View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 03/12/2007 9:31 am Post subject: |
|
|
เหตุที่ห้ามไม่ให้สุภาพสตรีเข้าไปสักการะบริเวณชั้นในกำแพงแก้ว รอบพระบรมธาตุ หรือเจดีย์ในภาคเหนือนั้น เพราะพระบรมธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุนั้น คนโบราณนิยมฝังไว้ใต้ดินครับ ไม่ได้ประดิษฐานบนส่วนยอดเจดีย์เหมือนทางภาคกลาง และภาคอื่นๆ
จากข้อห้ามดังกล่าว เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณระเบียบรัตน์ เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน จนถึงกับพีน้องชาวเมืองเหนือประท้วง เผาพริกเผาเกลือ ตามที่เห็นในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ช่วงนั้นครับ |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 03/12/2007 8:30 pm Post subject: |
|
|
black_express wrote: | เหตุที่ห้ามไม่ให้สุภาพสตรีเข้าไปสักการะบริเวณชั้นในกำแพงแก้ว รอบพระบรมธาตุ หรือเจดีย์ในภาคเหนือนั้น เพราะพระบรมธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุนั้น คนโบราณนิยมฝังไว้ใต้ดินครับ ไม่ได้ประดิษฐานบนส่วนยอดเจดีย์เหมือนทางภาคกลาง และภาคอื่นๆ
จากข้อห้ามดังกล่าว เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณระเบียบรัตน์ เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน จนถึงกับพีน้องชาวเมืองเหนือประท้วง เผาพริกเผาเกลือ ตามที่เห็นในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ช่วงนั้นครับ |
ขอบคุณครับพี่ตึ๋ง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมกับเจ้าตี๋กลับมาถึงที่ สถานีลำพูน อีกครั้งเมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. ครับ มาถึงตอนนี้แดดก็แรงกว่าเมื่อเช้าเยอะเลยครับ หมอกที่เคยเห็นจาง ๆ ตอนนี้ก็หายไปหมดแล้วครับ
สถานีลำพูน ในเส้นทางสายเหนือ ( ปลายทางสถานีเชียงใหม่ )
เป็นสถานีระดับที่ 1 อักษรย่อ ลพ. รหัสสถานี 1216
ตั้งอยู่ในตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 729.21 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลหมู่ชนิดบังคับด้วยเครื่องกลไฟฟ้าสัมพันธ์ หรือสายลวด กับสัญญาณไฟสี ก.2 *
* อ้างอิงจาก file station_north.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com
รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com
แผนที่ของ Pointasia แสดงพื้นที่โดยรอบ สถานีลำพูน ครับ ไกลออกไปทางด้านทิศใต้ประมาณ 962 เมตรนั้น เป็นที่ตั้งของ สะพานข้ามแม่น้ำกวง ครับ
จาก สถานีลำพูน ถ้าจะเข้าไปในตัวเมือง ก็จะต้องไปตาม ถนนสันป่ายาง ที่ตัดเฉียงลงมาทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่เห็นในรูปครับ
บ้านพัก ( ไม่แน่ใจว่าเป็นของ ครฟ. หรือเปล่า ) ทาสีใหม่เอี่ยม จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วยังสร้างไม่เสร็จเลยครับ
09.17 น. ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 12 ต้นทางสถานีเชียงใหม่ - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ก็เข้ามาถึง สถานีลำพูน ครับ
ที่มาหยุดรับ - ส่งผู้โดยสารในรางที่ 1 ก็เพราะว่า สักพักใหญ่ ๆ หลังจากนั้น ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเชียงใหม่ ก็วิ่งผ่านเข้ามาในทางประธาน โดยที่มีรถจักรดีเซลไฟฟ้า General Electric ( GEA. ) หมายเลข 4545 ทำขบวนครับ ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะถ้าจะถ่ายรูปของขบวนที่ 13 จากจุดที่ผมยืนอยู่จะย้อนแสงเต็ม ๆ เลยครับ _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 03/12/2007 9:15 pm Post subject: |
|
|
หลังจากที่ขบวนที่ 12 ออกจาก สถานีลำพูน ไปแล้ว ผมกับเจ้าตี๋ก็ยังคงเดินไปเดินมาอยู่แถว ๆ นั้นล่ะครับ รอจนกระทั่ง 09.48 น. ขบวนรถท้องถิ่นที่ 408 ต้นทางสถานีเชียงใหม่ - ปลายทางสถานีนครสวรรค์ ก็เข้ามาหยุดรับ - ส่งผู้โดยสารในรางที่ 2 ครับ
ในวันนั้นขบวนที่ 408 ซึ่งเป็นขบวนรถที่พาผมกับเจ้าตี๋ไปส่งยังจุดหมายสุดท้ายของการเดินทาง ประกอบด้วย THN. 1123 + NKF. 1218 + THN. 1138 ครับ
และนี่ก็คือบรรยากาศภายใน กซข. 1138 ครับ มีน้องหมาอยู่ใน THN. คันนี้ด้วย น่ารักมากเลยครับ คิดถึงบางแก้วที่บ้านปากน้ำขึ้นมาทันที
พอขึ้นมาบนรถแล้ว ผมก็ให้เจ้าตี๋ที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ( นั่งหันหลัง ) รับบทตากล้องไปครับ ขบวนที่ 408 มาถึง สถานีหนองหล่ม เวลา 10.08 น. ครับ
สถานีหนองหล่ม ในเส้นทางสายเหนือ ( ปลายทางสถานีเชียงใหม่ )
เป็นสถานีระดับที่ 3 อักษรย่อ งล. รหัสสถานี 1212
ตั้งอยู่ในตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 713.01 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลสายลวดพร้อมสัญญาณหางปลาชนิดมีเสาเข้าเขตใน เสาออก ไม่มีสัญญาณเตือน ก.4 *
* อ้างอิงจาก file station_north.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com
รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com
จากนั้นก็มาถึง สถานีศาลาแม่ทา เวลา 10.21 น. ครับ
สถานีศาลาแม่ทา ในเส้นทางสายเหนือ ( ปลายทางสถานีเชียงใหม่ )
เป็นสถานีระดับที่ 3 อักษรย่อ ลท. รหัสสถานี 1208
ตั้งอยู่ในตำบลทาสบเส้า อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 700.68 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลสายลวดพร้อมสัญญาณหางปลาชนิดมีเสาเข้าเขตใน เสาออก ไม่มีสัญญาณเตือน ก.4 *
* อ้างอิงจาก file station_north.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com
รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลทาสบเส้า อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com
แล้วก็มาถึง สถานีทาชมภู เวลา 10.30 น. แต่ไม่มีรูปให้ดูครับ ช่วงแรกที่เพิ่งขึ้นไปบนขบวนรถ แสงจะส่องเข้ามาจากทางด้านซ้ายของขบวนรถโดยตลอด แต่พอมาถึงบริเวณก่อนจะเข้าสู่ สถานีศาลาแม่ทา ขบวนรถวิ่งลัดเลาะไปตามเขาจน แสงเปลี่ยนมาส่องเข้ามาจากทางด้านขวาของขบวนรถแทน พอออกจาก สถานีศาลาแม่ทา ก็เลยต้องปิดที่บังแดดลงมาครับ เกรงใจคุณพี่ที่นั่งฝั่งตรงข้าม _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 03/12/2007 10:30 pm Post subject: |
|
|
พอขบวนที่ 408 ออกจาก สถานีทาชมภู มา เป็นโชคดีของผมที่พี่พหล. เดินผ่านมาพอดีครับ ผมก็เลยขออนุญาตพี่เขา เพื่อไปยืนถ่ายรูปสะพานทาชมภูจากมุมมองด้านท้ายขบวนรถ ซึ่งก็ได้รับการอนุญาตตามที่ขอ ผมจึงได้รูปทั้ง 4 รูปที่จะได้เห็นต่อไปนี้มาเก็บเอาไว้ ขอบคุณคุณพี่ พหล. ขบวนที่ 408 ในวันนั้นมากครับ
ในรูปนี้จะเห็นเสาสัญญาณเข้าของสถานีทาชมภูอยู่ที่โค้ง...
ผ่านจากโค้งเมื่อสักครู่มาก็จะถึงโค้งสำคัญแล้วครับ... แถว ๆ นี้ที่พี่ ๆ น้อง ๆ คณะเดินขาลากมาเยี่ยมชมกันไปแล้ว...
แล้วขบวนที่ 408 ก็จะข้าม สะพานทาชมภู ไปครับ
พอผ่าน สะพานทาชมภู มาแล้ว ก็จะเข้าโค้งซ้ายอีกครั้ง ผมว่ามีโค้งอยู่ทั้ง 2 ฝั่งก่อนจะไปถึงสะพานนี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ อยู่บนรถถ่ายรูปออกมาก็สวย หรือจะไปดักรออยู่ข้างล่างก็ไม่เลวเลย ปัจจัยที่เหลือก็มีเพียงแค่ทิศทางของแสงเท่านั้นเอง
ชมบรรยากาศที่ สะพานทาชมภู แบบใกล้ชิดได้ที่กระทู้ " เดินขาลากจากขุนตานไปสะพานคอมโพสิตแล้วเดินกลับ " ครับ
จาก สะพานทาชมภู มาประมาณ 13 นาที ขบวนที่ 408 ก็มาหยุดรับ - ส่งผู้โดยสารที่ สถานีขุนตาน ครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 04/12/2007 7:30 am Post subject: |
|
|
จุดหมายสุดท้ายของการเดินทางในครั้งนี้ก็คือ สถานีขุนตาน ครับ
สถานีขุนตาน ในเส้นทางสายเหนือ ( ปลายทางสถานีเชียงใหม่ )
เป็นสถานีระดับที่ 3 อักษรย่อ ขน. รหัสสถานี 1204
ตั้งอยู่ในตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 683.14 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลสายลวดพร้อมสัญญาณหางปลาชนิดมีเสาเข้าเขตใน เสาออก ไม่มีสัญญาณเตือน ก.4 *
* อ้างอิงจาก file station_north.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com
รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com
แผนที่ของ Pointasia แสดงพื้นที่โดยรอบ สถานีขุนตาน ครับ ทางขวาล่างของแผนที่ที่ผมตัดมานั้น ไม่แน่ใจว่าจะใช่บังกะโลรถไฟขุนตานหรือเปล่านะครับ
มาเริ่มเดินเที่ยวที่ สถานีขุนตาน จากที่นี่ก่อนเลยครับ อนุสาวรีย์เจ้าพระยาเบิก ( เจ้าพ่อขุนตาน )
ส่วนข้อความที่เห็นอยู่ด้านล่างนี้ ผมคัดลอกมาจากป้ายสีขาว ๆ ที่วางอยู่ที่พื้นทางด้านซ้ายล่างครับ ตากแดดตากฝนมานาน จนตัวอักษรเลือนลางมาก พยายามแกะออกมาถึงที่สุดก็ได้เท่าที่เห็นนี่ล่ะครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | อนุสาวรีย์เจ้าพระยาเบิก ( เจ้าพ่อขุนตาน )
ในปัจจุบันมีอนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนตานอยู่หลายแห่ง เช่นที่บริเวณอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ซึ่งมีชัยภูมิเป็นที่ราบกว้างใกล้แม่น้ำแม่ตาน สันนิษฐานว่าเป็นจุดที่ตั้งทัพทหารชาวเขลางก่อนจะออกเดินทางไปหริภุญชัย ( สร้างโดยปูนปั้นในอิริยาบถทรงม้า ) อนุสาวรีย์ที่บริเวณศาลริมถนนในเขตรอยต่อของจังหวัดลำปางและลำพูนกลางดอยขุนตาน ( ศาลแรกเป็นปูนปั้นไม่ทราบผู้สร้าง ส่วนอีกศาลเป็นรูปหล่อโลหะ ทรงชุดนักรบประทับยืน โดยกรมทางหลวงสร้างถวายเมื่อมีการตัดขยายถนนผ่านบริเวณดังกล่าว )... ฯ
ส่วนอนุสาวรีย์พระยาเบิก หรือเจ้าพ่อขุนตานอีกที่หนึ่งคืออนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่บนหลังปากอุโมงค์รถไฟขุนตานด้านทิศเหนือ ( บริเวณศาลเดิมเริ่มแรก ) ในอิริยาบทประทับนั่ง ทรงเครื่องกษัตริย์สมัยล้านนา สร้างโดยหินทรายจากลพบุรี และนำไปแกะสลักที่อ่างศิลา จ. ชลบุรี การแกะสลักมีขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเล็กน้อย โดยเจ้าอาวาสวัดดอยขุนตาน ร่วมกับคณะศรัทธา ข้าราชการ ประชาชนชาวอำเภอแม่ทา ตลอดจนผู้เคารพเลื่อมใสศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ท่าน ร่วมกันสร้างขึ้นจนแล้วเสร็จ มีขบวนแห่องค์อนุสาวรีย์มาประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้เมื่อ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๖ โดยมีพิธีพุทธาภิเษก และพิธีเทวาภิเสก บวงสรวง ในวันเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๖ ที่ผ่านมา
ศาลเจ้าพ่อขุนตาน ในสมัยที่มีการขุดเจาะอุโมงค์ขุนตานเพื่อสร้างทางรถไฟลอดผ่านบริเวณเขาดอยขุนตาน ได้มีการสร้างศาลบริเวณนี้เป็นที่แรก เพื่อ........เจ้าพ่อขุนตาน เพื่อให้ช่วยคุ้มครอง รักษา และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตามศรัทธาความเชื่อ................ ทำให้เจ้าพ่อขุนตานเป็นที่รู้จัก และเคารพของคนทั่วไปและมีผู้เลื่อมใสศรัทธา สร้างศาลเจ้าพ่อขุนตาน........... เพิ่มอีกหลายแห่ง..... |
สำหรับ อนุสาวรีย์เจ้าพระยาเบิก ( เจ้าพ่อขุนตาน ) นั้นจะอยู่ข้างบนปากอุโมงค์ขุนตานฝั่งจังหวัดลำพูนครับ พอขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว ถ้ามองลงมาด้านล่างก็จะเห็น สถานีขุนตาน จากมุมสูงได้ บรรยากาศดี สงบเงียบมากเลยครับ
เดินลงมาด้านล่างก็จะเห็น ศาลเจ้าพ่อขุนตาน อยู่ข้างทางรถไฟครับ ( บริเวณที่คณะทัวร์ขาลากไปนั่งพักกินข้าวนั่นล่ะครับ )
ข้อมูลตามป้าย wrote: | พระประวัติเจ้าพ่อขุนตาน
ปีจุลศักราช ๖๒๔ พระยาเม็งรายได้สร้างเมืองเชียงรายขึ้น และทรงเห็นว่าล้านนาไทยนี้แยกออกเป็นหลายวงษ์ สมควรที่จะรวมเป็นแผ่นดินเดียวกันเสีย ดำริห์แล้วจึงยกทัพไปตีเมืองมอบไร เชียงคำ เชียงร้าง เชียงของ ฝาก เซิง ต่อมาจะตีเมืองหริภุญชัย แต่ขุนฟ้า ขุนนางของพระยาเม็งรายค้านว่าคงยาก เพราะกำลังชาวหริภุญชัยนั้นแข็งนัก พระยาเม็งรายจึงทำอุบายเนรเทศขุนฟ้าให้ออกจากเมืองฐานขบถ ขุนฟ้าจึงไปขอรับราชการอยู่กับพระยายีบาเจ้าเมืองหริภุญชัยนานถึง ๗ ปี และทำอุบายต่าง ๆ ยุยงให้ชาวเมือง เกลียดชังพระยายีบา ครั้นแล้วพระยาเม็งรายก็ตีชิงเมืองหริภุญชัยโดยง่ายเมื่อปี ๖๔๓ ส่วนพระยายีบา ก็หนีมาอยู่กับพระยาเบิก เจ้าเมืองเขลางค์ ผู้เป็นโอรส จนเวลาล่วงไป ๑๔ ปี พระยาเบิกทรงช้างชื่อ ปานแสนพล ยกทัพไปเพื่อจะตีชิงเมืองคืนให้กับพระราชบิดา ฝ่ายพระยาเม็งรายทราบข่าวจึงให้เจ้าขุนสงคราม ผู้โอรส ทรงช้างชื่อ แก้วไชยมงคล ออกรับศึก ทั้งสองฝ่ายได้ทำยุทธหัตถีกันที่ บ้านขรัวมุง - ขุนช้าง ใกล้กับเวียงกุมกาม พระยาเบิกขี่ช้างพลายปานแสนพลติดน้ำมันหน้าหลัง ไสช้างเข้าชนกับช้างเจ้าขุนสงคราม เจ้าขุนสงครามได้ล่างแทงถูกพระยาเบิก หากฝ่ายกองทัพพระยาเบิกมีมาก ก็ช่วยป้องกันช้างพระที่นั่งของพระยาเบิกออกมาได้ ทัพช้างฝ่ายเจ้าขุนสงครามตามไม่ทัน เหตุเพราะชาวเขลางค์เอาช้างพังเข้ากั้นช้างศึกเชียงใหม่จนป่วน แต่ชาวเขลางค์ก็เสียรี้พลเป็นอันมาก อีกภายหลังเจ้าขุนสงครามได้รวมทัพเข้าเป็นกองใหญ่ และติดตามจนกระทั่งทันพระยาเบิกที่ดอยขุนตาน เขตแดนหริภุญชัยกับเขลางค์นคร ทั้งสองรบพุ่งกันอีกครั้งจนสุดความสามารถ รี้พลชาวเขลางค์แตกพ่ายคุมกันไม่ติด เจ้าขุนสงครามจับกุมตัวพระยาเบิกได้ จึงปลงพระชนม์เสียในที่นั้น ฯลฯ...
ด้วยจิตใจอันกล้าหาญและเต็มเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูกตเวทีของพระยาเบิกในครั้งนั้น จึงทำให้เป็นที่เลื่องลือและนับถือของผู้ที่ทราบข่าว และในภายหลังต่อมาจึงได้รับการขนานนามว่า เจ้าพ่อขุนตาน เป็นที่เคารพสักการะ.....................ตั้งแต่ในอดีตจวบจนปัจจุบันนี้
จากพงศาวดารโยนก |
ข้อความที่ ... เอาไว้นั้นตกขอบรูปไปครับ _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
Last edited by ExtendeD on 04/12/2007 8:35 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 04/12/2007 8:00 am Post subject: |
|
|
จาก ศาลเจ้าพ่อขุนตาน เดินลงมาที่ทางรถไฟหันมองทางซ้ายก็จะเห็น ปากอุโมงค์ขุนตานทางฝั่งจังหวัดลำพูน ครับ
มาถึงที่แล้ว ผมกับเจ้าตี๋เดินขอเข้าไปดูบรรยากาศภายในอุโมงค์ขุนตานสักหน่อย แต่ก็เดินได้ไม่ไกลหรอกครับ เพราะมองอะไรไม่ค่อยเห็น...
ออกจากอุโมงค์ขุนตานไปเดินดูบริเวณอื่นรอบ ๆ สถานีขุนตาน ดีกว่าครับ ทางซ้ายของทางประธานนั้นมีป้ายจุดแบ่งเขตจังหวัดลำปาง - จังหวัดลำพูนด้วยครับ
น้องหมาตัวนี้ตามผมมาตั้งแต่ตอนที่ขบวนที่ 408 ออกจากสถานีขุนตานไปครับ เดินตามขึ้นไปถึงบนปากอุโมงค์ด้วย แต่พอผมเดินไปถึงอาคารสถานี อยู่ดี ๆ ก็หายไปซะเฉย ๆ ว่าจะแบ่งน่องไก่ที่ซื้อจากบนรถให้กินซะหน่อย...
ถัดจากประแจตัวริมสุดทางด้านทิศใต้ไปไม่ไกล ก็จะเห็นหลักกิโลเมตรที่ ๖๘๓ ปักอยู่ครับ
ใกล้ ๆ กันมีทางขึ้นไปสู่ อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ด้วยครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับ อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่
1. Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
2. Website ของกรมอุทยานแห่งชาติ
3. moohin.com
4. thai-tour.com _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 04/12/2007 8:18 am Post subject: |
|
|
จากนั้นก็เดินมาบริเวณชานชาลาครับ
บริเวณชานชาลาทางด้านทิศใต้ของ สถานีขุนตาน ที่ถูกตกแต่งเอาไว้ดูสวยดีครับ ปลายปีที่แล้ว ผ่านมาที่นี่ช่วงเย็น ๆ ก็เห็นชาวบ้านที่อยู่แถว ๆ นั้นมานั่งคุยกันที่นี่หลายคนเลยล่ะครับ บรรยากาศจะคึกคักต่างกับตอนนี้มากเลย...
ตัวอาคารสถานีขุนตาน ครับ
ด้านหน้าตรง ๆ ครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 04/12/2007 8:45 am Post subject: |
|
|
ป้ายบอกสถานีถัดไปที่อยู่ที่ชานชาลาทางด้านทิศเหนือครับ
ถัดมาไม่ไกลก็จะเห็นป้ายนี้ครับ...
ข้อมูลตามป้าย wrote: | ระดับสูงสุด +๕๗๘.๐ ม.
เหนือน้ำทะเล
SUMMIT +578.0 M.
ABOVE MSL. |
ป้ายประเพณี และบริเวณชานชาลาทางด้านทิศเหนือครับ
พอผมกำลังจะเดินไปที่ประแจตัวริมสุดทางด้านทิศเหนือ ผมก็เห็นป้ายนี้อยู่ข้าง ๆ รางที่ 3...
ข้อมูลตามป้าย wrote: | ห้ามปลดรถพ่วงโดยปราศจากรถจักร ในทาง 3 |
หมายถึงห้ามดุนรถในรางที่ 3 หรือเปล่าครับ
ผมเดินมาถึงแค่บริเวณเสาสัญญาณออกทางด้านทิศเหนือของ สถานีขุนตาน เท่านี้ล่ะครับ เพราะว่าดูเวลาแล้ว ถ้า ขบวนรถด่วนที่ 51 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีเชียงใหม่ มาตามเวลา อีกประมาณ 1 - 2 นาที ก็จะโผล่ออกจากอุโมงค์ขุนตานแล้วล่ะครับ ผมก็เลยรีบเดินกลับไปหาเจ้าตี๋ที่นั่งรออยู่ที่อาคารสถานี ( มัวแต่ห่วงเล่นกับน้องหมาอยู่ )
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 04/12/2007 4:16 pm Post subject: |
|
|
ระหว่างรอขบวนที่ 51 ก็มาเดินดูภายในอาคารสถานีขุนตานกันสักหน่อยครับ มีอะไรน่าสนใจให้ดูหลายอย่างเลยล่ะครับ
ถ้าเดินรอบ ๆ อาคารสถานีแห่งนี้ ก็จะเห็นป้ายนี้ติดอยู่ใกล้ ๆ กับที่นั่งพักของผู้โดยสารครับ
เดินเข้ามาข้างในอาคารสถานี ที่นั่งพักของผู้โดยสารจะอยู่ทางด้านซ้ายของรูป ฝั่งตรงข้ามเป็นช่องจำหน่ายตั๋ว ( มีช่องเดียว )
ป้ายแสดงกำหนดเวลาเดินรถที่สถานีขุนตานครับ หากต้องการตรวจสอบกำหนดเวลาเดินรถสายเหนือก็สามารถตรวจสอบได้จาก Website ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ครับ
ข้าง ๆ ช่องจำหน่ายตั๋วจะมีทางเดินไปที่ห้องควบคุมการเดินรถ และที่ทางเดินนั้นมีแผ่นกระดาษติดอยู่ที่ฝาผนัง ตามที่เห็นใน 2 รูปข้างล่างนี้ครับ
แผ่นแรกเป็นอัตราค่าเช่า " บังกะโลขุนตาน " บังกะโลในฝันของพี่ ๆ น้อง ๆ หลาย ๆ คน อยากจะไปเยือนอีกหลาย ๆ ครั้งหรือเปล่าครับ ครั้งเดียวคงไม่พอ
กระดาษ 2 แผ่นที่ติดไว้ใกล้ ๆ กันเป็นภาพเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2547 ส่วนเหตุการณ์เป็นอย่างไรนั้น อ่านในกรอบสี่เหลี่ยมข้างล่างครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | ภาพเหตุการณ์ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มด้วยแรงลมพายุ จำนวนถึง 2 ต้น
ในคืนวันอังคารที่ 28 กันยายน 2547
โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่บริเวณศาลเจ้าพ่อขุนตานเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ทิศทางที่ควรจะเป็นจะต้องล้มทับกลางบริเวณศาลเจ้าพ่อขุนตานพอดี |
ข้อความที่พิมพ์ไว้บนกระดาษทั้ง 2 แผ่นเหมือนกันครับ แตกต่างกันเพียงแค่รูปภาพเท่านั้น... _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 04/12/2007 5:05 pm Post subject: |
|
|
นอกจากแผ่นกระดาษที่ได้เห็นไปเมื่อสักครู่ บริเวณที่นั่งพักของผู้โดยสารก็มีรูปภาพในอดีต ใส่กรอบติดเอาไว้ที่ผนังด้วยครับ น่าสนใจมากเลยครับ
รูปทางขวา
รายละเอียดของรูป wrote: | พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน
เมื่อครั้งเสด็จตรวจงานสร้างอุโมงค์ขุนตาน
ระหว่าง พ.ศ. 2450 - 2462 |
รูปทางซ้าย
รายละเอียดของรูป wrote: | วิศวกรชาวเยอรมัน และ เจ้าหน้าที่กรมรถไฟหลวง
ควบคุมการสร้างอุโมงค์ขุนตาน ระหว่าง พ.ศ. 2450 - 2462 |
ส่วนอีก 6 รูปที่เหลือ ผมได้ถ่ายเอาไว้แบบใกล้ ๆ เลย ก็คงไม่ต้องพิมพ์ข้อความที่อยู่ใต้รูปให้อ่านกันแล้วล่ะครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
|