รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Mongwin]

“คมนาคม”ชงรถไฟฟ้า-ทางคู่-ไฮสปีดเทรนกว่า 4 แสนล.เข้าครม.ปลายปี เร่งกดปุ่มเปิดประมูล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2558 20:38 น.

“สมคิด” เร่งคมนาคมชงรถไฟฟ้า 3 สาย ชมพู-เหลือง และเดินรถสีน้ำเงินต่อขยาย เข้า ครม.ภายในปลายปี 58 เผยต้องเร่งเดินหน้า ช่วงนี้โอกาสเหมาะสมในการลงทุน ด้าน “อาคม” เผยชง ครม.ทบทวนเดินรถสีน้ำเงิน ใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 คัดเลือกเอกชน ขณะที่รถไฟทางคู่ 4 สาย 612 กม. วงเงิน 9.2 หมื่นล้าน และไฮสปีด กรุงเทพฯ-หัวหิน, กรุงเทพฯ-ระยอง วงเงินรวม 2.33 แสนล้านเข้าคิวชง ครม.ในปีนี้ด้วย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย โดยให้กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าจะสามารถนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในปลายปีนี้ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นโครงการได้ ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.1 กม. วงเงิน 54,644 ล้านบาท สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 56,691 ล้านบาท และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม. ในส่วนของการเดินรถจะต้องเร่งรัดให้เดินหน้าเป็นไปตามเป้าหมายให้ได้ เนื่องจากช่วงเวลานี้สำคัญมากสำหรับการลงทุน

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ได้ เสนอเรื่องการเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายไปยัง ครม.แล้ว ตามมติคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เสนอขอยุติ การใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35) ในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนและเห็นควรให้ใช้ พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ 56) เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ถูกบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุน (แผนยุทธศาสตร์ PPP) ซึ่งจะต้องมีการทบทวนมติครม.เดิม ซึ่งหาก ครม.เห็นขอบจะเสนอไปยังเสนอคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือคณะกรรมการ PPP ต่อไป

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลืองนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมถึงคณะกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ด้วย ซึ่งยังมีขั้นตอนในการพิจารณาแต่จะเสนอ ครม.ได้ในปีนี้แน่นอน ส่วนในต้นปี 2559 นั้นจะเสนอ ครม.อีก 2 สาย คือ สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 21 กม. วงเงิน 110,325.76 ล้านบาท และสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน 131,171.94 ล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากรถไฟฟ้า 3 สายแล้ว โครงการด้านการขนส่งทางรางของกระทรวงคมนาคมที่อยู่ระหว่างการนำเสนอ ครม.ในขณะนี้ยังมีโครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน) ซึ่งมีการปรับราคาประเมินหรือราคากลางใหม่เป็น 30,500 ล้านบาท ขณะที่ผลการเจรจากับกลุ่ม กิจการร่วมค้า MHSC Consortium (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd. บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) อยู่ที่ประมาณ 32,500 ล้านบาท จึงต้องเสนอขอ ครม.ปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการ

โครงการรถไฟทางคู่ 4 เส้นทาง ระยะทางรวม 612 กม. วงเงิน 92,290.88 ล้านบาท ประกอบด้วย
- ทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบ EIA แล้ว อยู่ระหว่างเสนอ ครม. คาดว่าจะประกวดราคาได้ในเดือน ธ.ค. 2558,

- ทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,853.18 ล้านบาท คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบ EIA แล้ว อยู่ระหว่างเสนอ ครม. คาดว่าจะประกวดราคาได้ในเดือน ธ.ค. 2558,

- ทางคู่ช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,840.54 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณา EIA,

- ทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,306.53 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณา EIA ซึ่งมีเป้าหมายเปิดประกวดราคาในเดือน ธ.ค. 2558,

โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. วงเงิน 81,136 ล้านบาท และสายกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 193.5 กม. วงเงิน 152,448 ล้านบาท ออกแบบรายละเอียดเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างพิจารณา EIA โดยกระทรวงคมนาคมได้นำเสนอ ครม.แล้ว โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของ ร.ฟ.ท., งานติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟซึ่งอยู่ระหว่างรอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประมวลเสนอ ครม.

[Mongwin]

สนข. เปิดเวทีรอบที่ 2 นำเสนอผลการคัดเลือกแนวเส้นทาง พร้อมรับฟังความคิดเห็นชาวลำปาง ร่วมพัฒนารถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่
สวท.ลำปาง 6 ตุลาคม 2558 / 11:22:53

ที่โรงแรมบุษย์น้ำทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง นายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ เพื่อนำเสนอสรุปแนวเส้นทางโครงการที่เหมาะสม ประโยชน์ของโครงการ การออกแบบแนวเส้นทาง รูปแบบของการพัฒนาโครงการ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ประชาชนและสื่อมวลชนในจังหวัดลำปางร่วมงานกว่า 300 คน

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้เสนอแนวทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด ได้แก่ ช่วงที่ 1 คือ ช่วงสถานีเด่นชัย – สถานีจังหวัดลำปาง ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร โดยก่อสร้างทางใหม่เพิ่ม 1 ทาง ตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม แต่บางช่วงมีการปรับเส้นทางให้เป็นทางตรง หรือเพิ่มรัศมีโค้งมากขึ้น เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ได้ และช่วงที่ 2 คือ ช่วงสถานีจังหวัดลำปาง – สถานีจังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 84 กิโลเมตร เป็นการก่อสร้างทางใหม่ 2 ทาง ตามแนวเส้นทางตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ โดยให้มีระยะทางที่เหมาะสม และก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และออกแบบรัศมีโค้งให้รถไฟสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ชม. ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ จะมีสถานีหลักตามแนวเส้นทางจำนวน 18 สถานี ได้แก่ ปากบาน แก่งหลวง ห้วยแม่ต้า บ้านปิน ผาคัน ปางป๋วย แม่จาง แม่เมาะ ศาลาผาลาด แม่ทะ หนองวัวเฒ่า ลำปาง ห้างฉัตร ศาลาแม่ทา ลำพูน ป่าเส้า สารภี และเชียงใหม่ รวมระยะทาง 188 กิโลเมตร

สำหรับจังหวัดลำปาง เป็นจังหวัดที่มีการขยายตัวทางด้านการผลิตและอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งลำปางยังได้เตรียมความพร้อมรองรับการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภาคเหนืออย่างเป็นระบบ ดังนั้นการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ จึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้า และเพิ่มทางเลือกการเดินทางให้นักท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนืออีกทางหนึ่ง ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2595 คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการจำนวน 25,751 คน/เที่ยว/วัน ขนส่งสินค้าจำนวน 1.552 ล้านตัน/ปี
ข่าวโดย : ศักดิ์สิทธิ์ กิตินันทน์ 054224561
หน่วยงาน : สวท.ลำปาง

----

สนข. เปิดเวทีประชุมกลุ่มย่อยรอบที่ 2 รับฟังความคิดเห็นชาวลำปาง ศึกษาความเหมาะสม ในการพัฒนาและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่"
ส.ปชส.ลำปาง 7 ตุลาคม 2558 / 06:39:25

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม จัดการประชุมกลุ่มย่อยรอบที่ 2 "ศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต่อโครงการ "พัฒนาและออกแบบรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่" นำทีมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เปิดเวทีสัมมนารับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนชาวลำปาง ที่ ห้องประชุมใหญ่ โรงแรมบุษย์น้ำทอง ตำบลชมพู อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีนายสมชัย กมลเทพเทวินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิดการประชุม โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชนในเขตพื้นที่จังหวัดลำปาง จำนวนกว่า 300 คน เข้าร่วมประชุมสัมมนาและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน

สำหรับ การประชุมสัมมนาดังกล่าวได้จัดขึ้น เพื่อเป็นการนำเสนอความก้าวหน้า สรุปภาพรวมของโครงการ การพัฒนาและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ ให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในเขตพื้นที่ที่มีการดำเนินงานโครงการฯ ได้รับทราบถึงรูปแบบการพัฒนา และแนวเส้นทางรถไฟที่จะมีการก่อสร้าง พร้อมทั้งร่วมรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งนี้เพื่อจะรวบรวมข้อมูลเป็นแนวทางศึกษาเพิ่มเติม สำหรับคัดเลือกกำหนดแนวเส้นทาง และปรับปรุงรูปแบบการก่อสร้างพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ เด่นชัย - เชียงใหม่ ให้มีความเหมาะสมกับทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม รวมทั้งเพื่อศึกษาวิเคราะห์ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการฯ

โดยการประชุมครั้งนี้ ได้มีการนำเสนอข้อมูลของโครงการ สรุปภาพรวมต่อเนื่องจากการประชุมกลุ่มย่อยเมื่อครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเสียงประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 88.2 ได้เสนอให้มีการก่อสร้างรถไฟทางคู่ตามแนวทางเลือกที่ 4 เนื่องจากเห็นว่ามีความเหมาะสมทางวิศวกรรม คุ้มค่าต่อทางเศรษฐกิจ การลงทุน และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย โดยในทางเลือกดังกล่าว ได้มีการกำหนดแนวเส้นทางสร้างรางรถไฟทางคู่จาก เด่นชัย – เชียงใหม่ ผ่านสถานีหลักในพื้นที่ 4 จังหวัด ทั้งจังหวัดแพร่ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ รวม 18 สถานี มีระยะทางรวมประมาณ 188 กม. (จากเดิม 217 กม.) สำหรับเส้นทางรถไฟนั้นได้มีการออกแบบแบ่งเป็นสองช่วง กล่าวคือ ช่วงสถานีเด่นชัย ถึง สถานีนครลำปาง ระยะทางประมาณ 105 กม. ได้ออกแบบให้มีการก่อสร้างเส้นทางใหม่เพิ่ม 1 เส้นทาง ตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม แต่บางช่วงจะปรับแนวเส้นทางให้เป็นทางตรง หรือ เพิ่มรัศมีโค้งให้มากขึ้น เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ได้ และในช่วงสถานีนครลำปาง ถึง สถานีรถไฟเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 84 กม. ได้ออกแบบให้มีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟใหม่เพิ่ม 2 เส้นทาง ส่วนใหญ่จะเป็นแนวเส้นทางตัดใหม่ ซึ่งได้ออกแบบเพิ่มรัศมีโค้งให้มากขึ้น เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ชม. สำหรับการออกแบบนั้น ได้ออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐาน American Railway Engineering and maintenance - of – Way Association (AREMA) และกำหนดให้สามารถรองรับน้ำหนักกดเพลาได้ 20 ตัน ส่วนรางใช้ขนาดรางแบบ Meter Gauge ที่มีระยะห่างระหว่างราง 1.00 เมตร

ทั้งนี้ การก่อสร้างรถไฟทางคู่จากสถานี เด่นชัย – เชียงใหม่ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับจังหวัดลำปาง ในด้านการพัฒนาขยายตัวทางด้านการผลิตและอุตสาหกรรมรวมถึงการท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของภาคเหนือ ที่จะมีจังหวัดลำปางเป็นศูนย์กลาง
ข่าวโดย : นายชาญณรงค์ ปันเต
หน่วยงาน : ส.ปชส.ลำปาง

[Wisarut]

[Wisarut]

ร.ฟ.ท.มั่นใจ! ปี′62 ได้ใช้รถไฟทางคู่ชุมพร - สุราษฎร์ฯ
มติชน
วันที่ 08 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11:45:42 น.



เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 ตุลาคม 2558 ที่โรงแรมนานาบุรี อ.เมือง จ.ชุมพร นายสมดี คชายั่งยืน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่ การมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 2 งานบริการที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี โดยมี นายวรรณนพ ไพศาลพงศ์ รองวิศวกรใหญ่ด้านก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้การต้อนรับ

มีวิทยากรร่วมรับฟังความคิดเห็นและตอบข้อซักถามประกอบด้วย นายกิตติชัย บุญจันทร์ วิศวกรโครงการ นางชลิดา ประดิษฐ์กุล ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม และ นายราชัย ชลสินธุ์สงครามชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชนสัมพันธ์ มีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำองค์กรเอกชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เข้าร่วมประชุมและแสดงความคิดเห็นประมาณ 400 คน


นายวรรณนพ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2558 และภายในเดือนพฤศจิกายน 2558 ก็จะส่งร่างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สวล.) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 12 เดือนในการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด ดังนั้น เดือนเมษายน 2559 ก่อนวันสงกรานต์การศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดก็จะเสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้คืบหน้าไปแล้วประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์


ส่วนระยะทางของรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานีก็คือประมาณ 168.2 กิโลเมตร และยังไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดๆ เพราะเป็นโครงการที่ก่อสร้างในเขตของ ร.ฟ.ท.เอง มีเพียงปัญหาในเรื่องจุดตัดที่ต้องมีการประชุมกลุ่มย่อยๆ เป็นจุดๆ เท่านั้น กรณีที่ยังมีประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ในเขตของ ร.ฟ.ท.ที่จะมีการก่อสร้าง ก็จะมีการขอคืนพื้นที่เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เช่น ที่บ้านมาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแนวทางของทางรถไฟ จึงต้องมีการเวนคืนบ้างเท่านั้น


“หลังจากร่างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมผ่าน สผ.และ สวล.แล้ว ก็จะเริ่มต้นประกวดราคาการก่อสร้าง ซึ่งต้องใช้งบประมาณก่อสร้างกิโลเมตรละ 120 ล้านบาท รวมทั้งโครงการคือ 20,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี คาดว่าอย่างช้าไม่เกินปี 2562 โครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานีคงแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้ย่นระยะเวลาเดินทางโดยรถไฟจากสุราษฎร์ธานีไปกรุงเทพฯ ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง จากเดิมที่รถไฟวิ่งได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะสามารถวิ่งได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือจากชุมพรไปกรุงเทพฯ จากเดิมใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ก็จะเหลือเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น และในอนาคตก็สามารถเชื่อมต่อรถไฟทางคู่ไปถึงปาดังเบซาร์เพื่อต่อไปยังมาเลเซียได้ด้วย” นายวรรณนพ กล่าว

[Wisarut]

สรุปรถไฟทางคู่เชียงใหม่ เม.ย.นี้ ลุ้นขยายเขต ศก.เชียงราย
โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์
08 ตุลาคม 2558 เวลา 14:01 น.



นอกจากการพัฒนาพื้นที่ชายแดนเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว โครงการเร่งด่วนอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลดำเนินการควบคู่กันไปคือ การศึกษาความเหมาะสมเส้นทางคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะระบบราง เชื่อมเส้นทางคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์จากฐานการผลิตในชุมชนสู่แหล่งแปรรูป และประตูการค้าหลักของประเทศ และรองรับปริมาณการเดินทางและการขนส่งที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ล่าสุด ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวภายหลังการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ได้คัดเลือกแนวเส้นทางเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะนำเสนอผลการศึกษาต่อรัฐบาลได้ภายในเดือน เม.ย. 2559 นี้

“คณะผู้ศึกษาแนวเส้นทางได้คัดเลือกแนวเส้นทางเลือกที่ 4 แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ สถานีเด่นชัย-ลำปาง ระยะทาง 105 กิโลเมตร มีการก่อสร้างทางใหม่เพิ่ม 1 ทาง ตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม แต่บางช่วงมีการปรับแนวเส้นทางให้เป็นทางตรงหรือเพิ่มรัศมีโค้งมากขึ้น เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง และช่วงที่ 2 สถานีรถไฟลำปาง-เชียงใหม่ ระยะทาง 84 กิโลเมตร เป็นการก่อสร้างเส้นทางใหม่ 2 เส้นทาง ตามแนวเส้นทางตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ ให้มีระยะทางที่เหมาะสมและก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และออกแบบให้มีรัศมีโค้งให้รถไฟสามารถทำความเร็วได้ถึง 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง”

ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ จะมี 18 สถานีที่สำคัญ อาทิ ปากปาน แก่งหลวง ห้วยแม่ต้า บ้านปิน ปางป๋วย แม่จาง แม่เมาะ ศาลาผาลาด แม่ทะ หนองวัวเฒ่า ลำปาง ห้างฉัตร ศาลาแม่ทา ป่าเส้า สารภี และเชียงใหม่ รวมระยะทาง 188 กิโลเมตร ระยะความกว้างของราง 1 เมตร

“การเลือกแนวทางรถไฟทางคู่ขนานแนวที่ 4 นั้น ขณะนี้ถือว่าเป็นเส้นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากสามารถลดระยะทางจากเดิมที่ยาว 217 กิโลเมตร เหลือเพียง 188 กิโลเมตร และมีแนวทางเป็นเส้นตรงมากขึ้น ทำให้สามารถใช้ความเร็วได้ถึง 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่เนื่องจากว่าเส้นทางใหม่นั้นจะมีจุดตัดในเมืองมากขึ้น จึงต้องมีการทำสะพานข้ามรางรถไฟ อุโมงค์ลอดทางรถไฟ หรือในพื้นที่ตัวเมืองจะมีการยกระดับทางรถไฟขึ้นเหนือถนน ซึ่งขณะนี้คณะที่ศึกษาได้ทำรูปแบบให้หมดแล้ว เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันแสดงความคิดเห็น”

อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามต่อว่า หลังได้ข้อสรุปเส้นทางหลัก เด่นชัย-เชียงใหม่แล้ว การขยายไปยัง จ.เชียงราย รองรับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ อ.เชียงของ ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลมีคำสั่งชะลอโครงการออกไปนั้น จะมีความคืบหน้าอย่างไร

[Mongwin]

วีดิทัศน์ประกอบการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน (ประชุมใหญ่) ครั้งที่ 2

งานบริการที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี

โดย การรถไฟแห่งประเทศไทย

[Mongwin]

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา
6 ต.ค. 58

+++ สรุปผลการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 +++
ผลจากการสำรวจแบบสอบถาม ที่สงขลา
เห็นด้วย 75.00%
ไม่เห็นด้วย 14.29%
ไม่แน่ใจ 10.71%

+++ ประเด็นจากการประชุม +++

1) เสนอเขตทาง 5-10 เมตรเพื่อก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สงขลา
2) การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการ
3) ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สงขลา เสนอสถานีน้ำกระจายเป็นสถานีสุดท้าย หลีกเลี่ยงใจกลางเมือง
4) ความคุ้มค่าในการลงทุนรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สงขลา
5) เสนอให้พิพิธภัณฑ์แสดงหัวจักรและขบวนรถไฟเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว
6) รถไฟจะช่วยเรื่องการท่องเที่ยวเชื่อมเมืองสงขลากับหาดใหญ่
7) รถไฟจะช่วยเติมเต็มเสน่ห์ให้เมืองสงขลา ให้เป็นเมืองน่าอยู่
8) จากการกั้นรั้วจะกระทบการเข้าออกชุมชนตามแนวเส้นทาง
9) ไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรที่อยู่แบบคอนโด เนื่องจากอาชีพส่วนใหญ่คือประมงและค้าขาย
10) การรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ เพื่อบอกเล่าโครงการให้ชุมชนรับทราบตั้งแต่เริ่มต้น ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น ปัญหาและความห่วงกังวลเพื่อหาทางออกร่วมกันระหว่างชุมชนและการรถไฟฯ

http://www.songkhlastation.com/pdf/surathatyaisongkhla/conclusion-meeting-1.pdf
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.surat-hatyai-songkhlarailway.com/

[Wisarut]

“รฟท.” เปิดประมูลรถไฟ “ จิระ-ขอนแก่น” 2.36 หมื่นล้าน
คอลัมน์ : เศรษฐกิจ
T-News
09 ตุลาคม 2558 เวลา 10:24 น.
รฟท.เปิดประมูลรถไฟทางคู่ 8 ธ.ค.นี้
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 09 ตุลาคม 2558, 11:17

วันนี้ (9 ต.ค. 58) คุณวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศเชิญชวนประกวดราคาจ้างก่อสร้าง โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าราคากลาง 23.6 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดขายเอกสารประกวดราคา ในระหว่างวันที่ 5-9 ต.ค.58 หลังจากนั้นจะเรียกประชุมชี้แจงในวันที่ 16 ต.ค.นี้

ทั้งนี้ กำหนดต้องยื่นเอกสารการประกวดราคา ในวันที่ 3 พ.ย. 58 ระหว่างเวลา 10.00 น. ถึง 12.00 น. ต่อคณะกรรมการประกวดราคา และจะแจ้งผู้ผ่านคุณสมบัติ ในวันที่ 24 พ.ย.58 พร้อมกำหนดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ 8 ธ.ค.58

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ประกอบด้วยงานประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้

(1) การก่อสร้างทางวิ่งรถไฟในโครงการ เป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทางด้านขวา (ด้านตะวันออก) และขนานไปกับทางรถไฟเดิม ระยะทางรวมประมาณ 187 กิโลเมตร ระยะห่างทั่วไปจากทางเดิมประมาณ 6.0 เมตร โครงสร้างทางรถไฟเป็นทางวิ่งระดับพื้นทั้งหมด ยกเว้นช่วงบริเวณสถานีขอนแก่นจะเป็นทางรถไฟยกระดับ ระยะทางประมาณ 5.4 กิโลเมตร มีสะพานรถไฟจำนวน 84 สะพาน

(2) งานก่อสร้างสถานีรถไฟระดับพื้น 18 สถานี และป้ายหยุดรถไฟ 7 แห่ง และสถานีรถไฟยกระดับ (สถานีขอนแก่น) 1 สถานี

(3) งานก่อสร้างย่านเก็บกองและขนถ่ายตู้สินค้า (CY) ซึ่งกำหนดไว้ 3 แห่ง ได้แก่ สถานีบ้านกระโดน สถานีชุมทางบัวใหญ่ และสถานีท่าพระ

(4) งานก่อสร้างโยธา และอื่นๆ ของโครงการ เช่น งานระบบระบายน้ำ สะพานลอยคนเดินข้าม งานรั้วตลอดแนวของโครงการ

(5) งานก่อสร้างถนนยกระดับ (Overpass) ถนนยกระดับรูปตัวยู (Elevated Two Way U-Turn) ท่อเหลี่ยม (Box Culvert) หรือยกระดับทางรถไฟ เพื่อแก้ปัญหาจุดตัดระหว่างถนนกับทางรถไฟ

(6) งานระบบราง เป็นทางกว้าง 1 เมตร (Meter Gauge)

(7) งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตลอดแนวเส้นทางโครงการ

(8) งานรื้อย้ายชุมชน และสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเขตพื้นที่โครงการ ผู้ประสงค์จะเสนอราคาต้องดำเนินการรื้อย้าย รวมถึงการเจรจาและจ่ายค่าชดเชย และค่าใช้จ่ายอื่นๆตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแต่กรณีชุมชน

[Wisarut]

คัดเลือกแนวรถไฟคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่พร้อมเปิดเวทีคิดเห็นฯ
บ้านเมือง
วันอังคาร ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558, 08.10 น.

สนข. นำเสนอผลการคัดเลือกแนวเส้นทางของรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่พร้อมเปิดเวทีรับฟังความเห็นชาวเชียงใหม่ ร่วมพัฒนาศักยภาพรถไฟสายเหนือ

เชียงใหม่/เมื่อเร็วๆ นี้ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมเชียงใหม่ฮิล 2000 จ.เชียงใหม่ นายปวิณ ชํานิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม เป็นประธานร่วมเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย–เชียงใหม่ เพื่อนำเสนอสรุป แนวเส้นทางโครงการที่เหมาะสม ประโยชน์ของโครงการ การออกแบบแนวเส้นทาง รูปแบบของการพัฒนาโครงการ และผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้สนใจทั้งจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ ตลอดจนตัวแทนภาคประชาชนและสื่อมวลชน ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน เข้าร่วมงานกว่า 300 คน

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ได้นำเสนอแนวทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดได้แก่ แนวเส้นทางเลือกที่ 4 ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างแนวเส้นทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ

1. ช่วงสถานีเด่นชัย-สถานีจังหวัดลำปาง ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร โดยก่อสร้างทางใหม่เพิ่ม 1 ทาง ตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม แต่บางช่วงที่ปรับแนวเส้นทางให้เป็นทางตรงหรือเพิ่มรัศมีโค้งมากขึ้น เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ได้ และ

2. ช่วงสถานีจังหวัดลำปาง – สถานีจังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 84 กิโลเมตรเป็นการก่อสร้างทางใหม่ 2 ทางตามแนวเส้นทางตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ โดยให้มีระยะทางที่เหมาะสมและก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และออกแบบรัศมีโค้งให้รถไฟสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ ชม.

ตลอดเส้นทาง เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ มีสถานีหลักตามแนวเส้นทาง 18 สถานี ได้แก่ ปากปาน แก่งหลวง ห้วยแม่ต้า บ้านปิน ผาคัน ปางป๋วย แม่จาง แม่เมาะ ศาลาผาลาด แม่ทะ หนองวัวเฒ่า ลำปาง ห้างฉัตร ศาลาแม่ทา ลำพูน ป่าเส้า สารภี และ เชียงใหม่ ระยะทางรวม 188 กิโลเมตร

ในการออกแบบทางรถไฟ โครงการออกแบบตามมาตรฐานของ American Railway Engineering and maintenance- of -Way Association (AREMA) และการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่กำหนดให้สามารถรองรับน้ำหนักกดเพลา 20 ตัน (U20) ส่วนรางใช้ขนาดรางแบบ Meter Gauge (ระยะห่างระหว่างราง 1.00 เมตร)

สำหรับมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญๆ เช่น ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน กำหนดให้การเจาะ การตอกเสาเข็ม การขุดผิวดิน ดำเนินในช่วงเวลากลางวัน พร้อมติดตั้งกำแพงกั้นเสียงเพื่อลดระดับเสียงรบกวนที่เกินมาตรฐานบริเวณชุมชนและสถานที่สำคัญ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ด้านการระบายน้ำ ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมจะทำการออกแบบเป็นสะพานช่วงสั้นหรือทางยกระดับและช่วงผ่านลำน้ำสายหลัก จะออกแบบตอม่อของโครงสร้างทางรถไฟ ไม่ให้กีดขวางการไหลของน้ำ ด้านการสัญจรของชุมชน ออกแบบจุดตัดให้เหมาะสม สอดคล้องกับการใช้งาน และความต้องการของชุมชน ด้านการโยกย้ายและเวนคืน จะทำการเวนคืนที่ดินเท่าที่จำเป็น โดยพิจารณาค่าชดเชยอย่างเป็นธรรมด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายและมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ถูกเวนคืนทราบขั้นตอนการเวนคืน โดยดำเนินการจ่ายค่าทดแทนทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530

หากมีการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ จะส่งผลให้เส้นทางรถไฟสายเหนือมีการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางที่สมบูรณ์มากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้าที่สำคัญยังเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นเมืองหลักของภาคเหนือ เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการคมนาคม มีศักยภาพในการพัฒนาสูง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่ให้กลายเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยในอนาคต ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2595 คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการ จำนวน 25,751 คนเที่ยว/ วัน ขนส่งสินค้าจำนวน 1.552 ล้านตัน/ปี

หลังจากการสัมมนาครั้งนี้ จะมีการประชุมกลุ่มย่อย และจัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 เพื่อนำเสนอผลสรุปการศึกษาของโครงการประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ผู้ที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดโครงการได้ที่ www.denchai-chiangmai-doubletrack.com และแฟนเพจรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงใหม่

[Wisarut]

คัดเลือกแนวรถไฟคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่พร้อมเปิดเวทีคิดเห็นฯ
บ้านเมือง
วันอังคาร ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558, 08.10 น.

สนข. นำเสนอผลการคัดเลือกแนวเส้นทางของรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่พร้อมเปิดเวทีรับฟังความเห็นชาวเชียงใหม่ ร่วมพัฒนาศักยภาพรถไฟสายเหนือ

เชียงใหม่/เมื่อเร็วๆ นี้ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมเชียงใหม่ฮิล 2000 จ.เชียงใหม่ นายปวิณ ชํานิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม เป็นประธานร่วมเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย–เชียงใหม่ เพื่อนำเสนอสรุป แนวเส้นทางโครงการที่เหมาะสม ประโยชน์ของโครงการ การออกแบบแนวเส้นทาง รูปแบบของการพัฒนาโครงการ และผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้สนใจทั้งจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ ตลอดจนตัวแทนภาคประชาชนและสื่อมวลชน ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน เข้าร่วมงานกว่า 300 คน

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ได้นำเสนอแนวทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดได้แก่ แนวเส้นทางเลือกที่ 4 ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างแนวเส้นทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ

1. ช่วงสถานีเด่นชัย-สถานีจังหวัดลำปาง ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร โดยก่อสร้างทางใหม่เพิ่ม 1 ทาง ตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม แต่บางช่วงที่ปรับแนวเส้นทางให้เป็นทางตรงหรือเพิ่มรัศมีโค้งมากขึ้น เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ได้ และ

2. ช่วงสถานีจังหวัดลำปาง – สถานีจังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 84 กิโลเมตรเป็นการก่อสร้างทางใหม่ 2 ทางตามแนวเส้นทางตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ โดยให้มีระยะทางที่เหมาะสมและก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และออกแบบรัศมีโค้งให้รถไฟสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ ชม.

ตลอดเส้นทาง เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ มีสถานีหลักตามแนวเส้นทาง 18 สถานี ได้แก่ ปากปาน แก่งหลวง ห้วยแม่ต้า บ้านปิน ผาคัน ปางป๋วย แม่จาง แม่เมาะ ศาลาผาลาด แม่ทะ หนองวัวเฒ่า ลำปาง ห้างฉัตร ศาลาแม่ทา ลำพูน ป่าเส้า สารภี และ เชียงใหม่ ระยะทางรวม 188 กิโลเมตร

ในการออกแบบทางรถไฟ โครงการออกแบบตามมาตรฐานของ American Railway Engineering and maintenance- of -Way Association (AREMA) และการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่กำหนดให้สามารถรองรับน้ำหนักกดเพลา 20 ตัน (U20) ส่วนรางใช้ขนาดรางแบบ Meter Gauge (ระยะห่างระหว่างราง 1.00 เมตร)

สำหรับมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญๆ เช่น ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน กำหนดให้การเจาะ การตอกเสาเข็ม การขุดผิวดิน ดำเนินในช่วงเวลากลางวัน พร้อมติดตั้งกำแพงกั้นเสียงเพื่อลดระดับเสียงรบกวนที่เกินมาตรฐานบริเวณชุมชนและสถานที่สำคัญ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ด้านการระบายน้ำ ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมจะทำการออกแบบเป็นสะพานช่วงสั้นหรือทางยกระดับและช่วงผ่านลำน้ำสายหลัก จะออกแบบตอม่อของโครงสร้างทางรถไฟ ไม่ให้กีดขวางการไหลของน้ำ ด้านการสัญจรของชุมชน ออกแบบจุดตัดให้เหมาะสม สอดคล้องกับการใช้งาน และความต้องการของชุมชน ด้านการโยกย้ายและเวนคืน จะทำการเวนคืนที่ดินเท่าที่จำเป็น โดยพิจารณาค่าชดเชยอย่างเป็นธรรมด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายและมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ถูกเวนคืนทราบขั้นตอนการเวนคืน โดยดำเนินการจ่ายค่าทดแทนทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530

หากมีการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ จะส่งผลให้เส้นทางรถไฟสายเหนือมีการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางที่สมบูรณ์มากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้าที่สำคัญยังเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นเมืองหลักของภาคเหนือ เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการคมนาคม มีศักยภาพในการพัฒนาสูง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่ให้กลายเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยในอนาคต ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2595 คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการ จำนวน 25,751 คนเที่ยว/ วัน ขนส่งสินค้าจำนวน 1.552 ล้านตัน/ปี

หลังจากการสัมมนาครั้งนี้ จะมีการประชุมกลุ่มย่อย และจัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 เพื่อนำเสนอผลสรุปการศึกษาของโครงการประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ผู้ที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดโครงการได้ที่ www.denchai-chiangmai-doubletrack.com และแฟนเพจรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงใหม่