รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[nutsiwat]

ไม่ทราบว่า โครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม จะมีโอกาสที่จะก่อสร้างบ้างหรือไม่ครับ เพราะได้มีการศึกษา และสำรวจเส้นทางที่จะก่อสร้างไว้แล้ว รู้สึกว่าตอนนี้เรื่องเงียบสนิทมาก คงต้องรอไปก่อน
_________________

--------------------------

สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn

[Wisarut]

เร่งรัดทำทางคู่
http://www.siblor.com/image/14-03-31.pdf
http://www.ftiplastic.com/images/download/132/2.%E0%B8%94%E0%B8%A3.%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2_%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A123Nov.pdf
http://www.otp.go.th/images/stories/PDF/2555/2feb/1TAFno4.pdf

[Wisarut]

ประชาพิจารณ์ทางคู่ติดระบบรถไฟฟ้า จากหาดใหญ่ไปปาดังเบซาร์ยาว 48 กิโลเมตร 20-21 พฤษภาคม 2558
https://www.facebook.com/820331644706321/photos/pcb.843135009092651/843134889092663/?type=1&theater
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=843135009092651&id=820331644706321


เพจ ทางคู่ติดระบบรถไฟฟ้า จากหาดใหญ่ไปปาดังเบซาร์ยาว 48 กิโลเมตร
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AF/820331644706321

[Wisarut]

"ประจิน" มั่นใจดันรถไฟทางคู่ชัดเจนก.ย.นี้
ข่าวค่ำ ตรงประเด็น
Now TV
วันที่ 23 เมษายน 2558

'ประจิน'ดันรถไฟทางคู้6เส้นทางปีงบ58
หน้าเศรษฐกิจ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 23 เมษายน 2558, 12:27

สำหรับการเดินหน้าโครงการตามแผนยุทธศาสตร์คมนาคมขนส่งของประเทศ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม “พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง” บอกว่า เชื่อมั่นว่า จะเดินหน้าได้อย่างชัดเจนในครึ่งหลังของปีงบประมาณ ปี 2558 (เม.ย.-ก.ย.58)

ทั้งรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง การเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง และหาผู้เดินรถสายสีน้ำเงิน และสายสีเขียวใต้ รวมทั้ง โครงการรถไฟไทย-จีน และ รถไฟไทย-ญี่ปุ่น และโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นกทม.-พัทยา และเส้นกทม.-หัวหิน ก็จะได้ความชัดเจนด้วย

“ที่ล่าช้า ไม่เกี่ยวกับระบบคุณธรรม แต่ติดขัดทั้ง เรื่องผลประโยชน์ กฎกติกา แต่จากนี้ไปมั่นใจ ว่า โครงการที่อยู่ในแผนงาน จะมีผลปฏิบัติเชิงรูปธรรม”พล.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม
ขณะนี้ ได้เซ็นอนุมัติให้เดินหน้าในโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย แล้ว หลังจากได้ยกเลิกการประกวดราคาไป ตามข้อท้วงติงของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และจะมีการประกวดราคาใหม่ให้เสร็จภายในเดือน ก.ย.2558 ซึ่งเมื่อรวมรวมอีก 5 เส้นทาง รวมวงเงินลงทุน 86,000 ล้านบาท มีระยะผูกพัน 3 ปี
โดย เส้นทางช่วงจิระ-ขอนแก่น จะเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการภายในเดือน เม.ย. 58 และจะประกวดราคาได้ภายในเดือน ก.ค.58 คาดว่าจะก่อสร้างได้ในเดือน พ.ย.58 และกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 61
และเส้นทางช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร โดยผ่าน EIA แล้วเมื่อ 7 ต.ค.57 เตรียมเสนอ ครม.ภายในเดือน มิ.ย.58 เริ่มก่อสร้างในเดือน มี.ค.59 กำหนดแล้วเสร็จปี 2562
ส่วนอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ, ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และช่วงนครปฐม-หัวหิน อยู่ระหว่างกระทรวงคมนาคมประสานติดตามผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ
ขณะที่โครงการรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพ-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย รวมระยะทาง 873 กม.ได้เดินงานได้ตามแผนและคาดว่า จะสรุปวงเงินลงทุนได้ในเดือน ส.ค.นี้ ส่วนโครงการรถไฟไทย-ญี่ปุ่นคาดว่าญี่ปุ่นสนใจลงทุน 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางกาญจบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-แหลมฉบัง และเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะมีการสรุปวงเงินต่อไป
โดยทั้งหมด 3 เส้นทาง ประเมินเบื้องต้นจะมีวงเงินลงทุน 1 ล้านล้านบาท รวมกับงบลงทุนตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี จะทำให้มีเงินลงทุน เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้

[Wisarut]

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เตรียมจัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ วันพุธที่ 29 เมษายนนี้ ณ โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ จังหวัดแพร่
แหล่งที่มา : สวท.แพร่
วันที่ข่าว : 28 เมษายน 2558

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เตรียมจัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ วันพุธที่ 29 เมษายนนี้ ณ โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ จังหวัดแพร่

นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนข. อยู่ระหว่างดำเนินงานโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทางรางในแนวทางปรับปรุงเส้นทางรถไฟเดิมเพื่อส่งเสริมบทบาทและศักยภาพในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ดังนั้นเพื่อเป็นการแนะนำรายละเอียดข้อมูล เหตุผลความจำเป็น สาระสำคัญ ขั้นตอนและระยะเวลาดำเนินการ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน ผู้นำทางความคิด ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการ ตลอดจนตัวแทนภาคประชาชนและสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดแพร่ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาของโครงการให้มีความสอดคล้องและเหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม สนข. จึงจัดให้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ในวันพุธที่ 29 เมษายน 2558 ระหว่างเวลา 08.30 – 12.30 น. ณ ห้องไอยเรศ โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ จังหวัดแพร่

จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาของโครงการต่อไป โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 02 – 187 1452 เว็บไซต์ http://www.denchai-chiangmai-doubletrack.com/ หรือแฟนเพจ รถไฟทางคู่ เด่นชัย – เชียงใหม่ ที่ https://www.facebook.com/denchaichiangmaidoubletrack?fref=ts

http://www.denchai-chiangmai-doubletrack.com/file/doc1.pdf

//---------------------------------


สนข. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ ณ จังหวัดแพร่
ข่าวโดย : ชาติชาย คะมา ทีมข่าว สวท.แพร่ 054 - 523 515
หน่วยงาน : สวท.แพร่
29 เมษายน 2558 / 18:08:43

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ พัฒนาศักยภาพจังหวัดแพร่เป็นศูนย์ขนถ่ายสินค้าของภาคเหนือตอนบน

วันนี้ (29 เม.ย. 58) ที่ห้องไอยเรศ โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ จังหวัดแพร่ นายธนากร อึ้งจิตรไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ เพื่อนำเสนอข้อมูลโครงการ พื้นที่ศึกษา แนวเส้นทางเลือก และกรอบแนวทางการศึกษาในด้านต่างๆ พร้อมทั้ง รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนโดยมีผู้สนใจทั้งจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ ตลอดจนตัวแทนภาคประชาชนและสื่อมวลชน ในจังหวัดแพร่และจังหวัดลำปาง เข้าร่วมงานกว่า 300 คน
รองผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ ได้นำเสนอรายละเอียด 3 แนวเส้นทางเลือก ประกอบด้วย

แนวทางเลือกที่ 1 ใช้เส้นทางที่อยู่ในเขตทางรถไฟเดิม ซึ่งรถไฟสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม. ระยะทางประมาณ 217 กม.
แนวทางเลือกที่ 2 ใช้เส้นทางเหมือนทางเลือกที่ 1 เป็นหลัก แต่มีบางช่วงที่ปรับแนวเส้นทางให้เป็นทางตรงหรือเพิ่มรัศมีโค้งมากขึ้น เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ระยะทางรวมอยู่ที่ 206 กม.
ส่วนแนวทางเลือกที่ 3 เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ รถไฟสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ ชม. ระยะทางรวม 170 กม.

โดยทั้ง 3 แนวทางเลือก จะผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จังหวัดแพร่ จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง และจังหวัดเชียงใหม่ มีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย และสิ้นสุดที่สถานีเชียงใหม่ เชื่อมต่อรถไฟทางคู่สาย ลพบุรี - ปากน้ำโพ – เด่นชัย(แพร่)

หากมีการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่ จะส่งผลให้เส้นทางรถไฟสายเหนือมีการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางที่สมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดแพร่ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการขยายตัว ทางด้านการผลิตและอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง และกำลังได้รับการพัฒนาเสริมศักยภาพให้สามารถเป็นศูนย์กลางในการขนถ่ายสินค้าหลักของภาคเหนือตอนบนในอนาคตได้ เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้าและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือได้อีกทางหนึ่งด้วย

ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า โครงการนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อจังหวัดแพร่ในภาพรวม เพราะไม่ว่าจะมีการเลือกแนวเส้นทางใดจาก 3 เส้นทาง จังหวัดแพร่ก็ยังคงเป็นชุมทางรถไฟหรือ Rail Hub และหากมีการพิจารณาในแนวทางที่ 3 ซึ่งมีการตัดเส้นทางใหม่ ก็ได้มีการเสนอให้มีการปรับปรุงแนวเส้นทางรถไฟเดิมที่ยังคงอยู่พัฒนาเป็นเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจก็ตั้งความหวังในการพัฒนาการคมนาคมระบบรางในพื้นที่มาโดยตลอด
สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ เป็นรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร ซึ่งเป็นโครงข่ายระบบรางพื้นฐานหลักของประเทศไทย ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 และแผนการดำเนินงานโครงการการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ปี 2558 (พ.ศ.2559 – 2563) ระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนการขนส่ง ทางรางจากร้อยละ 2.5 เป็นร้อยละ 5

การสัมมนาครั้งนี้จะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่อีก 1 วัน ในวันที่ 30 เมษายน 2558 ณ ห้องอิมพีเรียลบอลลูม โรงแรม ดิ เอ็ม เพลส เพื่อนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้ ไปประกอบผลการศึกษาโครงการ หลังจากนั้น จะมีการจัดกิจกรรมการประชุมกลุ่มย่อย การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสัมมนารับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 เพื่อนำเสนอผลการคัดเลือกแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสม จากนั้นจึงเป็นการสัมมนาสรุปผลการศึกษาของโครงการ

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดโครงการได้ที่ www.denchai-chiangmai-doubletrack.com และแฟนเพจรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงใหม่

//---------

ขณะเดียวกันสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้งบประมาณ 117 ล้านบาท ศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครงการรถไฟทางคู่ 1 เมตร ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. ตามนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

แนวเส้นทางจะพาดผ่าน 4 จังหวัด 10 อำเภอ 30 ตำบล ได้แก่ แพร่ ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ แนวโครงการมี 3 ทางเลือก คือ

1.สร้างไปตามแนวรถไฟเดิม ระยะทาง 217 กม.
2.เป็นแนวเดียวกับทางเลือกที่ 1 เป็นหลัก แต่บางช่วงจะปรับแนวให้เป็นทางตรงหรือเพิ่มรัศมีโค้ง ระยะทาง 206 กม. และ
3.เป็นแนวตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ โดยคำนึงถึงความเร็วของรถไฟและระยะทางที่เหมาะสมจนถึงลำปาง จากนั้นใช้แนวเส้นทางคู่ขนานไปกับรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 170 กม.

มี 27 สถานี ได้แก่
เด่นชัย
ปากปาน
แก่งหลวง
บ้านปิน
ผาคัน
ผาคอ
ปางป๋วย
แม่จาง
แม่เมาะ
ห้วยรากไม้
ศาลาผาลาด
แม่ทะ
หนองวัวเฒ่า
ลำปาง
บ่อแฮ้ว
ห้างฉัตร
ปางม่วง
ห้วยเรียน
แม่ตานน้อย
ขุนตาน
ทาชมภู
ศาลาแม่ทา
หนองหล่ม
ลำพูน
ป่าเส้า
สารภี และ
เชียงใหม่


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1428482734

[Mongwin]

สนข.เปิดเวทีรับฟังสร้างรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงใหม่ ชาวบ้านติงสอบตกด้านประชาสัมพันธ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 เมษายน 2558 16:41 น.

ศูนย์เชียงใหม่ - สนข.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเชียงใหม่และลำพูน เสนอแนะการพัฒนารถไฟทางคู่ราง 1 เมตรช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ เผยมีการนำเสนอ 3 เส้นทางเลือก ด้านประชาชนต่างขานรับเห็นด้วย แต่สอบตกด้านการประชาสัมพันธ์

วันนี้ (30 เม.ย.) ที่โรงแรมดิ เอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ นายนาวิน สินธุสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 1 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ ราง 1 เมตร ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ โดยมีผู้สนใจจากทุกภาคส่วนเข้าร่วมรับฟังกันเป็นจำนวนมาก

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การมารับความคิดเห็นจากประชาชนครั้งนี้ เป็นการนำเสนอข้อมูลโครงการด้านพื้นที่ศึกษาแนวทางเลือก และกรอบแนวทางการศึกษาในด้านต่างๆ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน

สำหรับการวางแผนการดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งของไทยในระยะ 8 ปี เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2558-2565 โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนการขนส่งทางราง จากร้อยละ 2.5 เป็นร้อยละ 5 ต่อปี

และในเบื้องต้นบริษัทที่ปรึกษาได้นำเสนอรายละเอียดเส้นทางที่เป็นทางเลือกมาให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น 3 เส้นทาง ประกอบด้วย ทางเลือกที่ 1 ใช้เส้นทางที่อยู่ในเขตทางรถไฟเดิม ซึ่งรถไฟสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม. ส่วนทางโค้งและทางลาดช่วงภูเขาทำความเร็วสูงสุดได้ 45-60 กม./ชม. ระยะทางประมาณ 217 กม.

ทางเลือกที่ 2 ใช้เส้นทางเลือกที่ 1 เป็นหลัก แต่มีบางส่วนที่ปรับแนวเส้นทางให้เป็นทางตรง หรือเพิ่มรัศมีโค้งให้มากขึ้นเพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. มีระยะทางรวมอยู่ที่ 206 กม.

ทางเลือกที่ 3 เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ โดยคำนึงถึงความเร็วของรถไฟ ระยะทางที่เหมาะสมและออกแบบรัศมีโค้งให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ชม. ตลอดเส้นทางมีระยะทางรวม 170 กม. โดยทั้ง 3 เส้นทางจะผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด คือ แพร่ ลำพูน ลำปาง และเชียงใหม่ โดยมีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย (แพร่) และสิ้นสุดที่สถานีเชียงใหม่ เชื่อมต่อรถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ-เด่นชัย (แพร่)

“ปัจจุบันนี้รางรถไฟขนาด 1 เมตรในประเทศไทยมีอยู่ทั้งหมด 4,000 กิโลเมตร แต่ทางรถไฟที่เป็นทางคู่มีเพียงแค่ 32% เท่านั้น หากมีการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ราง 1 เมตร ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ จะส่งผลให้เส้นทางรถไฟสายเหนือมีการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางที่สมบูรณ์มากขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้า ที่สำคัญยังเพิ่มศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวในภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาสูง และจะกลายเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่าการขนส่งทางรางจะเป็นการขนส่งทางหลักในอนาคตอีกทางหนึ่งด้วย”

อย่างไรก็ตาม ในการเปิดรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ พบว่านายนคร บุญญนันท์ จาก จ.ลำพูน ได้แสดงความคิดเห็นว่า ในการสร้างรางรถไฟคู่ขนานเป็นโครงการที่ใหญ่ แต่ทำไมเรื่องของการประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึง แต่โดยส่วนตัวเห็นชอบกับโครงการนี้ เพราะถือว่าเป็นการพัฒนาการขนส่งทางรถไฟที่ดีขึ้น แต่อยากจะให้ปรับเรื่องของการรับฟังความคิดเห็น จากผู้ที่ประสบปัญหาจริงหากมีการเวนคืนพื้นที่จากการรถไฟ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาทางการรถไฟไม่เคยลงพื้นที่ไปแก้ปัญหาด้วยตนเอง มีเพียงแต่ส่งเจ้าหน้าที่จากบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมายเพียงเท่านั้น

เช่นเดียวกับนายมนูญ ไทยนุรักษ์ จากสภาองค์กรชุมชน จ.เชียงใหม่ บอกว่าเห็นด้วยกับโครงการที่จะทำรางรถไฟรางคู่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่อยากจะให้ศึกษาผลกระทบที่จะตามมา ทั้งเรื่องของการรุกล้ำพื้นที่ป่าอนุรักษ์หรือป่าสงวน และผลกระทบทางเสียงในระหว่างการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ และจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างไรโดยที่จะไม่กระทบต่อสัตว์ที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ และชาวบ้านบริเวณพื้นที่เขตก่อสร้าง

ด้านนายนายสิทธิกร ศรีราชวงศ์ ผู้ใหญ่บ้าน ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้แสดงความเห็นว่า เส้นทางเลียบทางรถไฟตั้งแต่สถานีเชียงใหม่ถึงสถานีลำพูน มีจุดข้ามทางรถไฟทั้งหมด 8 จุด ซึ่งหากมีการสร้างรถไฟรางคู่เกิดขึ้นจะมีการแก้ไขปัญหาอย่างไร และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นของจุดทางข้ามที่ออกตามข่าวสารต่างๆ จะลดลงหรือไม่ อยากจะให้ทางโครงการได้ศึกษาและหาแนวทางแก้ไขเรื่องการข้ามทางรถไฟให้มีความปลอดภัยต่อประชาชนที่ใช้เส้นทางด้วย

[Wisarut]

[Wisarut]

ทางคู่ "หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์" โมเดลนำร่องรถไฟพลังงานไฟฟ้า
คอลัมน์ เวนคืนอัพเดต
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
7 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:59:47 น.



ไม่ใช่แค่ "รถเมล์" กว่า 2.6 พันคัน ที่ "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" เจ้ากระทรวงคมนาคม จะเปลี่ยนจากใช้ก๊าซ NGV มาเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิง ลดมลพิษและทดแทนพลังงานในอนาคต

ยังประกาศชัด จะเปลี่ยนโฉมหน้า "รถไฟไทย" ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เหมือนกับที่เสือเหลือง "มาเลเซีย" พัฒนาจนสำเร็จมาแล้ว



สำหรับ "ประเทศไทย" คาดว่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป จนถึงปี 2575 ที่จะไม่มีรถไฟไทยใช้เชื้อเพลิงดีเซลอีกต่อไป

ล่าสุด "สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร" อยู่ระหว่างทำแผนงานใน 5 ปีแรก จะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2559-2560 โดยมีโครงการรถไฟทางคู่เส้นทาง "หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์" เป็นโปรเจ็กต์นำร่อง

จากนั้นจะขยายผลไปยังเส้นทางอื่น ๆ เช่น รถไฟไทย-จีน เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย และแก่งคอย-มาบตาพุด จะมีการนำพลังงานไฟฟ้าจากประเทศลาวเข้ามาใช้ นอกจากนี้มีเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และรถไฟแนวระเบียงตะวันออก-ตะวันตก เส้นทางกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพฯ-แหลมฉบัง เป็นต้น

ย้อนกลับมาดูรถไฟทางคู่สายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ทาง "สนข." เริ่มศึกษามาได้ประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา จะแล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2558 นี้ จากนั้นปี 2559 เริ่มกระบวนสำรวจออกแบบ และจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เริ่มก่อสร้างปี 2560 แล้วเสร็จปี 2562

โดยออกแบบให้เป็นรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยจะเป็นการจ่ายไฟฟ้าให้หัวรถจักรโดยตรง จากเดิมที่การขับเคลื่อนของหัวรถจักรเครื่องยนต์ดีเซลไปปั่นไดนาโมผลิตไฟฟ้าเข้ามอเตอร์เดินรถ เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

มีระยะทางรวม 48 กิโลเมตร แนวเส้นทางเริ่มจากชุมทางหาดใหญ่ ผ่านสถานีคลองแงะและสิ้นสุดที่จุดหยุดรถที่ชายแดนฝั่งไทย เพื่อขยายโครงข่ายจากสถานีด่านปาดังเบซาร์ ชายแดนของประเทศไทย-มาเลเซีย ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบรถไฟทางคู่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า สายอิโปห์-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 329 กิโลเมตร ของประเทศมาเลเซีย

หากแล้วเสร็จ โครงการนี้จะสนับสนุนการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร รองรับการเจริญเติบโตของการค้าชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางมาใช้ระบบรางมากขึ้น สนับสนุนการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจชายแดน และเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงการเดินทางและขนส่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

โดยการออกแบบจะก่อสร้างเพิ่มทางวิ่ง 1 ทาง คู่ขนานไปกับแนวเดิม และสร้างอยู่ในเขตทางรถไฟเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงการเวนคืนที่ดิน พื้นที่อ่อนไหว และการรื้อย้ายสาธารณูปโภค

ส่วนการเดินรถจะสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากกรณีแวะจอดสถานีสำหรับขบวนรถโดยสาร ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขบวนรถสินค้ามีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากไม่ต้องรอการสับหลีก

จะใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาที จอดป้าย 3 สถานี คือ สถานีชุมทางหาดใหญ่ สถานีรถไฟคลองแงะ และสถานีปาดังเบซาร์ รองรับจำนวนผู้โดยสาร 3.5 ล้านคนต่อปี และขนส่งสินค้า 1.5 ล้านตันต่อปี

หากไม่มีอะไรมาแทรก คงจะได้เห็นความคืบหน้าของรถไฟสายนี้ออกมาเป็นระยะ ๆ เพราะเหลียวหลังดูเพื่อนบ้านอย่าง "มาเลเซีย" ตอนนี้สร้างรถไฟพลังงานไฟฟ้ามาจ่ออยู่ชายแดนแล้ว หากไทยไม่ฉวยจังหวะนี้เร่งผลักดัน ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้เริ่มต้นสักที
https://www.youtube.com/watch?v=DK62ZKhYrB8

นี่ครับเอกสาร
http://www.hatyai-padangdoubletrack.com/wp-content/uploads/2015/04/PRESSRELEASE-25-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2558.pdf
http://www.hatyai-padangdoubletrack.com/wp-content/uploads/2015/04/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%9A-25-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2558.pdf
http://www.hatyai-padangdoubletrack.com/wp-content/uploads/2015/04/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1-25-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2558.pdf
http://www.hatyai-padangdoubletrack.com/wp-content/uploads/2015/04/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87-22-3-15.pdf

[Mongwin]

ครม.ไฟเขียวรถไฟทางคู่ จิระ-ขอนแก่น

ครม.ไฟเขียวสร้างรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น 2.6 หมื่นล้าน ลุยเปิดประมูลทันที พร้อมไฟเขียวปล่อยกู้เมียนมาร์สร้างถนนเชื่อมทวาย 4.5 พันล้านบาท
เดลินิวส์ วันพฤหัสที่ 7 พฤษภาคม 2558 เวลา 17:44 น.

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมเปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-จังหวัดขอนแก่นระยะทาง 187 กิโลเมตร มูลค่า 26,007 ล้านบาทโดยขั้นตอนจากนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะไปเปิดประมูลเพื่อเริ่มขั้นตอนการก่อสร้างทันทีด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อกชั่น) โดยกระทรวงคมนาคมต้องเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่งระหว่างการให้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายของโครงการทั้งหมดและให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายปีกับการให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันเงินกู้ภายในประเทศ โดยโครงการดังกล่าวจะใช้เวลาก่อสร้าง4 ปี ตั้งแต่ปี 58-61 และต้องเร่งโครงการก่อสร้างในช่วงมาบกระเบา-จิระควบคู่กันด้วย

ทั้งนี้ที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน(องค์กรมหาชน) หรือสพพ. ปล่อยเงินกู้ให้ประเทศเมียนมาร์ เพื่อนำไปก่อสร้างถนน 2 ช่องทาง เชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายตามแนวทางให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับเมียนมาร์ วงเงิน 4,500 ล้านบาท มีระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ 3ปี อัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลาปลอดหนี้ 10 ปี และระยะเวลาคืนเงินกู้ 20 ปี ซึ่งวงเงินดังกล่าวจะใช้งบประมาณประจำปี 59-61 ปีละ 1,500 ล้านบาท โดยสพพ.จะไปทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป

[Wisarut]