View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44592
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 25/02/2020 6:44 am Post subject:
รฟท.วัดใจสศช.ให้ผ่าน 3 สาย
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ทางคู่เฟส 2 ลุ้นประเดิมก่อนจาก 7 ชาวบ้านเชียร์รางใหม่ตะวันออก
นายวรวุฒิ มาลารักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายชุมทางศรีราชา-ระยอง และมาบตาพุด-ระยองจันทบุรี-ตราด-คลองใหญ่ซึ่งเป็นเส้นทางสายใหม่ที่จะเดินรถผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ว่า ศึกษาความเหมาะสมของโครงการเสร็จแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ ผ่านมา ประชาชนและภาคเอกชนให้การตอบรับดีมาก
เบื้องต้นมีระยะทางกว่า 200 กม. วงเงินลงทุน 5-6 หมื่นล้านบาท มีเป้าหมายสนับสนุนพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผลไม้ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของ ภาคตะวันออก และส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศจำนวน มาก ทั้งนี้ตั้งเป้าของบประมาณประจำปี 64 ใช้เวลาออกแบบประมาณ 1 ปี จากนั้นจะเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมกับออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน หากไม่ติดปัญหาอะไรคาดว่าจะเปิดประมูลได้ปลายปี 65
รายงานข่าวจาก รฟท. แจ้งความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ระยะ (เฟส) ที่ 2 ด้วยว่า รฟท. ได้ศึกษาโครงการทั้ง7 เส้นทาง ระยะทางรวมกว่า 1,400 กิโลเมตร (กม.) เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย1.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย, 2.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่, 3.ช่วงขอนแก่น-หนองคาย, 4.ช่วงชุมทางถนน จิระ-อุบลราชธานี, 5.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ ธานี, 6.ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่สงขลา และ 7.ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ อยู่ระหว่างนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมให้ สศช.พิจารณา
รายงานข่าวจาก รฟท. แจ้งต่อว่า เบื้องต้นคาดว่าสศช. อาจไม่อนุมัติให้พัฒนาทุกโครงการคาดว่าน่าจะให้เริ่มดำเนินการในโครงการที่มีความเหมาะสม และจำเป็นที่สุดก่อน 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงขอนแก่นหนองคาย เนื่องจากเป็นแนวเส้นทางที่เชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่ เฟสที่ 1 ช่วงชุมทางถนนจิระจนมาถึงแก่งคอย และสามารถต่อมายังท่าเรือมาบตาพุดได้ นอกจากนี้น่าจะเป็นช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี เนื่องจากปัจจุบันรถไฟทางคู่มีการพัฒนาไปถึงช่วงชุมพรและต่อจากนั้นยังเป็นรางเดี่ยว ส่งผลให้มีปัญหาคอขวด ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานีหากได้รับการอนุมัติก็จะช่วยลดปัญหาลงได้ ขณะเดียวกันช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ก็น่าจะให้ดำเนินการพัฒนาเพราะเป็นเส้นทางที่จะช่วยสนับสนุนการเดินทางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีปริมาณความต้องการเดินทางสูงอย่างต่อเนื่องได้อย่างดี.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42722
Location: NECTEC
Posted: 25/02/2020 9:54 am Post subject:
ลุยศึกษาทางคู่ศรีราชา-ระยองอีก2ปีประมูล
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ร.ฟ.ท.เร่งเดินหน้ารถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-ระยอง -จันทบุรี -ตราด (คลองใหญ่) หลังรับฟังความเห็นประชาชน หนุนเส้นทางอีอีซี ขณะที่รถไฟทางคู่เฟส 2 เตรียมเสนอของบ สภาพัฒน์ฯ ช่วงขอนแก่น - หนองคาย เชื่อมทางคู่จิระ - แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด รวมถึงรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ฯ คาดประมูลปลายปี 65
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการศึกษาความเหมาะสมพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงศรีราชา-ระยอง จันทบุรี ตราด(คลองใหญ่) ว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวได้ศึกษาความเหมาะสม และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปอยู่ระหว่างขออนุมัติงบประมาณเพื่อออกแบบโครงการ ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ช่วงระยอง จันทบุรี ตราด ยังอยู่ระหว่างการศึกษา
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ร.ฟ.ท.ได้ศึกษาความเหมาะสมของรถไฟทางคู่ ช่วงระยอง จันทบุรี ตราด แล้วเสร็จ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งเป็นรถไฟทางคู่ ขนาดรางมาตรฐาน 1 เมตร โดยประเมินงบประมาณลงทุนราว 5-6 หมื่นล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าในกลุ่มผลไม้ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของภาคตะวันออก และมีการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศจำนวนมาก "รถไฟทางคู่เส้นใหม่ ระยอง จันทบุรี ตราดนี้ จะเป็นเส้นทางรถไฟสายหลักที่สนับสนุนการขนส่งสินค้าและขนส่งผลไม้ และกระจายการกระจุกตัวของภาคการท่องเที่ยวไปยังทะเลตราด โดยขั้นตอนหลังจากศึกษาเสร็จ การรถไฟฯ ตั้งเป้าจะของบประมาณประจำปี 2564 เพื่อออกแบบ โดยใช้เวลาออกแบบราว 1 ปี หลังจากนั้นจะเสนอขออนุมัติจากสภาพัฒน์ฯ กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมกับออก พรฎ.เวนคืนที่ดิน หากไม่ติดปัญหาก็คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลงานก่อสร้างได้ปลายปี 2565 ซึ่งจากการรับฟังความเห็น ประชาชนและเอกชนให้การตอบรับดี ดีมานด์ความต้องการใช้มีสูง" ขณะที่โครงการไฮสปีดเทรน ช่วงระยอง จันทบุรี ตราด ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ ร.ฟ.ท.ศึกษาเพื่อขยายแนวเส้นทางต่อจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) โดยแนวเส้นทางจะคู่ขนานไปกับรถไฟทางคู่ แต่สาเหตุที่ ร.ฟ.ท.เริ่มศึกษา เพราะต้องการทราบถึงดีมานด์การเดินทางและสนับสนุนการขยายเมืองให้มากขึ้น เบื้องต้นได้ประเมินว่าไฮสปีดเทรนอาจจะยังไม่ได้พัฒนาในเร็วๆ นี้ หากเทียบกับความคุ้มค่าของรถไฟทางคู่ที่มีมากกว่า หากจันทบุรี และตราด มีความต้องการเดินทางสูง ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท. กล่าวอีกว่า ปัจจุบันโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ที่ ร.ฟ.ท.ศึกษาแล้วเสร็จไปก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างการเสนอข้อมูลเพิ่มเติมให้กับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เบื้องต้น คาดว่า สศช.อาจจะไม่อนุมัติให้พัฒนาทุกโครงการที่ยังค้างอยู่รวม 7 เส้นทาง เนื่องจากต้องจัดสรรงบประมาณการลงทุน จึงคาดว่าโครงการที่มีความเหมาะสม และอาจได้รับการอนุมัติให้พัฒนาก่อน อาทิ ช่วงขอนแก่น - หนองคาย เนื่องจากเป็นแนวเส้นทางเชื่อมกับทางคู่จิระ - แก่งคอย และเชื่อมต่อถึงท่าเรือมาบตาพุด รวมถึงรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ฯ เนื่องจากปัจจุบันรถไฟทางคู่มีการพัฒนาไปถึงช่วงชุมพร และต่อจากนั้นยังเป็นระบบรถไฟทางเดี่ยว ส่งผลให้มีปัญหาคอขวด ในช่วงชุมพร - สุราษฎร์ฯ หากได้รับการอนุมัติให้พัฒนา ก็จะช่วยลดปัญหา เช่นเดียวกับช่วงจิระ - อุบลราชธานี ถือเป็นอีกแนวเส้นทางที่จะสนับสนุนการเดินทางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีปริมาณความต้องการเดินทางสูงอย่างต่อเนื่อง
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44592
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/02/2020 8:07 am Post subject:
ความคืบหน้ารถไฟทางคู่ คลองขนานจิตร-ปากช่อง (ก.พ. 63) มุมมองด้านท้าย
Feb 25, 2020
รวมคลิป / รีวิว รถไฟไทย : All ThaiTrain Clip
คิดตามความคืบหน้ารถไฟทางคู่ คลองขนานจิตร-ปากช่อง (ก.พ. 63) มุมมองด้านท้ายขบวนรถเร็วที่่ 136 อุบลราชธานี-กรุงเทพ
https://www.youtube.com/watch?v=2qXzRoR5cMo
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42722
Location: NECTEC
Posted: 26/02/2020 3:51 pm Post subject:
โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ
สภาพพื้นที่บริเวณสถานีมวกเหล็กเป็นแอ่งกะทะ เมื่อมีการก่อสร้างทางคู่ จึงได้มีการก่อสร้างเป็นทางรถไฟยกระดับมีความยาวกว่า 5 กม.ทอดยาวข้ามพื้นที่แอ่งกะทะและตัดเส้นทางใหม่เปลี่ยนแนวรางจากเส้นทางเดิมซึ่งโค้งไปโค้งมาหลายจุด โดยมีจุดสูงสุดของโครงสร้างทางยกระดับจากพื้นดินถึง 45 เมตร เพื่อให้ขบวนรถสามารถใช้ความเร็วได้คงที่และช่วยร่นระยะทางลงจากเดิม
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2846805448711298&id=222323771159492&__tn__=H-R
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42722
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42722
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42722
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42722
Location: NECTEC
Posted: 04/03/2020 11:51 am Post subject:
การรถไฟฯ รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ เดือนกุมภาพันธ์ 63 สร้างเร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ คาดแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ได้พิจารณาเห็นชอบแนวทาง การพัฒนาระบบขนส่งทางราง และมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งดำเนินการศึกษาและออกแบบโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางที่มีความถี่ในการเดินรถสูง และต้องจอดรอเพื่อหลีกรถเป็นระยะเวลานาน โดยโครงการรถไฟทางคู่ ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553-2557 ภายหลังจากนั้นกระทรวงคมนาคมได้เสนอ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทางราง ที่ให้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟทางคู่ในเส้นทางรถไฟเดิมช่วงที่มีปัญหาความคับคั่งของการเดินรถ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าและสำหรับขบวนรถไฟท้องถิ่น โดยโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เป็น 1 ใน 5 เส้นทางรถไฟที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ประกอบด้วยโครงการ 20 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1,796,385.77 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เป็นโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ใหม่ แนวเส้นทางรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ มีระยะทางรวม 132 กิโลเมตร รวมงบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้น 29,968.62 ล้านบาท โดยการรถไฟฯ ได้ว่าจ้างบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-อาร์ที เป็นผู้รับจ้างดำเนินงาน
สำหรับภาพรวมการก่อสร้างในปัจจุบัน โดยตามแผนงานกำหนดไว้ ร้อยละ 40.23 แต่มีความคืบหน้าร้อยละ 41.42 ซึ่งสามารถก่อสร้างได้เร็วกว่าแผนงาน ร้อยละ 1.19 ของโครงการ มีการก่อสร้างแบ่งออกเป็น 3 สัญญา คือสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา คลองขนานจิตร งบประมาณก่อสร้าง 7,560,000,000 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 48 เดือน แผนงานกำหนดไว้ ร้อยละ 56.71 ความคืบหน้าผลงาน ร้อยละ 59.35
เร็วกว่าแผน ร้อยละ 2.64 สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร ชุมทางถนนจิระ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจาก ครม. ส่วนสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ งบประมาณก่อสร้าง 9,290,000,000 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 42 เดือน แผนงานกำหนดไว้ ร้อยละ 33.598 ความคืบหน้าผลงาน 31.969 ล่าช้ากว่าแผน ร้อยละ 1.629
อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ได้เร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้แล้วเสร็จตามแผนงาน และพร้อมเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2565 ดังนั้น หากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถรองรับขบวนรถเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว ทำให้มีความปลอดภัยในการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้าเพิ่มขึ้น สามารถเพิ่มความรวดเร็วและความตรงต่อเวลา ในการเดินขบวนรถไฟได้อีกด้วย อีกทั้งประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคการขนส่งของประเทศ ลดปัญหามลพิษที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย มีโครงการที่จะพัฒนาทางคู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมพื้นฐานอื่น ๆ เน้นการบริหารจัดการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้า ทั้งในพื้นที่ชนบท เมือง และระหว่างประเทศเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง เป็นการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟโดยใช้แนวทางการก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ (Overpass) หรือทางลอดใต้ทางรถไฟ (Underpass) ช่วยเพิ่มความเร็วและความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถไฟ สามารถแก้ไขปัญหาจราจรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และที่สำคัญจะเป็นการลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
https://www.thebangkokinsight.com/302257/
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2884904128223180&set=a.2805255826188011&type=3&theater
https://www.facebook.com/129946050353608/posts/3319589711389210/?d=n
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44592
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 05/03/2020 7:10 am Post subject:
รออีกนิดนั่งรถไฟไปอีสานฉิว
เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 2.99 หมื่นล้านบาทว่า ภาพรวมการก่อสร้างคืบหน้า 41.42% เร็วกว่าแผน 1.19% โดยสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร วงเงิน 7.56 พันล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 48 เดือน คืบหน้า 59.35% เร็วกว่าแผน 2.64%, สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ อยู่ระหว่างรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ วงเงิน 9.29 พันล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 42 เดือน คืบหน้า 31.96% ช้ากว่าแผน 1.629%
นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า รฟท. ได้เร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างให้งานแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ เพื่อพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 65 ทั้งนี้หากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถรองรับขบวนรถเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว มีความปลอดภัยในการขนส่ง ผู้โดยสาร และสินค้าเพิ่มขึ้น สามารถเพิ่มความรวดเร็วและความตรงต่อเวลาในการเดินขบวนรถไฟได้ อีกทั้งจะช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคการขนส่งของประเทศ ลดปัญหามลพิษ
นายวรวุฒิ กล่าวด้วยว่า รฟท. มีโครงการพัฒนาทางคู่ต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมพื้นฐานอื่น ๆ เน้นบริหารจัดการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้า ทั้งในพื้นที่ชนบท เมือง และระหว่างประเทศเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟ โดยใช้แนวทางการก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ หรือทางลอดใต้ทางรถไฟ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็ว และความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถไฟ สามารถแก้ไขปัญหาจราจร และที่สำคัญจะเป็นการลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44592
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 05/03/2020 7:24 am Post subject:
[url=]รถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สร้างเร็วกว่าแผน ยันเสร็จปี 65 ตามกำหนด [/url]
เผยแพร่: 4 มี.ค. 2563 16:18 ปรับปรุง: 4 มี.ค. 2563 16:26 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
รถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระคืบหน้า 41.42% เร็วกว่าแผน 1.19% คาดแล้วเสร็จเปิดบริการปี 65 ตามกำหนด
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร งบประมาณก่อสร้าง 29,968.62 ล้านบาท ว่า ผลงาน เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ภาพรวมของการก่อสร้างมีความคืบหน้า 41.42% เร็วกว่าแผน 1.19% (แผนงานกำหนดไว้ 40.23%) โดยการรถไฟฯ ได้ว่าจ้างบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-อาร์ที เป็นผู้รับจ้างดำเนินงาน
สำหรับการก่อสร้างแบ่งออกเป็น 3 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร งบประมาณก่อสร้าง 7,560,000,000 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 48 เดือน แผนงานกำหนดไว้ 56.71% ความคืบหน้าผลงาน 59.35% เร็วกว่าแผน 2.64%
สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจาก ครม. ส่วนสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ งบประมาณก่อสร้าง 9,290,000,000 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 42 เดือน แผนงานกำหนดไว้ 33.598% ความคืบหน้าผลงาน 31.969% ล่าช้ากว่าแผน 1.629%
อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ได้เร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้แล้วเสร็จตามแผนงาน และพร้อมเปิดให้บริการในปี 2565
ดังนั้น หากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถรองรับขบวนรถเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว ทำให้มีความปลอดภัยในการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้าเพิ่มขึ้น สามารถเพิ่มความรวดเร็วและความตรงต่อเวลาในการเดินขบวนรถไฟได้อีกด้วย อีกทั้งประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคการขนส่งของประเทศ ลดปัญหามลพิษที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
การรถไฟฯ มีโครงการที่จะพัฒนาทางคู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมพื้นฐานอื่นๆ เน้นการบริหารจัดการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้า ทั้งในพื้นที่ชนบท เมือง และระหว่างประเทศเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟโดยใช้แนวทางการก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ (Overpass) หรือทางลอดใต้ทางรถไฟ (Underpass) ช่วยเพิ่มความเร็วและความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถไฟ สามารถแก้ไขปัญหาจราจรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และที่สำคัญจะเป็นการลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Back to top