รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

Mongwin

รถไฟรางคู่รอวัดใจ “ซุปเปอร์บอร์ด”
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 มี.ค. 2560 05:45

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ได้นำรายละเอียดผลการประชุม เกี่ยวกับการพิจารณาเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) รถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง นำเสนอให้คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (ซุปเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง) ที่มีนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นประธาน เพื่อพิจารณา ประกอบด้วย
1.เส้นทางช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 19,000 ล้านบาท
2.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. วงเงิน 23,000 ล้านบาท
3.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 132 กม. วงเงิน 28,000 ล้านบาท
4.ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. วงเงิน 9,800 ล้านบาท
5.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 16,000 ล้านบาท

ซึ่งภายหลังซุปเปอร์บอร์ดได้พิจารณาได้ให้ รฟท.กลับมาดูรายละเอียดเงื่อนไขทีโออาร์รถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทางให้ละเอียดมากขึ้น ว่าจะมีทางเลือกอะไรอีกบ้าง เพื่อให้รอบคอบมากขึ้น

"หัวข้อหลักๆที่ซุปเปอร์บอร์ดให้มาปรับแก้ไขมีเพียง 2-3 หัวข้อ โดย รฟท.กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการในแนวทางใด ยังไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนได้ ต้องรอส่งให้ซุปเปอร์บอร์ดเห็นชอบก่อน"

สำหรับเรื่องดังกล่าว กรรมการในซุปเปอร์บอร์ดมีมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับทีโออาร์ที่เพิ่มเติมเข้ามา จึงให้บอร์ด รฟท.กลับมาหารือกันใหม่ ดังนั้น ในวันที่ 8 มี.ค.นี้ บอร์ด รฟท.จะมีการประชุมโดยจะนำรายละเอียดที่พิจารณาไว้แล้ว และข้อแนะนำของซุปเปอร์บอร์ดมาพิจารณาร่วมกัน จึงคาดว่า ในวันที่ 8 มี.ค.นี้จะได้สรุปรายละเอียดของทีโออาร์ แต่เมื่อสรุปได้แล้วซุปเปอร์บอร์ดจะอนุมัติหรือไม่ ยังไม่ขอตอบในเรื่องนี้

Wisarut · Posted: 07/03/2017 9:52 am Post subject:

รื้อรถไฟทางคู่ รื้อสเป็กที่เอื้อ “บิ๊กโฟร์”

5 มีนาคม 2560 17:18 น.

ประเทศไทยในยุครัฐบาล คสช.ต้องเรียกว่าเป็นยุคทองของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนาดใหญ่ เพราะรัฐบาลอนุมัติโครงการระดับหมื่นล้านบาท ออกมาเป็นจำนวนมาก ภายใต้โครงการยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นโครงการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีเหลือง สีชมพู ในกรุงเทพมหานคร โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี โครงการรถไฟรางคู่ 7 เส้นทาง

โครงการก่อสร้างถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า ไม่ต้องเผชิญกับกระแสการต่อต้าน ตรวจสอบความโปร่งใสจากสังคม เพราะคนส่วนใหญ่มองเห็นแต่ประโยชน์ที่จะมีถนน มีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมา โดยเชื่อว่า จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจร จนไม่สนใจว่าโครงการเหล่านั้นเหมาะสม จำเป็นคุ้มค่ากับเม็ดเงินลงทุนหลายหมื่นล้านที่มาจากภาษีประชาชนหรือไม่

อย่างเช่น โครงการรถไฟฟ้าสารพัดสีใน กทม.ที่มักจะอ้างว่า สามารถขนคนได้วันละหลายแสนคน หรือโครงการมอเตอร์เวย์ทั้งสองสายซึ่งซ้ำซ้อนกับทางหลวงที่มีอยู่และใช้การได้ดี แต่หน่วยงานเจ้าของโครงการก็จะสร้าง โดยอ้างว่า เป็นการแก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยมีใครกล้าคัดค้าน

ไม่เหมือนโครงการอย่างการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ไม่ได้เกิดเสียที เพราะว่า ต้องสร้างก่อนมีปัญหาไฟดับ ประชาชนจึงมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะได้ชัดเท่าโครงการลงทุนสร้างถนน รถไฟฟ้า มองเห็นแต่ข้อเสียคือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการลงทุนด้านการขนส่งระดับหมื่นล้านจึงผ่านฉลุย บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ และโดยสม่ำเสมอต่อเนื่องไปอีกหลายๆ ปีในอนาคต

คนที่มีอาชีพกินหัวคิว กินตามน้ำก็พลอยร่ำรวยไปด้วย ถือว่าเป็นยุคที่หากินคล่องกว่ายุคการเมืองระบบเลือกตั้ง

แต่โครงการระดับหมื่นล้านเหล่านี้ ก็อยู่ในมือของธุรกิจก่อสร้างขนาดใหญ่เพียง 3-4 รายเท่านั้น ลองไปไล่เรียงกันดูก็จะเห็นว่า มีแต่ ช.การช่าง อิตาเลียนไทย ซิโน-ไทย ยูนิค 4 เจ้านี้เท่านั้นที่ผลัดกันเป็นผู้ชนะการประมูล

โครงการเก่ายังสร้างไม่เสร็จ ก็มีโครงการใหม่ที่ชนะประมูลมาอยู่ในกระเป๋าแล้ว ดูไปแล้วเหมือนมีการพูดจาตกลงกันแล้วว่า ใครจะเอาโครงการอะไรบ้าง ซึ่งตกลงกันได้ด้วยดี เพราะต่างคนต่างได้โดยเสมอภาค เข้าทำนองแบ่งกันกิน แบ่งกันใช้

โครงการรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของกลุ่มธุรกิจก่อสร้างขนาดใหญ่ “บิ๊กโฟร์” เพราะแต่ละเส้นทางมีมูลค่าเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท

รฟท.เปิดประมูลได้ผู้รับเหมาก่อสร้างไปแล้ว 2 เส้นทางซึ่งอยู่ในกลุ่มบิ๊กโฟร์นี้คือ ช.การช่าง และพันธมิตรร่วมค้าได้เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187กิโลเมตร มูลค่า 23,000 ล้านบาท

ซิโน-ไทยชนะการประมูลเส้นทางฉะเชิงเทรา-แก่งคอย ระยะทาง 97 กิโลเมตร มูลค่า 9,800 ล้านบาท

อีก 5 เส้นทางเปิดประมูลไปแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดซองว่าใครจะได้ แต่ละเส้นทางมีมูลค่าหนึ่งหมื่นล้านบาทขึ้นไป รวมวงเงินลงทุนทั้งหมด 1 แสนกว่าล้านบาท

ทั้ง 5 เส้นทางนี้เปิดยื่นซองเอกสารประกวดราคาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว จนถึงสิ้นเดือนมกราคมปีนี้ มีผู้มายื่นซอง 7 ราย รฟท.กำหนดจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าประมูลในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กลับเลื่อนไปไม่มีกำหนดโดยไม่ทราบสาเหตุ

ผู้ยื่นซองทั้ง 7 รายประกอบด้วย ช.การช่าง ซิโน-ไทย ยูนิค อิตาเลียนไทย หรือไอทีดี กลุ่มร่วมค้าพีทีซี และผู้รับเหมาขนาดกลางอีก 2 ราย

โครงการมี 5 โครงการผู้เข้าแข่งขันมี 7 ราย ว่ากันว่านี่คือปัญหาความไม่ลงตัว

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบการขนส่ง จราจร โพสต์ในเฟซบุ๊กของเขาว่า การเลื่อนการประกาศผู้มีสิทธิประมูลออกไปโดยไม่มีกำหนด อาจเป็นเพราะมีความพยายามจะตัดผู้รับเหมาขนาดกลาง 2 รายออกไป เพื่อให้เหลือผู้ยื่นซองเพียง 5 ราย เท่ากับจำนวนโครงการพอดี เพราะหากปล่อยให้มีผู้เข้าประมูล 7 ราย รายใหญ่รายใดรายหนึ่งหรือสองราย มีโอกาสที่จะไม่ได้งาน

นายสามารถยังระบุอีกว่า ทั้ง 5 เส้นทางไม่มีการซอยแบ่งออกเป็นโครงการย่อยที่มีขนาดเล็กลง แต่ให้ประมูลทั้งเส้นทางเป็นโครงการเดียวเลย จึงมีมูลค่าสูง เอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมาขนาดใหญ่เท่านั้น

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ออกคำสั่งใช้มาตรา 44 ปลดบอร์ด รฟท.ยกชุด และปลดนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯ รฟท.โดยแต่งตั้งนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง รักษาการผู้ว่าฯ รฟท.

หลังจากนั้น มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธาน พร้อมทั้งกำหนดภารกิจเฉพาะหน้าอย่างชัดเจนว่า ให้ซูเปอร์บอร์ดชุดนี้มากำกับดูแลโครงการรถไฟทางคู่ ทั้ง 5 เส้นทาง และอีก 2 เส้นทางที่ประมูลไปแล้ว

นั่นคือ การรื้อสเป็กที่ถูกล็อกเอาไว้ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างบิ๊กโฟร์ โดยผู้มีอำนาจกำกับดูแล รฟท.ก่อนหน้านี้ที่รับคำสั่งลงมาเป็นทอดๆ

Mongwin · Posted: 08/03/2017 5:45 pm Post subject:

เปิดเมนูร้อนรถไฟ สปีดประมูลทางคู่-ล้างพอร์ตที่ดิน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 08 มี.ค. 2560 เวลา 08:45:40 น.

กำลังเป็นที่จับตา หลัง "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" เปลี่ยนม้ากลางศึก จาก "วุฒิชาติ กัลยาณมิตร" เป็น "อานนท์ เหลืองบริบูรณ์" รองอธิบดีกรมทางหลวง หนึ่งในกรรมการบอร์ด ร.ฟ.ท.ที่ "บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" หัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 ตั้งให้เป็นรักษาการเก้าอี้ผู้ว่าการการรถไฟฯ

หวังใช้ความรู้วิศวะขับเคลื่อนงานประมูลและก่อสร้างโครงการใหญ่ในมือร.ฟ.ท.ที่รัฐจัดสรรเม็ดเงินให้จำนวนมหาศาลผลิดอกออกผลในเร็ววันหลังออกแรงผลักดันกันมานานหลายปีดีดักแต่ยังไม่ลุล่วง

หนึ่งในการขับเคลื่อนนอกจากแม่ทัพใหม่มาจากม.44 จะทะลวงปัญหาภาคปฏิบัติ ยังมี "พิชิต อัคราทิตย์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่กำกับดูแล ร.ฟ.ท.โดยตรง เป็นผู้คุมนโยบายให้ไปในทิศทางเดียวกับโรดแมปของรัฐบาล คสช.

"อานนท์" ระบุสั้น ๆ จะเร่งสางปัญหาประมูลทางคู่ 5 เส้นทางให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนจะล้มประมูลหรือเดินหน้าต่อขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้างจะตรวจสอบทีโออาร์และราคากลางประมูลโครงการหากให้ประมูลใหม่จะทำให้เสียเวลาอย่างน้อย 2 เดือน

Click on the image for full size

ขณะที่"พิชิต" เตรียมการบ้านให้ "อานนท์" เร่งเดินหน้าและเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้

"สั่งการให้รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฯคนใหม่ เร่งรัดงานตามนโยบายของรัฐบาลให้เสร็จในปีนี้ทั้งหมด เพราะล่าช้ามานานมากแล้ว" นายพิชิตกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ"

โดยเร่งรัดประมูลรถไฟทางคู่ 15 โครงการเงินลงทุนร่วม 5 แสนล้านบาท มีทั้ง 5 เส้นทางที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และระยะที่ 2 ลงทุนต่อปีนี้ 10 เส้นทาง มีตัดใหม่ 2 เส้นทาง อีกทั้งให้ตั้งบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์เพื่อบริหารที่ดินทั่วประเทศ ทั้งดูแลสัญญาเช่าเดิมและต่อสัญญาใหม่มีอยู่กว่า 1.4 หมื่นสัญญา

เร่งเปิดประมูลที่ดินแปลงใหญ่ เช่น สถานีกลางบางซื่อ 218 ไร่ แม่น้ำ 277 ไร่ มักกะสัน 497 ไร่ ย่าน กม.11 พื้นที่ 359 ไร่ และที่ดินรอบสถานีรถไฟในหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ เพื่อนำรายได้จากค่าเช่ามาชดเชยภาระหนี้ที่ขาดทุนสะสม 103,197 ล้านบาท ตั้งเป้าจะมีค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากปีละ 2-3 พันล้านบาท เป็น 1 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ให้เร่งลงทุนรถไฟความเร็วสูง 4 สายทาง รวม 1,039 กม. เงินลงทุน 651,029 ล้านบาท ได้แก่ รถไทย-จีนกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253.5 กม. วงเงิน 179,412 ล้านบาท รถไฟไทย-ญี่ปุ่นกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 384 กม. วงเงิน 224,416 สายกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. วงเงิน 94,673 ล้านบาท และกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 193.5 กม. วงเงิน 152,528 ล้านบาท

"อยากให้เร่งสายกรุงเทพฯ-ระยองเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นโครงข่ายเชื่อมกับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออกหรืออีอีซีที่รัฐต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมภายในปีนี้จะให้เอกชนลงทุนแบบPPPทั้งก่อสร้างเดินรถและพัฒนาพื้นที่รอบสถานี เพื่อสร้างรายได้ระยะยาวให้รถไฟ" นายพิชิตกล่าวและว่า

สำหรับการจัดหาหัวรถจักรและล้อเลื่อนในแผนงาน ใช้เงินลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท ขณะนี้จัดซื้อแล้วมีดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ 20 คัน วงเงิน 3,300 ล้านบาทซื้อจากจีน กำลังจะประมูลมีรถจักรดีเซลไฟฟ้าทดแทนรถ GE 50 คัน วงเงิน 6,562.5 ล้านบาท และจัดหารถดีเซลราง 186 คัน วงเงิน 13,505 ล้านบาท การซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม 56 คัน วงเงิน 3,360 ล้านบาท

รวมถึงเร่งประมูลโครงการถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กม. วงเงิน 44,156.96 ล้านบาท ส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง) กว่า 3.1 หมื่นล้านบาท และเร่งงานก่อสร้างรถไฟสายสีแดงบางซื่อ-รังสิตให้เสร็จทันเปิดใช้ในปี 2563 และส่วนต่อขยายรังสิต-ธรรมศาสตร์ วงเงิน 7,596 ล้านบาท และตลิ่งชัน-ศิริราช-ศาลายา วงเงิน 19,042 ล้านบาท

ทุกโครงการล้วนเป็นแผนที่คิดและพูดถึงกันมานาน ผ่านมาไม่รู้กี่รัฐบาล จะมาสำเร็จในยุครัฐบาล คสช.หรือไม่ เป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งนัก

Wisarut · Posted: 09/03/2017 11:21 am Post subject:

ราคากลาง…รถไฟทางคู่แพง ?
สปริงนิวส์
วันพุธ 8 มีนาคม 2017
11:58 am

หลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเหตุ ถึงราคากลางก่อสร้างรถไฟทางคู่ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการประมูลหาผู้รับเหมา อาจมีราคาที่สูงเกินจริง นักวิชาการ มองเรื่องนี้อย่างไร คุณกมลวรรณ โกวิทวงศา มีรายงาน (ชมคลิป)
https://www.youtube.com/watch?v=hpc_BKPOTvU

Mongwin · Posted: 10/03/2017 8:01 am Post subject:

บอร์ด ร.ฟ.ท.ชงซูเปอร์บอร์ดปรับ TOR ใหม่รถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง
โดย MGR Online 9 มีนาคม 2560 12:31 น. (แก้ไขล่าสุด 9 มีนาคม 2560 12:33 น.)

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการร การถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการ รฟท.เมื่อคืนวานได้พิจารณาทางเลือกของร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ใหม่สำหรับงานก่อสร้างโครงการถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ให้เหลือแนวทางเดียว เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (ซูเปอร์บอร์ด) ที่มีนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นประธาน พิจารณาในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ทั้งนี้ บอร์ดรถไฟฯ พิจารณาทางเลือกที่มีหลายแนวทาง เหลือแนวทางเดียวก็จะเสนอต่อซุปเปอร์บอร์ด โดยแนวทางใหม่จะเปิดกว้างเอกชนเข้าร่วมประมูลมากขึ้น

นายอานนท์ กล่าวว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงร่างทีโอาร์จากเดิมคงต้องยกเลิกการประมูลครั้งก่อนโดยปริยาย เพราะถือว่าได้มีผู้ส่วนได้ส่วนเสีย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามผลการประชุมซุปเปอร์บอร์ดในวันศุกร์นี้ก่อน

Wisarut · Posted: 10/03/2017 7:41 pm Post subject:

Wisarut · Posted: 15/03/2017 11:36 am Post subject:

**เปิดใช้สถานีขอนแก่น(ใหม่) ชั่วคราวแล้ว**
ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2560 - 18 กุมภาพันธ์ 2562
สถานีขอนแก่น (เดิม) จะถูกรื้อถอนเพื่อสร้างและปรับปรุงสถานีเป็นสถานียกระดับ ตามโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ท่านผู้โดยสารจะต้องไปใช้บริการโดยสารที่สถานีขอนแก่น(ชั่วคราว) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหลังห้างเทสโก้โลตัส สาขาขอนแก่น ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นลงไปทางทิศใต้ (ไปทางท่าพระ) ประมาณ 2 กิโลเมตร
การรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องขออภัยในความไม่สะดวก
https://www.facebook.com/pichet.chamneam/posts/1724062077607850

สถานีบ้านเกาะ(ใหม่) ชั่วคราวราวๆ 2 ปี
https://www.facebook.com/pichet.chamneam/posts/1724044570942934

Mongwin · Posted: 15/03/2017 8:47 pm Post subject:

รื้อสถานีรถไฟขอนแก่นอายุ 82 ปี สร้างใหม่เป็นอาคาร 2 ชั้น รองรับรถไฟทางคู่
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 15 มี.ค. 2560 เวลา 16:56:00 น.

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 มีนาคม นายศักรินทร์ แสงอรุณ นายสถานีรถไฟขอนแก่น พร้อมคณะวิศวกรรมก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น ร่วมกันตรวจสอบการก่อสร้างสถานีรถไฟชั่วคราวที่ชุมชนบ้านเหล่านาดี 12 หลัง ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาขอนแก่น ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น สืบเนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ตามสัญญาเลขที่ กส.21 /ทค/ 2558 ลงวันที่ 24 ธ.ค. 2558 มีความจำเป็นต้องรื้อถอนสถานีรถไฟขอนแก่นเดิม เพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟขอนแก่นใหม่ ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2560 จนถึง วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562

Click on the image for full size

โดยสถานีรถไฟแห่งใหม่ ผู้ก่อสร้างได้นำตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 12 ตู้ มาเรียงต่อกัน เพื่อใช้เป็น ห้องพักฝ่ายเดินรถ ห้องผู้ช่วยสถานี ห้องนายสถานี ห้องขายตั๋ว ห้องเก็บพัสดุ ห้องที่ทำการนายตรวจ ห้องน้ำชาย-หญิง หน่วยบริการตำรวจรถไฟขอนแก่น ที่ทำการพนักงานตรวจรถ ที่ทำการรับส่งสินค้าและพัสดุ ห้องส่งสินค้า ห้องน้ำคนพิการ /คนชรา และก่อสร้างชานชาลาผู้โดยสารขึ้นลงจากรถไฟที่มีระยะทางยาว 350 เมตร

นายศักรินทร์ แสงอรุณ นายสถานีรถไฟขอนแก่น เปิดเผยว่า สถานีรถไฟขอนแก่นมีอายุประมาณ 82 ปี เป็นอีกสถานีหนึ่งที่จะต้องถูกรื้อถอน เนื่องจากการสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และปรับสถานีให้เป็นรูปแบบของสถานียกระดับ 2 ชั้น เพื่อความคล่องตัวในการเดินรถ ลดปัญหาจุดตัดที่มีมากในเขตเมืองขอนแก่น ดังนั้นการรถไฟแห่งประเทศไทยมีความจำเป็นต้องรื้อถอนสถานีรถไฟขอนแก่นเดิม เพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟขอนแก่นใหม่ และสร้างสถานีรถไฟชั่วคราวหลังห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาขอนแก่น ในเขตเทศบาลเมืองเก่า เพื่อใช้ในการโดยสารรถไฟชั่วคราวเป็นเวลา 2 ปีกว่า เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ สถานีขอนแก่นจะกลับมาให้บริการที่จุดเดิม

Click on the image for full size

"การก่อสร้างสถานีรถไฟขอนแก่น (ชั่วคราว) ในสถานที่ดังกล่าว ใช้เวลาอีกประมาณ 15 วัน ตอนนี้ได้ประมาณ 95% ถ้าสำรวจความเรียบร้อยในการใช้สถานีรถไฟขอนแก่นชั่วคราวในเรื่องการใช้ชานชาลารถไฟผู้โดยสารขึ้นลงรถไฟ ซึ่งต้องมีการแก้ไขเล็กน้อย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่มาใช้บริการอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้าเสร็จเมื่อไรก็ต้องมีการรื้อทิ้งสถานีรถไฟขอนแก่นหลังเก่าและเริ่มใช้สถานีรถไฟขอนแก่น (ชั่วคราว) ในวันที่ 20 มี.ค. 2560 เป็นต้นไป" นายศักรินทร์กล่าว

Click on the image for full size

Mongwin · Posted: 18/03/2017 9:12 pm Post subject:

ยันไม่ปลอมเอกสาร รถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่
เดลินิวส์ เสาร์ที่ 18 มีนาคม 2560 เวลา 10.12 น.

สนข. แจงกรณีร้องเรียนพบความผิดปกติเอกสาร โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ที่เผยแพร่บนเว็บสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเว็บประชาสัมพันธ์โครงการฯ อาจผิดกฎหมายอาญา ยันไม่ใช่ปลอมแปลงข้อมูล แต่กำลังปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ทำให้ข้อมูลที่เผยแพร่บนเว็บไม่ตรงกัน

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ขอชี้แจงกรณีมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการตรวจพบความผิดปกติของเอกสารโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ เนื่องจากมีการแก้ไขเอกสารรายงานเดิมที่เคยให้ไว้กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ตรงกับเอกสาร ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของโครงการฯ อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 และ 268ว่า สนข. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ครอบคลุมงาน 4 ส่วน คือ 1.งานสำรวจ รวบรวมข้อมูล ผลการศึกษาและการดำเนินงานของโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 2.งานวิเคราะห์และศึกษาความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สังคม การเงิน และแนวทางการลงทุน ที่เหมาะสม 3.งานออกแบบรายละเอียดและจัดทำเอกสารประกวดราคา และ 4.งานจัดทำรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งรวมถึงงานด้านการมีส่วนร่วม ของประชาชนและการประชาสัมพันธ์

โดยได้กำหนดให้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ปี 2548 ซึ่งรวมถึงการลงประกาศและเผยแพร่ข้อมูลการศึกษา ที่ สนข. ตรวจสอบแล้ว และข้อมูลจากการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชนและการประชุมกลุ่มย่อย ลงในระบบเครือข่ายสารสนเทศของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ โครงการได้จัดทำเว็บไซต์ โดเมนเนม www.denchai-chiangmai-doubletrack.com เพื่อเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข้อมูลโครงการฯ และสื่อสารกับประชาชนให้ได้รับทราบข้อมูลด้านต่างๆ ของโครงการฯ อย่างเป็นปัจจุบัน

นายชัยวัฒน์ฯ กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการศึกษาโครงการฯ มีการจัดกิจกรรมการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชนมาแล้วทั้งสิ้น 3 ครั้ง ซึ่งการจัดปรุมทั้ง 3 ครั้งจะเป็นการประชุมกลุ่มย่อยกับผู้ได้รับผลกระทบตามแนวเส้นทาง โดยในแต่ละครั้งจะมีการนำเสนอข้อมูลที่มีความก้าวหน้าตามผลการศึกษาที่แล้วเสร็จ ซึ่งข้อมูลล่าสุดในระบบเครือข่ายระบบสารสนเทศของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นข้อมูลที่มีการนำเสนอและผลสรุปจากการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 และการประชุมกลุ่มย่อยกับผู้ได้รับผลกระทบตามแนวเส้นทาง ครั้งที่ 3 เมื่อช่วงเดือนพ.ค.59 และได้นำลงเผยแพร่เมื่อเดือน มิ.ย.59ขณะที่เว็บไซต์โครงการที่ปรึกษาเป็นผู้จัดทำและดูแลอยู่นั้น เนื่องจากการศึกษายังดำเนินการอยู่และมีข้อมูลผลการศึกษาเพิ่มเติมเป็นระยะๆ

ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจให้ผู้ติดตามโครงการในเบื้องต้น ที่ปรึกษาจึงจะปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันตลอดเวลา โดยเป็นข้อมูลทั่วไปในช่วงเวลาหนึ่ง จึงทำให้ข้อมูลบางส่วนในเว็บไซต์ของโครงการในปัจจุบันไม่ตรงกับเอกสาร ที่เผยแพร่ในระบบเครือข่ายสารสนเทศของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการปรับปรุงข้อมูล ไม่ใช่การปลอมแปลงข้อมูล และเอกสารที่เผยแพร่ทั้งทางระบบสารสนเทศของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและทางเว็ปไซต์ของโครงการที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทที่ปรึกษา เป็นเอกสาร ที่ไม่ได้จัดทำขึ้นโดยเจ้าพนักงาน และไม่ได้เป็นเอกสารแห่งการก่อสิทธิ ดังนั้น จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 265 และมาตรา 268 แต่อย่างใด

Mongwin · Posted: 19/03/2017 5:24 pm Post subject:

รฟท. ลุ้นซุปเปอร์บอร์ด ทุบทีโออาร์ทางคู่ 20 มี.ค.
เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2560 เวลา 10.09 น.

รฟท. รอลุ้นซุปเปอร์บอร์ดเลือกแนวทางเดินหน้าทางคู่ 5 เส้น 20 มี.ค.นี้ มั่นใจอีก 9 เส้นตามแอคชั่นแพลน ระยะ 2 ไม่ช้า พร้อมกำหนดรายละเอียดเสนอ ครม. ส่วนเชียงราย-เชียงของ แบบเสร็จแล้ว รออีไอเอ

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง(ซุปเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง)ยังไม่ได้ส่งข้อมูลผลการพิจารณาหรือแจ้งข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) รถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทางมา รฟท. หลังจาก รฟท.ได้ส่งข้อมูลให้ซุปเปอร์บอร์ดพิจารณาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือ
1.ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169กม. วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท
2.หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 84 กม.9.8 พันล้านบาท
3.ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กม.1.6 หมื่นล้านบาท
4.ลพบุรี-ปากน้ำโพ 116 กม. 2.3 หมื่นล้านบาท และ
5.มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 132 กม. 2.8 หมื่นล้านบาท
คาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการพิจารณาของซุปเปอร์บอร์ดว่าจะใช้ทีโออาร์เดิม หรือเปลี่ยนใหม่วันที่ 20 มี.ค.นี้

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ที่อยู่ในแผนปฎิบัติการลงทุนด้านคมนาคมขนส่งปี 60 หรือแอคชั่นแพลน ระยะที่ 2 อีก 9 เส้นทางนั้น ขณะนี้ทุกโครงการเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ยังไม่ได้ล่าช้าแม้ทางคู่ 5 เส้นทางแรกจะยังไม่สามารถก่อสร้างได้ก็ตาม หลายโครงการดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อกำหนดรายละเอียดก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการ

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า รถไฟทางคู่ทั้ง 9 เส้นทาง
1.เส้นทาง ปากน้ำโพ-เด่นชัย 285 กม. 56,066.25 ล้านบาท
2.ชุมทางถนนจิระ- อุบลราชธานี 309 กม. 35,839.74 ล้านบาท
3.ขอนแก่น-หนองคาย 174 กม. 26,065.75 ล้านบาท
4.ชุมพร-สุราษฎร์ธานี 167 กม. 23,384.91ล้านบาท
5.สุราษฎร์ธานี-สงขลา 339 กม. 51,823.28 ล้านบาท
6.หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กม.7,941.80 ล้านบาท
7.เด่นชัย-เชียงใหม่ 217 กม. 59,924.24 ล้านบาท
8.เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 326 กม. 77,000 ล้านบาท และ
9.บ้านไผ่ –มุกดาหาร-นครพนม 355 กม. 60,512 ล้านบาท

นายอานนท์ กล่าวด้วยว่า สำหรับทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงของ ซึ่งตัดเส้นทางรถไฟขึ้นใหม่ ที่หลายคนเป็นห่วงว่าจะล่าช้านั้น ยืนยันว่ายังเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยขณะนี้ออกแบบเสร็จแล้ว แต่ยังเหลือเรื่องของรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)