รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Wisarut]

หอการค้านราฯ เตรียมชง คสช.สร้างรางรถไฟคู่จากสุไหงโก-ลก - หาดใหญ่ (ชมคลิป)


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 สิงหาคม 2557 12:30 น.


นราธิวาส - หอการค้า เตรียมเสนอ คสช.สร้างรถไฟรางคู่ จากสถานีสุไหงโก-ลก ถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการขนส่ง ท่องเที่ยว และทำธุรกิจการค้าระหว่างไทย และมาเลเซีย





เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (3 ส.ค.) ที่ห้องประชุมบังสูรย์ โรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส (โรงแรมใหญ่ ใกล้ด่าน สุไหงโกลก) นายณพพงศ์ ธีระวร ประธานหอการค้ากลุ่ม จ.ภาคใต้ชายแดน นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่ม จ.ภาคใต้ ฝั่งอันดามัน นายสุทัศน์ เลิศมโนรัตน์ ประธานหอการค้ากลุ่ม จ.ภาคใต้ ฝั่งอ่าวไทย นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ นายศรัณ วังสัตตบงกช ประธานหอการค้า จ.นราธิวาส และนายภูวดิท ปรัชานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ ได้ร่วมแถลงข่าวหลังจากเดินทางมาประชุมเพื่อหาข้อสรุป เกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรวบรวมข้อมูลผ่านหอการค้าไทยในการส่งต่อไปยัง คสช. เพื่อสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม

โดยนายศรัณ วังสัตตบงกช ประธานหอการค้า จ.นราธิวาส ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ จ.นราธิวาส พอสรุปใจความว่า การพัฒนาพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ หากจะให้ประสบความสำเร็จจริงๆ นั้น ความมั่นคงต้องเดินควบคู่กับการพัฒนา เพราะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ลำดับแรกต้องสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ที่คาดว่าน่าจะเป็นผลดีต่อการต้อนรับเข้าสู่กลุ่มประเทศอาเซียน

เพราะจังหวัดนราธิวาส เป็นจังหวัดที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย คือ การสร้างรถไฟรางคู่จาก อ.สุไหงโก-ลก ถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถ้าเป็นรูปธรรมเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะเจรจากับทางการประเทศมาเลเซีย เพื่อสร้างรางรถไฟคู่จากเมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน มาเชื่อมต่อกันที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก เพื่อเป็นศูนย์กลางในการขนส่ง ท่องเที่ยว และทำธุรกิจการค้าร่วมกัน

//---------------

219 กิโลเมตร จากหาดใหญ่ไปโกลก และ 45 กิโลเมตร จากโกลกไปตุมปัดหละสินะ

[Mongwin]

ไฟเขียว ลงทุน 2.6 หมื่นล้าน ผุดรถไฟทางคู่ จิระ - ขอนแก่น - ไอเดีย “บิ๊กตู่” ส่งเกษตรกรทุกจังหวัด ดูงาน ตปท.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤษภาคม 2558 22:21 น.

ไฟเขียว ลงทุน 2.6 หมื่นล้าน ผุดรถไฟทางคู่ จิระ - ขอนแก่น - ไอเดีย “บิ๊กตู่” ส่งเกษตรกรทุกจังหวัด ดูงาน ตปท.

ไฟเขียว ลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท ผุดโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น คาดรองรับผู้โดยสารเพิ่ม 5.5หมื่นคนต่อวัน ด้าน “บิ๊กตู่” ไอเดียกระฉูด เสนอส่ง “เกษตรกร” ทุกจังหวัด ดูงานต่างประเทศ

วันนี้ (7 พ.ค.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)

ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการพัฒนารถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 187 กิโลเมตร เงินลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม เริ่มต้นที่ บริเวณสถานีชุมทางถนนจิระ ถึงสถานีขอนแก่น ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณา EIA แล้ว โดยจะเริ่มโครงการได้ตั้งแต่กลางปี 58 - 61 รวมระยะเวลาการก่อสร้างประมาณ 4 ปี จึงจะสามารถเปิดดำเนินการได้

ทั้งนี้ ประเมินว่า จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้จากจำนวน 27,200 - 38,000 คน/วัน และเพิ่มเป็น 55,000 คน/วัน ในปี 77 หรือ ในอีก 10 ปีข้างหน้า และสามารถรองรับปริมาณการขนสินค้าได้เพิ่มขึ้นจาก 10,000 - 11,000 ตัน/วัน เป็น 16,000 ตัน/วัน ในปี 2577 และคาดว่าโครงการนี้จะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ 25,426 ล้านบาท

พล.ต.สรรเสริญ แถลงว่า ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น พล.อ.ประยุทธ็ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นว่า การแก้ปัญหาของรัฐบาลในอดีตมักช่วยเหลือคนระดับกลาง และระดับบน มากกว่าระดับล่าง จึงมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปศึกษานโยบายและหาวิธีการที่ส่งผลกับคนระดับล่าง เช่น การพาเกษตรไปดูงานต่างประเทศ และต้องเป็นเกษตรกร ที่มีความมุ่งมั่นจริงๆ โดยการคัดเลือกต้องทำทุกจังหวัด

[ksomchai]

ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร เงียบไปเลยนะ ครับ รับฟังความคิดเห็นนานแล้ว ทราบมาว่าอยู่ระหว่างรอผ่าน EIA อยู่
นานมาก ไม่ทราบรุ่นผมนี้จะได้ทันเห็นหรือเปล่า
_________________

[Mongwin]

ผมว่าโครงการถัดไปที่จะเข้า ครม. คือ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ครับพี่สมชาย ไม่แน่ใจว่าเข้าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติหรือยัง

ที่เงียบกว่าคือ นครปฐม-หัวหิน กับ ลพบุรี-ปากน้ำโพ ครับ เงียบไปนานมากแล้ว

----

ครม.ไฟเขียวสร้างรถไฟทางคู่ ประเดิมเส้นทางจิระ-ขอนแก่น
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 8 พ.ค. 2558 05:01

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กรอบวงเงิน 26,007 ล้านบาท ระยะทาง 185 กิโลเมตร (กม.) ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2561 โดย ร.ฟ.ท.จะเปิดประมูลทันที ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ็อกชั่น) เนื่องจากผ่านความเห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และร่างพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินแล้ว คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 จะมีผู้โดยสารใช้บริการ 27,200 -38,000 คน และจะเพิ่มเป็น 37,000-55,000 คน ในปี 2577 และจะใช้ขนส่งสินค้าได้จำนวน 10,000-11,000 ตัน จากนั้นในปี 2577 จะเพิ่มเป็น 16,000 ตัน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม.ว่า ในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติ ร.ฟ.ท.จะต้องทำให้เรียบร้อยก่อนผูกพันสัญญา และไม่ให้มีปัญหา เช่น การไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กับบริษัทได้ทันตามกำหนดเวลา ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่า ร.ฟ.ท.ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโครงการตามที่เสนอไว้อย่างเคร่งครัดด้วย.

[Wisarut]

สนข.ชง3แนวเส้นทางรถไฟเด่นชัย-เชียงใหม่
BUSINESS, INVESTMENT
ฐานเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ที่ 8 พฤษภาคม 2558 เวลา 13:00:06 น.

สนข.เสนอ 3 แนวเส้นทางรถไฟทางคู่ ขนาด 1 เมตร ช่วง “เด่นชัย–เชียงใหม่” ทั้งขนส่งสินค้าและผู้โดยสารใช้ความเร็ว 100-160 กม./ชม. ผ่าน 4 จังหวัดพร้อมเพิ่มศักยภาพให้เป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้าหลักของภาคเหนือตอนบนในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้าและศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนการขนส่งทางรางจาก 2.5% เป็น 5%

นายชัยวัฒน์ทองคำคูณรองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยระหว่างการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ (เด่นชัย 29 เม.ย.-เชียงใหม่ 30 เม.ย.) เพื่อนำเสนอข้อมูลโครงการ พื้นที่ศึกษา แนวเส้นทางเลือก และกรอบแนวทางการศึกษาในด้านต่างๆ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนโดยมีผู้สนใจทั้งจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ ตลอดจนตัวแทนภาคประชาชนและสื่อมวลชน ในจังหวัดแพร่และจังหวัดลำปาง เข้าร่วมกว่า 300 คนว่า

การสัมมนาครั้งแรกนี้ได้นำเสนอรายละเอียด 3 แนวเส้นทางเลือก ประกอบด้วย แนวทางเลือกที่ 1 ใช้เส้นทางที่อยู่ในเขตทางรถไฟเดิม ซึ่งรถไฟสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม. ส่วนทางโค้งและทางลาดช่วงภูเขา ทำความเร็วสูงสุดได้ 45 – 60 กม./ชม. มีระยะทางประมาณ 217 กม. แนวทางเลือกที่ 2 ใช้เส้นทางเหมือนทางเลือกที่ 1 เป็นหลัก แต่มีบางช่วงที่ปรับแนวเส้นทางให้เป็นทางตรงหรือเพิ่มรัศมีโค้งมากขึ้น เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ได้ มีระยะทางรวมอยู่ที่ 206 กม. และ แนวทางเลือกที่ 3 เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ โดยคำนึงถึงความเร็วของรถไฟ ระยะทางที่เหมาะสม และออกแบบรัศมีโค้งให้รถไฟสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ ชม. ตลอดเส้นทาง มีระยะทางรวม 170 กม. โดยทั้ง 3 แนวทางเลือกจะผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จังหวัดแพร่ ลำพูน ลำปาง และเชียงใหม่ มีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย และสิ้นสุดที่สถานีเชียงใหม่ เชื่อมต่อรถไฟทางคู่สาย ลพบุรี – ปากนํ้าโพ – เด่นชัย (แพร่)

โดยขณะนี้ยังไม่สรุปว่าจะเลือกแนวใดและใช้งบประมาณเท่าไหร่แต่หากมีการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ มองว่าจะส่งผลให้เส้นทางรถไฟสายเหนือมีการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางที่สมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดแพร่ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการขยายตัวทางด้านการผลิตและอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง และกำลังได้รับการพัฒนาเสริมศักยภาพให้สามารถเป็นศูนย์กลางในการขนถ่ายสินค้าหลักของภาคเหนือตอนบนในอนาคตได้ เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้าและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือได้อีกทางหนึ่งด้วยและมีแนวเส้นทางจากเด่นชัยไปยังเชียงของรองรับอีกเส้นทางหนึ่งด้วย

“แนวเส้นทางตามแนวทางเดิมน่าสนใจมากกว่าการตัดแนวทางใหม่เพราะมีอุโมงค์จะต้องใช้งบประมาณสูงมาก ซึ่งต้องนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้ ไปประกอบผลการศึกษาโครงการ หลังจากนั้นจะมีการจัดกิจกรรมการประชุมกลุ่มย่อย การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสัมมนารับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 ต่อเนื่องกันไปในอีกระยะ 3 เดือนนี้เพื่อนำเสนอผลการคัดเลือกแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสม จากนั้นจึงเป็นการสัมมนาสรุปผลการศึกษาของโครงการ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดโครงการได้ที่ www.denchai-chiangmai-doubletrack.com และแฟนเพจรถไฟทางคู่ เด่นชัย–เชียงใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง”

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย–เชียงใหม่ เป็นรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร ซึ่งเป็นโครงข่ายระบบรางพื้นฐานหลักของประเทศไทย โดยดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ปี 2558-2565 และแผนการดำเนินงานโครงการการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ปี 2558 (พ.ศ.2559-2563) ระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนการขนส่งทางรางจาก 2.5% เป็น 5%


https://www.facebook.com/1426104774283552/photos/a.1426117010948995.1073741826.1426104774283552/1707013869525973/?type=1

[Mongwin]

[Wisarut]

รมว.คมนาคม รายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการของ ร.ฟ.ท.
แหล่งที่มา : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
วันที่ข่าว : 11 พฤษภาคม 2558
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผน
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ว่า ตามแผนงานการกำกับดูแลโครงการสำคัญภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ขณะนี้ได้ดำเนินการปรับราคากลางเรียบร้อย คาดได้ผู้รับเหมาในเดือนกรกฎาคมนี้ เส้นทางจิระ-ขอนแก่น ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปถึงแหล่งเงินกู้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ผ่านการพิจารณาจาคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แล้ว และจะเร่งดำเนินการสรุปเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีประมาณเดือนกรกฎาคม - สิงหาคมนี้ และจะเร่งรัดเส้นทางที่ ลพบุรี-ปากน้ำโพ มาบกะเบา-จิระ และเส้นทางนครปฐม-หัวหิน อยู่ระหว่างเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังกล่าวถึงแผนงานการจัดหาหัวรถจักร และตู้โบกี้เพิ่ม ว่า ภายในปี 2575 มีแผนเปลี่ยนรถจักรดีเซลเป็นรถไฟฟ้า พร้อมกำหนดตัวชี้วัด หรือ KPI ในการเดินรถ ให้มีความเร็วขึ้น เช่น เส้นทางกรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ จากปัจจุบันใช้เวลาเดินรถ 14 ชั่วโมงให้เหลือไม่เกิน 13 ชั่วโมง หรือเฉลี่ยทุกเส้นทางเร็วขึ้น 1.30 ชั่วโมง และจะทยอยให้ดีขึ้น เพิ่มความปลอดภัยด้วยการ ติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติม แก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ ปรับปรุงห้องน้ำ เพิ่มที่นั่งคนพิการในแต่ละโบกี้ จาก 5 ที่นั่งเป็น 10 ที่นั่ง ในปี 2558 จะปรับปรุงสถานีรถไฟเป็น IT Service นำร่องใน 12 สถานี

[Wisarut]

การรถไฟแห่งประเทศไทยเตรียมศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย
ข่าวโดย : วัชระ เพชรพลอย
หน่วยงาน : ส.ปชส.แพร่
19 พฤษภาคม 2558 / 15:17:21


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งประกอบด้วยบริษัทอาเซียนเอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ยูไนเต็ด แอนนาลิสต์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัทพีเคสเค คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัทนิวแอสเซท แอดไวเซอร์รี่ จำกัด บริษัท วิสิทธิ์ เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เอ็มเอชพีเอ็ม จำกัด เป็นที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย เนื่องจากโครงการเข้าข่ายประเภทโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนบริษัทที่ปรึกษาข้างต้น ได้เข้าพบนายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมไชยบูรณ์ ศาลากลางจังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 เพื่อชี้แจงรายละเอียดเบื้องต้นของโครงการ แผนงานและขั้นตอนการศึกษาโครงการ แผนการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามหลักเกณฑ์และแนวทางในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม และเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะ พร้อมรับทราบข้อมูลสำคัญในพื้นที่ สำหรับพิจารณาประกอบการปรับปรุงแนวทางการศึกษาให้เกิดความเหมาะสม

ความเป็นมาของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ นั้นเกิดจากมติ คณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ครั้งที่ 1 /2555 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2555 ณ จังหวัดเชียงใหม่ รับทราบผลการประชุมร่วมภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการเร่งรัดแผนการพัฒนารถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยคำนึงถึงข้อจำกัด ด้านขีดความสามารถในการลงทุนของภาครัฐ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่สอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาตามมติของคณะรัฐมนตรีข้างต้น และนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการลงทุนในโครงการที่สำคัญของประเทศ ซึ่งจุดเริ่มต้นโครงการอยู่ที่สถานีปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ผ่านพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก และสิ้นสุดโครงการที่สถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ ระยะทางประมาณ 285 กิโลเมตร

//------------------

ศึกษาความเหมาะสมสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย
หมวดหมู่: ข่าวทั่วไป
พิษณุโลกนิวส์
โพสเมื่อ: วันอังคาร 12 พฤษภาคม 2558,

จังหวัดพิษณุโลกจัดประชุม ศึกษาความเหมาะสม การสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย สำรวจความเป็นไปได้และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่การก่อสร้าง

เช้าวันนี้ 12 พ.ค.58 นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในการประชุมงานศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ณ ห้องประชุม poc ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเป็นการชี้แจงข้อมูลรายละเอียดเบื้องต้นของโครงการแผนงาน และแจ้งให้ทราบถึงแผนการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และเป็นการรับฟังความคิดเห็นไปประกอบการปรับปรุงแนวทางให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ในขั้นต้น สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย การก่อสร้างเป็นระยะทาง 285 กิโลเมตร ผ่าน 5 จังหวัดด้วยกันคือ จังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และจังหวัดแพร่ โดยความเร็วที่รถไฟฟ้าสามารถทำความเร็วได้ที่ 160-180 กิโลเมตรต่อชั้วโมง เป็นการก่อสร้างเส้นทางคู่ขนานกับเส้นทางรถไฟเดิม ซึ่งจะสามารถสร้างความสะดวกสะบายในการเดินทาง สามารถขนส่งสิ้นค้าต่างๆเป็นการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจในภาคเหนือ – ภาคกลาง และช่วยลดปริมาณรถบรรทุกสินค้าบนท้องถนนได้อีกทางหนึ่ง

[Wisarut]

ดูประเมินยกแรก ดูท่าว่า ตัวเลือกที่ 2 ท่าจะเป็นสิ่งที่ชาวบ้าน ต้องการ เพราะ ตัวเลือกแรก ออกจะเป็นเต่าคลานไปหน่อย ตัวเลือก 2 ค่อยดูดีหน่อย ตัวเลือก 3 ใจจริงก็อยากได้ แต่ มาติดปัญหาเรื่องต้องโค่นป่า เพื่อสร้างทางใหม่ ทำให้ชาวบ้านเคืองใจนัก เพราะ ไม่อยากให้โค่นป่า และ อยากให้ไปทางเก่า เพราะ ถ้าไปใช้ทางใหม่แล้ว ทางเก่าโดนทอดทิ้งแน่ๆ
http://www.denchai-chiangmai-doubletrack.com/file/doc4.pdf

[Wisarut]

อาจารย์สามารถ พูดถึงทางคู่
ลงมือทำเสียที

เมื่อวานนี้ (20 พฤษภาคม 2558) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “นโยบายคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” ที่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้นักลงทุนได้เห็นผลดีของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่อเศรษฐกิจไทยและทิศทางหุ้นไทย

รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในปี 2558 รัฐบาลจะก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตร 6 เส้นทาง ระยะทางรวมกว่า 880 กิโลเมตร ได้ตั้งงบประมาณในปีนี้ไว้ 83,000 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1.435 เมตร เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ –แหลมฉบัง โดยความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นนั้น จะมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation หรือ MOC) ในระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2558 ที่ประเทศญี่ปุ่น และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2559 ส่วนรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง และ กรุงเทพฯ-หัวหินนั้นจะให้เอกชนลงทุน

ผมยกธงเชียร์ทุกโครงการที่ รมว.คมนาคมกล่าวถึง แม้ว่าบางโครงการล่าช้ากว่าแผนงาน และบางโครงการเป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น โครงการรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตร (สร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้นอีก 1 ทาง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 ทาง) การก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร จะต้องก่อสร้างหลายเส้นทาง แต่ในขณะนี้มี 6 เส้นทางที่มีความพร้อมที่จะก่อสร้าง เพราะมีการออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้เลยแม้สักเส้นทางเดียว ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1.435 เมตร โดยความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นนั้น ยังจะต้องเจรจารายละเอียดกันอีกมากมาย ซึ่งในที่สุด ญี่ปุ่นอาจจะไม่ร่วมลงทุนด้วย เพียงแต่จะให้เงินกู้บางส่วนเท่านั้น ดังนั้นการคาดหวังว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2559 นั้น ดูจะเป็นได้แค่ความหวังเท่านั้น สำหรับรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง และ กรุงเทพฯ-หัวหินที่จะให้เอกชนลงทุนนั้น ผมไม่คิดว่าจะมีเอกชนรายใดให้ความสนใจอย่างจริงจัง เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าลงทุนแล้วจะขาดทุน ดังที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตที่รัฐบาลเชิญชวนให้เอกชนลงทุนพัฒนารถไฟความเร็วสูง แต่ไม่มีเอกชนรายใดให้ความสนใจ

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงขอเรียกร้องให้ รมว.คมนาคมเร่งลงมือก่อสร้างโครงการที่มีความเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหลักทรัพย์มากกว่าการโหมประชาสัมพันธ์โครงการที่เป็นไปไม่ได้

//-------------------

โครงการออกแบบระบบรถไฟทางคู่ ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ในช่วงกำหนดแนวคิดขั้นต้นนี้ ระยะทางศึกษาทั้งสิ้น 48 กม. จะเป็นการสร้างคันทางเพิ่ม 1 คันทางและประบปรุงคันทางเดิม 1 คันทาง โดยใช้พื้นที่ในเขตทางรถไฟที่มีอยู่เกือบตลอดแนว มีช่วงที่อาจจำเป็นต้องสำรวจและออกแบบนอกเขตทางรถไฟเนื่องจากต้องมีการปรับโค้งให้ได้มาตรฐานสองช่วงคือ
1. กม.ที่ 954.00-955.50 ใกล้บ้านท่าโพธิ์ อาจต้องขยายเขตทางเพิ่ม 20 เมตร มีพื้นที่เวนคืนเพิ่มประมาณ 9 ไร่
2. กม.ที่ 966.30-967.42 ก่อนเข้าที่หยุดรถบ้านท่าข่อย อาจต้องขยายเขตทางเพิ่ม 20 เมตร มีพื้นที่เวนคืนเพิ่มประมาณ 23 ไร่
พื้นที่ที่อาจมีการเวนคืนแสดงด้วยสีส้ม ทั้งสองบริเวณเป็นสวนยาง ไม่มีบ้านเรือนประชาชน อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นจะมีการสำรวจรายละเอียดร่วมกับชุมชน เพื่อกำหนดรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดและมีผลกระทบน้อยที่สุดต่อไป
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=857445824328236&id=820331644706321

โครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ช่วง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นโครงการที่สำคัญในการพัฒนาการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในช่วงเริ่มต้นศึกษาโครงการ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)และคณะผู้ศึกษา ได้เข้าพบกับนายธำรงค์ เจริญกุล ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อแนะนำโครงการและรับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะสำหรับโครงการ (เมื่อ 24 มีนาคม 2558) เพื่อเกิดการบูรณาการแผนงานและการพัฒนาโครงการร่วมกันต่อไป
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=857556507650501&id=820331644706321


แย่หน่อยที่โครงการทางคู่ ชมพร - สุรษฎร์ธานี กว่าจะศึกษาเสร็จก็ 16 เมษายน 2559 โน่น
http://www.publicconsultation.opm.go.th/phs/new_phs_proj_view.asp?editId=P580427005