ตุลาฮาเฮ... แบกเป้ " ตะลอนทั่วอีสาน "

[ExtendeD]

ผมกับเจ้าตี๋มีเวลาอยู่ที่ " สถานีอุดรธานี " นี้ ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่ ขบวนรถท้องถิ่นที่ 415 ต้นทางสถานีนครราชสีมา - ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย จะมาถึง ระหว่างนั้นผมก็พาเจ้าตี๋ไปที่นี่ครับ " ศาลเจ้าปู่ - ย่า " ที่อยู่ใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟครับ ภายในจะมีลักษณะคล้ายศาลเจ้าของคนจีนที่ผมคุ้นตาตั้งแต่สมัยเด็ก ใกล้ ๆ กันมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ ถ้าไม่ติดที่ว่าแดดแรงเกินไปสักหน่อย เดินไปเดินมาอยู่ที่นี่ก็คงจะเย็นสบายดีครับ




ออกจาก " ศาลเจ้าปู่ - ย่า " มา ก็จะเห็น " สถานีอุดรธานี " จากมุมมองไกล ๆ แบบนี้ครับ




เดินตามทางรถไฟมาเรื่อย ๆ ก็มาถึงบริเวณชานชาลา ครับ




ก็มาเดินดู อาคารสถานีเพิ่มเติมจากเมื่อครั้งปีที่แล้วสักหน่อยครับ




สายสลิงจากห้องควบคุมการเดินรถที่อยู่ภายในอาคารสถานี ก็จะร้อยเลียบชานชาลาทั้ง 2 ฝั่งไปเหมือนกับหลาย ๆ สถานีที่เคยเห็นมาตลอดการเดินทางครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ก้มดูที่รางที่ 2 เห็นตัวอักษร " RSR XII 1959 MM OB " ครับ




บชส. ทั้ง 4 คันนี้ เป็นของ ขบวนรถเร็วที่ 133 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีหนองคาย ตัดทิ้งเอาไว้ รอพ่วงกลับไปพร้อมกับ ขบวนรถเร็วที่ 134 ต้นทางสถานีหนองคาย - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ช่วงหัวค่ำครับ เห็นแบบนี้แล้วยิ่งทำให้คิดถึงขบวนที่ 137 จริง ๆ เลย




เสาสัญญาณออก 3 สหายแห่งเมืองอุดรธานี ยังคงอยู่ดีมีสุขกันเหมือนเดิม




ขบวนที่ 415 มาถึง " สถานีอุดรธานี " เวลา 11.51 น. ครับ ในวันนั้นได้ กซข. 1031 เป็นคันท้ายสุด เจ้าตี๋กลัวตกรถรีบเดินไปขึ้นรถแล้วล่ะครับ




ผมกับเจ้าตี๋ขึ้นไปบนขบวนรถแล้วไปนั่งอยู่ใน พซข. 37 ครับ ที่นั่งก็ว่างโล่งอย่างที่เห็นเลือกมุมถ่ายรูปตามสบายครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ในวันนั้นขบวนที่ 415 จอดรับ - ส่งผู้โดยสารที่ " สถานีอุดรธานี " ประมาณ 3 นาที หลังจากนั้นก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคายครับ



ในรูปข้างบนนี้เห็นอะไรผิดแปลกไปจากปกติหรือเปล่าครับ มีใครสังเกตเห็นบ้างเอ่ย... ยังไม่เฉลยตอนนี้ครับ บอกได้แค่ว่าในตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นเหมือนกันครับ กว่าจะไปรู้ตัวก็โน่น ก่อนถึงปลายทางไม่ถึงกิโลเมตรแล้ว ความรู้สึกช้าจริง ๆ


ออกจาก " สถานีอุดรธานี " มาไม่ถึง 10 นาที ที่บริเวณเสาโทรเลขที่ 579/9 ถ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งซ้ายหรือขวา ก็จะเห็นว่าพื้นที่รอบข้างถูกน้ำท่วม เท่าที่ดูจากต้นไม้แต่ละต้น บางต้นถูกน้ำท่วมสูงถึงยอดเลย แสดงว่าระดับน้ำที่ท่วมอยู่นี้ก็คงจะสูงครับ




จนมาถึงบริเวณเสาโทรเลขที่ 592/11 พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมก็คงจะมีแต่เพียงบริเวณใกล้ ๆ กับแนวทางรถไฟเท่านั้นล่ะครับ เพราะห่างออกไปนั้นเป็นทุ่งนาแล้ว




15 นาทีต่อมา ขบวนที่ 415 ก็วิ่งผ่านจุดตัดถนนเสมอระดับแห่งนี้ครับ มองตรงไปจะเห็นถนนหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพนั่นเองครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

สำหรับเส้นทางช่วง " สถานีอุดรธานี " - " สถานีหนองคาย " นั้น น้องบอยได้นำเสนอผ่านกระทู้ Review : หนองคาย-อุดรธานี กับสถานีที่หาย (ไปไหน) แล้วนะครับ

ก่อนจะเข้าสู่ " สถานีนาทา " มองออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นโรงเก็บรถตรวจทาง และอุปกรณ์ของพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ ส่วนบริเวณชานชาลาของ " สถานีนาทา " นั้นเป็นลานกว้าง ๆ ครับ




ใกล้ ๆ กับอาคารสถานี จะเห็น " พระบรมราชานุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 5 " ครับ




อาคารสถานีของ " สถานีนาทา " เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น




อีกด้านหนึ่งของอาคารสถานี จะเห็นว่ามีที่นั่งพักของผู้โดยสารด้วยครับ




ที่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารสถานีจะมีลักษณะเป็นย่านครับ




ก่อนไปถึงเสาสัญญาณออก จะเห็นหลักกิโลเมตรที ๖๑๘ อยู่ข้างทางประธาน และบริเวณนี้มีประแจแยกเข้ารางตันด้วยครับ




รางที่แยกออกไป ก็ยังมีประแจแยกเป็น 2 รางอีกที ถ้าจะเดินสำรวจ " สถานีนาทา " นี้ให้ทั่ว ก็คงต้องเผื่อเวลาเอาไว้นานสักหน่อยล่ะครับ




ปลายสุดของรางตันมีปั้นจั่นติดตั้งอยู่ด้วยครับ




ส่วนความเป็นมาที่ทำให้ " สถานีนาทา " มีย่านใหญ่โตขนาดนี้ พี่จ่าออนซอน ( AONZON ) ได้เล่าเอาไว้ในกระทู้ " สถานีรถไฟอุดรธานีในวันฟ้าใส ๆ " ว่า...

[ExtendeD]

ไม่ไกลจากจุดนั้น ก็จะเห็นเสาสัญญาณเข้าของ " สถานีหนองคาย " ครับ ที่เสาสัญญาณหางปลานี้มี " ป้ายพิกัดความเร็วสูงสุดในทางประธาน * " ติดอยู่ด้วยครับ ขบวนรถดีเซลรางใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ส่วนขบวนรถที่ใช้รถจักรทำขบวนใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 75 กิโลเมตร / ชั่วโมงครับ



* รายละเอียดเกี่ยวกับ " ป้ายพิกัดความเร็วสูงสุดในทางประธาน " รวมถึงป้ายสัญญาณต่าง ๆ ที่ใช้ในกิจการรถไฟไทย สามารถอ่านได้จาก file " signalsign.pdf " ที่ download จาก rotfaithai.com


หลังจากนั้นแนวของทางรถไฟก็จะเป็นโค้งซ้ายที่เห็นอยู่นี้




พ้นจากโค้งซ้ายเมื่อสักครู่มา ก็จะเห็นแป้นปะทะ ไม่ไกลจากจุดนั้นมีรถจักรดีเซลไฟฟ้า Alsthom จอดอยู่ 2 คันครับ ก็เป็นอันสรุปได้ว่า ขบวนรถเที่ยวสุดท้ายของทริปนี้ จะได้ใช้บริการ Alsthom ครับ ไม่ใช่ Hitachi อย่างที่หวังเอาไว้ มาเที่ยวแถว ๆ อุดรธานี - หนองคายทีไร เจอ Alsthom เกือบทุกครั้งเลย




ผ่าน Alsthom ทั้ง 2 คันมา ก็จะเข้าสู่ " สถานีหนองคาย " แล้วล่ะครับ




ตั้งแต่ออกจาก " สถานีอุดรธานี " มา ผู้โดยสารที่อยู่บนขบวนรถว่ามีน้อยอยู่แล้ว พอมาถึงที่นี่ก็ลงจากขบวนรถไปหมดเลยครับ ผมก็ลังเลว่าจะไปต่อดีหรือเปล่า เพราะไม่เหลือใครเลยครับ นอกจากพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ กับพนักงานบริษัทเอกชนที่ขึ้นมาทำความสะอาดขบวนรถ แถมยังถามผมอีกว่า " ทำไมยังไม่ลง "




มาดูในแผนที่ของ Pointasia อีกครั้งครับ ตำแหน่งของ
- " สถานีหนองคาย " จะอยู่ในวงกลมสีน้ำเงินด้านล่าง
- " ที่หยุดรถตลาดหนองคาย " อยู่ในวงกลมสีเขียว
- ระหว่างทางจาก " สถานีหนองคาย " ไปสู่ " ที่หยุดรถตลาดหนองคาย " จะเห็นแนวของทางรถไฟเลี้ยวแยกออกไปทางด้านซ้ายครับ เป็นทางขึ้นไปสู่สะพานมิตรภาพไทย - ลาวนั่นเอง



สถานีหนองคาย ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางที่หยุดรถตลาดหนองคาย )
เป็นสถานีระดับที่ 1 อักษรย่อ นค. รหัสสถานี 2208
ตั้งอยู่ในตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 621.10 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลไฟฟ้าชนิดบังคับสัมพันธ์ด้วยรีเลย์ และสัญญาณไฟสี ก.1ก *

* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com

รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com

ข้อมูลทั่วไป และข้อมูลการท่องเที่ยวของจังหวัดหนองคาย สามารถหาเพิ่มเติมได้จาก
1. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
2. สำนักงานจังหวัดหนองคาย
3. thaitambon.com
4. moohin.com
5. thai-tour.com
6. relaxzy.com
7. lakkai.com
8. hamanan.com
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ก็เป็นเหมือนกับเมื่อครั้งที่ผมเดินมาดูเมื่อปีก่อนหน้านี้ครับ จุดที่ทางรถไฟที่จะขึ้นไปสู่สะพานมิตรภาพไทย - ลาว ยังคงไม่ได้ติดตั้งประแจ...



จากจุดนี้ไปทางรถไฟที่จะไปสู่สะพานมิตรภาพไทย - ลาวนี้ ก็จะเลี้ยวโค้งไปทางซ้าย แล้วก็เลี้ยวขวาขึ้นสะพานไปครับ


ย้ายมายืนดูทางด้านขวาของขบวนรถบ้างครับ จะเห็นแปลงเพาะปลูกของชาวบ้านอยู่ข้างทาง




จากนั้นขบวนที่ 415 ก็จะเข้าสู่โค้งขวายาว ๆ มาจนถึงตรงนี้ล่ะครับ ที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าขบวนที่ 415 ในวันนั้น ไม่เหมือนกับขบวนที่ 415 ที่ผมเคยนั่ง หรือเคยเห็นมาก่อนหน้านี้... คิดว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ก็คงจะสังเกตเห็นแล้วนะครับ ว่ามีอะไรแปลกไป ย้ำอีกทีว่าผมกับเจ้าตี๋ก็ยังคงนั่งอยู่ใน พซข. 37 ไม่ใช่ กซข. 1031 ที่เป็นคันสุดท้ายของขบวน...




ถ้ายังไม่เห็น ผมแถมรูปนี้ให้อีกรูปครับ ใบ้สุดตัว... มองไปทางด้านท้ายขบวนครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[saraburi]

5 คันหรอครับพี่เต้ย จากการมองๆแล้วรถกำลัง 2 รถเกาะ 3 หุๆๆ
_________________
ช่างภาพระดับพื้นโลก

[ExtendeD]

[ExtendeD]

แต่มาเที่ยวครั้งนี้แฟนผมไม่ได้มาด้วย ถึงมาด้วยก็ไม่รู้ว่าอยากจะลงไปเดินซื้อของที่ " ตลาดท่าเสด็จ " หรือเปล่า วันนั้นก็เลยได้แค่ผ่านทางนี้ไปเฉย ๆ ครับ นั่งรถต่อไปอีกไม่นานก็มาถึงจุดหมายครับ ก็คือ " วัดโพธิ์ชัย " แห่งนี้นั่นเอง



ส่วนคุณลุงเรียกค่าโดยสารคนละ 50 บาท 2 คนก็ 100 บาท พอผมให้ไปก็จากกันด้วยดีครับ แต่อยากจะบอกเอาไว้ตรงนี้สักนิดครับ ตอนที่ผมยังอยู่บนขบวนที่ 415 ผมมองไปเห็นที่ชานชาลาของ " สถานีหนองคาย " มีป้ายกำหนดค่าโดยสารของรถสกายแลปจาก " สถานีหนองคาย " ไปสู่สถานที่ต่าง ๆ ติดเอาไว้ด้วย พอได้กลับไปที่ " สถานีหนองคาย " ตอนเย็น ๆ ผมก็ไปเดินดูให้เห็นชัด ๆ ในป้ายนั้นกำหนดราคาค่าโดยสารจาก " สถานีหนองคาย " ไปที่วัดโพธิ์ชัย คนละ 30 บาทครับ ก็สรุปว่าถ้านั่งขบวนที่ 418 มาลงที่ " สถานีหนองคาย " จะเสียค่ารถสกายแลปถูกกว่าไปลงที่ " ที่หยุดรถตลาดหนองคาย " นะครับ


อุโบสถหลังใหญ่ที่เป็นที่ประดิษฐาน " หลวงพ่อพระใส " นั้นจะอยู่ด้านในครับ




แต่ก่อนหน้านั้น เราคงต้องมาจุดธูปไหว้หลวงพ่อที่ซุ้มด้านนอกกันก่อน เพราะภายในอุโบสถไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนครับ





เดินเข้าไปภายในอุโบสถหลังใหญ่ครับ พอก้าวเข้ามาก็จะเห็นว่าภายในอุโบสถนี้กว้างขวางใหญ่โตจริง ๆ ครับ




องค์หลวงพ่อพระใสที่ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถครับ




ใกล้ ๆ กันมีพระบรมสารีริกธาตุ และรอยพระพุทธบาทครับ



โดยรวมแล้วสถาปัตยกรรมภายในอุโบสถแห่งนี้ดูสวยงามมากครับ ทั้ง โคมไฟที่เด่นสะดุดตา และ ภาพพุทธประวัติตามผนังอุโบสถ เดินมาจนถึงใกล้ ๆ กับประตูทางออกจากอุโบสถมีเครื่องเงิน งาช้างแกะสลัก หงอนพญานาค ที่มีผู้นำมาถวายครับ


จากนั้นผมก็เรียกรถสกายแลปอีก 1 คัน เพื่อไปส่งที่ห้างครับ เพราะถึงตอนนั้นก็ 13.24 น. แล้วผมกับเจ้าตี๋ยังไม่ได้กินข้าวเลยครับ พี่คนขับรถเขาก็ขับไปตามถนนประจักษ์ศิลปาคมที่เห็นอยู่นี้ครับ




แล้วก็เลี้ยวผ่านซอกซอยออกมาที่ถนนพนังชลประทาน จากถนนสายนี้ถ้าตรงไปก็จะไปถึงเวียงจันทร์ หรือถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะกลับไปที่จังหวัดอุดรธานีตามที่ได้เห็นในป้าย ส่วนถ้ากลับรถแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางเดิมนั้นจะเป็นทางไปสู่อำเภอโพนพิสัยครับ




ขณะที่ไปติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยกข้างหน้านั้น มองไปทางขวาก็เห็นซุ้มฉลองศิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ที่สร้างถวายโดยเทศบาลเมืองหนองคาย ไม่ว่าจะเป็นป้ายชื่อถนน ป้ายชื่อตรอกซอกซอยต่าง ๆ รวมไปถึงซุ้มที่เห็นอยู่นี้ ก็ล้วนแต่มีพญานาคที่เหมือนกับว่าเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดหนองคายให้เห็นอยู่แทบทุกที่เลยครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

พอไปถึงที่ห้างผมก็พาเจ้าตี๋ไปกินสุกี้ แถมด้วยดูหนังอีก 1 เรื่อง เป็นรางวัลที่ทำตัวดี ช่วยงานสำรวจตลอดหลายวันที่ได้เดินทางไปด้วยกันครับ กว่าหนังจะจบผมก็เรียกรถกลับมาที่ " สถานีหนองคาย " อีกครั้งเวลา 16.23 น. ครับ




มาเดินดูรอบ ๆ บริเวณ " สถานีหนองคาย " แห่งนี้กันสักหน่อยดีกว่าครับ




เดินเข้ามาภายในอาคารสถานี มองไปทางซ้ายก็จะเห็นช่องจำหน่ายตั๋วครับ หันมองกลับไปข้างหลังจะเห็นป้ายแสดงตารางกำหนดเวลาเดินรถ ซึ่งสามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้จาก website ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ครับ จากนั้นก็ออกมาบริเวณชานชาลาครับ




มาเริ่มกันจากบริเวณป้ายประเพณีที่อยู่ที่ชานชาลาทางด้านทิศเหนือครับ ขบวนรถที่เห็นว่าจอดอยู่ที่ " สถานีหนองคาย " ในขณะนั้นคือ ขบวนรถด่วนที่ 70 ต้นทางสถานีหนองคาย - ปลายทางสถานีกรุงเทพ และ ขบวนรถเร็วที่ 134 ต้นทางสถานีหนองคาย - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ครับ




ก้มลงดูที่ทางประธานครับ ตัวอักษรที่เห็นก็คือ " 1955 RSR OB "




ส่วนที่รางที่ 2 มีตัวอักษร " 7040 A5CF TENNESSEE USA 1963 1X7 " ครับ ผมไม่เคยเห็นตัวอักษรแบบนี้เลย


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.