View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 23/11/2018 11:08 am Post subject:
ชาวตำบลคูบัว ฝากถึงผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.พิจารณาขอเพิ่มอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่สถานีบ้านคูบัว
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 22 พฤศจิกายน 2561 19:44
ปรับปรุง: 22 พฤศจิกายน 2561 20:13
ราชบุรี - ชาวตำบลคูบัว ขอเสนอเพิ่มอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ สถานีบ้านคูบัว หลังเจ้าหน้าที่วิศวกร บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างทางการรถไฟแห่งประเทศไทย มาจัดประชุมชี้แจงกรณีก่อสร้างรถไฟทางคู่พาดผ่าน มีข้อเสนอหลายเรื่องฝากถึงผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.พิจารณา
วันนี้ (22 พ.ย.) นายพจฐณศล ธนิกกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี กล่าวภายหลังที่เจ้าหน้าที่วิศวกร บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างทางการรถไฟแห่งประเทศไทย มาจัดประชุมชี้แจงกรณีก่อสร้างรถไฟทางคู่พาดผ่าน เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล สัญญาที่ 1 ที่ศาลาอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลคูบัว
โดยมี นายสมพล จุรียะพันธ์ วิศวกร บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร.ฟ.ท.ร่วมนำเอกสารชี้แจงให้แก่ตัวแทนชาวบ้านหมู่ที่ 1-15 ต.คูบัว กว่า 500 คน เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ มีชาวบ้านหลายคนได้แสดงความคิดเห็นหลายเรื่อง โดยเฉพาะขณะนี้กำลังประสบปัญหารถบรรทุกที่กำลังนำดินมาถมก่อสร้างในโครงการรถไฟทางคู่ในพื้นที่ ต.คูบัว สร้างมลพิษสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากผิวถนนเลอะเทอะ เต็มไปด้วยคราบดินจากการตกหล่นของรถบรรทุกทำให้เกิดฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย
ส่งผลกระทบต่อชุมชน อีกทั้งการจราจรติดขัดบางจุดช่วงที่มีการก่อสร้าง ที่ใช้ถนนเดินทางผ่านเข้าตัวเมืองราชบุรี โดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็น จะต้องไปรับส่งลูกหลานไปกลับโรงเรียน และอยากให้ช่วยสร้างทางลอดอุโมงค์ให้มีขนาดกว้าง เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
นายพจฐณศล ธนิกกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคูบัว เปิดเผยว่า ทาง อบต.คูบัว ได้ทำหนังสือไปถึงผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่เข้ามาชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชุมชนของตำบลคูบัว เนื่องจากรถไฟทางคู่ได้พาดผ่านพื้นที่ตำบลคูบัว เป็นระยะทางประมาณ 5,700 เมตร ซึ่งระยะทางดังกล่าวจะมีเส้นทางถนนที่จะต้องพาดผ่านข้ามอยู่ประมาณ 4 เส้นทาง จึงต้องการอยากทราบรูปแบบเส้นทางดังกล่าวว่ามีรูปแบบเป็นอย่างไร และทาง ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการสร้างทางกลับรถ หรือทางลอดให้แก่ชุมชนอย่างไร เพื่อให้ชาวบ้านได้ทราบข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้อง
โดยรูปแบบที่ทาง ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการทำให้บริเวณแยกบายพาสตำบลดอนตะโก ตำบลคูบัว ตำบลบ้านไร่ บริเวณจุดดังกล่าวจะเป็นรูปแบบลักษณะเกือกม้า แต่ทางชุมชนประสงค์ต้องการให้เพิ่มเติมอีกคือ ลักษณะเป็นช่องอุโมงค์ทางลอด เพื่อให้รถเล็ก เช่น มอเตอร์ไซค์ รถยนต์เก๋ง กระบะ สามล้อ สามารถวิ่งผ่านได้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการสร้างเกือกม้ายูเทิร์น และทางที่ 2 บริเวณระหว่างหมู่ที่ 2 ไปหมู่ที่ 3 ซึ่งเป็นสถานีรถไฟบ้านคูบัว เดิมทางการรถไฟฯ ไม่ได้ออกแบบสร้างทางลอดไว้ให้ ทั้งที่เส้นทางดังกล่าวจะมีชาวบ้านใช้เป็นทางเดินอยู่ประจำ จะให้ทำอุโมงค์ทางลอดเพิ่มความสะดวก
วันนี้จึงได้จัดประชุมตัวแทนชาวบ้านทั้ง 15 หมู่บ้าน มาเสนอความคิดเห็นร่วมกันขอให้สร้างเป็นอุโมงค์ทางลอดเพิ่มเติม ส่วนบริเวณหมู่ที่ 6 และหมู่ 8 ไม่ได้มีอยู่ในแบบ จึงให้ประชาชนในพื้นที่นี้มาเสนอความต้องการเพื่อจะให้ทาง ร.ฟ.ท.ช่วยสร้างทางลอดให้แก่ชาวบ้าน เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่วิศวกร บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างทางการรถไฟแห่งประเทศไทย นำเรื่องทั้งหมดที่ชาวบ้านร้องขอไปเสนอต่อผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทาง อบต.คูบัว จะมีการติดตามผลข้อมูลที่ประชาชนเสนอความคิดเห็นส่งไปยังผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาให้ทราบตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ และจะนำมาแจ้งให้ประชาชนทราบในวาระต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 25/11/2018 10:36 pm Post subject:
รถไฟฟ้าเส้นทางขอนแก่น-แหลมฉบังพลิกโฉมการขนส่งสินค้าด้วยระบบราง
22 November 2018
ตีพิมพ์ใน หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ฉบับที่ 3,419 วันที่ 22 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ดร.ฟ.ท.) ก็ได้เห็นชอบผลศึกษาให้เอกชนร่วมลงทุนรถไฟใช้ระบบไฟฟ้าขนส่งสินค้า ขอนแก่น-แหลมฉบัง ระยะทางกว่า 516 กม. คาดใช้งบไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าขนสินค้าได้กว่า 3.8 ล้านตัน/ปี โดยหลังจากนี้จะเร่งส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์โครงการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการเดินรถตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 เพื่อดำเนินการพ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯต่อไป
โครงการนี้วัตถุประสงค์เพื่อประหยัดการลงทุนของภาครัฐจึงต้องนำเสนอเข้าสู่พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2556 โดยได้มีการศึกษารองรับไว้หลายรูปแบบแต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) จะพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมต่อไป
รถไฟฟ้าเพื่อการขนส่งสินค้าเส้นทางขอนแก่นแหลมฉบัง ถือได้ว่าเป็นอีกโครงการที่เปิดให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยโดยพบว่ากลุ่มบริษัทบีทีเอสฯและกลุ่มบริษัท
ทีพีไอโพลีนฯแสดงความสนใจลงทุนโครงการดังกล่าว โดยถือว่าเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ประการสำคัญหากรัฐต้องลงทุนมหาศาลปัจจุบันนี้รัฐยังไม่มีความพร้อมโดยเฉพาะหลายโครงการที่เกิดขึ้นพร้อมกันก็จะเกิดไม่ได้เนื่องจากปัจจัยการลงทุนจำนวนมหาศาลนั่นเอง
เบื้องต้นบอร์ด ร.ฟ.ท. เห็นชอบให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐจะลงทุนในส่วนของการจัดสรรที่ดินแนวเส้นทางเพื่อก่อสร้างอู่จอดและซ่อมบำรุง พร้อมทั้งลงทุนระบบบริหารจัดการ ขณะที่ภาคเอกชนจะเป็นผู้รับผิดชอบการลงทุนในส่วนของงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล งานอู่จอดและซ่อมบำรุงงานก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก และการจัดหาหัวรถจักรไฟฟ้า และรถสินค้า
ในส่วนงบประมาณการลงทุนอ้างอิงตามผลการศึกษา พบว่ามีมูลค่ารวม 19,193 ล้านบาท แบ่งออกเป็น งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล 17,250 ล้านบาท งานก่อสร้างอู่จอดและซ่อมบำรุง 1,200 ล้านบาท งานจัดซื้อขบวนรถ 735 ล้านบาท และงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม 8 ล้านบาท มีอายุสัมปทานอยู่ที่ 30 ปี พร้อมเงื่อนไขในการต่ออายุสัมปทานได้อีก 30 ปี โดย ร.ฟ.ท. จะได้รับผลตอบแทนสุทธิตลอดอายุสัญญาคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท
คงต้องมีลุ้นกันว่าท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลคสช.จะให้ความสำคัญต่อการยกระดับการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟฟ้าหรือไม่ ใครจะเป็นผู้สนใจลงทุนกันแน่ และเอกชนต่างประเทศจะให้ความสนใจมากน้อยแค่ไหนเพราะหากเปิดให้บริการได้เชื่อว่าจะมีส่วนกระตุ้นวงการโลจิสติกส์ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างมาก
__________________
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/11/2018 1:21 pm Post subject:
รถไฟทางคู่เฟส1สะดุด สั่งรื้อแบบก่อสร้างทั่วประเทศ
โพสต์ทูเดย์ วันที่ 26 พ.ย. 2561 เวลา 07:36 น.
รถไฟทางคู่เฟส 1 สะดุด ปรับแบบก่อสร้างทั่วประเทศ รฟท.-รัฐบาลเสียงแตกสร้างสถานียกสูง หวั่นขนส่งสินค้ายาก เสี่ยงโครงการล่าช้า
แหล่งข่าวกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 รวม 5 เส้นทางนั้นต้องเจอกับปัญหาการปรับแบบที่ยังไร้ข้อสรุปของฝ่ายนโยบายจนอาจส่งผลกระทบต่อความล่าช้างานก่อสร้างและการดำเนินงานภาพรวมของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เนื่องจากขณะนี้มีข้อถกเถียงกันเรื่องของแบบก่อสร้างรถไฟทางคู่ซึ่งฝ่ายนโยบายกำหนดให้ทำสถานียกสูง(High Platform) และลดปริมาณรางสับหลีกตามสถานี เช่นเดียวกับรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่นที่กำลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จ
ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ใช้รูปแบบสถานียกสูงในเส้นทางสายใต้ทั้ง 5 สัญญาด้วยเช่นกัน ทว่าทางรฟท.เห็นว่าการใช้สถานียกสูงจะทำให้รถขนส่งสินค้า รถไฟล้ำพิกัดและรถไฟด้านความมั่นคงของทหารไม่สามารถเข้าจอดที่สถานีใดได้เลย ประกอบกับไม่มีทางสับหลีกทำให้รถไฟขนส่งสินค้าจะมีปัญหาอย่างมากในอนาคต เช่นเดียวกับคุณภาพงานบริการของประชาชนเพราะรถไฟบรรทุกผู้โดยสารในปัจจุบันเป็นแบบต่ำ ดังนั้นในอนาคตรถไฟทางคู่ทุกสายอาจต้องใช้แผ่นรองเดินขึ้นชานชาลาเนื่องจากสถานีอยู่สูงกว่าตัวรถ แต่ในวันนี้ต้องรีบตัดสินใจเพราะหากจะยกระดับสถานีทางคู่ รฟท.จะต้องสั่งซื้อรถไฟใหม่ที่เป็นรองรับชานชาลาสูงมาด้วย
"ในวันนี้ต้องรีบหันหน้าคุยกันเพื่อไม่ทำให้โครงการล่าช้า ฝ่ายนโยบายควรทำหน้าที่วางกรอบยุทธศาสตร์พัฒนาเส้นทางรถไฟ แต่เรื่องแบบก่อสร้างเป็นงานเทคนิคที่ควรให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างรฟท.เป็นคนตัดสินใจ" แหล่งข่าวกล่าว
นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบํารุงรถจักรและล้อเลื่อน รฟท.กล่าวว่าขณะนี้รฟท.และฝ่ายนโยบายอยู่ระหว่างหารือกันถึงปัญหาดังกล่าวว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร เพราะขณะนี้งานก่อสร้างในแต่ละสัญญาได้เริ่มต้นไปแล้วในช่วงแรก ดังนั้นการออกแบบสถานีจึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งรัดทำต่อไป ในมุมมองของรฟท.แล้วสามารถออกแบบสถานีให้เป็นแบบสูงได้ แต่ต้องก่อสร้างทางสับหลีกไว้ในสถานีด้วย เพื่อให้รถไฟที่เข้าไม่ได้ไปจอดในจุดดังกล่าว ทว่าวันนี้ฝ่ายนโยบายมองว่าการทำรถไฟทางคู่วิ่งสวนกันได้แล้วจึงไม่จำเป็นต้องมีทางสับหลีก ถือว่าเป็นข้อเสนอทางเทคนิคที่ยังดูไม่เหมาะสมเนื่องจากความเป็นจริงแล้วมีโอกาสที่รถไฟหลายประเภทจะมาถึงยังสถานีไล่เลี่ยกันและมีระยะเวลาการจอดที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นหากทุกคันต้องวิ่งเข้าชานชาลาโดยไม่มีทางหลีกอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องระยะเวลาเดินทางต่อเที่ยวหรือดีเลย์ได้
สำหรับความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่เฟส 1 รวม 5 เส้นทางนั้นมีความก้าวหน้าดังนี้
1.รถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม - หัวหิน
สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม - หนองปลาไหล คืบหน้า 8.21%
สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล - หัวหิน คืบหน้า 11.9%
2.รถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ คืบหน้า 16.4%
3.รถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร
สัญญาที่ 1 ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - บางสะพานน้อย คืบหน้า7.7% และ
สัญญาที่ 2 ช่วงบางสะพานน้อย - ชุมพร คืบหน้า 9.4%
4.รถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระและ
5.รถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ มีความคืบหน้าการก่อสร้างเฉลี่ย 8-10%
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 27/11/2018 12:22 am Post subject:
หวั่นทางคู่เฟส1สะดุดหลังรัฐสั่งทำสถานียกสูง
26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 09:13 น.
ทางคู่เฟส 1 สะดุด หลังรัฐบาลสั่งใช้รูปแบบสถานียกสูงในเส้นทางสายใต้ทั้ง 5 สัญญา ห่วงก่อสร้างล่าช้า เล็งนัดถกแก้ปัญหา กังวลประชาชนเดือดร้อน รถไฟดีเลย์
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 รวม 5 เส้นทางนั้นต้องเจอกับปัญหาการปรับแบบที่ยังไร้ข้อสรุปของฝ่ายนโยบายจนอาจส่งผลกระทบต่อความล่าช้างานก่อสร้างและการดำเนินงานภาพรวมของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เนื่องจากขณะนี้มีข้อถกเถียงกันเรื่องของแบบก่อสร้างรถไฟทางคู่ซึ่งรัฐบาลต้องการกำหนดให้ทำสถานียกสูง (High Platform) และไม่ต้องมีรางสับหลีก เช่นเดียวกับรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่น
อย่างไรก็ตามดังนั้นจึงได้สั่งการให้ใช้รูปแบบสถานียกสูงในเส้นทางสายใต้ทั้ง 5 สัญญาด้วยเช่นกัน โดยทางรฟท.เห็นว่าการใช้สถานียกสูงจะทำให้รถขนส่งสินค้า รถไฟล้ำพิกัดและรถไฟด้านความมั่นคงของทหารไม่สามารถเข้าจอดที่สถานีใดได้เลย ประกอบกับไม่มีทางสับหลีกทำให้รถไฟขนส่งสินค้าจะมีปัญหาอย่างมากในอนาคต เช่นเดียวกับคุณภาพงานบริการของประชาชนเพราะรถไฟบรรทุกผู้โดยสารในปัจจุบันเป็นแบบต่ำ ดังนั้นในอนาคตรถไฟทางคู่ทุกสายอาจต้องใช้แผ่นรองเดินขึ้นชานชาลาเนื่องจากสถานีอยู่สูงกว่าตัวรถ แต่ในวันนี้ต้องรีบตัดสินใจเพราะหากจะยกระดับสถานีทางคู่ รฟท.จะต้องสั่งซื้อรถไฟใหม่ที่เป็นรองรับชานชาลาสูงมาด้วย
ในวันนี้ต้องรีบหันหน้าคุยกับหน่อยว่นที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ทำให้โครงการล่าช้า ฝ่ายนโยบายควรทำหน้าที่วางกรอบยุทธศาสตร์พัฒนาเส้นทางรถไฟ แต่เรื่องแบบก่อสร้างเป็นงานเทคนิคที่ควรให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างรฟท.เป็นคนตัดสินใจแหล่งข่าวกล่าว
นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบํารุงรถจักรและล้อเลื่อน รฟท.กล่าวว่าขณะนี้รฟท.และฝ่ายนโยบายอยู่ระหว่างหารือกันถึงปัญหาดังกล่าวว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร เพราะขณะนี้งานก่อสร้างในแต่ละสัญญาได้เริ่มต้นไปแล้วในช่วงแรก
ดังนั้นการออกแบบสถานีจึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งรัดทำต่อไป ในมุมมองของรฟท.แล้วสามารถออกแบบสถานีให้เป็นแบบสูงได้ แต่ต้องก่อสร้างทางสับหลีกไว้ในสถานีด้วย เพื่อให้รถไฟที่เข้าไม่ได้ไปจอดในจุดดังกล่าว
ซึ่งวันนี้ฝ่ายนโยบายมองว่าการทำรถไฟทางคู่วิ่งสวนกันได้แล้วจึงไม่จำเป็นต้องมีทางสับหลีก ถือว่าเป็นข้อเสนอทางเทคนิคที่ยังดูไม่เหมาะสมเนื่องจากความเป็นจริงแล้วมีโอกาสที่รถไฟหลายประเภทจะมาถึงยังสถานีไล่เลี่ยกันและมีระยะเวลาการจอดที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นหากทุกคันต้องวิ่งเข้าชานชาลาโดยไม่มีทางหลีกอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องระยะเวลาเดินทางต่อเที่ยวหรือดีเลย์ได้
สำหรับความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่เฟส 1 รวม 5 เส้นทางนั้นมีความก้าวหน้าดังนี้
1.รถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม - หัวหิน สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม หนองปลาไหล คืบหน้า 8.21% สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล หัวหิน คืบหน้า 11.9%
2.รถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ คืบหน้า 16.4%
3.รถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร สัญญาที่ 1 ช่วงประจวบคีรีขันธ์ บางสะพานน้อย คืบหน้า 7.7% และสัญญาที่ 2 ช่วงบางสะพานน้อย ชุมพร คืบหน้า 9.4%
4.รถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา ชุมทางถนนจิระและ
5.รถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี ปากน้ำโพ มีความคืบหน้าการก่อสร้างเฉลี่ย 8-10%
รฟท.ยืนยันการปรับความสูงของชานชาลาไม่ทำให้การก่อสร้างรถไฟทางคู่ล่าช้า
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา18:34 น
https://www.facebook.com/ThaiRailNews/posts/1959546057460710 Last edited by Wisarut on 27/11/2018 12:24 pm; edited 2 times in total
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 27/11/2018 9:48 am Post subject:
การรถไฟฯ ยืนยันการปรับแบบของชานชาลารถไฟทางคู่อยู่ระหว่างศึกษาคาด 3 เดือนสรุปได้ ยืนยันไม่ทำให้การก่อสร้างล่าช้า
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย ชี้แจงหลังจากมีข่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่มีปัญหาเรื่องการปรับแบบความสูงของชานชาลาจนอาจส่งผลกระทบต่อความล่าช้าของงานก่อสร้าง โดยระบุว่า ในปัจจุบันชานชาลาที่มีใช้งานอยู่ทั่วประเทศของการรถไฟฯ เป็นรูปแบบชานชาลาต่ำ ซึ่งการปรับระดับความสูงของชานชาลาให้เป็นชานชาลาสูงนั้น จะต้องพิจารณาดำเนินการให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการให้น้อยที่สุด กล่าวคือ ชานชาลาแบบสูงนั้นเป็นที่ทราบดีว่าจะทำให้ผู้โดยสารสามารถเดินเข้าออกขบวนรถไฟได้โดยสะดวก
แต่การที่จะปรับเปลี่ยนชานชาลาทั้งหมดทั่วประเทศ จากชานชาลาต่ำเป็นชานชาลาสูงนั้น ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบในหลายๆ ด้าน เช่น จะต้องทำการปรับระดับความสูงของชานชาลาและความสูงอาคารสถานีรถไฟทั่วประเทศ จะต้องปรับปรุงขบวนรถไฟทั้งหมดที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน จะต้องพิจารณากรณี ผู้โดยสารพลัดตกจากชานชาลา จะต้องพิจารณาความสะดวกของผู้โดยสารที่จะเดินข้ามระหว่างชานชาลาโดยใช้สะพานลอย จะต้องพิจารณากรณีการขนส่งยุทโธปกรณ์ทางทหาร เป็นต้น
ดังนั้น การรถไฟฯ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาระดับความสูงของชานชาลาที่เหมาะสม มาเพื่อพิจารณาระดับความสูงของชานชาลาที่เหมาะสม ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต รวมถึงศึกษาแนวทางการดำเนินการและมาตรการรองรับในช่วงที่การรถไฟฯ ต้องทำการปรับระดับความสูงของชานชาลา อาคารสถานี และขบวนรถไฟ ตามกล่าวข้างต้น
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยต่อประชาชนผู้ใช้บริการมากที่สุด โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาศึกษาประมาณ 3 เดือน
ส่วนกรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อความล่าช้าของการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 จำนวน 5 เส้นทาง นั้น การรถไฟฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ได้สั่งการให้ผู้รับเหมาทำการก่อสร้างเป็นรูปแบบชานชาลาต่ำไว้ก่อน โดยกำหนดให้โครงสร้างสามารถรองรับการปรับปรุงให้เป็นชานชาลาสูงได้โดยไม่ยุ่งยากและไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ ดังนั้น ผู้รับเหมาจึงสามารถดำเนินงานก่อสร้างได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลกระทบให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างแต่อย่างใด
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 28/11/2018 12:20 pm Post subject:
ได้ฤกษ์สำรวจระเบิดสงครามโลก ใต้สะพานจุฬาลงกรณ์ 28 พ.ย.-4 ธ.ค.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา 19:54
ปรับปรุง: 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา 20:37
ราชบุรี - เจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปักธง และวางทุ่นลอยน้ำสร้างแนวเขตในรัศมีบริเวณสะพานจุฬาลงกรณ์ ในแม่น้ำแม่กลอง จ.ราชบุรี โดยเตรียมสำรวจระเบิดสมัยสงครามโลก 28 พ.ย.-4 ธ.ค.นี้ เพื่อเปิดเส้นทางก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่
วันนี้ (27 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากกองประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์ จากกรมสรรพาวุธทหารเรือ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้นั่งเรือยนต์ สำรวจบริเวณสะพานจุฬาลงกรณ์ และสะพานธนะรัชต์ ในแม่น้ำแม่กลอง เขตเทศบาลเมืองราชบุรี เพื่อวางแผนสำรวจวางทุ่นสร้างแนวเขตในการเตรียมลงสำรวจใต้น้ำอีกครั้ง เพื่อสำรวจวัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จมอยู่ใต้แม่น้ำแม่กลอง ตามขั้นตอนที่จังหวัดได้มีแนวทางร่วมกับคณะทำงานเก็บกู้ เคลื่อนย้าย และทำลายวัตถุระเบิดที่ได้ประชุมหารือร่วมกันหลายฝ่ายเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่กองประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์ จากกรมสรรพาวุธทหารเรือ กองทำลายวัตถุระเบิด จากกรมสรรพาวุธทหารอากาศ ได้ปักธงพร้อมใช้ทุ่นสีส้ม สร้างแนวเขตรัศมีบริเวณสะพานจุฬาลงกรณ์ และสะพานธนะรัชต์ เพื่อเตรียมดำเนินการสำรวจลูกระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คาดว่าหลงเหลือจมอยู่ใต้น้ำบริเวณสะพานที่ขนาบอยู่คู่กันแนวเขตทางรถไฟ ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติการสำรวจระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-4 ธ.ค.
โดยเจ้าหน้าที่กองประดาน้ำฯ จะเป็นหน่วยที่จะดำเนินการสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลสภาพการณ์และตำแหน่งวัตถุต่างๆ ใต้น้ำอย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบการวางแผนการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ จังหวัดได้มีการจัดตั้งคณะทำงานอพยพ และสวัสดิภาพประชาชน โดยมีนายวีรัส ประเศรษโฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะมีการสำรวจ และจัดทำบัญชีจำนวนผู้อพยพ กำหนดพื้นที่รวมพลและพื้นที่รองรับ กำหนดเส้นทางการอพยพ ดำเนินการอพยพประชาชนไปยังสถานที่ปลอดภัย พร้อมทั้งดูแลด้านการแพทย์และสาธารสุขให้แก่เจ้าหน้าที่ และผู้อพยพ
ส่วนการงานด้านประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร มีนางอังคณา ชิตะติตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมด้วยผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ระหว่างส่วนราชการ สื่อมวลชน ประสานข้อมูลเหตุการณ์กับส่วนต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกัน ตอบโต้ข่าวลือ ข่าวอันเป็นเท็จ เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลเป็นเอกภาพ ซึ่งหากมีปัญหาอุปสรรคให้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
//------------------
เริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ระเบิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ใต้สะพานรถไฟ'จุฬาลงกรณ์'
ข่าว Like สาระ
วันอังคาร ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561, 16.10 น.
ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เริ่มเตรียมการเก็บกู้ระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ใต้สะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ และสะพานธนะรัชต์แล้ว หลังพ่อเมืองราชบุรีประกาศจะนำขึ้นมาเป็นของขวัญปีใหม่ให้ชาวราชบุรี พร้อมแจ้งเตือนสื่อและชาวโซเชียลงดเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนอันอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ สาธารณชนขอให้รับฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น
27 พ.ย.61 ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การเก็บกู้ เคลื่อนย้าย และทำลายวัตถุระเบิด ได้เริ่มปฏิบัติการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการชุดแรก นำเรือบรรทุกทุ่นลอยน้ำเพื่อกำหนดจุดที่จะมีการลงสำรวจใต้น้ำในการสำรวจหาตำแหน่งของระเบิดที่จมอยู่บริเวณใต้สะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ และสะพานธนะรัชต์ ข้ามแม่น้ำแม่กลอง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี
ภายหลังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดราชบุรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ รบ. 0021/28956 ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องจะดำเนินการเก็บกู้ เคลื่อนย้ายและทำลายวัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อยู่ใต้แม่น้ำแม่กลองบริเวณสะพานจุฬาลงกรณ์ และสะพานธนะรัชต์ อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นจุดบริเวณที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ และเกิดความปลอดภัย
โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การเก็บกู้ เคลื่อนย้าย และทำลายวัตถุระเบิดในแม่น้ำแม่กลอง โดยมีนายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดราชบุรี ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และรองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 16 ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 1 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฝ่ายทหาร และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นรองประธาน
นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนกรมสรรพวุธทหารอากาศ ผู้แทนกรมสรรพวุธทหารเรือ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ซึ่งจะมีหน้าที่ดำเนินการวางแผน ควบคุม และอำนวยการปฏิบัติเก็บกู้ เคลื่อนย้าย และทำลายวัตถุระเบิดเพื่อให้มีประสิทธิภาพเกิดความปลอดภัย อีกทั้งจะประสานการปฏิบัติในทุกขั้นตอนตามแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือ เครื่องใช้อุปกรณ์ ยานพาหนะ และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ประสานงานเกี่ยวข้อง สนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ และดำเนินการอื่นๆตามความจำเป็น
ล่าสุด กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดราชบุรี ประชาสัมพันธ์การปฏิบัติงานการเก็บกู้วัตถุระเบิดในแม่น้ำแม่กลองด้านใต้สะพานธนะรัชต์ โดยหน่วยประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์ กรมสรรพาวุธทหารเรือ ได้นำเรือลงไปสำรวจและกำหนดพื้นที่บริเวณสะพาน และจุดใกล้เคียงตามแนวที่คาดว่าระเบิดจมอยู่ โดยการปฏิบัติการในครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่หน่วยประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์ กรมสรรพาวุธทหารเรือ เป็นการกำหนดลงสำรวจพื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานธนะรัชต์และสะพานจุฬาลงกรณ์ เพื่อเก็บข้อมูลสภาพการณ์และตำแหน่งวัตถุต่างๆ ใต้น้ำอย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบการวางแผนเก็บกู้วัตถุระเบิด ซึ่งจะปฏิบัติการในวันนี้ 28 พ.ย.-4 ธ.ค.61
ส่วนทางด้านนางอังคณา ชิตะติตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร ได้ออกประกาศของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดราชบุรี แจ้งให้ทราบว่าการลงพื้นที่สำรวจดังกล่าว เพื่อค้นหาจุดที่ตั้งตำแหน่ง จำนวน ชนิด ประเภทของวัตถุระเบิด เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนเก็บกู้เท่านั้น ยังไม่มีการเก็บกู้และเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดแต่อย่างใด ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ หากมีกำหนดการเก็บกู้วัตถุระเบิดจะมีประกาศแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้าขอให้รับฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น กรุณางดเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนอันอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่สาธารณชน
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 28/11/2018 12:37 pm Post subject:
ศักรินทร์ แสงอรุณ
28 พย.2561
สถานีรถไฟขอนแก่นร่วมกับป้องกันภัยจังหวัดขอนแก่น/บริษัท ช.การช่าง/ตรฟ.ขอนแก่น เตรียมสถานที่จุดพลุและดอกไม้ไฟ 400 ชุด ณ บริเวณทางยกระดับรถไฟทางคู่ตัดกับถนนศรีจันทร์ เพื่อร่วมงานฉลองงานเทศกาลไหมนานาชาติ ซึ่งจะมีพิธีรำบวงสรวงชุด รำดอกคูณเสียงแคน ในวันที่ 28 พย.2561 เวลา 17.00 - 20.00 น.
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2015979075153201&id=100002233844840
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 28/11/2018 4:41 pm Post subject:
วางทุ่นน้ำแม่กลองเตรียมสำรวจกู้ระเบิดสงครามโลก
สำนักข่าวไทย
วันอังคาร ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561, 115:10:25
ราชบุรี 27 พ.ย.- จนท.ปักธง-วางทุ่นลอยน้ำสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง จ.ราชบุรี แนวก่อสร้างรถไฟทางคู่ เตรียมลงสำรวจหาวัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกเริ่ม 28 พ.ย.นี้
การเตรียมพร้อมเก็บกู้วัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แม่น้ำแม่กลองบริเวณสะพานจุฬาลงกรณ์ และสะพานธนะรัชต์ เขตเทศบาลเมืองราชบุรี หลังจากวานนี้ (26 พ.ย.) หลายหน่วยงานได้ประชุมหารือในแนวทางดำเนินงานไปแล้วนั้น
ล่าสุด (27 พ.ย.) เจ้าหน้าที่จากกองประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์ กรมสรรพวุธทหารเรือ พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องนั่งเรือยนต์สำรวจบริเวณสะพานจุฬาลงกรณ์ และสะพานธนะรัชต์ เพื่อวางทุ่นสร้างแนวเขตก่อนลงสำรวจใต้น้ำกำหนดจุด ก่อนเก็บกู้ เคลื่อนย้าย และทำลายตามขั้นตอนที่มีการหารือไว้ โดยจะเริ่มสำรวจวันที่ 28 พ.ย. - 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งหน่วยประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์เป็นหน่วยดำเนินการสำรวจ เพื่อเก็บข้อมูลกายภาพและตำแหน่งวัตถุใต้น้ำ พร้อมตั้งคณะทำงานอพยพและสวัสดิภาพประชาชน โดยมีนายวีรัส ประเศรษโฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะมีการสำรวจ และจัดทำบัญชีจำนวนผู้อพยพ กำหนดพื้นที่รวมพลและพื้นที่รองรับ กำหนดเส้นทางการอพยพ ดำเนินการอพยพประชาชนไปยังสถานที่ปลอดภัย รวมถึงดูแลด้านสาธารณสุขแก่เจ้าหน้าที่และผู้อพยพ
ทั้งนี้ ประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาบริษัทรับเหมาโครงการสร้างรถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน ได้เข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เนื่องจากช่วงหนึ่งของรางรถไฟจะต้องวางตอม่อข้ามแม่น้ำแม่กลองบริเวณดังกล่าว แต่มีข้อมูลว่าใต้น้ำอาจมีวัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลงเหลืออยู่ จึงขอให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนและปลอดภัย.-
https://www.youtube.com/watch?v=HYFtmpdaQAg
Back to top