RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311280
ทั่วไป:13262279
ทั้งหมด:13573559
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 87, 88, 89 ... 389, 390, 391  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44506
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/08/2014 2:17 pm    Post subject: Reply with quote

ส่องทำเล-ธุรกิจรับอานิสงส์ แนวเมกะโปรเจ็กต์รถไฟทางคู่ 7.41 แสนล้าน
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ มติชน 4 สิงหาคม 2557 วันที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12:50:22 น.

Click on the image for full size

สัปดาห์ก่อน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติเม็ดเงินลงทุนก้อนแรก ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย ระหว่างปี 2558-2565 ระยะเวลา 8 ปี ซึ่งมีทั้งโครงข่ายรถไฟระหว่างเมืองและรถไฟทางคู่, โครงข่ายขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพฯและปริมณฑล คือ รถไฟฟ้า 10 สาย จัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน และก่อสร้างโครงข่ายถนนและสะพาน

รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถทางหลวงเชื่อมโยงฐานการผลิตและประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เชื่อมเมืองหลักกับฐานการผลิตของประเทศ เชื่อมประตูขนส่งระหว่างประเทศ, การพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางน้ำ ได้แก่ การพัฒนาท่าเรือและตลิ่ง และเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางอากาศ รวมทั้งการตั้งนิคมอุตสาหกรรมอากาศยานและพัฒนาบุคลากร เป็นต้น

โดยขณะนี้คณะทำงานร่วมที่มาจากกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดและจัดหางบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน

เส้นทางไฮไลต์

โดยโครงการที่เป็นไฮไลต์สำคัญ คือ รถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน (สแตนดาร์ด เกจ) ขนาดราง 1.435 เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 2 เส้นทาง วงเงิน 7.41 แสนล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างปี 2558-2564 ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร และขนสินค้าในประเทศและเพื่อเชื่อมต่อลาวและประเทศจีนตอนใต้ คือ สายหนองคาย-นครราชสีมา-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด ระยะทาง 737 กิโลเมตร วงเงิน 3.92 แสนล้านบาท โดยเส้นทางนี้สามารถเชื่อมต่อจากหนองคายไปยังเวียงจันทน์ เข้าสู่มณฑลยูนนานของจีน และวิ่งไปถึงที่นครคุนหมิงได้

มีการประเมินเบื้องต้นว่า พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเส้นทางนี้ คือบริเวณ สถานีหลักของแต่ละจังหวัด ทั้งสระบุรี นครราชสีมา หนองคาย มาจนถึงฉะเชิงเทราและชลบุรี ซึ่งมีทั้งท่าเรือแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรม และระยอง ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมถึงสถานีย่อย เช่น ชุมทางจิระ ที่จะสามารถเชื่อมต่อไปยัง จ.อุบลราชธานี, บ้านไผ่ และต่อไปยังมหาสารคาม มุกดาหารและนครพนมที่เป็นจังหวัดชายแดน ซึ่งจุดเหล่านี้น่าจะมีการไหลผ่านของทั้งผู้เดินทางและสินค้าจำนวนมาก

เส้นทางที่ 2 เชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี ระยะทาง 655 กิโลเมตร วงเงิน 3.48 แสนล้านบาท เมื่อรถไฟวิ่งถึงเชียงของสามารถเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3A (R3A) ที่เชื่อมโยงระหว่าง จีน-ลาว-ไทย ได้เช่นกัน เริ่มจากเชียงของ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ห้วยทราย ต่อไปยัง บ่อเต็นของลาว ไปถึงจิ่งหง ในนครคุนหมิงของจีน ทำให้ระบบขนส่งของไทยและประเทศในภูมิภาคมีความเชื่อมโยงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งเป็นประโยชน์เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในช่วงปลาย ปี 2558

คาดการณ์เบื้องต้นว่าพื้นที่ที่จะได้รับอานิสงส์จากแนวรถไฟสายนี้ คือ บ้านภาชี ต่อเนื่องขึ้นไปยังปากน้ำโพ และพิษณุโลก เพราะเป็นจังหวัดใจกลางการคมนาคมขนส่งในอนาคตที่จะแยกไปยังภาคต่างๆ ของประเทศ ทั้งทางรางและทางรถยนต์ รวมถึงศิลาอาสน์และเด่นชัย ซึ่งจะเป็นจุดขนส่งสินค้าเกษตร ชุมทางบ้านป่าซาง (ในอนาคตจะมีการขยายเส้นทางจะเชื่อมต่อไปยังเชียงแสนซึ่งติดกับชายแดนลาว) และเชียงของ ซึ่งปัจจุบันบริเวณนี้มีด่านชายแดนและมีการขนส่งสินค้าระหว่างไทย ลาว และจีนอยู่แล้ว

คาด1ปีศึกษาเส้นทางเสร็จ

นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ให้ข้อมูลว่า จะต้องศึกษาข้อมูลจำนวนผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการ การขนส่งสินค้า ที่ตั้งและรูปแบบของสถานี ของทั้ง 2 เส้นทางใหม่ เพราะข้อมูลที่มีอยู่เป็นการอิงมาจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเดิม (ไฮสปีดเทรน) จึงต้องศึกษารูปแบบการส่งทุน การใช้ประโยชน์จากรถไฟทางคู่ ประสิทธิภาพและมูลค่าเพิ่มที่จะเกิดขึ้นบริเวณสถานีและพื้นที่ข้างเคียงอาจเปลี่ยนไป คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า

ผังเมืองรอเอี่ยว

นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า ในการจัดรูปแบบของสถานีของโครงการไฮสปีดฯเดิมนั้น จะใช้แนวทางการจัดรูปที่ดิน คือนำที่ดินมารวมกัน ซึ่งบางแปลงอาจจะต้องเวนคืนเพื่อมาใช้เป็นตัวสถานีและพื้นที่สาธารณะ ส่วนที่เหลือก็จะจัดแบ่งเป็นโซนเพื่อพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี ซึ่งการจัดวางผังเมืองจะต้องสอดรับกับการพัฒนาพื้นที่ แต่เมื่อ คสช.มีนโยบายที่จะปรับมาเป็นรถไฟทางคู่ ซึ่งจะทำให้ความเร็วลดลง ก็จะต้องศึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนการพัฒนาพื้นที่ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกัน

ต่างจังหวัดรับอานิสงส์

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้นนั้น จะส่งผลดีและสร้างโอกาสให้กับจังหวัดที่มีเส้นทางรถไฟผ่าน เพราะจะทำให้ราคาที่ดินในแนวทางรถไฟเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้ประกอบบางส่วนอาจไปซื้อที่ดินเพื่อรอพัฒนาโครงการในอนาคต และบางกลุ่มอาจไปซื้อเพื่อเก็งกำไร แต่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะไม่อิงกับการลงทุนที่ขยายไปต่างจังหวัดมากนัก เนื่องจากเป็นโครงการในระยะยาว ใช้ระยะเวลาหลายปี ระหว่างทางโครงการอาจสะดุดได้ ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้จึงเน้นการพัฒนารอบบริเวณโครงสร้างพื้นฐานใน กทม.และปริมณฑลก่อน

อีสาน-ตะวันออกรับอานิสงส์

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้น จะทำให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจโดยภาพรวม ไม่เฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายออกไปตามภูมิภาคจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับหลายธุรกิจ เช่น กลุ่มโลจิสติกส์ ซึ่งจะมีการลงทุนในส่วนของโรงงานและโกดังเก็บสินค้า ตามแนวเส้นทางรถไฟ ซึ่งจะทำให้การขนส่งสามารถเชื่อมต่อกันได้มากขึ้น และร่นระยะเวลาการเดินทางได้ และถือเป็นการกระจายความเจริญออกไปต่างจังหวัด ทำให้คนต่างจังหวัดมีรายได้และกำลังซื้อมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นด้วย

"กลุ่มธุรกิจที่จะขยายไปก่อนคือกลุ่มค้าปลีก ซึ่งจะทำให้เกิดการรวมชุมชนและทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยตามมา โดยเส้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง คือ เส้นทางหนองคาย เพราะสามารถเชื่อมต่อไปยังลาวและจีนได้ โดยชลบุรีจะเป็นเมืองที่มีการขยายตัวสูง เพราะปัจจุบันก็มีอัตราการเติบโตเป็นที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ เพราะเป็นทั้งเมืองท่องเที่ยวและเมืองอุตสาหกรรม ซึ่งหากรัฐมีแผนที่ชัดเจน ผู้ประกอบการก็พร้อมที่จะขยายตัวตาม แต่ต้องยอมรับว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลงทุนระยะยาว คสช.จะต้องหาไม้ต่อเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง" นายกิตติพลกล่าว

นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ อดีตนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การพัฒนาจะเกิดขึ้นในหัวเมืองหลักที่เส้นทางรถไฟพาดผ่านเป็นหลัก เช่น อุดรธานี ขอนแก่น พิษณุโลก ส่วนเมืองเล็กจะไม่มีผลมากนัก ซึ่งจะต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้งว่าจะผ่านบริเวณใดบ้าง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารอบนี้ไม่น่าจะเห็นการซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรมากนัก เพราะที่ผ่านมามีการกว้านซื้อไปเยอะแล้ว โดยธุรกิจที่จะขยายออกไปก่อนคือ ค้าปลีก ซึ่งจะไปสร้างดีมานด์รองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัย และหากเส้นทางรถไฟผ่านพื้นที่ที่มีการพัฒนาโครงการค้าปลีกอยู่แล้ว จะส่งผลให้พื้นที่เหล่านั้นยิ่งมีประสิทธิภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่จะตามมา

หนุนเกิดโพลีเซ็นทริค

นายอิสระ บุญยัง ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรร กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย เพราะกระจายการพัฒนาเมืองออกไปยังต่างจังหวัด ส่งผลให้เกิดการกระจายเมืองและมีเมืองศูนย์กลางหลายเมือง (โพลีเซ็นทริค) โดยเฉพาะหัวเมืองหลักที่มีศักยภาพอยู่ก่อนแล้ว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุดรธานี ชลบุรี เป็นต้น จากเดิมที่มีเมืองศูนย์กลางเพียงเมืองเดียว (โมโนเซ็นทริค) คือ กรุงเทพฯ

ส่วนโซนที่คาดว่าจะเติบโตเร็วคือ ด้านเชียงของ เพราะเป็นแนวชายแดนที่จะเชื่อมต่อไปทางมณฑลยูนนาน ของจีน ส่วนภาคอีสาน คือ ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย เมืองชายแดน และกระจายออกไปใกล้เคียง เช่น มหาสารคาม ส่วนชลบุรีก็จะเติบโตดี เพราะมีศักยภาพในตัวเองเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว มีท่าเรือและอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนความต้องการด้านที่อยู่อาศัย และเมื่อการเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้นก็จะช่วยให้จังหวัดพัฒนาไปเร็ว โดยธุรกิจที่คาดว่าจะขยายตัวไปตามการเติบโตคือ กลุ่มอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า ส่วนที่อยู่อาศัยจะตามมาทีหลัง

"ปัจจัยสำคัญที่จะหนุนให้แต่ละพื้นที่มีศักยภาพจะมาจากหลายปัจจัยประกอบกัน ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อมีรถไฟทางคู่ผ่าน สถานีนั้นหรือบริเวณใกล้เคียงจะบูม ต้องพิจารณาว่าพื้นที่ที่ผ่านผังเมืองเป็นอย่างไร เพราะหากเป็นพื้นที่สีเขียวหรือเหลืองก็ไม่สามารถพัฒนาพื้นที่ได้มากนัก จึงใช่ว่าทุกสถานีจะบูมได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะเกิดขึ้น จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่รอบแนวเส้นทางหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยมีตัวอย่างให้เห็นจากช่วงก่อนมีถนนราชพฤกษ์ กับหลังจากที่มีถนนราชพฤกษ์แล้ว ซึ่งแตกต่างกันอย่างมหาศาล" นายอิสระกล่าว

ในอนาคตอันใกล้ เราคงจะได้เห็นการพัฒนาทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่มีความต่อเนื่อง สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองและส่งผลต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ล้อไปตามกัน

----

ชาวโคราชเตรียมรับรถไฟรางคู่ เชื่อคุณภาพชีวิตดีขึ้น
เนชั่น 7 สค. 2557 เวลา 10:47 น.

หลังจาก คสช. อนุมัติงบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งทางราง โดยเน้นที่การพัฒนารถไฟทางคู่รวม 8 เส้นทาง แบ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟเป็นรถไฟทางคู่โดยใช้รางขนาด 1 เมตร ในเส้นทางรถไฟเดิมในช่วงที่มีปัญหาการคับคั่งของการเดินรถไฟ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารได้รวดเร็วขึ้น โดยได้เห็นชอบให้มีการเร่งดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางระยะทางรวม 887 กิโลเมตร วงเงิน 127,472 ล้านบาท ได้แก่ เส้นทางชุมทางจิระ-ขอนแก่น , เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร , เส้นทางนครปฐม-หัวหิน , เส้นทางมาบกะเบา-นครราชสีมา , เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ และเส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โดยจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 และจะสามารถแก้ปัญหาการเดินรถไฟที่คับคั่งในปัจจุบันเนื่องจากจะสามารถเพิ่มจำนวนการเดินรถได้จาก 268 เที่ยวต่อวัน เป็น 800 เที่ยวต่อวัน

ส่วนอีก 2 เส้นทาง คือ โครงการวางมาตรฐานการเดินรถทางรางใหม่สำหรับอนาคต โดยสร้างรถไฟทางคู่ขนาด 1.435 เมตร 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะทาง 737 กิโลเมตร และเส้นทางเชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี ระยะทาง 655 กิโลเมตร นั้น

จากการลงพื้นที่ไปสำรวจสถานีรถไฟจิระ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 ชุมทางรถไฟทางคู่ ที่จะดำเนินการก่อสร้างในเฟสแรก โดยจะปรับปรุงรางขนาด 1 เมตร ในเส้นทางรถไฟเดิม ให้เป็นทางคู่ เส้นทางชุมทางจิระ-ของแก่น วงเงิน 26,007 ล้านบาท ปรากฏว่าบริเวณปากทางเข้าสถานีรถไฟจิระ ได้มีการลงทุนก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วกว่า 50 คูหา รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงยังมีการเตรียมลงทุนก่อสร้างอาคารพาณิยช์อีกจำนวนมาก ส่วนประชาชนที่มาใช้บริการสถานีรถไฟแห่งนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการให้มีรถไฟทางคู่มานานแล้ว แต่ผ่านมาหลายยุครัฐบาล ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

นายพนมพร กุดเลา อายุ 26 ปี ชาว อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า การเดินทางด้วยรถไฟในปัจจุบันนี้ ต้องเสียเวลามาก เนื่องจากรถไฟต้องหลบรางให้ขบวนอื่น แต่หากมีรถไฟทางคู่ ก็จะส่งผลให้ไม่ต้องเสียเวลากับการหลบราง สามารถวิ่งได้โดยสะดวก อีกทั้งการขนส่งก็จะสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงเชื่อว่าในอนาคตจะทำให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 07/08/2014 4:49 pm    Post subject: Reply with quote

โคราชเตรียมรับรถไฟรางคู่คาดกระตุ้นเศรษฐกิจ
หน้าคุณภาพชีวิต
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 7 สิงหาคม 2557 10:30

ชาวโคราชเตรียมรับรถไฟรางคู่ คาดกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่อาคารพาณิชย์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด



หลังจาก คสช. อนุมัติงบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งทางราง โดยเน้นที่การพัฒนารถไฟทางคู่รวม 8 เส้นทาง แบ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟเป็นรถไฟทางคู่โดยใช้รางขนาด 1 เมตร ในเส้นทางรถไฟเดิมในช่วงที่มีปัญหาการคับคั่งของการเดินรถไฟ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารได้รวดเร็วขึ้น โดยได้เห็นชอบให้มีการเร่งดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางระยะทางรวม 887 กิโลเมตร วงเงิน 127,472 ล้านบาท ได้แก่ เส้นทางชุมทางจิระ - ขอนแก่น วงเงิน 26,007 ล้านบาท, เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน 17,293 ล้านบาท, เส้นทางนครปฐม - หัวหิน วงเงิน 20,038 ล้านบาท, เส้นทางมาบกะเบา - นครราชสีมา วงเงิน 29,855 ล้านบาท, เส้นทางลพบุรี - ปากน้ำโพ วงเงิน 24,842 ล้านบาท และเส้นทางหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 9,437 ล้านบาท โดยจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 และจะสามารถแก้ปัญหาการเดินรถไฟที่คับคั่งในปัจจุบันเนื่องจากจะสามารถเพิ่มจำนวนการเดินรถได้จาก 268 เที่ยวต่อวัน เป็น 800 เที่ยวต่อวัน

ส่วนอีก 2 เส้นทาง คือ โครงการวางมาตรฐานการเดินรถทางรางใหม่สำหรับอนาคต โดยสร้างรถไฟทางคู่ขนาด 1.435 เมตร 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางหนองคาย - นครราชสีมา - ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะทาง 737 กิโลเมตร วงเงิน 392,570 ล้านบาท และเส้นทางเชียงของ - เด่นชัย - บ้านภาชี ระยะทาง 655 กิโลเมตร วงเงิน 348,890 ล้านบาท

นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยถึงการอนุมัติงบประมาณ เดินหน้าเมกะโปรเจกต์ของ คสช. ว่า เมกะโปรเจกต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ที่เคยมีปัญหาคนคัดค้านจำนวนมาก เกิดจากความไม่เชื่อมั่น และไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าจะมีการทุจริตหรือไม่ เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล อีกทั้งผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาลชุดก่อน ก็ปรากฏว่าเคยมีการทุจริตให้เห็นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ยุคที่ คสช.ยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ อีกทั้งผลงาน 2 เดือนที่ผ่านมาของ คสช. ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความจริงใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างจริงจัง ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง ถึงขนาดมีคนจำนวนมากสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ คสช. นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นไปได้ว่าโครงการนี้ประชาชนเชื่อมั่นในความสุจริตโปร่งใสของ คสช. สูงมาก ตนจึงเห็นว่ามีความเหมาะสมแล้วที่จะอนุมัติงบประมาณสานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์

“ คสช.อนุมัติงบประมาณเมกะโปรเจกต์เฟสแรก 8.6 แสนล้านบาท และมุ่งเป้ามาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลำดับแรก ส่งผลให้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคึกคัก โดยเฉพาะ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีการซื้อขายที่ดิน และบ้านจำนวนมาก กลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ อาทิ เซ็นทรัล และเทอร์มินัล 21 ที่ก่อนหน้านั้นเคยตัดสินใจจะเลิกลงทุนก่อสร้างในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็กลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง และกำลังซื้อจากระบบที่ทาง คสช.อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือชาวนาจากโครงการจำนำข้าว ก็จะมีการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ส่วนผลดีหลังจากดำเนินการเมกะโปรเจกต์เฟสแรกเสร็จ ช่วงปี 2559-2560 คือ การขนส่งสินค้ารวดเร็วขึ้น ลดต้นทุน ที่ดินรอบโครงการรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงจะปรับตัวสูงขึ้น ลดอุบัติเหตุ การเสียชีวิต ช่วงเทศกาลต่างๆ ได้มาก และการเข้าสู่เออีซีจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน” นายทวิสันต์ กล่าว

จากการลงพื้นที่ไปสำรวจสถานีรถไฟจิระ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 ชุมทางรถไฟทางคู่ ที่จะดำเนินการก่อสร้างในเฟสแรก โดยจะปรับปรุงรางขนาด 1 เมตร ในเส้นทางรถไฟเดิม ให้เป็นทางคู่ เส้นทางชุมทางจิระ-ของแก่น วงเงิน 26,007 ล้านบาท ปรากฏว่าบริเวณปากทางเข้าสถานีรถไฟจิระ ได้มีการลงทุนก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วกว่า 50 คูหา รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงยังมีการเตรียมลงทุนก่อสร้างอาคารพาณิยช์อีกจำนวนมาก ส่วนประชาชนที่มาใช้บริการสถานีรถไฟแห่งนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการให้มีรถไฟทางคู่มานานแล้ว แต่ผ่านมาหลายยุครัฐบาล ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

นายบุญเหลือ เลียงโสภา อายุ 62 ปี ชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ใช้บริการรถไฟไป-กลับระหว่าง จ.ขอนแก่น และ จ.นครราชสีมา เป็นประจำ การเดินทางแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ไป-กลับก็ 6 ชั่วโมง ทำให้เสียเวลามาก แต่หากมีรถไฟทางคู่แล้ว ก็หวังว่าจะสามารถช่วยให้การเดินทางรวดเร็วขึ้น และทำให้มีเวลาว่างไปทำธุระอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง นายบุญเหลือ กล่าว

ด้านนาพนมพร กุดเลา อายุ 26 ปี ชาว อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า การเดินทางด้วยรถไฟในปัจจุบันนี้ ต้องเสียเวลามาก เนื่องจากรถไฟต้องหลบรางให้ขบวนอื่น แต่หากมีรถไฟทางคู่ ก็จะส่งผลให้ไม่ต้องเสียเวลากับการหลบราง สามารถวิ่งได้โดยสะดวก อีกทั้งการขนส่งก็จะสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงเชื่อว่าในอนาคตจะทำให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 12/08/2014 2:42 am    Post subject: Reply with quote

เส้นทางรถไฟทางคู่ ปัจจุบันและอนาคต(ที่อนุมัติแล้ว)
รถไฟทางคู่ใหม่ 8 สาย REALIST BLOG
- สีดำ : เส้นทางรถไฟเดิมของประเทศไทย ทั้งที่เป็น ทางเดี่ยว ทางคู่ และทางสาม

- สีแดง : เส้นทางรถไฟทางคู่ใหม่ 6 เส้น ที่เป็นระบบ Meter Gauge รางกว้าง 1 ม. รองรับความเร็วประมาณ 90 กม./ชม.
(เดิมเป็นทางเดี่ยว อนุมัติให้สร้างเพิ่มอีกรางเป็นทางคู่ ) แล้วเสร็จ 2563

- สีน้ำเงิน : เส้นทางรถไฟทางคู่ใหม่ 2 เส้น ที่เป็นระบบ Standard Gauge รางกว้าง 1.435 ม. รองรับความเร็วประมาณ 160-250 กม./ชม.
โดยรถไฟที่จะนำมาใช้งานจะมีความเร็วประมาณ 160 กม./ชม.ในขั้นแรก ซึ่งต่อไปสามารถเปลี่ยนรถไฟเป็นความเร็วสูงได้
(บางเส้นทางเดิมเป็นทางเดี่ยว บางเส้นทางเป็นทางใหม่ โดยอนุมัติให้สร้างทางคู่ใหม่เพิ่ม) แล้วเสร็จ 2564

Info : สนข. / รฟท. & Prachachat Online (30 Jul 2014)
http://www.realist.co.th/blog/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-8-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2/
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44506
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/08/2014 5:59 pm    Post subject: Reply with quote

สนช. สมชาย หนุน คสช.สร้างรถไฟระบบรางคู่
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 ส.ค. 2557 17:35

'สมชาย แสวงการ' อภิปรายการจัดงบฯ ที่ผ่านมา มีการทุจริต หนุน คสช.สร้างรถไฟระบบรางคู่ เรียงคิวอภิปราย 17 คน

วันที่ 18 ส.ค. สำหรับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 วงเงินไม่เกิน สองจุดห้าเจ็ดล้านล้านบาทในช่วงบ่าย มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้เวลานำเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง พร้อมขอให้สมาชิก สนช.รับหลักการของร่างกฎหมายนี้

ทั้งนี้ มีสมาชิก สนช.จำนวน 17 คน ที่แสดงความจำนงได้ใช้สิทธิอภิปรายคนละ 10 นาที ขณะที่ คสช.จะได้สิทธิชี้แจง 4 ชั่วโมง โดยวางกรอบการอภิปรายจะเสร็จภายใน 16-17 นาฬิกาวันนี้ เพื่อลงมติรับหลักการและตั้งกรรมาธิการวิสามัญแปรญัตติในวาระที่ 2

ขณะที่ สนช.ที่ใช้สิทธิอภิปราย อาทิ นายแพทย์เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เสนอการจัดสรรงบประมาณเน้นการวิจัยจัดการระบบการศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำระบบเศรษฐกิจเป็นสำคัญ พร้อมขอให้มีการเพิ่มงบประมาณในส่วนกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อภิปรายเรื่องยุทธศาสตร์ฟื้นฟูความเชื่อมั่นเร่งรัดการวางรากฐานที่ดี ในส่วนงบฯ ปรองดองที่จัดสรรให้กระทรวงกลาโหม 54 ล้านบาท /กระทรวงมหาดไทย 265 ล้านบาท และกระทรวงแรงงาน 26 ล้านบาท พร้อมขอให้ความสำคัญในส่วนงบฯ การศึกษานอกระบบด้วย ส่วนยุทธศาสตร์การค้ามนุษย์ มีงบป้องกันการค้ามนุษย์ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับจัดสรร 400 ล้านบาท กระทรวงแรงงาน 219 ล้านบาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 182 ล้านบาท

นายสมชาย แสวงการ อภิปรายว่า การตั้งงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปีจะมีปัญหาจากการที่ข้าราชการประจำตั้งงบฯ เพื่อนักการเมืองไว้ทุจริตคอร์รัปชัน โดยงบประมาณรายจ่ายเมื่อปีที่ผ่านมามักจะไปอยู่ที่ ส.ส.และ ส.ว. รวมทั้งข้าราชการประจำหลายแสนล้านบาท พร้อมสนับสนุน คสช.ที่มีการปรับปรุงงบประมาณในปีนี้ใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนเรื่องรถไฟระบบรางคู่แบบพอเพียง โดยยึดแนวการพัฒนาตามพระราชดำริอย่างสมดุล ซึ่งเป็นแนวทางที่เดินมาถูกทางแล้ว ทั้งนี้ ขอให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้รับการจัดสรรงบฯ ที่เพิ่มขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44506
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/08/2014 7:25 pm    Post subject: Reply with quote

หนุนเชื่อมรถไฟทางคู่ไปปาดังเบซาร์
โพสต์ทูเดย์ 19 สิงหาคม 2557 เวลา 13:54 น.

สงขลาดันเขตเศรษฐกิจพิเศษแข่งมาเลย์ เปิดดิวตี้ฟรี กระทุ้งสร้างรถไฟทางคู่เชื่อมปาดังเบซาร์-ชุมพร

นายสมพร สิริโปราณานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ภาคเอกชนได้นำเสนอการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของจังหวัดสงขลาต่อคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) จังหวัด โดยเสนอให้แบ่งพื้นที่การจัดการอย่างชัดเจน เช่น พื้นที่ด้านพาณิชย์ โลจิสติกส์ คลังสินค้า ที่อยู่อาศัย บริหารจัดการในระดับจังหวัดแบบบูรณาการ ไม่ขึ้นกับเทศบาล

นอกจากนี้ เสนอให้จัดพื้นที่เขตปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่อาคารขายสินค้า แต่เป็นพื้นที่ที่มีการค้าเชิงพาณิชย์ ร้านอาหาร เพื่อดึงดูดให้คนไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์เข้ามาจับจ่ายใช้สอย

ปัจจุบันประเทศมาเลเซียตั้งเขตปลอดภาษีเป็นอาคารขายสินค้า เป็นแหล่ง ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี หากไทยสามารถจัดตั้งได้จะเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง โดยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของสะเดาอาจจะแตกต่างจากพื้นที่ติดกับพม่า กัมพูชา ลาว เพราะเป็นพื้นที่ที่ติดกับประเทศมาเลเซียมาจ่ออยู่ที่ด่านปาดังเบซาร์ พร้อมเปิดดำเนินการในปี 2558 แล้ว

“หากไทยสามารถเชื่อมโยงระบบขนส่งได้ จะเป็นการส่งเสริมการส่งออกสินค้าของไทยให้เติบโตมากขึ้น โดย เส้นทางดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับแผนของ คสช.ที่จะสร้างรถไฟทางคู่จากจ.ประจวบคีรีขันธ์–ชุมพร ซึ่งเส้นทางดังกล่าวถือ เป็นเส้นทางที่สำคัญและจำเป็นต้องเกิด และอาจพัฒนาเฟส 2 ต่อไปจนถึง ด่านปาดังเบซาร์” นายสมพร กล่าว ขณะที่สิทธิประโยชน์ที่ควรจะมีในเขตเศรษฐกิจพิเศษเบื้องต้นเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เขต 3 นอกจากนี้ควรเพิ่มภาษีธุรกิจเฉพาะ เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การโอนทรัพย์สิน การซื้อขายที่ดิน ที่จะมีภาษีพิเศษหรืออัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยกิจการที่น่าจะอยู่ในพื้นที่นี้ เช่น เกษตรแปรรูป แปรรูปยางพารา เป็นต้น

สำหรับในพื้นที่ อ.สะเดา ที่กำหนดเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบไปด้วยด่านสะเดาซึ่งจะมีจุดเด่นเรื่องการค้าชายแดนและโลจิสติกส์ ส่วนด่านปาดังเบซาร์สามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางเชิงวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยวได้
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 20/08/2014 12:47 am    Post subject: Reply with quote

ดันรถไฟฟ้าเชื่อมมาเลย์

โพสต์ทูเดย์
19 สิงหาคม 2557


เมื่อวันที่18 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยระหว่างชี้แจงร่าง

พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ. 2558 ว่า เมื่องบประมาณผ่านแล้วจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นแต่ต้อง

ไม่ขาดดุลงบประมาณเพิ่มสูงขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 3.5-4.5% ที่คาดหวังไว้ โดย

ในปี 2558 จะพัฒนาระบบรางเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะรถไฟทางคู่11 สาย



"รวมไปถึงระบบทางคู่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์อันนี้ถือว่าจำเป็นเพราะประเทศ

มาเลเซียมีข้อตกลงว่าจะทำระบบไฟฟ้าไปแล้ว เราจะมาทำระบบอื่นก็วิ่งไปกับเขาไม่ได้เราคงต้องทำเฉพาะระบบไฟฟ้าใน

เส้นทางภาคใต้อย่างเดียว ทั้งหมดเป็นการอนุมัติยุทธศาสตร์ระยะยาวเอาไว้เฉยๆ ยังไม่มีโครงการอะไรสักอันที่เป็นการกู้

เงิน ส่วนจะใช้ขนาด 1 เมตร หรือ 1.43 เมตร คงต้องไปคุยในรายละเอียด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว



แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ขณะนี้ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ยังไม่ได้

ศึกษารายละเอียดโครงการสร้างรถไฟฟ้าในภาคใต้เพื่อเชื่อมต่อกับมาเลเซียตามที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ ทราบเพียงว่าทาง

มาเลเซียจะเดินรถไฟจากกัวลาลัมเปอร์ปาดังเบซาร์ภายในปีนี้



อย่างไรก็ตาม หากมีการดำเนินการใดๆ เป็นเรื่องที่ฝ่ายนโยบายต้องมอบหมายลงมาเพื่อความชัดเจนในการศึกษาและ

ดำเนินการ ที่ผ่านมา สนข.ได้ลงไปสำรวจแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างไทย-มาเลเซียตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถ

ดำเนินการใดๆ เพราะไม่มีคำสั่งจากฝ่ายนโยบาย หากมีนโยบายจะทำก็สามารถทำได้
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44506
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/08/2014 2:37 pm    Post subject: Reply with quote

AEC Plus - แผนรถไฟ 5 เส้นทางไทย เชื่อมต่อจีนและประเทศ AEC
ครอบครัวข่าว 3 วันที่ 20 สิงหาคม 2557
Arrow คลิปวิดีโอ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 22/08/2014 9:47 am    Post subject: Reply with quote

นักลงทุนแห่ตุนที่ดินรองรับรถไฟรางคู่-เออีซี
เดลินิวส์
วันพฤหัสบดี 21 สิงหาคม 2557 เวลา 21:00 น.

บสก.เผยนักลงทุนขนเงินซื้อที่ดินเปล่าขยายลงทุนรองรับรถไฟรางคู่ภาคตะวันออก ส่วนภาคอีสานเตรียมพร้อมเปิดเออีซี

นายสมพร มูลศรีแก้ว รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือบสก. เปิดเผยว่า สินทรัพย์รอการขายหรือเอ็นพีเอ โดยเฉพาะที่ดินเปล่ามียอดขายเพิ่มขึ้น หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีแผนที่ขยายรถไฟรางคู่ไปยังภาคตะวันออก ซึ่งใกล้กับท่าเรือทำให้การขนส่งสินค้ามีความสะดวกมากขึ้น และที่ดินที่ขายได้จะเป็นแปลงขนาด 60-70 ไร่ และขนาด 200 ไร่ ราคาขายประมาณ 300-400 ล้านบาทขึ้นกับทำเลเป็นหลัก สำหรับที่ดินที่เชื่อมกับจังหวัดชายแดนยังเป็นที่นิยมของนักลงทุน เพราะต้องการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 58 ยกเว้นภาคเหนือที่เกิดปัญหาแผ่นดินไหวทำให้ยอดขายชะลอตัวลง เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจกับสถานการณ์ว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่

“ช่วงต้นปียอมรับว่ายอดขายเอ็นพีเอไม่ได้ดีนัก เพราะเกิดปัญหาการชุมนุมทางการเมืองทำให้นักลงทุนลดการลงทุนลง แต่เมื่อมีคสช.ความเชื่อมั่นดีขึ้นทำให้ตลาดเอ็นพีเอเริ่มกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัดยังนิยมบ้านแนวราบ ทาวเฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์ ขณะที่พื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังไปได้ดี สำหรับคอนโดมิเนียม ซึ่งในช่วงนี้ยังไม่ปรับราคาขายเอ็นพีเอ เพราะตลาดเพิ่งเริ่มฟื้นตัว แต่เชื่อว่าในปลายปีนี้อาจปรับเพิ่มขึ้น เพราะของที่อยู่ในสต๊อกเหลือน้อย”

สำหรับในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-ก.ค.) ยอดขายเอ็นพีมีมูลค่า 4,000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 10-20% หากเทียบกับปีก่อน แต่ทั้งปีเชื่อว่ายังได้ตามเป้าที่วางไว้คือ 8,000 ล้านบาท เพราะตลาดยังเติบโตดีในช่วงที่เหลือของปี ส่วนความคืบหน้าการซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลนั้น ได้ซื้อไปแล้ว 5,000-6,000 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 10,500 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงิน 2-3 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้บสก.ได้นำทรัพย์เด่นทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 300 รายการ มูลค่ากว่า 3,800 ล้านบาท เช่น ที่ดินเปล่า บ้านเดี่ยว บ้านจัดสรร อาคารชุดที่พักอาศัย โรงงาน มาจำหน่ายให้กับลูกค้าในงานเอ็นพีแอลแกรนด์เซลล์ตั้งแต่วันนี้-24 ส.ค.นี้ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมียอดขายทรัพย์ในงานนี้ 250 ล้านบาท นอกจากนี้ได้ร่วมกับสถาบันการเงินจัดสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์กับบริษัทฯ โดยธนาคารออมสินเสนอให้ดอกเบี้ยคงที่ 4.5 % นาน 3 ปี ธนาคารทหารไทยคิดดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือน ฟรีค่าธรรมเนียมสำรวจหลักทรัพย์ และค่าประกันอัคคีภัย ขณะที่ธนาคารทิสโก้เสนอดอกเบี้ยคงที่นานสูงสุด 7 ปี กู้ได้สูงถึง 95%
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44506
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 27/08/2014 3:15 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.คง 2 สัญญาลุยประมูลรถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ 27 ส.ค. 2557 14:46

บอร์ด รฟท.ยืนกรานแยก 2 สัญญาประมูลก่อสร้างรถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย เพื่อไม่ให้ล่าช้า คาด 2-3 เดือน เปิดประมูลอี-ออกชั่น สัญญาที่ 1 หลังเลื่อนมา 3 รอบ รอ คตร.ไฟเขียว ...

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้ส่งหนังสือแจ้ง รฟท.ว่า ควรปรับการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย วงเงิน 11,348.35 ล้านบาท จาก 2 สัญญารวมเป็นสัญญาเดียว โดยเชื่อว่าจะทำให้วงเงินค่าก่อสร้างต่ำลง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา บอร์ด รฟท. ที่มี นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ เป็นประธาน ได้หารือถึงประเด็นดังกล่าว และมีความเห็นยืนยันให้ประกวดราคา โดยแยกเป็น 2 สัญญาตามเดิม เนื่องจากเห็นว่า การปรับเหลือ 1 สัญญา จะทำให้เกิดความล่าช้า เพราะต้องเริ่มขั้นตอนการประกวดราคาและเปิดขายเอกสารใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การเสนอเรื่องไปยัง ครม. เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนเหลือ 1 สัญญา และต้องปรับปรุงร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) และจัดทำราคากลางใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบที่ต้องกำหนดราคากลาง ก่อนประกาศร่าง TOR อีก 28 วัน ซึ่งมีความเป็นได้ที่จะทำให้ค่าก่อสร้างสูงขึ้นจากวงเงินเดิมที่ตั้งไว้ เมื่อ 2 ปีแล้ว ที่ 11,348.35 ล้านบาท

ด้านนายออมสิน กล่าวว่า ประมาณ 2-3 เดือนจากนี้ จะสามารถเปิดแข่งขันเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชั่น) งานสัญญาที่ 1 ได้ หลังจากเลื่อนการเสนอราคามา 3 รอบแล้ว โดยรอบแรก เลื่อนจากวันที่ 9 มิ.ย. 2557 เป็นวันที่ 23 มิ.ย. 2557 เนื่องจาก บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ รฟท.ตรวจสอบการจดทะเบียนตั้งกลุ่มกิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท ทิพากร จำกัด ร่วมกับบริษัท ไชน่าฮาร์เบอร์ จากประเทศจีน เพราะอาจไม่ถูกกฎหมาย และ รฟท.ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว พบว่าการจดทะเบียนถูกต้อง กลุ่มดังกล่าวจึงมีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันราคาได้

ส่วนรอบที่ 2 เลื่อนจากวันที่ 23 มิ.ย. 2557 เป็นวันที่ 15 ก.ค. 2557 เนื่องจาก คตร.ขอตรวจสอบทุกโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท และยังมิได้ลงนามในสัญญาจ้าง และรอบที่ 3 คือ เลื่อนจากวันที่ 15 ก.ค. 2557 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะ คตร.ยังตรวจสอบไม่เสร็จสิ้น

ทั้งนี้ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2555 อนุมัติให้เปิดประกวดราคา 2 สัญญา โดยงานสัญญาที่ 1 คือ งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง วงเงิน 10,727 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 ทางคู่และทางรถไฟช่วงสถานีวิหารแดง-สถานีบุใหญ่ ระยะทาง 9 กิโลเมตร อุโมงค์ 1.2 กิโลเมตร วงเงิน 621 ล้านบาท

สำหรับผู้รับเหมาที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและเตรียมแข่งเสนอราคาอี-ออกชั่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ 1 มี 6 ราย ประกอบด้วย
1.ITD
2.บมจ.ช.การช่าง (CK) ร่วมกับบริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด
3.บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)
4.บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ)
5.บริษัท ทิพากร จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไชน่าฮาร์เบอร์ จากประเทศจีน และ
6.บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 27/08/2014 3:21 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
รฟท.คง 2 สัญญาลุยประมูลรถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ 27 ส.ค. 2557 14:46


คตร.แนะรวบสัญญาประมูลทางคู่ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย ร.ฟ.ท.ยันเดินหน้า 2 สัญญา หวั่นล่าช้าและแพงกว่าเดิม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 สิงหาคม 2557 07:14 น

“ตามหลักการรวมสัญญาเดียวจะทำให้ค่าก่อสร้างถูกลงจริง แต่ในขณะเดียวกันต้องมองในมุมว่าโครงการนี้เดินหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว โดย ครม.อนุมัติเปิดประมูล 2 สัญญา ถ้าจะปรับเป็นสัญญาเดียวต้องเสนอ ครม.ใหม่ ประเด็นสำคัญคือ ต้องปรับ TOR ทำราคากลางใหม่ ซึ่งต้องทำให้อัปเดตจึงไม่รู้ว่าจะแพงกว่านี้หรือไม่ บอร์ดจึงยืนยันที่จะเดินหน้าการประมูลแบบ 2 สัญญาต่อไป และจะเสนอไปยัง คตร.อีกครั้ง ซึ่งเป็นการทักท้วงตามสิทธิ์หน่วยงานเจ้าของโครงการ” นายประเสริฐกล่าว

ด้านนายออมสินกล่าวว่า ประมาณ 2-3 เดือนจากนี้จะสามารถเปิดแข่งขันเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) งานสัญญาที่ 1 ได้ หลังจากเลื่อนการเสนอราคามาแล้ว 3 รอบแล้ว โดยรอบแรก คือเลื่อนจากวันที่ 9 มิถุนายน 2557 เป็นวันที่ 23 มิถุนายน 2557 เนื่องจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ ร.ฟ.ท.ตรวจสอบการจดทะเบียนตั้งกลุ่มกิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท ทิพากร จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไชน่าฮาร์เบอร์ จากประเทศจีน เพราะอาจไม่ถูกกฎหมาย และ ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่าการจดทะเบียนถูกต้อง กลุ่มดังกล่าวจึงมีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันราคาได้ รอบที่ 2 เลื่อนจากวันที่ 23 มิถุนายน 2557 เป็นวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 เนื่องจาก คตร.ขอตรวจสอบทุกโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทและยังมิได้ลงนามในสัญญาจ้าง รอบที่ 3 คือเลื่อนจากวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะ คตร.ยังตรวจสอบไม่เสร็จสิ้น
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 87, 88, 89 ... 389, 390, 391  Next
Page 88 of 391

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©