๆ มาได้พักใหญ่ สงสัยปัญหาเรื่องน้ำร้อน น่าจะดีขึ้นแล้ว แล้วพอพ้นสถานีบางปะอิน ก็สามารถทำความเร็วได้ชนิดที่เรียกว่า แทบจะเป็นปกติเลยทีเดียว คณะทัวร์ทั้งหลาย เริ่มสีหน้าดีขึ้น ใครที่ติดวีซ่าเรื่องเวลากับ ส.แขวงไว้ ก็คงจะไม่เจออะไรที่เลวร้ายอย่างที่คิด .... ถึงสถานีรังสิต ขบวน 112 ก็ได้วิ่งในทางประธานขาขึ้น มุ่งหน้าสู่สถานีดอนเมือง ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกถึงความแปลกประหลาด ที่จู่ๆ ในทางประธานขาล่อง ก็ดันมีรถโดยสารอีกขบวน กำลังแล่นเข้าดอนเมืองอยู่ด้วยเช่นกัน แล้วก็กำลังโดน 112 แซงซะด้วย เพราะโดนบังคับให้เบาทาง 20 กม./ชม. .. ว่าแต่ว่า ทำไมริ้วขบวนมันคุ้นๆ แถมพอมาถึงหัวรถจักร ก็ร้องอ๋อ เพราะว่ามัน HID4509 ของขบวน 136 นี่นา ... อย่างนี้ ไม่เรียกว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า แล้วจะเรียกว่าอะไรดีหนอ แถมขบวน 136 ยังต้องรอทาง วิ่งตามหลังขบวน 112 ไปโดยตลอดทางอีกด้วย

สรุปแล้ว ขบวน 112 ถึงบางซื่อ ช้าไป 40 นาที ส่วนขบวน 136 น่าจะเลตเพิ่ม เพราะว่าต้องรอเปลี่ยนรถจักรดีเซลที่บางซื่อด้วย

สำหรับทัวร์ไอติม ที่ชุมทางบ้านภาชี ในส่วนของผม ก็คงจะมีเพียงเท่านี้ครับ ภาพและสาระน่ารู้ที่เหลือ ไว้รอติดตามจาก พี่ตึ๋ง และพี่หนุ่ม ที่จะนำมาลงเพื่มเติมในภายหลังอีกครั้งนึง

ขอบคุณครับ

[ExtendeD]

เห็นไอติมแล้วอยากกินจริง ๆ พี่บอมบ์เอามายั่วแบบนี้ สงสัยคงต้องหาสถานีที่มีย่านใหญ่ ๆ จอดขบวนรถทัวร์อีสานทิ้งเอาไว้สัก 1 วัน แล้วขอโดดไปกินไอติมบ้างดีกว่า

พี่ ๆ เจอรถหลายขบวนมากเลยครับ ครั้งสุดท้ายที่ผมไปนั่งกินไอติมที่ภาชี นอกจากขบวนรถโดยสารที่วิ่งตามปกติแล้ว เจอแค่ขบวนรถน้ำมันดิบเพิ่มมาอีกแค่ขบวนเดียวเอง
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[pattharachai]

[black_express]

มาพ่วงท้ายขบวนครับ พยายามคัดภาพที่ไม่ใช่ใจเดียวกันกับคุณบอมบ์ นำมาลงเก็บตก เรียกว่าไม่ให้เหลือทิ้งจริงๆ ล่ะ

จากความเอื้อเฟื้อของคุณบอมบ์ที่ลงทุนนำรถเก๋งประจำตำแหน่ง แวะรับผมจากนิวาสถาน ลัดเลาะออกมาห้าแยกลาดพร้าว ขึ้นสะพานลอย อตก. แล้วชลอความเร็วรอจังหวะไฟเขียวเข้าบริเวณที่กลับรถ ขสมก. เข้าถนนซอยเล็กๆ บรรจบกับถนนซอยอีกสายหนึ่งตรงรั้วโรงเก็บขบวนรถ E&O พอดี

เลี้ยวขวาขึ้นเหนืออีกพักเดียว ก็ถึงบริเวณที่จอดรถบางซื่อ สำหรับผู้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชน ซึ่งเปิดบริการฟรีทุกวัน ตามที่คุณบอมบ์กล่าวไปแล้ว มีข้อแม้อย่างเดียว คือ ห้ามจอดรถข้ามคืนเท่านั้น

พอเป็นที่จอดรถสำหรับผู้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนขึ้นมา บริเวณนี้มีราศีจับทันตา โดยมีหลังคาบังแดดติดตั้งให้พร้อมเสร็จสรรพ แต่ก่อนแต่ไรมา โล่งโถงเป็นลานตากข้าว ไม่มีผู้มาใช้บริการแม้แต่คันเดียว

เสียดายที่ไม่ได้ใช้โอกาสลูกติดพัน ลองกล้องเก็บขบวนรถ E&O มาฝาก เพราะอยู่ประชิดแนวรั้ว ประกอบกับมีบานประตูเหล็กขนาดใหญ่ มาบดบังทัศนวิสัย ต้องปล่อยให้เลยตามเลย....



พอไต่ขึ้นมาบนสะพานลอยจากที่จอดรถบางซื่อ ซึ่งทอดยาวไปถึงชานชาลาชุมทางบางซื่อ แล้ว ต่างคนต่างชวนกันเก็บภาพประเดิมกันหน่อย โ ดยผมเลือกเล็งไปยังบริเวณ ( ว่าที่ ) ศูนย์คมนาคม พหลโยธิน ที่เห็นอยู่ข้างหน้าลิบๆ นั่นแหละครับ

คงไม่ใช่มีชานชาลาอยู่แค่ชั้นเดียวแน่นอน....



เช่นเดียวกันกับอาคารสถานีชุมทางบางซื่อครับ รางด้านซ้ายภาพสองรางนั้น มีท่าทีจะถูกรื้อเพื่อหลีกทางให้กับโครงการรถไฟฟ้าสีแดงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานข้างหน้านี้ ส่วนตัวสถานีนั้น สุดที่จะเดาได้ว่ายังคงอยู่ หรือเปลี่ยนโฉมไปประการใด ตอนนี้ขอเก็บภาพเอาไว้ก่อนล่ะ



ในขณะที่คุณบอมบ์อธิบายที่มาของคำว่า " เตาปูน " ไปแล้วนั้น ในความทรงจำของผม ยังเห็นภาพโรงงานปูนซิเมนต์ไทย บางซื่อ ที่มีควันจากปล่องเตาเผาปูนลอยอ้อยอิ่งตลอด 24 ชั่วโมง และขบวนรถสินค้าขณะทำสับเปลี่ยนอยู่ในย่านสถานีชุมทางบางซื่อ ก่อนเลือนหายไปในปัจจุบัน โดยโรงงานปูนซิเมนต์ไทย บางซื่อ ปิดลงด้วยสาเหตุอยู่ในย่านชุมชนที่ขยายตัวออกมาทุกขณะ ย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ อ.แก่งคอย และขบวนรถที่ทำสับเปลี่ยน ย้ายไปอยู่ที่ย่านสินค้าพหลโยธิน ทิ้งบริเวณเดิมให้กลายเป็นสถานีชุมทางบางซื่อ 2 สำหรับขบวนรถไฟสายใต้



อีกอย่างหนึ่งที่ติดพันมากับคำว่า " เตาปูน " คือเป็นต้นทางของรถประจำทางสาย 16 ( เตาปูน - สุรวงศ์ ) ของบริษัท รถเมล์พีระ จำกัด โดยมีต้นทางอยู่บริเวณใกล้ๆ ตลาดสามแยกเตาปูน โดยรถประจำทางของบริษัทนี้ เป็นสีฟ้าสดทั้งคัน ซึ่งเป็นสีที่เรียกติดปากของชาวไทยสมัยนั้นว่า " สีพีระ " สีประจำรถแข่งของพระองค์เจ้าพีระฯ ( เจ้าดาราทอง ) แชมป์โลกชาวไทย คาดว่า เป็นที่มาของชื่อบริษัทรถประจำทางนี้ด้วย

แต่ต้นทางของรถประจำทางที่เริ่มจากสถานีชุมทางบางซื่อจริงๆ ในขณะนั้น ได้แก่สาย 5 ( บางซื่อ - จักรวรรดิ์ ) ของบริษัท ศรีนครขนส่งและพาณิชยการ จำกัด รถสีเขียวตองอ่อน แถบล่างสีเขียวแก่ นั่นเองครับ



เอ..ชักจะนอกเรื่องนอกรางไปแล้วสิ ขึ้นรถไปชุมทางบ้านภาชีกันดีกว่า

[black_express]

จากท้าย บสส. ผมใช้เป็นฐานที่ตั้งสำหรับเก็บภาพเส้นทางรถไฟล่ะครับ ก่อนกลายสภาพเป็นเส้นทางรถไฟยกระดับตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคต



สถานีบางเขน



สถานีหลักสี่ ซึ่งคุณหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากสำรวจสะพานสามหอ - สองหอ มาหมาดๆ ขึ้นมาร่วมสมทบด้วย



สถานีดอนเมือง คงได้บอกอำลา สโตนเฮนซ์ เมืองไทย และป้ายโฆษณาบนพื้นที่ของการรถไฟฯ ที่กำลังรื้อถอนออกคราวนี้เอง เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงครับ



สถานีบางปะอิน สูดอากาศนอกกรุงแล้วล่ะ



สถานีอยุธยา มีผู้โดยสารลงที่นี่มากพอสมควรครับ เพราะเป็นนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาชมโบราณสถานประวัติศาสตร์ที่เกาะเมือง และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยสิ

มีสมาชิกเวปไซต์มาปักหลักกันที่นี่หลายราย ได้ความว่ารอเก็บภาพขบวนรถนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เที่ยวกลับ ในช่วงบ่าย ขอนับถือในความอดทนรอจริงๆ ครับ

[black_express]

สถานีบ้านม้า แต่ช้าก่อน สำหรับผู้ที่คิดว่า " บ้านม้า " คือ " บ้านพาชี " อย่าได้ลงที่นี่เชียว เพราะ " บ้านภาชี " ของจริง อยู่ห่างไปสองสถานีครับ

เดินกันขาลากเลยล่ะ โทษฐานสะกดผิด

สถานีแห่งนี้ค่อนข้างแปลกกว่าที่ใด คือที่ตั้งตัวอาคารสถานีไม่สอดคล้องกับระยะที่ตั้งเสาอาณัติสัญญาณไฟสี น่ะครับ มองดูแล้วผมเองก็งงๆ อยู่เหมือนกัน



สถานีมาบพระจันทร์ ตั้งอยู่ในเขต อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มาจากเค้าชื่อของแผ่นหินพระจันทร์ลอย สันนิษฐานว่าเป็นแผ่นธรรมจักรที่ทำจากหินทรงกลมซึ่งสร้างไม่แล้วเสร็จ ปัจจุบันตั้งอยู่ในวิหารพระจันทร์ลอย หมู่ที่ 1 ตำบลนครหลวง หน้าปราสาทนครหลวง เป็นที่ประทับแรมครึ่งทาง ของกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ที่เสด็จไปนมัสการพระพุทธบาท ครับ



มาล่ะครับ รถจักร GE หมายเลข 4037 ที่ไล่กวดตามขบวนรถที่ผม กับคุณหนุ่ม คุณบอมบ์ โดยสารมา ตั้งแต่สถานีคลองพุทรา เพิ่งได้จังหวะแซงที่สถานีพระแก้วนี่เอง

เส้นทางขาขึ้นในช่วงนี้ เริ่มแยกห่างจากแนวรางเดิมครับ เพราะเป็นทางสร้างขึ้นใหม่ เพื่อปรับแนวทาง ก่อนเข้าย่านสถานีชุมทางบ้านภาชี

ทิ้งให้ทางขาล่องเดิม เป็นรางสามโดยปริยาย....



แล้วรถจักร GE ก็แซงขาดใต้ย่านสถานีชุมทางบ้านภาชี มุ่งหน้าไปตามเส้นทางสายเหนือ

ถึงจะสนใจติดตามเรื่องต่อว่าจุดหมายของรถจักรคันนี้ไปยังที่ใด ระฆังก็เคาะหมดยกเสียแล้ว :0140



ทีมงานค่อยๆ ลงจากขบวนรถกันที่นี่แหละ ไม่ผิดสถานีแน่ๆ ครับ เพราะมีของหวานสัญญลักษณ์ประจำสถานีเห็นออกเด่นชัด.....ดังภาพ

[Volume_Reservoir]

[tuie]

[black_express]

นั่งเฉยๆ อยู่ที่ฝั่งธนฯ แท้ๆ ยังข้ามไปปิ้งคนที่ชุมทางบ้านภาชีจนได้

ชาวบ้านเขาไม่เรียกว่า " เบิร์นเทพ " ก็ไม่รู้จะเรียกอย่างไรแล้ว

น่ากลัว น่ากลัวจริงๆ