View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
Posted: 26/10/2018 12:49 pm Post subject: |
|
|
Lopburi - Nakhon Sawan double tracking including 28 km bypass track from Ban Klub to Khok Krathiam as bypass route -
Section 1: existing line from Tha Khae to Pak Nampho from km 136+341.106 (Southern yard of Tha Khae station) to km 252+225.000 (Northern end of Pak Nampho station - total 115.88 km with 21 stations and stops
1. Ban Klub at km 121 + 720
2. Ban Pa Wai (Southern suburb) at km 127 + 440
3. Lopburi at km 132 + 810
4. Tha Khae at km 137 + 551 - just renovated
5. Khok Krathiam at km 144 + 238 - just renovated
6. Nong Tao - at km 150 + 082 - just renovated - used to have a rail link to iron mine at Khao Thub Kwai
7. Nong Sai Khao at km 154 + 931 - building anew
8. Ban Mee - at km 161 + 226 - building anew - used to have a rail link to the old quarry site -
8A Huay Kaew station - at km 165 + 940 - downgraded to stop due to the lack of demands
9. Phai Yai at km 170 + 330 - building anew
10. Chansen at km 173 + 864 - building anew
11. Chong Khae - at km 185 + 315 the old quarry - building anew
12. Phone Thong - at km 188 + 650 used to have rail link to Jalaprathan cement - just renovated
13. Ban Takli - Major station at km 193 + 020 - building anew main dropping point to Chainart
14. Dong Mangku at km 198 + 850 - just renovated
15. Hua Wai at km 204 + 200 - just renovated
16. Nong Pho at km 211 + 676 - just renovated
17. Hua Ngiw at km 217 + 214 - building anew
18. Noen Makok at km 225 + 000 - just renovated
19. Khao Thong at km 235 +493 - just renovated
20. Nakhon Sawan at km 245 + 922 - dropping point for Fort Jiraprawat - building anew to replace the old building dated 1956
21. Pak Nampho at km 250 + 811 - the old dropping point for Nakhon Sawan - used to have ferry across Nan river to downtown Nakhon Sawan - just renovated - Locomotive depot with round house
Section 2 bypass track from Ban Klub to Khok Krathiam with total distance of 28 km - following Highway 366 for 13 km while passing Highway 3196 and Highsay 311 and land expropriation for 8 km - started at km 120+206.400 (Southern end of Ban Klub station to reach the Southern end of Khok Krathiam at km 141+000 with 22.60 km elevated track and at grade for 5.32 km with 2 new stations -
1. Lopburi 1 station near Lopburi river at10.06 km from Southern end of Ban Klub station [AKA km 130 + 266.4] (will be constructed later) and
2. Lopburi 2 station at Tha Wung at 21.546 km from Southern end of Ban Klub station [AKA km 141 + 752.4]
http://www.doubletrack-lopburipaknampho.com/Routes_and_stations.html |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
Posted: 26/10/2018 6:59 pm Post subject: |
|
|
ชาวเมืองพลเฮ! วิศวกรรมรถไฟฯ รับข้อเสนอแก้แบบจุดตัดรถไฟทางคู่เป็นยกระดับลอยฟ้า
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 26 ตุลาคม 2561 เวลา 16:20
ปรับปรุง: 26 ตุลาคม 2561 เวลา 18:46
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ชาวเมืองพลยิ้มออก คณะที่ปรึกษาทางวิศวกรรมรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่นยอมรับข้อเสนอแก้แบบสร้างจุดตัดทางรถไฟเขตเทศบาลเมืองพลให้ใหม่ตามที่เรียกร้องทั้ง 3 จุดเป็นการยกระดับลอยฟ้าแทน
เมื่อบ่ายวันที่ 25 ต.ค. 61 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมแก่นคูณ 2 ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ตัวแทนชาวอำเภอพลกลุ่มคัดค้านสร้างจุดตัด-ทางลอดรางรถไฟในโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่สายชุมชนจิระ (โคราช)-ขอนแก่น ช่วงเทศบาลเมืองพลได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมกับตัวแทนคณะที่ปรึกษาทางวิศวกรรมรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่น, ตัวแทนส่วนงานที่เกี่ยวข้องหา เพื่อหาข้อยุติร่วมกันในการปรับปรุงแบบก่อสร้างตามที่ชาวเมืองพลเคลื่อนไหวเรียกร้อง โดยมีนายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเป็นประธานในที่ประชุม
ในที่ประชุมทางฝ่ายตัวแทนชาวเมืองพลได้เน้นย้ำว่าพวกตนไม่ได้คัดค้านโครงการรถไฟทางคู่ แต่ไม่เห็นด้วยเฉพาะการสร้างจุดตัดทางรถไฟผ่านเขตเทศบาลเมืองเมืองพล ว่าทำไมไม่สร้างให้เป็นทางยกระดับลอยเหนือพื้นดิน แต่กลับสร้างเป็นลักษณะอุโมงค์ทางลอดและทางยกระดับแบบเกือกม้าแทน จะทำให้มีปัญหาตามมามากมาย ทั้งปัญหารถติด อันตรายเกิดอุบัติเหตุ น้ำท่วม ที่สำคัญทางลอดทางรถไฟจุดที่ 3 ที่เชื่อมเส้นทางไปยัง อ.แวงใหญ่นั้นทั้งแคบทั้งเตี้ย แม้แต่รถหกล้อขนผัก รถดับเพลิงยังลอดไม่ได้ หน้าฝนน้ำก็จะท่วมหนัก
ทุกวันนี้มีการปิดถนนที่ประชาชนสัญจรผ่านไปมาในจุดดังกล่าวไปแล้ว 2 จุด เพื่อสร้างสะพานเกือกม้าแบบวิ่งสวนทางและทางลอดทางรถไฟ ทำให้ชาวบ้านประสบปัญหามาก ซึ่งตามแบบก่อสร้างนั้นต้องปิดถนนเดิมทั้ง 3 จุด โดยก่อสร้างเป็นสะพานแบบเกือกม้า 2 จุด และทางลอด 1 จุดแทน ไม่เป็นที่ต้องการของชาวเมืองพล ที่สำคัญก่อนก่อสร้างโครงการฯ ชาวเมืองพลส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วมเวทีประชาพิจารณ์แม้แต่ครั้งเดียว เพราะไม่มีการประชาสัมพันธ์แจ้งข่าว
ทั้งนี้ การประชุมหารือใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่ละฝ่ายพยายามนำเสนอข้อมูลให้รอบด้าน โดยทางฝ่ายคณะที่ปรึกษาทางวิศวกรรมรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่นได้นำเสนอแผนการปรับปรุงแก้แบบให้ใหม่ โดยจะยกระดับจุดที่ตัดทางรถไฟเชื่อมการคมนาคมระหว่าง อ.พล-อ.แวงน้อย เป็น4 เมตร และช่วงจุดตัดเชื่อม อ.พล-แวงใหญ่ เป็น 4 เมตร เพิ่มช่องทางจราจรเป็น 4 ช่องทาง จากเดิมทำไว้แค่ 2 ช่องทางและจะขยายทางเท้าออกไปอีกด้านละ 2.5 เมตร
ตัวแทนคณะที่ปรึกษาทางวิศวกรรมฯยังได้อ้างอีกว่าหากจะให้มีการแก้ไขจุดตัดทางรถไฟทางคู่ตามที่ชาวเมืองพลเรียกร้องและยื่นเสนอต่อกระทรวงคมนาคมนั้นจะมีผลกระทบตามมาไม่น้อย ต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) กันใหม่ ทำประชาพิจารณ์กันใหม่ ออกแบบใหม่ก่อนเสนอของบประมาณเพิ่ม ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด นั่นเท่ากับว่าจากเดิมการเดินรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่นคาดว่าไม่น่าจะสามารถให้บริการได้ราวปลายปี 2562 ก็ต้องเลื่อนออกไป
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนชาวเมืองพลที่เข้าร่วมประชุมต่างไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแก้แบบก่อสร้างที่ทางตัวแทนคณะที่ปรึกษาทางวิศวกรรมเสนอ เพราะมองว่าไม่ต่างจากแบบก่อสร้างเดิมที่ชาวเมืองพลคัดค้านไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่ชาวบ้านวิตก ขอยืนยันข้อเรียกร้องแก้แบบก่อสร้างตามเดิม หากโครงการฯจะเสร็จช้าไปหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอให้แก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนก็คุ้มค่าที่จะต้องรอ
ในที่สุดหลังจากฟังตัวแทนชาวเมืองพลอธิบายเหตุผลที่ต้องการยกระดับรางรถไฟแทนแบบก่อสร้างเดิม ทางคณะที่ปรึกษาทางวิศวกรรมรถไฟฯก็ยอมรับข้อเรียกร้องของชาวอำเภอพลทั้ง 3 ข้อเพื่อเสนอให้คณะผู้บริหารกระทวงคมนาคมพิจารณาและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับข้อเรียกร้องแก้แบบฯทั้ง 3 ข้อดังกล่าวประกอบด้วย 1. ให้ยกระดับทางรถไฟข้ามจุดตัด ถนนเมืองพล-แวงน้อย-จ.ชัยภูมิ เว้นพื้นที่เผื่อถนนกว้าง 6 ช่องจราจร ความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตรไปจดถนนมิตรภาพ 2. ให้ยกระดับทางรถไฟ ขยายอุโมงค์ทางลอดจุดตัด ถนนเมืองพล-แวงใหญ่ เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมทางเท้าตรงไปเชื่อมต่อถนนทางหลวงโดยไม่ต้องเป็นทางกลับรถ(U-Turn) ความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตร 3. ให้ทำทางลอดระหว่างชุมชนศรีเมืองกับหมู่บ้านชัยประเสริฐ เป็น 2 ช่องจราจร พร้อมทางเท้า ความสูงไม่น้อยกว่า 3.50 เมตร
นายเริงชัย ศิริวิชัย ตัวแทนชาวเมืองพลที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วยกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ทางคณะที่ปรึกษาทางวิศวกรรมฯยอมรับในข้อเสนอของชาวเมืองพลและจะนำไปเสนอต่อคณะผู้บริหารกระทรวงและรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาทบทวนแก้แบบใหม่ ซึ่งพี่น้องชาวเมืองพลก็ต้องลุ้นและติดตามผลความคืบหน้าของเรื่องนี้กันอย่างใกล้ชิดกันต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44615
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 28/10/2018 8:22 am Post subject: |
|
|
รถไฟทางคู่ช่วง “หัวหิน” อืด เหตุเคลียร์ค่ารื้อย้ายไม่ลงตัว ผู้บุกรุกไม่ยอมเปิดทางให้เข้าพื้นที่ก่อสร้าง “ผู้รับเหมา” หวั่นสร้างเสร็จไม่ทันตามกำหนด
https://www.thebangkokinsight.com/56218/
28 ต.ค. 61
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ผู้รับเหมายังไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ได้ทั้งหมด เนื่องจากบางพื้นที่มีประชาชนหรือผู้บุกรุกออกมาต่อต้าน โดยตามแนวเส้นทางมีผู้บุกรุกกว่า 2,000 ครัวเรือน ซึ่งปัจจุบันก็ค่อยๆ เจรจาและทยอยเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้เรื่อยๆ
สำหรับบริเวณที่มีปัญหามาก คือ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร เพราะผู้บุกรุกบางส่วนยังไม่พอใจค่ารื้อถอน จึงขอให้การรถไฟฯ ทบทวนค่ารื้อถอนใหม่อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันผู้รับเหมาก็ทยอยเข้าพื้นที่ อ.หัวหิน ได้แล้วประมาณ 60% ส่วนที่เหลืออีก 30-40% อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะแก้ไขปัญหาได้ในเร็วๆ นี้ ไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการก่อสร้าง
แหล่งข่าว กล่าวถึงการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางจำนวน 3 สัญญาว่า ปัจจุบันการประมูลระบบอาณัติสัญญาณทั้ง 3 สัญญาเริ่มล่าช้ากว่าเป้าหมาย แต่การรถไฟฯ ยังคงเป้าหมายการเปิดให้บริการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางตามเดิม คือภายในปี 2565 ดังนั้นเมื่อการรถไฟฯ ได้ตัวผู้ชนะการประมูลติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณแล้ว ก็คงต้องเร่งรัดขั้นตอนการติดตั้งให้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันร่างเงื่อนไขการประมูล (TOR) ระบบอาณัติสัญญาณยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฯ อย่างเป็นทางการ เนื่องจากมีการปรับแก้ไขรายละเอียดหลายอย่าง ส่งผลให้ทีโออาร์ไม่นิ่ง แต่ก็คาดว่าจะเปิดประมูลได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนธันวาคมนี้
รายงานข่าวจากพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า โครงการรถไฟทางคู่บางส่วนยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ โดยเฉพาะบริเวณ อ.หัวหิน ซึ่งเป็นรอยต่อของรถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง คือ รถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล-หัวหิน ที่ยังเข้าพื้นที่ อ.หัวหินและบริเวณอื่นๆ ไม่ได้ประมาณ 10 กิโลเมตร จากทั้งหมด 76 กิโลเมตร และรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ เข้าพื้นที่อ.หัวหิน ไม่ได้ในช่วง 5 กิโลเมตรแรก จากระยะทางทั้งหมด 84 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวไม่ได้เป็นอุปสรรคมากนัก เนื่องจากการก่อสร้างในบริเวณอื่นๆ คืบหน้าไปมาก ส่งผลให้ภาพรวมการก่อสร้างยังเร็วกว่าแผนเล็กน้อย แต่ก็ต้องรอลุ้นว่าจะเข้าพื้นที่บริเวณที่มีปัญหาได้เมื่อใด
รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ผู้รับเหมาในพื้นที่เริ่มแสดงความเป็นห่วงการเปิดประมูลระบบอาณัติสัญญาณรถไฟทางคู่ 3 สัญญา ที่ล่าช้ากว่าเป้าหมาย เนื่องจากผู้รับเหมาก่อสร้างมีงานบางอย่าง เช่น การรื้อย้ายสถานี ที่จะไม่สามารถดำเนินการได้ จนกว่าจะเริ่มติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ จึงมีความกังวลว่า ถ้าการรถไฟฯ ไม่สามารถติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณได้ก็จะทำให้งานก่อสร้างเสร็จล่าช้าตามไปด้วย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
Posted: 29/10/2018 10:46 am Post subject: |
|
|
จบไม่ลง!ทางคู่ผ่านเมืองโคราช
ออนไลน์เมื่อ 27 ตุลาคม 2561
ตีพิมพ์ใน หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,413 วันที่ 28-31 ตุลาคม 2561
จบไม่ลง!รถไฟทางคู่ช่วงผ่านเมืองโคราช ยังหาข้อยุติไม่ได้ ร.ฟ.ท.จัดเวทีถกนัดล่าสุด ชาวโคราชยังมีความคิดต่าง ด้านนายกเล็กฟันธงขอให้ทุบสะพานสีมาธานีอย่างเดียว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมือง ขณะชาวบ้านอีกส่วนขอให้ยกทางรถไฟข้ามสะพาน โดยไม่ต้องทุบทิ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมรับฟังความคิดเห็น การมีส่วนร่วมของประชาชนครั้งที่ 3 (ปัจฉิมนิเทศโครงการ) งานจ้างปรับแบบรายละเอียดบริเวณอำเภอสีคิ้วและตัวเมือง นครราชสีมา ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ โดยมีนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนคร (ทน.) นครราชสีมา ในฐานะผู้แทนชาวโคราช หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ผู้นำชุมชนและประชาชนกว่า 250 คน เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงข้อมูลผลการศึกษางานปรับแบบฯ และเสนอความเห็นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561 ที่โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
ช่วงเปิดรับฟังความคิดเห็น ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย ทั้งที่ต้องการให้ทุบสะพานสีมาธานี แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น แต่ก็คุ้มค่าและจะทำให้ทางรถไฟช่วงผ่านตัวเมืองยกระดับตลอด 5.1 กิโลเมตรจนถึงสถานี แต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนที่ต้องการให้ยกข้ามสะพานสีมาธานี โดยไม่ต้องทุบสะพาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจรในช่วงระหว่างการก่อสร้าง โดยที่ประชุมยังหาข้อยุติร่วมกันไม่ได้
นายจุลพงษ์ จุลานนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 ให้ก่อสร้างโครงการ เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ โดยมีรูปแบบช่วงผ่านเขตอำเภอสีคิ้วและเมืองนครราชสีมา เป็นทางรถไฟยกระดับ ต่อมานายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและผู้แทนทุกภาคส่วน ได้เรียกร้องให้ปรับรูปแบบก่อสร้างพิจารณาทบทวนรูปแบบโครงการ ให้สร้างทางรถไฟยกระดับ โดยให้เหตุผลไม่ต้องการแบ่งแยกชุมชนเป็น 2 ฝั่งและข้อกังวลต่อการจราจรในอนาคต รวมทั้งการระบายนํ้าลงคลองสาธารณะ ภายหลังการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 21-22 สิงหาคม 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบรับความต้องการพร้อมนำเข้าสู่วาระพิจารณาเร่งด่วน โดยครม.เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมและร.ฟ.ท. แก้ไขรูปแบบการก่อสร้างบางช่วงให้เป็นทางรถไฟยกระดับและบางช่วงเป็นคันทางสูงให้รถยนต์ลอดข้าม ในวงเงินงบประมาณ 3,500 ล้านบาท ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้านกายภาพ การใช้ประโยชน์ของพื้นที่และต้นทุนค่าก่อสร้าง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วน รวมทั้งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟ โดยเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมไปสู่ศูนย์กลางเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ระยะที่ 1 กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับแก้ไขแบบและเริ่มก่อสร้างบางช่วง
ด้านนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนคร นครราชสีมา กล่าวว่า เทศบาลยังยืนยันที่จะให้ทุบสะพานสีมาธานีแม้ว่าจะต้องเพิ่มงบประมาณอีกกว่า 1,000 ล้านบาทก็ตามแต่ เชื่อว่า ร.ฟ.ท. ก็มีงบสามารถดำเนินการได้ เพราะจะทำให้เมืองมีการขยายตัวได้อีก โครงการต่างๆ ที่จะรองรับอนาคตก็สามารถดำเนินการได้เช่น การสร้างถนนเชื่อมเส้นทางอื่น เป็นต้น จึงขอฝากให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้มีอำนาจในการพิจารณา ให้ความสำคัญและรับฟังผลกระทบชีวิตความเป็นอยู่อย่างรอบด้าน การทุบสะพานอาจมีผลกระทบในการสัญจรและการใช้ชีวิตประจำวันบ้าง เชื่อว่าชาวโคราชรับได้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44615
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/11/2018 2:22 pm Post subject: |
|
|
รฟท.โชว์ผลงาน 4 ปี ลงทุนรถไฟทางคู่ 7 โครงการ
กรุงเทพธุรกิจ 10 พฤศจิกายน 2561
รฟท.โชว์ผลงาน 4 ปี ลงทุนรถไฟทางคู่ 7 โครงการ วงเงิน 2.13 แสนลบ.
สืบเนื่องจากรัฐบาลภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเป็นนโยบายสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระยะยาว พร้อมกับมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 8 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2558-2564 เพื่อวางรากฐานการลงทุนพัฒนาให้เกิดความต่อเนื่อง และเชื่อมโยงระบบขนส่งทางราง ถนน น้ำ และอากาศเข้าไว้ด้วยกัน
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ให้ความสำคัญสนองตอบต่อนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยนับตั้งแต่มีการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย ปี 2558 จนถึงปัจจุบันปี 2561 ตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปี การรถไฟฯ สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ได้ตามแผนที่ยุทธศาสตร์กำหนดไว้ จำนวน 7 โครงการ คิดเป็นวงเงิน
ลงทุนรวมกว่า 213,100.41 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 24,722.28 ล้านบาท ระยะทาง 148 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี
2. โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 85,345 ล้านบาท ระยะทาง 323 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 7 ปี
3. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 26,007.20 ล้านบาท ระยะทาง 187 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี
4. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 29,449.31 ล้านบาท ระยะทาง 132 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 7 ปี
5. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท ระยะทาง 165 กิโลเมตรระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี
6. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 20,046.41 ล้านบาท ระยะทาง 169 กิโลเมตรระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี
7. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน10,239.98 ล้านบาท ระยะทาง 84 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี
โครงการรถไฟทางคู่ถือเป็นหัวใจของการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางของประเทศ โดยเมื่อดำเนินการก่อสร้างเสร็จตามแผนจะช่วยเพิ่มความเร็วของขบวนรถขนส่งสินค้าจาก 35 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 70 กิโลเมตร และรถไฟขบวนขนส่งผู้โดยสาร เพิ่มความเร็วจาก 50 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 120 กิโลเมตร รวมถึงยังก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งทางถนนไปสู่การขนส่งทางรางที่มีต้นทุนต่อหน่วยถูกลง ตลอดจนยังช่วยลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และส่งผลดีต่อการลดต้นทุน โลจิสติกส์โดยรวมของประเทศ จากปัจจุบันที่มีต้นทุนโลจิสติกส์เฉลี่ย ร้อยละ 14 ของจีดีพี ให้ลดลงได้อีกร้อยละ 2 ภายในอนาคต นอกจากนี้ งบประมาณในการลงทุนยังก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้และเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นประโยชน์ต่อประเทศอีกมาก |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
Posted: 12/11/2018 12:27 pm Post subject: |
|
|
ร.ฟ.ท.โชว์ 4 ปี ลงทุนรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง กว่า 2.13 แสนล้าน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 10 พฤศจิกายน 2561 14:58
ปรับปรุง: 10 พฤศจิกายน 2561 17:34
การรถไฟ เผย 4 ปี ลงทุนรถไฟทางคู่ รวม 7 โครงการ วงเงิน 213,100 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเพิ่มความเร็วการเดินรถเป็น 120 กม./ชม. ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และลดต้นทุนโลจิสติสก์ของประเทศลง 2%
สืบเนื่องจากรัฐบาลภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเป็นนโยบายสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระยะยาว พร้อมกับมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 8 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2558-2564 เพื่อวางรากฐานการลงทุนพัฒนาให้เกิดความต่อเนื่อง และเชื่อมโยงระบบขนส่งทางราง ถนน น้ำ และอากาศเข้าไว้ด้วยกัน
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่ประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ให้ความสำคัญสนองตอบต่อนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
โดยนับตั้งแต่มีการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย ปี 2558 จนถึงปัจจุบันปี 2561 ตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีการรถไฟฯ สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ได้ตามแผนที่ยุทธศาสตร์กำหนดไว้ จำนวน 7 โครงการ คิดเป็นวงเงินลงทุนรวมกว่า 213,100.41 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 24,722.28 ล้านบาท ระยะทาง 148 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี
2. โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 85,345 ล้านบาท ระยะทาง 323 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 7 ปี
3. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 26,007.20 ล้านบาท ระยะทาง 187 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี
4. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 29,449.31 ล้านบาท ระยะทาง 132 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 7 ปี
5. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท ระยะทาง 165 กิโลเมตรระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี
6. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 20,046.41 ล้านบาท ระยะทาง 169 กิโลเมตรระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี
7. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 10,239.98 ล้านบาท ระยะทาง 84 กิโลเมตร ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี
โครงการรถไฟทางคู่ถือเป็นหัวใจของการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางของประเทศ โดยเมื่อดำเนินการก่อสร้างเสร็จตามแผนจะช่วยเพิ่มความเร็วของขบวนรถขนส่งสินค้าจาก 35 - 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 70 กิโลเมตร และรถไฟขบวนขนส่งผู้โดยสารเพิ่มความเร็วจาก 50 - 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 120 กิโลเมตร รวมถึงยังก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งทางถนนไปสู่การขนส่งทางรางที่มีต้นทุนต่อหน่วยถูกลง
ตลอดจนยังช่วยลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงซึ่งเป็นปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และส่งผลดีต่อการลดต้นทุน โลจิสติกส์โดยรวมของประเทศ จากปัจจุบันที่มีต้นทุนโลจิสติกส์เฉลี่ย 14 % ของจีดีพี ให้ลดลงได้อีก 2 %ภายในอนาคต นอกจากนี้ งบประมาณในการลงทุนยังก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้และเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นประโยชน์ต่อประเทศอีกมาก |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44615
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/11/2018 5:00 pm Post subject: |
|
|
ชาวเมืองพลฟ้องศาลปกครองรถไฟทางคู่ละเมิดสิทธิ์ ขอคุ้มครองจนกว่าแก้แบบใหม่
เผยแพร่: 15 พ.ย. 2561 12:16 ปรับปรุง: 15 พ.ย. 2561 12:24 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ชาวเมืองพลยื่นฟ้องศาลปกครองสิ้นเดือน พ.ย.นี้ รถไฟทางคู่สายจิระ-ขอนแก่นสร้างจุดตัดละเมิดสิทธิพื้นฐานในการเดินทาง-กระทบวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่น ทั้งเสี่ยงตาย-น้ำท่วมเมือง ย้ำไม่ได้ค้านโครงการแค่ขอแก้แบบให้ได้มาตรฐาน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 61 ที่ผ่านมา ที่อาคารรัฐสภา 2 คณะกรรมาธิการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เชิญตัวแทนเครือข่ายชุมชนเมืองพลจำนวน 5 ท่านเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับรูปแบบการก่อสร้างโครงการทางรถไฟทางคู่ในเขตพื้นที่อำเภอพลเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ตามที่ได้ร้องเรียนถึงประธานคณะกรรมาธิการฯ เมื่อกว่า 5 เดือนก่อน เนื่องจากโครงการก่อสร้างทางรถไฟและพัฒนารถไฟทางคู่สายจิระ-ขอนแก่น ก่อให้เกิดปัญหาความเดือดร้อนต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างทั้งเรื่องความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนน ปัญหาการสัญจร และปัญหาน้ำท่วมเมือง
ในหนังสือร้องเรียนนั้น ชาวเมืองพลต้องการให้ทางโครงการฯ แก้ไขแบบการก่อสร้างใน 3 ประเด็น คือ
1. ให้ยกระดับทางรถไฟข้ามจุดตัด ถนนเมืองพล-แวงน้อย-จ.ชัยภูมิ เว้นพื้นที่เผื่อถนนกว้าง 6 ช่องจราจร ความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตรไปจดถนนมิตรภาพ,
2. ให้ยกระดับทางรถไฟ ขยายอุโมงค์ทางลอดจุดตัดถนนเมืองพล-แวงใหญ่ เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมทางเท้าตรงไปเชื่อมต่อถนนทางหลวงโดยไม่ต้องเป็นทางกลับรถ (U-Turn) ความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตร
3. ให้ทำทางลอดระหว่างชุมชนศรีเมืองกับหมู่บ้านชัยประเสริฐ เป็น 2 ช่องจราจร พร้อมทางเท้าความสูงไม่น้อยกว่า 3.50 เมตร
รายงานระบุว่า ในประเด็นข้อเรียกร้องของชาวเมืองพลที่ต้องการให้ปรับแก้แบบก่อสร้างจุดตัดทางรถไฟทางคู่ทั้ง 3 จุดดังกล่าวในที่ประชุมไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ เพราะทางฝ่ายคณะกรรมาธิการฯ ได้ยืนยันผลสรุปจากการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะแก้ไขแบบก่อสร้างใหม่ด้วยการยกระดับรางรถไฟให้มีช่องลอดสูง 5.0 เมตร
บรรยากาศที่ประชุมคณะกรรมาธิการคมนาคม สนช. ณ อาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 13 พ.ย.61
ตัวแทนชาวเมืองพลผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการฯเข้าร่วมประชุมในวาระจร กรณีปัญหาที่ร้องเรียน
ประเด็นแก้แบบด้วยการยกรางรถไฟให้สูงขึ้น 5 เมตรดังกล่าวทางฝ่ายตัวแทนชาวเมืองพลพยายามซักถามถึงรายละเอียดว่ายกระดับรางขึ้นสูง 5 เมตรนั้นวัดจากจุดไหน วัดจากสันรางหรือว่าต้องไปกดระดับรางลงไปแล้วเริ่มวัด ถ้ากดระดับรางลงไปก็จะยิ่งมีปัญหาน้ำท่วมขัง หน้าฝนน้ำก็ท่วมหนักยิ่งกว่าเดิม ข้อกังขาเหล่านี้ไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ อ้างแต่ว่าระดับ 5 เมตรเป็นช่องลอดมาตรฐานทั่วไปที่เขาทำกัน
นายเริงชัย ศิริวิชัย ตัวแทนชาวเมืองพลที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เปิดเผยว่า การยกระดับรางสูง 5 เมตรที่เสนอมานั้น ทางคณะกรรมาธิการไม่ยอมอธิบายรายละเอียดตามคำถามของชาวบ้านอย่างพวกเราได้ อ้างแต่ว่าเป็นเรื่องทางด้านเทคนิคเอาไว้คุยกันทีหลัง เรามองว่าเป็นการถ่วงเวลา ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา พวกเรากลัวว่าช่องลอด 5 เมตรจากการยกระดับรางที่เสนอมานั้นจะไปกดพื้นถนนให้ต่ำลง นอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมแล้วยังเสี่ยงอันตรายต่อการเกิดอุบัติเหตุ พวกเราไม่สามารถยอมรับได้
การยกระดับรางขึ้นเพื่อให้ช่องลอดสูง 6 เมตรที่ทางเราเสนอไปนั้นมีที่มาที่ไป เพราะเป็นไปตามมาตรฐานการสร้างสะพานลอยของกรมทางหลวงที่มีความสูงราว 5.50 เมตร และทางเราต้องการกันไว้อีก 50 เซนติเมตรเผื่อซ่อมผิวจราจรหรืปรับผิวดิน หลักพื้นฐานทางวิศวกรรมการทางการรางพวกนี้เราศึกษาหาข้อมูลกันพอสมควร ไม่ได้ยกเมฆขึ้นมาลอยๆ นายเริงชัยกล่าว และว่า
เมื่อไม่สามารถให้ความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ ล่าสุดพวกเราได้ตัดสินใจร่วมกันแล้วว่าเมื่อไม่สามารถพึ่งอำนาจฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติได้ ก็เหลืออำนาจสุดท้ายคือฝ่ายตุลาการที่เราจะต้องพึ่งขอความเป็นธรรม โดยจะนำประเด็นปัญหาดังกล่าวยื่นร้องต่อศาลปกครองภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 นี้
นางผาสุก ปัญหา ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนชาวเมืองพล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทางเครือข่ายฯ จะเร่งรวบรวมรายมือชื่อและสำเนาบัตรประชาชนของชาวเมืองพลผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ ประกอบกับสำนวนฟ้องและเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อยื่นต่อศาลปกครองให้เร็วที่สุด ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเดินทาง วิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่นถูกละเมิดจากโครงการของรัฐที่ไม่ได้มาตรฐาน พวกเรายืนยันมาตลอดว่าไม่ได้คัดค้านโครงการฯ เพียงแค่ต้องการให้แก้ไขแบบก่อสร้างเพื่อความปลอดภัยต่อการดำรงชีวิตของคนในพื้นที่เท่านั้น
โครงการนี้มีความไม่ชอบด้วยระเบียบทางราชการตั้งแต่ขั้นตอนแรกการจัดทำประชาพิจารณ์แล้ว ชาวเมืองพลผู้มีส่วนได้เสียจากโครงการฯ เกือบจะ 100% ไม่มีส่วนร่วม ไม่ได้รับแจ้งรับเชิญเข้าร่วม มาทราบภายหลังว่าการจัดประชาพิจารณ์ในราวปี 2554-2555 มีคนเข้าร่วมแค่ราว 40 คน ทั้งที่ประชากรในเขตเทศบาลเมืองพลมีมากกว่าแสนคน
นางผาสุกบอกอีกว่า การยื่นร้องต่อศาลปกครองครั้งนี้ ชาวเมืองพลต้องการได้รับการคุ้มครองชั่วคราวคือการรถไฟฯ ต้องยุติการก่อสร้างจุดตัดทางรถไฟทางคู่ทั้งสะพานเกือกม้าและทางลอดอุโมงค์ทั้ง 3 จุดในเขตเทศบาลเมืองพลไว้ก่อน จนกว่ากระบวนการแก้ไขแบบการก่อสร้างจุดตัดทางรถไฟทางคู่ดังกล่าวได้ข้อสรุปและเป็นที่ยอมรับร่วมกันทั้งหน่วยงานรัฐเจ้าของโครงการ และประชาชนชาวพล
โดยเฉพาะสะพานเกือกม้า จุดตัดทางรถไฟ ถ.เมืองพล-อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เชื่อมไปยัง จ.ชัยภูมิ ต้องหยุดสร้างทันที สะพานเกือกม้าจุดนี้เมื่อสร้างเสร็จเชื่อว่าการรถไฟฯ หรือฝ่ายบริหารจะยกเป็นข้ออ้างว่าสร้างเสร็จแล้วไม่สามารถยกระดับทางรถไฟทางคู่ให้สูงขึ้นในระดับได้มาตรฐานช่องลอดทางรถยนต์ได้ เพราะตลอดกว่าครึ่งปีที่ผ่านมาขณะที่เราตระเวนร้องทุกข์ร้องเรียนไปทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องให้ยกระดับรางรถไฟแทนเกือกม้าและอุโมงค์ลอดราง การรถไฟฯ ยังเดินหน้าสร้างต่อ แสดงถึงการเมินเฉยต่อทุกข์ของประชาชนอย่างชัดเจน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
Posted: 15/11/2018 5:15 pm Post subject: |
|
|
อุโมงค์รถไฟ แห่งที่ 3 ในโครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงมาบกระเบา - ชุมทางถนนจิระ อยู่ที่ กม.198+200 ถึง 199+600 ระหว่างสถานีคลองไผ่ กับ สถานีคลองขนานจิตร เป็นอุโมงค์คู่ สำหรับขบวนรถวิ่งขึ้น-ล่อง ความยาว 1.40 กม.ในภาพเป็นอุโมงค์ทางล่องที่เริ่มขุดเจาะแล้ว
https://www.facebook.com/pichet.chamneam/posts/2699610250053023 |
|
Back to top |
|
|
|