View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 18/07/2017 7:59 pm Post subject:
ครม.ไฟเขียวเวนคืนที่ดินสร้างรถไฟทางคู่
เดลินิวส์ อังคารที่ 18 กรกฎาคม 2560 เวลา 18.00 น.
ครม.อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน 2 ฉบับ สร้างทางรถไฟทางคู่ ชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย หลังกฎหมายเดิมหมดอายุ 30 ส.ค.นี้
นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ต.ไผ่ล้อม ต.ดอนหญ้านาง และ ต.หนองน้ำใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย และต.ตลิ่งชัน อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี เพื่อก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางบ้านภาชี ระยะทาง 1.050 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างทางรถไฟสายเหนือ (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) กับทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ (ชุมทางบ้านภาชี-อุบลราชธานี) เขตทางกว้างประมาณ 100 เมตร และสถานีชุมทางแก่งคอย ระยะทาง 2.650 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ กับทางรถไฟสายชุมชนทางคลองสิบเก้า-ชุมทางแก่งคอย เขตทางกว้างประมาณ 130 เมตร ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณดังกล่าวมาแล้ว โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 30 ส.ค.56 มีผลบังคับใช้ 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.56 และสิ้นสุดการบังคับใช้ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ แต่เนื่องจากปัจุบบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ไม่แล้วเสร็จ เนื่องจาก รฟท. ได้รับอนุมัติค่าเวนคืนที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ไม่เพียงพอ ทำให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับดังกล่าว ไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จทันภายในระยะเวลาใช้บังคับ กระทรวงคมนาคมจึงมีความจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้อีกครั้ง โดยให้มีผลใช้บังคับต่อเนื่องจากพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับเดิม และให้มีกำหนดเวลา 4 ปี
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 18/07/2017 8:07 pm Post subject:
ครม.อนุมัติหลักการเวนคืนที่ดินในจ.อยุธยา-สระบุรี เพื่อก่อสร้างรถไฟทางคู่
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 18 กรกฎาคม 2560 17:08:41 น.
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางบ้านภาชี และสถานีชุมทางแก่งคอย ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา คลองสิบเก้า แก่งคอย จำนวน 2 ฉบับ คือ 1) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... และ 2) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ....
โครงการก่อสร้างทางคู่ ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา คลองสิบเก้า แก่งคอย มีความจำเป็นต้องสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางบ้านภาชี เป็นระยะทาง 1.050 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างทางรถไฟสายเหนือ (กรุงเทพฯ เชียงใหม่) กับทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ (ชุมทางบ้านภาชี อุบลราชธานี) เป็นทางรถไฟสร้างใหม่ เขตทางกว้างประมาณ 100.00 เมตร และต้องสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางแก่งคอย เป็นระยะทาง 2.650 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ (ชุมทางบ้านภาชี อุบลราชธานี) กับทางรถไฟสายชุมทางคลองสิบเก้า ชุมทางแก่งคอย เป็นทางรถไฟสร้างใหม่ เขตทางกว้างประมาณ 130.00 เมตร
ต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2556 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2556 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 30 สิงหาคม 2556 มีผลบังคับใช้ 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2556 จะสิ้นสุดการบังคับใช้ในวันที่ 30 สิงหาคม 2560 แต่ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ไม่แล้วเสร็จ เนื่องจาก รฟท. ได้รับอนุมัติค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ไม่เพียงพอ ทำให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชกฤษฎีกา รวม 2 ฉบับ ดังกล่าว ไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จทันภายในระยะเวลาใช้บังคับ
กระทรวงฯ จึงมีความจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยให้มีผลใช้บังคับต่อเนื่องจากพระราชกฤษฎีกา รวม 2 ฉบับ และให้มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/07/2017 9:31 am Post subject:
ประมูลทางคู่5สาย9หมื่นล. เปิดชิงหัวหิน-ประจวบฯ27ก.ค.นี้คาดปลาย60ไฟเขียวสร้างอีก9เส้น
ไทยโพสต์ Thursday, July 20, 2017 - 00:00
รฟท.ลุยประมูลทางคู่ 5 เส้นทาง มูลค่ากว่า 92,031 ล้านบาท คาดลงนามสัญญาให้ครบภายในเดือน พ.ย.นี้ เอกชน 13 ราย ลุ้นชิงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 27 ก.ค.60 ส่วนอีก 9 เส้นทางใหม่ เตรียมเสนอซูเปอร์บอร์ดภายในไตรมาส 4 คาดชง ครม.ได้ปลายปี 60
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง รวมระยะทาง 668 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 92,031 ล้านบาท ว่า รฟท.ได้ดำเนินการขายซองประกวดราคาไปหมดแล้ว จะเร่งประมูลให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน ก.ย.นี้ และลงนามสัญญาให้ครบ 5 เส้นทางภายในเดือน พ.ย.60 โดยในวันที่ 27 ก.ค.นี้ จะเปิดให้เสนอราคารถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม.ที่มีราคากลาง 7,305 ล้านบาทนั้น ซึ่งล่าสุดมีเอกชน 13 รายที่ผ่านคุณสมบัติ
หลังจากนั้น จะเร่งดำเนินการในเส้นทางอื่นๆ อาทิ เส้นทางช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 16,234 ล้านบาท และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 28,505 ล้านบาท และช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. วงเงิน 23,921 ล้านบาท
นายอานนท์กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่อีก 9 เส้นทาง ระยะทาง 2,217 กม.มูลค่ารวม 3.98 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการลงทุนของ รฟท. ซึ่งบรรจุอยู่ในแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน (Action Plan) ปี 2560 ซึ่งซูเปอร์บอร์ดสั่งให้ รฟท.กลับมาทบทวนใหม่นั้น ขณะนี้มีความชัดเจนเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือแค่เพียงเส้นทางช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 75 กม. และเส้นทางช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. ที่ต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม รฟท.จะเร่งเสนอซูเปอร์บอร์ด และกระทรวงคมนาคมภายในไตรมาส 4 เพื่อให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการภายในปลายปี 60 นี้ ซึ่งเป็นไปตามกรอบเวลาที่ได้วางไว้ จากนั้นคาดว่าจะสามารถทยอยขายซองประกวดราคา และเปิดประมูลโครงการได้ในช่วงต้นปี 61
ทั้งนี้ โครงการทางคู่ 9 เส้นทางประกอบด้วย ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 วงเงิน 76,978.82 ล้านบาท, ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 วงเงิน 60,351.91 ล้านบาท, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 23,384.91 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กิโลเมตร วงเงิน 51,823.83 ล้านบาท
ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 75 กิโลเมตร วงเงิน 7,941.80 ล้านบาท, ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กิโลเมตร วงเงิน 56,066.25 ล้านบาท, ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กิโลเมตร วงเงิน 59,924.24 ล้านบาท, ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร วงเงิน 26,065.75 ล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตร วงเงิน 35,839.74 ล้านบาท.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/07/2017 1:05 pm Post subject:
ลึกทันใจ : เปิดอภิมหาโปรเจกต์ระบบรางครบวงจร 2.2 ล้านบาท
โดย MGR Online 19 กรกฎาคม 2560 16:07 น.
รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน เปิดอภิมหาโปรเจกต์ระบบรางครบวงจร 2.2 ล้านบาท ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2560
หลายคนคงยังไม่ทราบว่า ประเทศไทยกำลังเริ่มพัฒนาการเดินทางระบบรางอย่างครบวงจรที่มีมูลค่าถึง 2.2 ล้านล้านบาทในระยะ 10 ปีต่อจากนี้ โดยนายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม อธิบายให้ฟังว่า มีอยู่ 3 รูปแบบคือ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน, โครงการรถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟฟ้า
เริ่มกันที่โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะแรก กรุงเทพฯ-โคราช ระยะทาง 253 กิโลเมตร วงเงิน 179,413 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างได้ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ และจะตามติดมาด้วยระยะที่ 2 โคราช-หนองคาย ระยะทาง 350 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 271,000 ล้านบาท ซึ่งหากก่อสร้างเสร็จทั้งโครงการก็จะได้เห็นการพัฒนาพื้นที่ 2 ข้างทาง ทั้งตัวสถานีและพื้นที่ใกล้เคียง โดยแต่ละสถานีจะมีธุรกิจเกิดขึ้นใหม่มากมายมหาศาลทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และหากในอนาคตเมืองพัฒนามากขึ้นก็อาจจะมีศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า โรงเรียน มหาวิทยาลัยด้วย
ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยกำลังตั้งบริษัทลูกชื่อ บริษัทรถไฟบริหารสินทรัพย์เข้ามาบริหารทรัพย์สินของการรถไฟซึ่งมีอยู่กว่า 40,000 ไร่ มีรูปแบบเหมือนเอกชน และอาจมีเอกชนเข้ามาร่วมบริหารด้วย ซึ่งจะทำให้มีความคล่องตัวสูง สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จะเป็นการเชื่อมประเทศไทยกับจีนตอนใต้เข้าด้วยกันที่เมืองคุนหมิง แล้วยังทำให้อาเซียนเป็นภูมิภาคเดียวกัน และยังจะสามารถเชื่อมต่อไปยังสหภาพยุโรปได้ด้วย ซึ่งรออีกไม่นานเพียง 4 ปีเท่านั้น
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีการพัฒนารถไฟทางคู่อีก มี 8 เส้นทางด้วยกันคือ
1) จิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร
2) นครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร
3) ประจวบฯ-ชุมพร ระยะทาง 165 กิโลเมตร
4) มาบกะเบา-โคราช ระยะทาง 132 กิโลเมตร
5) ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร และ
6) หัวหิน-ประจวบฯ ระยะทาง 90 กิโลเมตร จะแล้วเสร็จในปี 2563
และอีก 2 เส้นทางคือ หนองคาย-โคราช-แหลมฉบัง-มาบตาพุด ระยะทาง 737 กิโลเมตร และ เชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี ระยะทาง 655 กิโลเมตร จะแล้วเสร็จในปี 2564
ข้อดีของระบบรางคู่คือ ไม่ต้องเสียเวลาสับเปลี่ยนรางในช่วงที่รถไฟสวนกัน และเมื่อผนวกกับเส้นทางรถไฟเดิม จะทำให้เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค นับเป็นการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของไทยได้เป็นอย่างดี
และสุดท้ายคือโครงการรถไฟฟ้าใน กทม. และปริมณฑล ที่จะเชื่อมต่อการเดินทางระบบรางทั้งลอยฟ้าและบนดินในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นวงกลม จะช่วยให้การเดินทางในเขตเศรษฐกิจสะดวกคล่องตัว และนับเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเส้นทางนี้จะแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2564
จะเห็นได้ว่า แผนการพัฒนาการคมนาคมระบบรางของไทย ได้ถูกวางไว้เพื่อรองรับแผนตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งอีกไม่นานเกิน 10 ปีนี้ก็จะได้เห็นการพลิกโฉมระบบการคมนาคมครั้งสำคัญ ถือเป็นการเดินหน้าประเทศไทยอย่างแท้จริงด้วยอภิมหาโปรเจกต์ มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท
ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน
https://www.youtube.com/watch?v=K-6VFVyfbSY
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/07/2017 4:15 pm Post subject:
รฟท. เตรียมหาข้อยุติปรับแบบรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ หลังชาวโคราชร้องปรับเป็นทางยกระดับ
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม 2560 15:10:43 น.
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ การถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวภายหลังร่วมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และตัวแทนกลุ่มชุมชน โดยมีนายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เป็นประธานว่า
ได้รับทราบปัญหาของชาวบ้านในจังหวัดนครราชสีมาถึงผลกระทบจากโครงการถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ ที่มีเส้นทางผ่านตัวเมืองโคราช จึงเสนอได้ให้กระทรวงคมนาคมปรับงานก่อสร้างทางเป็นทางยกระดับ แต่ทาง รฟท.เห็นว่า การปรับเส้นทางจากทางคู่เป็นทางยกระดับ จะต้องทำทางยกระดับเป็นระยะทางประมาณ 6-7 กม. เพราะต้องยกระดับสถานีจิระไปด้วย เนื่องจากอยู่ใกล้กัน และมีทางแยกไปทางอีสานเหนือและอีสานใต้ แต่การก่อสร้างเป็นทางยกระดับจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นหลายพันล้านบาท และหากมีการปรับแบบจะทำให้กรอบเวลาประมูลโครงการต้องเลื่อนออกไป เพราะต้องมาปรับแบบใหม่และต้องจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA) อย่างไรก็ตามจะหารือกันกรณีดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 25 ก.ค.นี้เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/07/2017 6:23 pm Post subject:
พ่อเมืองโคราช บุกกระทรวง แจงผลกระทบรถไฟทางคู่
กรุงเทพธุรกิจ 20 กรกฎาคม 2560
พ่อเมืองนำชาวโคราช บุกกระทรวงคมนาคม ชี้แจงผลกระทบโครงการรถไฟทางคู่ ร้องขอให้ยกระดับ ด้าน "รมช.คมนาคม" ให้ความหวังเล็กๆ ตั้งกรรมการหาทางออกร่วมกัน
ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงคมนาคม เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 กรกฎาคม นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา พร้อมนายสมบูรณ์ ชัยศิรินิรันดร์ ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 5 นครราชสีมา นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครราชสีมา นายศิระ บุญธรรมกุล ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนคร (ทน.) นครราชสีมา นายปรีชา จันทรรวงทอง นายเทศมนตรีเมือง (ทม.) อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และผู้แทนภาคเอกชน ภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางเข้าพบ ดร.พิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม และนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง ฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ฯ เพื่อชี้แจงข้อมูลผลกระทบจากโครงการรถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
ซึ่งดำเนินการสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่ง และจราจร (สนข.) กำหนดรูปแบบการก่อสร้างช่วงเส้นทางผ่านจังหวัดนครราชสีมา เป็นทางรถไฟบนดินสร้างคู่ขนานกับทางรถไฟเดิม เพื่อความปลอดภัยและความรวดเร็วในการเดินทางระบบราง ต้องปิดจุดตัดถนนข้ามทางรถไฟ ซึ่งมีเครื่องกั้นควบคุมการเปิดปิดด้วยมนุษย์และอัตโนมัติ โดยสร้างทางต่างระดับในรูปแบบสะพานข้ามและเกือกม้าตามที่กำหนดไว้ในบางจุด ทำให้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายสุรวุฒิ นายก ทน. ฯ นำเสนอข้อมูลต้นทุนเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจเมือง พร้อมโมเดลรูปแบบจำลอง ทางรถไฟระดับพื้นดิน ทำให้ตัวเมืองถูกแบ่งออกเสมือนเมืองอกแตก วิถีชีวิตชุมชนเปลี่ยนแปลงไป ในแต่ละวันมียานพาหนะประมาณ 5 หมื่นคัน ต้องสัญจรผ่านจุดตัดถนนทางข้ามรถไฟรวม 15 จุด ทำให้มีต้นทุนการดำรงชีพสูงขึ้น จากการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมทั้งระยะทางและเวลาเพิ่มขึ้น ส่วนประโยชน์ทางรถไฟยกระดับ สามารถเพิ่มพื้นที่การวางท่อและระบบระบายน้ำลอดผ่านใต้ทางรถไฟทำให้น้ำในเขตเมืองไหลลงลำตะคอง ได้รวดเร็วสะดวกยิ่งขึ้น สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก อย่างไรก็ตามชาวโคราชขอขอบคุณรัฐบาลที่นำความเจริญมาสู่เมืองโคราช โดยพัฒนาระบบขนส่งทางราง แต่ขอให้ยกระดับ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเมืองโคราชในอนาคต
นายปรีชา ฯ นายกเทศบาลเมืองสีคิ้ว กล่าวว่า การปิดจุดตัดข้ามทางรถไฟถนนชุมค้าเขต ทม.สีคิ้ว ตัวเมืองถูกแบ่งแยกเป็นสองฝั่งในละแวกใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการ สถาบันการเงิน สถานีตำรวจสีคิ้ว โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ รวมทั้งเป็นย่านการค้าสำคัญ ทำให้ประชากรทั้งอำเภอจำนวนกว่า 1 แสนคน ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและอ้อม
ซึ่ง ดร.วิชิต ฯ รมช.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นการรับฟังข้อมูลปัญหาความต้องการของชาวโคราช ครั้งต่อไปกำหนดในวันที่ 25 กรกฎาคม นัดหมายให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟังข้อมูลเหตุผล ทางเทคนิคของ รฟท. เพื่อสรุปข้อมูลให้ตรงกันทั้ง 2 ด้าน เบื้องต้นเราทราบปัญหาที่นำเสนอมาร่วม 2 ชั่วโมง โดยจะตั้งกรรมการซึ่งเป็นคณะทำงานเพื่อหาทางออกร่วมแก้ไขปัญหาต้องไม่มีปัญหาต่อไปอีก โดยทำให้รอบคอบและเป็นประโยชน์ระยะยาวต่อชาวโคราชที่ได้รับผลกระทบ
ส่วนปัญหาการจราจร ทางรถไฟกีดขวางเส้นทางน้ำธรรมชาติ วิถีชุมชน ธุรกิจ ความปลอดภัยต่างๆ สามารถแก้ปัญหาได้หลายรูปแบบ การยกระดับต้องแน่ใจยกแล้วไม่มีปัญหาตามมาอีก หากแก้ไขแบบก่อสร้างจริง โครงการ ฯ อาจล่าช้าอย่างน้อย 1-2 ปี เราต้องประเมินถึงความคุ้มค่า ที่สำคัญต้องต้องแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่ช้าและแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ไม่ได้ประโยชน์
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 21/07/2017 11:28 am Post subject:
คมนาคมนัดถกสรุปรถไฟผ่าเมืองโคราชสัปดาห์หน้า
วันที่ 20 กรกฎาคม 2560 - 22:29 น.
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยหลังการประชุมหารือเรื่องโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 136 กิโลเมตร วงเงิน 24,180 ล้านบาท ระหว่างกระทรวงคมนาคมและจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ว่า นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าฯ นครราชสีมา นำเอกชนท้องถิ่น เข้าหารือกับนายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม รฟท. และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ถึงปัญหาการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เนื่องจากเห็นว่าการก่อสร้างรถไฟระดับพื้นดินและมีรั้วกั้นจะแบ่งตัวเมืองนครราชสีมาเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชนและการเติบโตของเมือง
จังหวัดจึงต้องการให้ปรับแบบรถไฟประมาณ 6-7 กิโลเมตร ช่วงสถานีจิระ ให้เป็นทางยกระดับ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้ตามปกติ แต่ รฟท. เสนอให้ก่อสร้างสะพานหรือทางกลับรถ (ยูเทิร์น) เพื่อแก้ปัญหาแทน เพราะถ้าปรับแบบจะต้องจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อม (EIA) ใหม่และต้องชี้แจงเพื่อของบประมาณเพิ่มในระดับพันล้านบาท ซึ่งจะทำให้โครงการล่าช้าออกไป
ที่ประชุมฯ จึงมีความเห็นร่วมกันให้กระทรวงคมนาคมและจ.นครราชสีมา ส่งตัวแทนเข้าหารืออีกครั้งในวันที่ 25 ก.ค. นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถระบุว่าจะสรุปได้เมื่อใด
สำหรับโครงการช่วงที่มีปัญหาเป็นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญางานก่อสร้างโยธาฉบับที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตรชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 70 กิโลเมตร ราคากลาง 7,060 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการประมูลหาผู้รับเหมาและเป็นโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล
นายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท รองประธานกรรมการฝ่ายบริหารและกิจการพิเศษ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การก่อสร้างรถไฟทางคู่จะแบ่งแยกตัวเมืองเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งชุมชนบริเวณกองทัพภาคที่ 2 และฝั่งราชการและพาณิชย์คือตลาดแม่กิมเฮงและประตูผี ซึ่งมีร้านค้า เอสเอ็มอี และห้องแถวจำนวนมาก ถ้าหากประชาชนไม่สามารถข้ามมาซื้อของในตลาดได้ตามปกติ ก็จะหันไปซื้อของจากห้างสะดวกซื้อรอบนอกแทนและทำให้เศรษฐกิจกลางเมืองซบเซา
ทั้งนี้ การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดควรใช้วิธีก่อสร้างทางยกระดับ เพราะการใช้สะพานยูเทิร์นต้องอ้อม 2 กิโลเมตร หรือไปกลับ 4 กิโลเมตร ซึ่งก็ถือว่าไม่สะดวกอยู่ดี
///-----------------------
รฟท.นัดถกปรับแบบ ทางคู่มาบกะเบา-จิระ สัปดาห์หน้าห่วงงบพุ่ง
21 กรกฎาคม 2560 - 00:00
"คมนาคม" นัดถกข้อสรุปปรับแบบสร้างรถไฟทางคู่ มาบกะเบา-จิระสัปดาห์หน้า ด้าน รฟท.ระบุถ้าปรับแบบ 6 กม.เป็นทางยกระดับ ต้องเพิ่มงบมากกว่าพันล้าน
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2560 ที่ผ่านมาว่า นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้นำเอกชนท้องถิ่น เข้าหารือกับนายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ถึงปัญหาการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 136 กิโลเมตร เนื่องจากกลุ่มชาวบ้านเห็นว่าการก่อสร้างรถไฟระดับพื้นดิน และมีรั้วกั้นจะแบ่งตัวเมืองนครราชสีมาเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชนและการเติบโตของเมือง
"จากการหารือยังไม่ได้ข้อสรุปแต่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นร่วมกันให้กระทรวงคมนาคม และจังหวัดนครราชสีมาส่งตัวแทนเข้าหารืออีกครั้งในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด "นายอานนท์กล่าว
นายอานนท์กล่าวว่า จากการหารือนั้น ทางจังหวัดฯต้องการให้ปรับแบบรถไฟประมาณ 6-7 กม.ช่วงสถานีจิระ ให้เป็นทางยกระดับ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้ตามปกติ แต่ รฟท.เสนอให้ก่อสร้างสะพานหรือทางกลับรถ เพื่อแก้ปัญหาแทน เพราะถ้าปรับแบบก็จะต้องจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อม (EIA) ใหม่ และต้องชี้แจงเพื่อของบประมาณเพิ่มในระดับพันล้านบาท ซึ่งจะทำให้โครงการล่าช้าออกไป
สำหรับโครงการช่วงที่มีปัญหาเป็นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญางานก่อสร้างโยธาฉบับที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 70 กิโลเมตร ราคากลาง 7,060 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการประมูลหาผู้รับเหมา และเป็นโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล
อย่าวงไรก็ตาม โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-จิระ มี 2 สัญญา คือ 1.ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร วงเงิน 7.72 พันล้านบาท และ 2.ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางจิระ วงเงิน 7.06 พันล้านบาท ทาง รฟท.ได้เปิดขายเอกสารประกวดราคาแล้ว และจะให้ยื่นซองเอกสารประกวดราคาในวันที่ 11 ส.ค.นี้.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 21/07/2017 3:05 pm Post subject:
รมช.คมนาคมย้ำยกระดับทางรถไฟต้องไร้ปัญหา ถ้าชาวโคราชได้ประโยชน์ต้องช้าลง 1-2 ปี
Korat Start Up กรกฎาคม 21, 2017
สรุปมติที่ประชุมวันนี้หลังจาก ผู้ว่าฯวิเชียร จันทรโณทัย นำคณะหอการค้าสภาอุตฯเทศบาล เดินทางพบดร.พิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคมขอให้ทบทวนสร้างทางรถไฟรางคู่ช่วงผ่านตัวเมืองโคราชให้เป็นยกระดับ
จากการหารือ มติที่ประชุมเรื่องการแก้ปัญหารถไฟทางคู่โคราช โดย รมช.คมนาคม /ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย 1.รับทราบปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้น 2.มีข้อจำกัดในเรื่องกระบวนการก่อสร้างจะต้องได้ผู้รับจ้างภายใน 1 ก.ย. 2560 และ3.มอบหมายให้ตัวแทนโคราชและกระทรวงคมนาคม / รฟท. / บริษัทที่ปรึกษานำข้อมูลมาพิจารณาแก้ปัญหาร่วมกันเพื่อหาทางออก ในวันที่ 25 ก.ค.2560 เวลา 09.00 น.ที่กระทรวงคมนาคม ว่าจะสามารถยกระดับบางส่วนแก้ปัญหาบางจุดได้หรือไม่
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้เป็นการรับฟังข้อมูลจากทางจังหวัดฯ ต่อไปจะเป็นการรับฟังข้อมูลทางเทคนิคจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อสรุปข้อมูลให้ตรงกันทั้ง 2 ด้าน ผลการประชุมวันนี้เรารู้แล้วว่าปัญหาคืออะไร เราจะตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อหาทางออก ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เราจะต้องแก้ แต่ว่าวิธีการต้องแก้ปัญหาโดยไม่มีปัญหาสืบเนื่องต่อไปอีก ต้องทำให้รอบคอบ และต้องเป็นประโยชน์ระยะยาวต่อพี่น้องประชาชนชาวโคราช ทั้งที่ อ.เมือง และ อ.สีคิ้วด้วย
ที่ร้องเรียนมาคือเรื่องการจราจร เรื่องการกีดขวางทางน้ำ เรื่องความปลอดภัยต่างๆ เรื่องวิถีชุมชน เรื่องธุรกิจ ทั้งหมดนี้มันแก้ปัญหาได้ในหลายรูปแบบ และการยกระดับต้องแน่ใจนะว่ายกแล้วไม่มีปัญหาจริงๆ หากมีการแก้ไข คนโคราชจะได้ใช้ประโยชน์ล่าช้าออกไปอย่างน้อย 1-2 ปี ก็ต้องดูว่าคุ้มไม่คุ้ม แต่ช้าแล้วต้องแก้ปัญหาได้ด้วย ไม่ใช่ว่าช้าด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ด้วย หลักๆเราถึงต้องทำงานให้รอบคอบ ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กล่าว
Back to top