ตุลาฮาเฮ... แบกเป้ " ตะลอนทั่วอีสาน "

[ExtendeD]

[ExtendeD]

ออกจาก " สถานีชุมทางบัวใหญ่ " มา ขบวนที่ 415 ก็วิ่งมาด้วยความเร็วตามปกติครับ ไม่นานนักพี่พขร. ก็ค่อย ๆ ลดความเร็วลง แสดงว่าเราน่าจะมาถึงจุดเกิดเหตุแล้วล่ะครับ ( อยู่ในช่วงกิโลเมตรที่ 349 - 350 ) ไม่เพียงแต่ เส้นทางสายบ้านแหลม - แม่กลองที่พี่บอมบ์กับเจฟได้ไปเห็นและประสบเหตุ หรือว่า แถว ๆ บึงบอระเพ็ดที่อาจารย์พิชญ์เกาะท้ายขบวนที่ 102 ถ่ายรูปมาให้ดู แต่ถิ่นอีสานนี้ก็มีครับ




ขบวนที่ 415 ค่อย ๆ คลานผ่านไปอย่างช้า ๆ - ช้ามาก และช้าที่สุด จนผมคิดว่าถ้าเดินสบาย ๆ แข่งกับรถไฟตอนนี้คงพอสูสี




ผมว่าระดับน้ำที่ท่วมนั้นอยู่เหนือสันรางนะครับ แต่ไม่รู้จะเลือกเอารูปไหนมาให้ดู ก็เอาเป็นรูปนี้แล้วกันครับ อาศัย Photoshop กลับหัวสักหน่อยจะได้เห็นชัดขึ้น ถ้าได้ลงไปถ่ายรูปข้างล่างคงเห็นได้ชัดกว่านี้ แต่นี่ก็เอี้ยวสุดตัว ถ้ามีสะพานตัวผมก็คงจะถูกโครงสะพานอัดเข้าให้อย่างจังล่ะครับ



ระหว่างที่ขบวนรถแล่นช้า ๆ ผ่านจุดที่ถูกน้ำท่วมนอกจากผมที่กดชัตเตอร์ไปอย่างไม่ค่อยอยากจะยั้งแล้ว มองไปที่กซข. และพซข. ด้านหลังก็มีพี่ ๆ น้อง ๆ ผู้โดยสารคนอื่นเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปเอาไว้เหมือนกัน เทคโนโลยีก้าวไกลจริง ๆ ครับ น่าเสียดายที่ว่าผมไม่สามารถถ่ายเป็นคลิปเก็บไว้ได้ เพราะเนื้อที่ใน memory stick มีจำกัด ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นบรรยากาศตอนนั้นชัดเจนมากกว่านี้ครับ คราวหลังถ้ามีโอกาสได้ไปออกทริปยาว ๆ แบบนี้ คงต้องขอยืมกล้องกับ memory stick ของพี่ตุ้ยไปเสริมทัพ


กว่าจะพ้นจุดที่ทางรถไฟถูกน้ำท่วมมาได้ ดูจากเสาโทรเลขแล้วเห็นตัวเลขแว่บ ๆ ว่าเป็นช่วงกิโลเมตรที่ 350 ครับ



ส่วนสาเหตุของการเกิดน้ำท่วมทางรถไฟในครั้งนั้น ก็คงมาจากปริมาณของน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อคืนก่อนหน้านั้นครับ เท่าที่ผมเห็นด้านนอกหน้าต่างทางด้านซ้ายของขบวนรถ ( ฝั่งตรงข้ามกับที่ผมนั่งอยู่ ) จะมีคันดินสูงพอสมควรกันน้ำเอาไว้ แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่คันดินพังลงมา แล้วน้ำก็ทะลักออกมาไม่หยุดเลยครับ น่าเสียดายที่หน้าต่างทางฝั่งนั้นไม่ว่างเลยครับ แม้แต่ในห้องน้ำก็ตาม ไม่อย่างนั้นคงได้เก็บภาพมาฝากกันแล้ว...
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[saraburi]

ดูจากรูปพี่เต้ยแล้ว ทางรถไฟเหมือนกับทางระบายน้ำ(ที่มันล้นขึ้นมาบนทางรถไฟ) อิอิ นั่งรถไฟแต่ได้บรรยากาศเรือในคลอง
ผมก็เคยเจอแบบพี่เต้ยเหมือนกันครับ แบบว่าตอนนั้น (เมื่อ 2 ปีก่อน) ช่วงกรกฏาคม สมัยลำตะคองแห้ง แอบทางบ้านไปนั่ง 135 ไปลง รส (ฟ้าแจ่มใส่) แต่พอตอนกลับ136 (4551 สมัยหน้าแหกทำขบวน)เริ่มมีเมฆมาปกคลุม แล้วก็มึดลง จนตกแถวๆ สูงเนิน แล้วก็ตกอย่างแรงมาเรื่อยๆครับ ระหว่างทางตอนที่ฝนตกก็มีรถโดนหลีก 2 ขบวนระหว่างทาง มี 231 (ยังเวลาเก่า) หลีกที่ ไหนจำไม่ได้ กับ 59x ที่สีคิ้ว (รอดมารายสุดท้าย) พอขบวน 136 ออกคลองไผ่ไปปุ๊บ เจอๆสายน้ำหลั่งไหลลงมาตรงบริเวณซอกเขาระหว่าง คลองไฝ่ - คลองขนานจิตร พอฝ่ากระแสน้ำปุ๊บ ก็ได้ยินเสียง ฉี่ๆๆๆ พร้อมกับไอน้ำที่ขึ้นมา(เกิดจากห้ามล้อ ) แต่รถยังไม่หยุดค่อยๆวิ่งไป จนในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ครับเพราะข้างหน้า ต้องเจอกับ น้ำป่าที่รุนแรง แล้วรถก็ถอยๆ ไปคลองไผ่ แล้วก็ต้อง รออยู่คลองไผ่ยันเกือบๆ 4 โมงเย็น ถึงจะได้ออก แต่ขบวนแรกที่ได้ผ่านคือ ขบวน 71 ที่โดนกักที่คลองขนานจิตร แล้ว 136 ก็ไปหลีก 233 ที่คลองขนาดจิตรเช่นกันครับ กว่าจะถึงสระบุรี ก็เล่นไป 6 โมงครึ่ง กลับบ้านไปเจอยกใหญ่เลยครับ
ภาพเห็นการครั้งนั้นผมมีตอนที่รถจอดแช่ครับ ตอนที่ไปติดตอนแรกนั้นกล้องฟิล์มเจ้ากรรมดันไม่มีฟิล์ม(หา 7-11 แถวโคราชไม่เจอ) ตอนนี้หาเวลาเอาฟิล์มไปสเกน ก่อนคงได้เอามาลงเว็บเร็วๆนี้ครับ (ดองน๊านนาน)
_________________
ช่างภาพระดับพื้นโลก

[ExtendeD]

[ExtendeD]

ออกจาก " สถานีหนองมะเขือ " มา ถ้ามองออกนอกข้างทางก็จะเห็นเป็น ทุ่งกว้าง ๆ โล่ง ๆ สักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่ขบวนที่ 415 จะไปถึงสถานีถัดไป มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ก็จะเริ่มเห็นบ้านที่เป็น ทาวน์เฮ้าส์ปลูกเรียงกันเป็นแถวยาว สถานีที่กำลังจะไปถึงนี้ คงจะตั้งอยู่กลางเมืองใหญ่น่าดูเลยล่ะครับ

09.05 น. ขบวนที่ 415 ก็มาถึงที่ " สถานีเมืองพล " ครับ และที่นี่เอง ผมเห็น ขบวนรถท้องถิ่นที่ 416 ต้นทางสถานีอุดรธานี - ปลายทางสถานีนครราชสีมา จอดอยู่ในรางหลีกครับ




ที่ชานชาลาของสถานีนี้ มีการสร้างหลังคายาวตลอดแนว ก็เลยมองเห็นอาคารสถานีไม่ชัดครับ




จำนวนผู้โดยสารก็เท่าที่เห็นครับ คึกคักพอสมควร...



สถานีเมืองพล ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย )
เป็นสถานีระดับที่ 3 อักษรย่อ อล. รหัสสถานี 2144
ตั้งอยู่ในตำบลเมืองพล อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 377.66 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลสายลวดพร้อมสัญญาณหางปลาชนิดมีเสาเข้าเขตใน เสาออก ไม่มีสัญญาณเตือน ก.4 *

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบล อำเภอ จังหวัดขอนแก่น สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com


ออกจากเขตชุมชนมา ข้างทางก็กลับมาเป็นทุ่งนาเหมือนเดิมครับ ขบวนรถก็ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ สักพักใหญ่ ๆ ก็มาถึง " สถานีบ้านหัน " ครับ



ที่รางหลีกของ " สถานีบ้านหัน " นี้มี ขบวนรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศที่ 76 ต้นทางสถานีหนองคาย - ปลายทางสถานีกรุงเทพ จอดรอหลีกอยู่ครับ


อาคาร " สถานีบ้านหัน " ครับ




อีกด้านหนึ่งของตัวอาคารสถานี...



สถานีบ้านหัน ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย )
เป็นสถานีระดับที่ 4 อักษรย่อ าห. รหัสสถานี 2149
ตั้งอยู่ในตำบลบ้านหัน กิ่งอำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 396.82 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ใช้ป้ายเขตสถานี ง. *

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลบ้านหัน กิ่งอำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ออกจาก " สถานีบ้านหัน " มา ก็จะ ไม่ค่อยได้เห็นทุ่งโล่ง ๆ แล้วครับ ไม่ถึง 8 นาทีต่อมา ขบวนที่ 415 ก็มาถึง " สถานีบ้านไผ่ " ที่เป็นสถานีต่อมาครับ




ที่ชานชาลาด้านหน้าอาคารสถานี มีผู้โดยสารมายืนรอขบวนรถกันหลายคนเลยล่ะครับ




เพราะว่ามีหลังคามาบัง ก็เลยมองเห็นอาคารสถานีไม่ชัดอีกแล้ว...



สถานีบ้านไผ่ ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย )
เป็นสถานีระดับที่ 2 อักษรย่อ บผ. รหัสสถานี 2152
ตั้งอยู่ในตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 407.72 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลสายลวดพร้อมสัญญาณหางปลาชนิดมีเสาเข้าเขตใน เสาออก ไม่มีสัญญาณเตือน ก.4 *

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com


บริเวณช่วงกิโลเมตรที่ 416 ข้างทางจะ เป็นทุ่งนากว้าง ๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่โดยรอบ จนขบวนที่ 415 ออกจาก " สถานีบ้านแฮด " มา ก็จะได้เห็น พื้นที่ช่วงหนึ่งที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด แต่ก็ยังคงได้เห็นทุ่งนาซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแนวต้นไม้ใหญ่


09.57 น. ขบวนที่ 415 ก็มาถึง " สถานีท่าพระ " ครับ



นี่ขนาดขบวนรถบรรทุกน้ำตาลยังคงติดอยู่ที่ " สถานีชุมทางบัวใหญ่ " ที่ " สถานีท่าพระ " แห่งนี้ยังมี บทต. สีส้มจอดอยู่เป็นแถวยาวขนาดนี้ ถ้ามากันครบก็คงจะจอดกันเต็ม 2 รางหลีกแน่ ๆ เลย

ชมบรรยากาศของ " สถานีท่าพระ " เพิ่มเติมได้จากกระทู้ " บ่ายวันว่าง ที่สถานีท่าพระ " โดยน้องแซม ( Sammy ) ครับ

สถานีท่าพระ ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย )
เป็นสถานีระดับที่ 3 อักษรย่อ พะ. รหัสสถานี 2160
ตั้งอยู่ในตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 439.81 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ใช้ป้ายเขตสถานี ง. *

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com


ออกจาก " สถานีท่าพระ " มาไม่นาน ก็จะผ่าน " สะพานข้ามแม่น้ำชี " ครับ ระดับน้ำในตอนนั้นสูงกว่าเมื่อครั้งที่ผมมาเดินสำรวจสะพานแห่งนี้อย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ขบวนที่ 415 มาถึง " สถานีขอนแก่น " เวลา 10.07 น. ครับ




ผู้โดยสารที่อยู่บนขบวนที่ 415 ลงจากขบวนรถที่นี่กันกลุ่มใหญ่เลยล่ะครับ ผมกับเจ้าตี๋ก็เลยได้เวลาขนย้ายข้าวของเปลี่ยนไปนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของขบวนรถบ้าง ขณะที่ขบวนที่ 415 กำลังเคลื่อนขบวนออกจาก " สถานีขอนแก่น " ไป มองไปทางย่านสถานี ผมก็เห็นว่ามีรถจักรดีเซลไฟฟ้า Alsthom ( ADD. ) หมายเลข 4413 จอดแอบอยู่ข้างหลัง บทค. ครับ



สถานีขอนแก่น ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย )
เป็นสถานีระดับที่ 1 อักษรย่อ ขอ. รหัสสถานี 2163
ตั้งอยู่ในตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 449.75 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลสายลวดพร้อมสัญญาณหางปลาชนิดมีเสาเตือน เสาเข้าเขตใน และเสาออก ก.3 *

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com


ออกจาก " สถานีขอนแก่น " มา ช่วงแรก ๆ ทางรถไฟก็จะ ผ่านย่านชุมชน แล้วสักพักก็จะได้เห็นทุ่งนาเขียว ๆ อีกครั้ง ต่อจากนั้นขบวนที่ 415 ก็มาหยุดรับ - ส่งผู้โดยสารที่ " สถานีสำราญ " ครับ




ตัวอาคาร " สถานีสำราญ " ครับ



สถานีสำราญ ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย )
เป็นสถานีระดับที่ 4 อักษรย่อ าญ. รหัสสถานี 2166
ตั้งอยู่ในตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 460.71 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ใช้ป้ายเขตสถานี ง. *

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ระหว่างทางก่อนจะไปถึง " สถานีโนนพยอม " บริเวณช่วงกิโลเมตรที่ 474 มีฝูงวัวขวางทางรถไฟอยู่ครับ พี่พขร. เปิดหวีดเสียงดังลั่นทุ่งเลย ยังดีที่น้องวัวฝูงนี้เดินหลบออกข้างทางทัน ไม่อย่างนั้นผมก็คงไปประสบเหตุคล้าย ๆ กับคุณ Popular ที่อยู่บนขบวนที่ 402 แน่ ๆ ครับ




หลังจากผ่านฝูงวัวมาแล้ว ขบวนที่ 415 ก็ผ่าน " สถานีโนนพยอม " ไป แล้วก็เข้าโค้งขวาเกือบจะเป็นรูปตัว U ที่เห็นอยู่นี้




สุดโค้งขวาเมื่อสักครู่เป็นที่ตั้งของ " สะพานข้ามลำน้ำพอง " ครับ ระดับน้ำในลำน้ำพองก็ถือว่าสูงพอ ๆ กับแม่น้ำชีเลยครับ




ต่อจากนั้นขบวนที่ 415 ก็หยุดรับ - ส่งผู้โดยสารที่ " ที่หยุดรถบ้านวังชัย " / " สถานีน้ำพอง " / " สถานีห้วยเสียว " และ " สถานีเขาสวนกวาง " ตามลำดับ ซึ่งผมขอข้ามรายละเอียดไปเพราะเคยถ่ายรูปมาให้ดูแล้วในกระทู้ พาชมเส้นทางสายอุดรธานี - บัวใหญ่ - ถนนจิระ กับขบวนที่ 416 ครับ

ช่วงหลังจากผ่าน " สถานีขอนแก่น " มาผมจะเน้นไปที่การจดตำแหน่งที่ตั้งของสะพานโครงเหล็กใหญ่ ๆ ที่ได้ไปเจอมาระหว่างการเดินทางมากกว่าครับ ซึ่งก็ได้เพิ่มมาหลายที่เลยครับ บางสะพานก็อยู่ใกล้สถานี แต่ก็มีอีกหลายสะพานที่อยู่ไกลออกไปมากกก... ยกตัวอย่างเช่นสะพานนี้ครับ ตั้งอยู่ในช่วงกิโลเมตรที่ 505 อยู่ห่างจากสถานีเขาสวนกวางประมาณ 5 กิโลเมตร...




จากนั้นขบวนที่ 415 ก็ไปหยุดรับ - ส่งผู้โดยสารต่อที่ " สถานีโนนสะอาด " / " สถานีห้วยเกิ้ง " แล้วก็มาถึง " สถานีกุมภวาปี " แห่งนี้เมื่อเวลา 11.26 น. ครับ




บริเวณชานชาลาของ " สถานีกุมภาวาปี " นี้ ไม่เหมือนกับสถานีอื่นนะครับ เพราะมีการสร้างหลังคาเฉพาะบริเวณชานชาลาทางด้านทิศเหนือเท่านั้น ส่วนชานชาลาทางด้านทิศใต้ก็เปิดโล่งอย่างที่เห็นครับ



สถานีกุมภวาปี ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย )
เป็นสถานีระดับที่ 3 อักษรย่อ วป. รหัสสถานี 2186
ตั้งอยู่ในตำบลพันดอน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 532.50 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ใช้ป้ายเขตสถานี ง. *

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลพันดอน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

จาก " สถานีกุมภวาปี " ขบวนที่ 415 ก็หยุดรับ - ส่งผู้โดยสารต่อไปที่ " สถานีห้วยสามพาด " / " สถานีหนองตะไก้ " / " ที่หยุดรถคำกลิ้ง " และ " สถานีหนองขอนกว้าง " ตามลำดับครับ ซึ่งผมก็ขอข้ามไปอีกเช่นกัน เพื่อให้กระทู้จบโดยเร็ว...

ไม่ไกลจาก " สถานีหนองขอนกว้าง " ก็จะมาถึงโค้งขวาแห่งนี้ครับ มองตรงไปข้างหน้าจะเห็นตึกสูง ๆ ที่อยู่ในตัวเมืองอุดรธานีแล้วล่ะครับ




ก่อนเข้าสู่ " สถานีอุดรธานี " ก็จะต้องผ่านจุดตัดถนนเสมอระดับทางด้านทิศใต้ของสถานีก่อน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดถนนเส้นนี้คงจะเป็น " ถนนนิตโย " ครับ




ขบวนที่ 415 เข้าจอดที่ " สถานีอุดรธานี " ในรางที่ 1 ตามปกติครับ




12.03 น. ขบวนที่ 415 ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคายต่อไป... ส่วนผมกับเจ้าตี๋ก็ลงจากขบวนรถที่ " สถานีอุดรธานี " แห่งนี้ล่ะครับ




ระหว่างเดินออกจากสถานีรถไฟเพื่อไปที่โรงแรม ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าน่าจะเปลี่ยนแผนสักเล็กน้อย โดยที่น่าจะจ่ายเงินกับพี่เจ้าหน้าที่บนขบวนรถเพิ่ม เพื่อไปให้ถึงที่ " สถานีหนองคาย " เลย คงจะมีโอกาสไม่บ่อยครั้งนัก ที่จะสามารถถ่ายรูปอาคารสถานีหนองคายได้แบบชัด ๆ ไม่มีขบวนรถมาจอดบัง เพราะในวันนั้นขบวนที่ 415 วิ่งยาวตลอดม้วนเดียวจบ ไม่ได้เข้ารางหลีกให้ขบวนที่ 69 และขบวนที่ 133 แซงขึ้นหน้าไปเลย นั่นก็หมายความว่า ที่ " สถานีหนองคาย " ไม่มีขบวนรถใด ๆ จอดอยู่เลยครับ น่าเสียดายจริง ๆ ทำไมไม่คิดได้ให้เร็วกว่านี้นะ...

เจ็บใจไปก็เท่านั้นครับ ลงมาจากขบวนรถแล้วนี่นา แถมรถก็ออกไปแล้วด้วย รีบเดินไปที่โรงแรมดีกว่า วันนั้นผมกับเจ้าตี๋มาพักที่โรงแรมประชาพาเลสครับ ราคาค่าห้องนี้ก็ 350 บาท / คืนอีกแล้ว ก็มีครบทั้งแอร์ โทรทัศน์ เคเบิ้ล น้ำอุ่น เตียงเดี่ยว ล่ะครับ



บ่ายวันนั้นหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็ออกมาเดินดูตัวเมืองอุดรธานีสักรอบใหญ่ ๆ ครับ พอกลับไปถึงที่โรงแรมแล้วก็ซื้อส้มตำที่เป็นร้านรถเข็นมาขายข้างหน้าโรงแรมกลับไปกินที่ห้อง จากนั้นก็ให้เจ้าตี๋นอนพักครับ ส่วนผมก็มาจัดการกับรูปในกล้อง ลบรูปที่คิดว่าจะไม่ใช้งานทิ้งไป เพราะเนื้อที่ใน memory stick เหลือไม่มาก


พอตกเย็นก็ออกมากินข้าวครับ ก็ไม่ได้ไปไหนไกลอยู่แถว ๆ สถานีรถไฟนั่นล่ะครับ เพราะคิดว่าจะมาดู ขบวนรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศที่ 75 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีอุดรธานี ด้วยครับ ในวันนั้นขบวนที่ 75 มาถึงที่ เวลาประมาณ 18.23 น. ผู้โดยสารที่อยู่บนรถเมื่อมาถึงสถานีปลายทางแห่งนี้ก็ถือว่าหนาแน่นครับ ยิ่งถ้าไปยืนนับผู้โดยสารที่กำลังรออยู่ที่ชานชาลา เพื่อที่จะโดยสารไปกับ ขบวนรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศที่ 78 ต้นทางสถานีอุดรธานี - ปลายทางสถานีกรุงเทพ แล้ว ผมว่าถ้าไม่ได้มาขึ้นรถที่นี่ ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วชั้น 3 เอาไว้ไม่มีที่นั่งเหลือพอแน่ ๆ ครับ ผู้โดยสารเยอะจริง ๆ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

เข้าสู่วันที่ 6 ของการเดินทาง ใกล้จบทริปเต็มที ต่อจากนี้ก็ไม่มีโปรแกรมลงพื้นที่สำรวจแบบหนัก ๆ แล้วล่ะครับ ที่เหลือก็เที่ยว เที่ยว แล้วก็เที่ยวเท่านั้น เปิดหูเปิดตาครับ แวะมาหลายทีแล้วแต่ยังไม่เคยได้เที่ยวในเมืองเลย...

วันนี้ล่ะครับที่ผมกับเจ้าตี๋จะได้เที่ยวชมเมืองอุดรธานีกันแบบจริง ๆ จัง ๆ เสียที เมฆฝนที่เคยปกคลุมท้องฟ้าตลอดทั้งวันเมื่อครั้งยังอยู่แถบอีสานใต้ หรือฝนที่เคยตกกระหน่ำอย่างหนักเมื่อวันที่อยู่ที่โคราช แต่พอมาถึงดินแดนอีสานเหนือไม่เห็นแม้แต่เงาครับ ฟ้าใสแจ่มกระจ่างถูกใจผมจริง ๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อนทีเดียว

เช้าวันนั้นผมกับเจ้าตี๋ขึ้นรถสกายแลปอย่างที่เห็นอยู่นี้ครับ แต่ไม่ได้นั่งคันนี้นะครับ แค่ไปแอบถ่ายรถของพี่เขามา เพราะเห็นว่าสวยดี




จากถนนหน้าโรงแรมพี่เจ้าของรถก็พาผมกับเจ้าตี๋มุ่งหน้าตรงไปทาง ทุ่งศรีเมือง ( ที่อุดรธานีก็มีทุ่งศรีเมืองเหมือนกันนะครับ ) เพื่อไปเติมพลังกับอาหารเช้าที่น้องเอก ( umic2000 ) ได้แนะนำเอาไว้ตอนผมลงกระทู้รูปภาพของ " สถานีอุดรธานี " ครับ




พอผมบอกให้พี่เขาแนะนำร้านขายไข่กระทะให้สักร้านหนึ่ง พี่เขาก็พามาที่นี่ครับ " ร้านไข่กระทะเลิศรส "




มาถึงร้านขายไข่กระทะ ก็ต้องกินไข่กระทะครับ นอกจากนั้นผมยังมีนมสดร้อน แล้วก็ขนมปังสอดไส้กุนเชียงกับแฮม อีกด้วยครับ




ส่วนเจ้าตี๋ก็เป็นโจ๊กหมูล้วนใส่ไข่ กับโอวัลตินเย็น



ทั้งหมดนี้ราคา 85 บาทเท่านั้นเองครับ แล้วผมก็ได้ลิ้มรสชาติของไข่กระทะที่เขาบอกกันว่าที่อุดรธานีนี้เป็นไข่กระทะต้นตำรับ ที่แท้รสชาติมันเป็นแบบนี้นี่เอง ส่วนถ้าอยากรู้ว่ารสชาติอร่อยหรือเปล่านั้น ถ้ามีเวลาลองแวะมาชิมดูเอาเองแล้วกันครับ...
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.