รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Mongwin]

[Mongwin]

ไอทีดีรอชิงเค้ก 7 แสนล. หวังดันรายได้ปีหน้าโต
โพสต์ทูเดย์ 29 ธ.ค. 60

[Mongwin]

รถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน จะเริ่มวางรางใหม่ด้านขวามือของทางเดิม (เมื่อมุ่งหน้าไปหัวหิน) โดยเริ่มจากหน้าวัดสเนหาหรือตำรวจภูธรภาค 7 เนื่องจากเมื่อครั้งสร้างทางคู่ตลิ่งชัน-นครปฐมนั้น ได้สร้างทางคู่เลยสถานีนครปฐมมาถึงจุดนี้ (กม. 49+325) แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2546

ภาพจาก Google StreetView มองจากจุดตัดถนนสวนตะไคร้ไปทางสถานีนครปฐม จุดตัดแห่งนี้ ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอให้เปลี่ยนจากเครื่องกั้นเป็นทางลอด (Underpass) ใต้ทางรถไฟครับ

[Mongwin]

29 12 60 ห้องข่าวธุรกิจ ลงนามก่อสร้างรถไฟทางคู่ 6.95 หมื่นล้าน
ห้องข่าวธุรกิจ Business News Room Published on Dec 28, 2017

รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง 9 สัญญา มูลค่า 6.95 หมื่นล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างไตรมาสแรกปี 61


https://www.youtube.com/watch?v=Acd2zdJe7o4

[Mongwin]

UNIQ ร่วมลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 มกราคม 2561 09:54:00 น.

บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.60 กิจการร่วมค้ายูเอ็น-เอสเอช ซึ่งประกอบด้วย UNIQ และ ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด ได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้าง กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ซึ่งเป็นการก่อสร้างทางวิ่งรถไฟในโครงการระยะทาง 29 กิโลเมตร (กม.) ประกอบด้วย การก่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 2 ทาง โดยจะทำการก่อสร้างทางรถไฟระดับพื้นดิน (At Grade) ระยะทางประมาณ 6 กม. และทางรถไฟทางคู่ยกระดับ (Elevated) ระยะทางประมาณ 23 กม.

สำหรับโครงการดังกล่าว มีมูลค่า 10,050 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) แบ่งเป็น มูลค่าเฉพาะสัดส่วนของยูนิค 5,125.50 ล้านบาท และมูลค่าเฉพาะสัดส่วนของซิโนไฮโดร 4,924.50 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในวันเดียวกันบริษัทได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับ รฟท.ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ มูลค่าโครงการ 8,649 ล้านบาท ซึ่งเป็นการก่อสร้างทางวิ่งรถไฟในโครงการ ประกอบด้วย การก่อสร้างทางรถไฟเพิ่ม 1 ทาง โดยจะทำการก่อสร้างทางรถไฟระดับพื้นดิน (At Grade) ขนานไปกับทางรถไฟเดิม รวมระยะทางประมาณ 116 กม.

[Mongwin]

รถไฟทางคู่ ความเปลี่ยนแปลงในรอบ 120 ปีรถไฟไทย
เผยแพร่: 5 ม.ค. 2561 16:29:00 โดย: MGR Online

"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"

ก่อนสิ้นปี 2560 สามวัน การรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท.) ได้ลงนาม ในสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง กับบริษัทผู้รับจ้างที่ผ่านการคัดเลือกด้านราคาทั้ง 9 สัญญา จำนวน 8 บริษัท

รถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง มีระยะทางรวมกัน 702 กิโลเมตร รวมค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 69,531,000,000 บาท ประกอบด้วย เส้นทางสายเหนือ ช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 145 กิโลเมตร สายอีสาน ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 136 กิโลเมตร สายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน 169 กิโลเมตร , หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 84 กิโลเมตร และ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 168 กิโลเมตร

รฟท. กำหนดให้ผู้รับเหมาลงมือก่อสร้าง ภายในไตรมาส แรก ของปี 2561 และให้เสร็จเรียบร้อยตามแผนในปี 2565

รถไฟทางคู่สายอีสานอีกช่วงหนึ่งคือ ชุมทางถนนจิระ จังหวัดนครราชสีมา - ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร ได้ลงมือก่อสร้างไปแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 โดยผู้รับเหมาคือ ช. การช่าง และ ช. ทวี

สำหรับระยะทางที่เหลือ ทั้งสายเหนือ อีสาน และใต้ รัฐบาล จะให้ รฟท. เปืดประมูลให้ครบ ภายในปีนี้ ประกอบด้วย 9 เส้นทาง ระยะทาง 2,217 กิโลเมตร มูลค่ารวม 3.98 แสนล้านบาท เป็นรถไฟทางคู่เฟส 2 ต่อจากเฟสแรก จำนวน 7 เส้นทาง คือ
1. สายใต้ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร
2. ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กิโลเมตร
3. ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 75 กิโลเมตร
4. สายเหนือ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กิโลเมตร
5. ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กิโลเมตร
6. สายอีสาน ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร
7. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตร

อีก 2 เส้นทาง เป็นรถไฟทางคู่สายใหม่คือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กิโลเมตร และ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีทางรถไฟความยาว รวมกันประมาณ 4 ,300 กิโลเมตร เกือบทั้งหมด สร้างและเปิดให้บริการ ก่อน ปี 2500 หลังจากนั้นไม่มีทางรถไฟสายใหม่ๆ เกิดขึ้นเลย ตลอดระยะเวลา 126 ปี นับตั้งแต่ ประเทศไทยมีรถไฟใช้เป้นประเทศแรกๆ ในเอเชีย ไม่มีการลงทุนใหม่ๆเกิดขึ้นเลย เพราะรัฐบาลทุกยุค ทุกสมัย ให้ความสำคัญกับการสร้างถนนเป็นหลัก

การรถไฟ ฯ มีความสำคัญ เพียงเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่มีงบในการจัดซื้อ จัดจ้าง มีที่ดินมหาศาล ที่กลุ่มต่างๆเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ไม่ได้คิดว่าจะปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น ทันโลก ทันยุคสมัยแต่อย่างใด เพราะถูกแช่แข็งอยู่อย่างนั้น

ทางรถไฟใหม่ที่เกิดขึ้นล่าสุด คือ ทางรถไฟสายฉะเชิงเทรา - แหลมฉบัง เป็นทางคู่ สร้างเสร็จและเปิดใช้เมื่อต้นปี 2555 แต่มีระยะทางเพียง 70 กว่ากิโลเมตร เพื่อขนส่งสินค้าเจ้าออกท่าเรือ แหลมฉบัง ซึ่งปัจจุบัน ได้ขยายเส้นทางจากฉะเชิงเทรา ไปถึงแก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร เช่อมกัยรถไฟสายอีสาน ซึ่งได้ลงมือก่อสร้างตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559

รถไฟทางคู่ที่มีอยุ่ปัจจุบัน เป็นเส้นทางสั้นๆ จากกรุงเทพ ถึงจังหวัดรอบๆ เช่น บางซื่อ -รังสิต, บ้านภาชี - ลพบุรี , ตลิ่งชัน - นครปฐม ฯลฯ

การลงทุนสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นจริงแล้ว ในยุค คสช. จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบรถไฟไทย เป็นการเปลียนแปลงครั้งแรกในรอบ 126 ปี รถไฟทางคู่ ที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดทั้งเฟสแรก และเฟสสองมี ระยะทางรวมกัน 3 พันกว่ากิโลเมตร ซึ่งจะทำให้รถไฟใช้ความเร็วได้เพิ่มขึ้น เป็น 90 -160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ต้องรอหลีกทางกัน เพราะเป็นทางคู่ สามารถควบคุมการเดินรถให้ตรงเวลาได้

เรียกว่า เป็น ผลงานการปฏิรูปประเทศ ที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ชิ้นแรกของ คสช.

อย่างไรก็ตาม รถไฟทางคู่ คิอ ฮาร์ดแวร์ เป็นเพียงปัจจัยหนึง่ที่ทำให้เกิดการปฏิรูประบบราง ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยน ปฏิรูป “ซอฟต์แวร์” คือ การบริหารจัดการ การปฏิรูป หรือ การแปรรุป รฟท. ให้มีขีดความสามารถที่จะรองรับ ใช้ประโยชน์รถไฟทางคู่ที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ทั่วประเทศ เงินลงทุนหลายแสนล้านบาทที่ลงไป ก็จะสูญเปล่า ได่มาแต่รางรถไฟที่เพิ่มขึ้นมาอีก 3 พันกิโลเมตรเท่านั้น

[Mongwin]

รีวิวรถไฟทางคู่ 'จิระ-ขอนแก่น' 2 ปีคืบหน้า 48% เปิดหวูด ก.พ. 62 (ช้ากว่าแผน2%)
ขอนแก่นลิงก์ 6 ม.ค. 61

หลัง "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" ได้เซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ชุมทางจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กม. ไปเมื่อ ปี 2558 ด้วยวงเงิน 23,430 ล้านบาท มีผู้รับเหมาชั้นนำกลุ่มกิจการร่วมค้าซีเคซีเอช ประกอบด้วย บมจ.ช.การช่าง และ บจ.ช.ทวีเป็นผู้ก่อสร้าง โดยเริ่มเข้าพื้นที่ เมื่อเดือน ก.พ. 2559 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการเมื่อเดือน ธ.ค. 2560 ในภาพรวมอยู่ที่ 48% ยังล่าช้าจากแผนงานอยู่ 2%

แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท. กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ได้ปรับแผนการเปิดบริการใหม่จากก่อนหน้านี้มีนโยบายจะเปิดบริการช่วงบ้านเกาะ-เมืองคง ระยะทาง 50 กม.ก่อนในช่วงปลายปี 2560 นั้น คงไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจาก ต้องทดสอบระบบอาณัติสัญญาณเพื่อความปลอดภัย โดยจะเปิดบริการพร้อมกันตลอดสายภายในเดือน ก.พ. 2562

โครงการรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น เป็นรางกว้าง 1 เมตร โดยก่อสร้างทางเพิ่ม 1 ทาง ด้านขวาขนานไปกับทางรถไฟเดิม มีสถานีในพื้นที่ก่อสร้าง 18 สถานี มี 16 สถานีเดิมที่ได้รับผลกระทบต้องรื้อแล้ว สร้างใหม่ ซึ่ง ร.ฟ.ท.ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานราชการ องค์กรท้องถิ่น และองค์กรสาธารณกุศล ขออนุรักษ์อาคารสถานีรถไฟเก่าไว้ จำนวน 14 แห่ง ได้แก่ สถานีบ้านเกาะ สถานีหนองแมว สถานีโนนสูง สถานีบ้านดอนใหญ่ สถานีเมืองคง สถานีโนนทองหลาง สถานีหนองบัวลาย  สถานีหนองมะเขือ สถานีเมืองพล สถานีบ้านหัน สถานีบ้านไผ่ สถานีบ้านแฮด สถานีท่าพระ และสถานีขอนแก่น

โครงสร้างเป็นทางวิ่งระดับพื้นทั้งหมด ยกเว้นช่วงบริเวณสถานีขอนแก่นจะเป็นทางรถไฟยกระดับ ระยะทางประมาณ 5.4 กม. โดยจะรื้อสถานีเดิมและสร้างสถานีใหม่ขึ้นมารองรับ ถือว่าเป็นสถานีขนาดใหญ่พิเศษแห่งแรกในภูมิภาค ขณะเดียวกัน มีสะพานรถไฟจำนวน 84 สะพาน งานก่อสร้างสถานีรถไฟระดับพื้น 18 สถานี และป้ายหยุดรถไฟ 7 แห่ง และงานก่อสร้างย่านเก็บกองและขนถ่ายตู้สินค้า (CY) จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สถานีบ้านกระโดน สถานีชุมทางบัวใหญ่ และสถานีท่าพระ ส่วนงานก่อสร้างโยธาและอื่น ๆ ของโครงการ เช่น ระบบระบายน้ำ สะพานลอยคนเดินข้าม รั้วตลอดแนวของโครงการถนนยกระดับ (overpass) ถนนยกระดับรูปตัวยู หรือยกระดับทางรถไฟ เพื่อแก้ปัญหาจุดตัดระหว่างถนนกับทาง

เมื่อเปิดบริการในปีแรกคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 27,200-38,800 คนต่อวัน และปี 2577 เพิ่มขึ้นเป็น 37,000-55,000 คนต่อวัน และปริมาณขนส่งสินค้าที่ผ่านเส้นทาง 10,900-11,300 ตันต่อวัน และปี 2577 เพิ่มขึ้นเป็น 36,400 ตันต่อวัน

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

----

ผ่าแผนระบบรางปี’61 ‘ทางคู่-ไฮสปีด-รถไฟฟ้า’
มติชนออนไลน์ วันที่ 6 มกราคม 2561 - 17:58 น.

ที่มา หน้า 2 มติชนรายวัน
เผยแพร่ วันที่ 6 มกราคม 2561

หมายเหตุ – กระทรวงคมนาคมเดินหน้าโครงการระบบรางภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง พ.ศ.2559 หรือแอ๊กชั่นแพลน ระยะที่ 1 และแอ๊กชั่นแพลน ระยะที่ 2 ปี 2560 ได้สำเร็จจนสามารถลงนามในสัญญา และก่อสร้างหลายโครงการ ดังนั้นในปี 2561 จึงเป็นปีแห่งการสานต่อโครงการต่างๆ ให้เดินหน้าตามแอ๊กชั่นแพลนที่กำหนดไว้

โครงการระบบรางภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง แอ๊กชั่นแพลน ระยะที่ 1 และแอ๊กชั่นแพลน ระยะที่ 2 ปี 2560 ได้สำเร็จจนสามารถลงนามในสัญญาและก่อสร้างหลายโครงการไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี ระยะทาง 23 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 7.92 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 3.97% ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงินลงทุน 46,643 ล้านบาท และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงินลงทุน 45,797 ล้านบาท อยู่ระหว่างรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคเพื่อลงมือก่อสร้างแล้ว

นอกจากนี้ ยังมี รถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง 702 กม. รวม 9 สัญญา มูลค่า 69,531 ล้านบาท ก็สามารถลงนามในสัญญาได้เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา คือ 1.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 136 กม. แบ่งเป็น สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร วงเงิน 7,560 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ วงเงิน 9,290 ล้านบาท 2.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 168 กม. แบ่งเป็น สัญญาที่ 1 ช่วงประจวบคีรีขันธ์-บางสะพานน้อย วงเงิน 6,465 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 ช่วงบางสะพานน้อย-ชุมพร วงเงิน 5,992 ล้านบาท 3.ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กม. แบ่งเป็น สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล วงเงิน 8,198 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน วงเงิน 7,520 ล้านบาท 4.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 145 กม. แบ่งเป็น สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม วงเงิน 10,050 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ วงเงิน 8,649 ล้านบาท และ 5.ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. วงเงิน 5,807 ล้านบาท โดยทั้งหมดจะเริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 เพื่อให้แล้วเสร็จตามแผนงานภายในปลายปี 2565

ขณะเดียวกันก็มี รถไฟไทย-จีน หรือ รถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252.3 กม. วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ที่ได้ลงมือก่อสร้างตอนที่ 1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม.ไป เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนที่เหลืออีก 3 ตอน คือ ตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง-คลองขนานจิตร ระยะทาง 11 กม. ตอนที่ 3 ช่วงแก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กม. และตอนที่ 4 ช่วงแก่งคอย-บางซื่อ ระยะทาง 119 กม. ได้แบ่งประกวดราคาออกเป็น 13 สัญญา จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2561 เช่น ตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง-คลองขนานจิตร์ จะเปิดประมูลได้ภายในไตรมาสที่ 1 เป็นต้น ตั้งเป้าหมายเปิดบริการปี 2564

ส่วนการดำเนินงานระยะที่ 2 จากนคราชสีมา-หนองคายจะดำเนินการต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ในปี 2561 โดยไทยจะเป็นผู้ดำเนินการเอง จะใช้ผลการศึกษาและแบบการก่อสร้างที่ รฟท.เป็นผู้ดำเนินการนำเสนอ ครม.อนุมัติ ซึ่งการก่อสร้างในระยะที่ 2 กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าไม่มีอะไรยุ่งยากเหมือนระยะที่ 1 เนื่องจากสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ไม่มีภูเขา

สำหรับปี 2561 นี้ การก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ทางรางที่ต้องเดินหน้าต่อยังมีอีกหลายโครงการเช่นเดียวกัน ทั้งที่อยู่ภายใต้แอ๊กชั่นแพลน ระยะที่ 1 และแอ๊กชั่นแพลน ระยะที่ 2 ที่จะต้องเดินหน้าต่อเนื่อง

เริ่มจากรถไฟทางคู่อีก 9 เส้นทาง วงเงินรวม 398,383.25 ล้านบาทของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คือ
1.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 23,384.91 ล้านบาท
2.ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กม. วงเงิน 51,823.83 ล้านบาท
3.ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,941.80 ล้านบาท
4.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 56,066.25 ล้านบาท
5.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 59,924.24 ล้านบาท
6.ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กม. วงเงิน 76,978.82 ล้านบาท
7.ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม. วงเงิน 26,065.75 ล้านบาท
8.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. วงเงิน 35,839.74 ล้านบาท และ
9.ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 60,351.91 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้

โดยในบรรดารถไฟทางคู่ทั้งหมดนี้มี 2 เส้นทางที่เป็นรถไฟสายใหม่ คือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และช่วงบ้านไผ่-นครพนม ซึ่งช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ได้ศึกษามาตั้งแต่ปี 2503 จนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 57 ปีแล้วที่ประชาชนในพื้นที่รอคอยที่จะใช้บริการ ขณะที่ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ก็เป็นเส้นทางสายใหม่เช่นเดียวกัน ได้ศึกษาตั้งแต่ปี 2537 ตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่พยายามผลักดันให้มีรถไฟทางคู่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ขนส่งสินค้า และพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่

ยังมี ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าอีกหลายเส้นทาง คือ สายสีม่วง (ด้านใต้) ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน 101,112 ล้านบาท ซึ่งตามแผนงานจะได้ตัวผู้ชนะประมูลในเดือนกันยายน และเริ่มก่อสร้างปลายปี 2561 และ สายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-บางขุนนนท์ ระยะทาง 12.9 กม. วงเงิน 111,186 ล้านบาท

รถไฟชานเมืองอีก 2 เส้นทาง คือ สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) ระยะทาง 10 กม. วงเงิน 7,596 ล้านบาท สายสีแดงอ่อน ส่วนต่อขยายช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 20 กม. วงเงิน 19,042.13 ล้านบาท รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์ ส่วนต่อขยายช่วงพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 21.8 กม. วงเงิน 31,149.35 ล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงคูคต-ลำลูกกา ระยะทาง 7 กม. เงินลงทุน 11,989 ล้านบาท ช่วงสมุทรปราการ-บางปู ระยะทาง 7 กม. เงินลงทุน 13,701 ล้านบาท และสายสีน้ำเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑล สาย 4 ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 17,262 ล้านบาท

[Mongwin]

บี้พัฒนาถนน-รางหนุนEECกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคเพิ่มศักยภาพโลจิสติกส์
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 6 มกราคม 2561 00:00:46 น.

พญาไท * "สมคิด" บี้คมนาคมเร่งพัฒนาถนนเชื่อมระบบรางรองรับอีอีซี หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ-ลงทุนภูมิภาค ด้าน "อาคม" สนองนโยบายเดินหน้าสร้างถนน 48,000 ล้านบาท พร้อมเร่งรวมถึงศึกษาจุดเชื่อมต่อระหว่างโครงการรถไฟทางคู่ 2 เส้น หวังเพิ่มศักยภาพโลจิสติกส์ พร้อมแจงผู้รับเหมาให้เข้าใจทิศทางลงทุนรัฐบาล

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายผู้บริหารที่กรมทางหลวง ว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมทบทวนโครงการโครง สร้างพื้นฐานสำคัญ เพื่อเน้นการ เชื่อมโยงด้านหมวดคมนาคมทั้งทางถนน รถไฟเข้าด้วยกันให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงให้ ความสำคัญกับการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานขนส่งที่สนับ สนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาค

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้รับทราบนโยบายและจะนำแผนปี 2563-2565 ในส่วนโครงการที่เร่งด่วนมาดำเนินงานก่อน โดยปี 2562-2565 จะใช้งบประมาณก่อสร้างถนนภายในอีอีซีประมาณ 48,000 ล้านบาท รวมถึงศึกษาจุดเชื่อมต่อ ระหว่างโครงการรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางที่อยู่ในแผนพัฒนาระบบคมนาคมภาคตะวันออก (EastWest Corridor) ช่วงบ้านไผ่ มุกดา หาร นครพนม และเด่นชัย เชียง ราย เชียงของ ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์

ทั้งนี้ เป็นการเชื่อมต่อเส้น ทางหลักที่จะเพิ่มศักยภาพด้าน โลจิสติกส์ ทั้งการขนส่งสินค้าและการเดินทาง เชื่อมต่อไปยังลาวและเวียดนามได้ โดยขณะนี้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ศึกษาความเป็นไปได้ ทั้งนี้ แผนการจัดสรรงบประมาณ ปี 2562 จะต้องเสร็จภายใน 2 เดือน

นายอาคมกล่าวว่า นายสมคิดยังได้มีการหารือกับผู้รับเหมา ประเภทชั้น 1 และชั้น 2 เพื่อทำความเข้าใจทิศทางการทำงานของรัฐบาลจากนี้ไป 3-4 ปีข้างหน้า จะเกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง จึงต้องการให้ผู้รับเหมาก่อสร้างทำงานอย่างซื่อสัตย์ ไม่ทิ้งงาน เน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ เบิกจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว และให้โอกาสผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายกลาง และใหญ่ เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานของไทย พร้อมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนนำยางพาราทำถนนให้มากขึ้น คาดว่าในปี 61 นี้จะเพิ่มปริมาณการใช้น้ำยางดิบได้มากกว่า 40,000 ตัน

อย่างไรก็ตาม ส่วนด้านผู้รับเหมาเอกชนกังวลปัญหาแรงงานที่ขาดแคลน ขอให้รัฐจัดหาแรง งานเข้าระบบ และขอจัดตั้งสภาก่อ สร้างไทย เพื่อดูแลและตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับเหมาไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างและปัญหาจากการคอร์รัปชัน รวมทั้งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างในภาพรวมได้

นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้นำเสนอผลงานที่ดำเนินการในปี 2560 ถนนเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว และแผนแม่บทที่จะดำเนินการในอนาคต โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกรมทางหลวงชนบทเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนโครงข่ายที่เชื่อมถึงกันให้สมบูรณ์เพื่อลดความเลื่อมล้ำทางสังคม อีกทั้งยังเน้นย้ำให้กรมทางหลวงชนบทใช้ยางพาราในการก่อสร้างถนนเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามนโยบายของรัฐบาล.

[Wisarut]

"ว้าว" รางทางคู่จิระ-ขอนแก่น ฉลุย 60 กม.

จันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 เวลา 12.04 น.

รถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น เดินหน้า 48% วางรางแล้ว 60 กม. ทยอยทาสี-ติดแอร์ ส่วนสถานียกระดับขอนแก่นเร่งสร้างอาคารสถานีรับผู้โดยสาร ขณะที่สถานีบ้านไผ่เริ่มวางเสาโครงสร้างทางวิ่ง

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กม. 19 สถานี 7 จุดจอดว่า ก่อสร้างไปแล้ว 48%  จากแผน 50% ช้ากว่าแผน 2%  โดยวางรางรถไฟ ช่วงชุมทางจิระถึงสถานีเมืองคง  ระยะทางประมาณ 60 กม. แล้ว ตลอดเส้นทางอยู่ระหว่างการก่อสร้างสถานี โดยเฉพาะช่วงต้นทางชุมทางจิระถึงสถานีเมืองคง  คืบหน้าประมาณ 80-90% แล้ว อยู่ระหว่างดำเนินงานสถาปัตยกรรม ขึ้นโครงสร้างสถานีและมุงหลังคาเสร็จแล้ว  ที่เหลือทยอยทาสี ติดแอร์ ช่วงสถานีบ้านเกาะ สถานีบ้านกระโดน สถานีเมืองคง เป็นต้น

 

ส่วนจากสถานีเมืองคงมาถึงสถานีขอนแก่นอยู่ระหว่างดำเนินงานคันทางเกือบแล้วเสร็จทั้งหมด จากนั้นเริ่มวางรางต่อไป  ทั้งนี้สถานียกระดับขอนแก่นมีความคืบหน้าไปมาก ได้วางโครงสร้างยกระดับทางวิ่งเสร็จทั้งหมด ต่อไปจะเริ่มวางระบบรางต่อ รวมทั้งงานด้านระบบไฟฟ้าเครื่องกล ขณะเดียวกันเร่งสร้างโครงสร้างรองรับรางรถไฟ และตัวอาคารสถานีรองรับผู้โดยสารด้วย ส่วนสถานียกระดับบ้านไผ่ขณะนี้ผู้รับเหมาเริ่มวางเสาโครงสร้างทางวิ่งแล้ว

รายงานข่าวแจ้งด้ยว่า สำหรับปัญหาอุปสรรคมีบ้างจากผลกระทบช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟรูปตัวยู ทำให้ผู้รับเหมาเข้าหน้างานไม่ได้ ขณะเดียวกันบริเวณพื้นที่บ้านกุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบริเวณสามแยกที่เข้า อ.เมืองขอนแก่น โดยบริเวณนี้จะก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟทางยกระดับ เพราะเป็นจุดตัดทางรถไฟ ทำให้ รฟท. ออกแบบยาก และต้องขออนุญาตกรมทางหลวง (ทล.) โดย ทล. ให้ปรับแบบเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรบริเวณดังกล่าว ขณะนี้ ทล. ได้อนุมัติแล้ว ทำให้ผู้รับเหมาเริ่มงานได้ล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย อย่างไรก็ตามขณะนี้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้วจะเร่งรัดดำเนินงานให้ทันตามแผนและแล้วเสร็จภายใน ก.พ. ปี 62

[Mongwin]

สร้างทางคู่ยาวที่สุดในไทย
เดลินิวส์ จันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 เวลา 15.53 น.

รฟท. ผุดศึกษารถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-สุไหงโกลก ไปบรรจบกับทางรถไฟประเทศมาเลเซีย เชื่อมความยาวของทางรถไฟสายใต้เป็นทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯ กำลังศึกษาเส้นทางทางคู่หาดใหญ่-สุไหงโกลก ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี   ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีทางรถไฟอยู่แล้ว แต่หากเพิ่มศักยภาพเป็นทางคู่จะเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางไปประเทศมาเลเซียเป็น 1 ในเส้นทางรถไฟหาดใหญ่ โดยต้องศึกษาเส้นทางอย่างละเอียด รวมทั้งเรื่องความปลอดภัยด้วยเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ก่อเหตุความไม่สงบการเดินรถไฟ จะหยุดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 17.00-18.00 น. หลังจากเวลานี้จะไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสาร

สำหรับเส้นทางรถไฟสายใต้นั้น จะเริ่มต้นจากสถานีรถไฟธนบุรี กรุงเทพฯ ผ่าน จ.นครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และสุดปลายทางที่สถานีรถไฟสุไหงโกลก จ.นราธิวาส และไปบรรจบกับทางรถไฟประเทศมาเลเซีย ความยาวของทางรถไฟสายใต้ นับจากสถานีรถไฟธนบุรีถึงชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ อ.สุไหงโกลก  รวม 1,144.29 กม. เป็นทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในประเทศไทย