Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311238
ทั่วไป:13181451
ทั้งหมด:13492689
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 196, 197, 198 ... 388, 389, 390  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/02/2018 9:53 am    Post subject: Reply with quote

“สมคิด” ติดเครื่องฟื้นฟูรถไฟ จ่อถก คนร.นัดพิเศษ-ยัน “กทม.-เชียงใหม่” ไม่ลดความเร็ว
เผยแพร่: 2 ก.พ. 2561 15:28:00 ปรับปรุง: 2 ก.พ. 2561 16:31:00 โดย: MGR Online

“สมคิด” ติดเครื่องแผนฟื้นฟูรถไฟ เตรียมประชุม คนร.นัดพิเศษ ถกรายละเอียดยกเครื่ององค์กร ลุยทางคู่เฟส 2 พร้อมปลดล็อกมติ ครม.เพิ่มคนอีกไม่น้อยกว่า 5 พันคนรองรับแผนงานอนาคต ยืนยันไม่ลดความเร็ว “กรุงเทพฯ-เชียงใหม่” ด้าน “อาคม” เตรียมถกญี่ปุ่นสรุปวงเงินลงทุน มี.ค.นี้ชง ครม.ได้ พร้อมดันรถไฟทางคู่ 9 สายกว่า 4.27 แสนล้านบาทเดินตามแผน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการดำเนินงานต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า ร.ฟ.ท.ได้นำเสนอภาพรวมของแผนฟื้นฟู ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริหารทรัพย์สินที่มีประสิทธิภาพ การสร้างรายได้การเดินรถจากเส้นทางรถไฟทางคู่และโครงการใหม่ ซึ่งเห็นว่า ร.ฟ.ท.มีโอกาสฟื้นตัว แต่ทั้งนี้จะต้องเร่งปรับโครงสร้างองค์กร เตรียมพร้อมด้านบุคลากร อัตรากำลังให้สอดคล้องกับแผนงานและโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต

ในส่วนของรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 670 กม.นั้น จะไม่มีการปรับลดความเร็วลงแต่อย่างใด ซึ่งได้หารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว สำหรับการพัฒนาเส้นทางรถไฟนั้นต้องพิจารณาการเชื่อมโครงข่ายภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน จะมีทั้งรถไฟทางคู่ระยะ 2, รถไฟทางคู่สายใหม่, รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง และรถไฟเชื่อมโยง 3 สนามบิน ซึ่งได้ให้เพิ่มเติมรถไฟเชื่อมเมืองหลักกับเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ เน้นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และเชื่อมความเจริญสู่ชนบทและท้องถิ่น

เช่น ภาคเหนือ จะดึงนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักอย่างเชียงใหม่ เชียงราย ไปเมืองรองไหนบ้าง หรือภาคอีสาน จะเชื่อมจากเมืองหลักไหนไปเมืองรองใดบ้าง เป็นต้น ซึ่งการวางเส้นทางเดิมจะเป็นการใช้สินค้ากับโดยสารท่องเที่ยวปนกัน ดังนั้น หากจะผลักดันในเรื่องเส้นทางท่องเที่ยวต้องออกแบบและจัดวางให้เหมาะสม

นายสมคิดกล่าวว่า แผนฟื้นฟูเบื้องต้นน่าพอใจ โดยให้ปรับปรุงอีกเล็กน้อยเน้นสิ่งที่สำคัญก่อน และให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงคมนาคม ช่วยดู ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งจะเป็นนัดพิเศษ เพื่อให้เวลาในการนำเสนอและหารือในรายละเอียดมากขึ้น โดยรัฐบาลต้องการสร้างรถไฟให้มีความแข็งแกร่งและพัฒนาโครงการต่างๆ ที่หยุดชะงักมาหลายปี ขณะที่การปรับค่าโดยสารเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงนั้น จะดำเนินการหลังจากที่มีการปรับปรุงพัฒนาบริการก่อน ซึ่งเมื่อปรับขึ้นตอนนั้นคงไม่มีใครคัดค้าน

ส่วนมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 ที่จำกัดการรับพนักงานเพิ่มได้ 5% ของพนักงานเกษียณอายุนั้นเพื่อต้องการลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน แต่หลังจากนี้เมื่อรถไฟมีเส้นทางใหม่ จึงต้องการกำลังคนเพิ่ม ดังนั้นมติ ครม.ไม่มีปัญหา ให้ไปทำแผนรายละเอียดและนำเสนอต่อไป

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ปัจจุบันมีพนักงาน 14,175 คน วางแผนเพิ่มเป็นระยะ โดยเฟสแรก รองรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟสแรกแล้วเสร็จประมาณปี 2564 เพิ่มเป็น 16,000 คน และจะเพิ่มเป็น 19,000 คนเมื่อรถไฟทางคู่เฟส 2 แล้วเสร็จ

***ดันรถไฟทางคู่ 9 สายเข้า ครม.-ไม่ลดความเร็ว คงไฮสปีดสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในแผนฟื้นฟูรถไฟนั้นจะมีการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟครั้งใหญ่ในรอบ 120 ปี ซึ่งจะทยอยนำเสนอ ครม.ขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะ 2 และรถไฟทางคู่สายใหม่รวม 9 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,174 กม. มูลค่ารวม 427,012.03 ล้านบาท ได้ตั้งแต่เดือน มี.ค.-เม.ย.
นอกจากนี้ยังมีรถไฟเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด และเชื่อมเมืองหลักไปยังเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โครงการใน EEC, รถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งนโยบายกำหนดเป็นความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 300 กม./ชม. อยู่ระหว่างวิเคราะห์ความเหมาะสมในเรื่องวงเงินลงทุน จะสรุปปลายเดือน มี.ค.เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป

ส่วนการปฏิรูปองค์กร จะมีการตั้งบริษัทลูกด้านบริหารสินทรัพย์ ซึ่งจะต้องทำการตลาดและธุรกิจต่อเนื่องจากกิจการเดินรถเชื่อมการท่องเที่ยวด้วย และบริษัทเดินรถจะแยกการบริหารรถไฟสายสีแดง รถไฟความเร็วสูง ออกจากกันเพื่อวัดประสิทธิภาพในการบริหาร
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42629
Location: NECTEC

PostPosted: 05/02/2018 10:14 am    Post subject: Reply with quote

ข่าวจาก เทศบาลเมืองตาคลี
Quote:
ตามที่เทศบาลเมืองตาคลีได้ประชาสัมพันธ์เชิญพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลฯ เข้าร่วมรับฟังแผนการปรับแบบก่อสร้าง และเสนอความคิดเห็นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงสถานีรถไฟบ้านตาคลี จากทีมที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2561 ณ อาคารมูลนิธิการกุศลตาคลี นั้น
จากการนำเสนอแผนการปรับแบบก่อสร้างและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงสถานีรถไฟบ้านตาคลี ในวันดังกล่าวสรุปได้ดังนี้
1. จุดก่อสร้างสถานีรถไฟบ้านตาคลีแห่งใหม่ จะอยู่ที่ กม. 192 + 472.223 (ตรงข้ามสระหลวง) เป็นสถานีขนาดกลาง
2. ติดตั้งรั้วสองข้างทางตลอดแนวเส้นทางรถไฟ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากคนและสัตว์ขึ้นบนทางรถไฟและป้องกันการบุกรุกเขตพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
3. ยกเลิกจุดตัดเสมอระดับทางทั้งหมด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัด ซึ่งในเขตเทศบาลเมืองตาคลีมีถนนที่เป็นจุดตัดทางรถไฟ จำนวน 4 จุด ที่ต้องถูกยกเลิก ดังนี้
จุดที่ 1 ที่ กม. 189 + 000 บริเวณใกล้สถานีรถไฟบ้านโพนทอง (ถนนทวีชัยหน้าโรงงานชลประทานซีเมนต์ตาคลี)
จุดที่ 2 ที่ กม. 190 + 570 บริเวณถนนบ้านไร่ปลายนา

จุดที่ 3 ที่ กม. 191 + 700 ถนนพระสังข์บริเวณสี่กั๊ก
จุดที่ 4 ที่ กม. 194 + 000 บริเวณถนนพหลโยธินใต้สะพานต่างระดับ
4. แนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนชาวตาคลีของการรถไฟฯ เพื่อให้การสัญจรไปมาระหว่างตลาดบนและตลาดล่างมีความสะดวกขึ้นกรณีที่ต้องยกเลิกถนนที่เป็นจุดตัดผ่านทางรถไฟ คือ
4.1 ก่อสร้างสะพานรูปตัวยู (สะพานกลับรถ) ด้านทิศใต้ ที่ กม.188 + 000
4.2 ก่อสร้างทางรถยนต์ลอดใต้ทางรถไฟ บริเวณช่วงใกล้กับถนนบ้านไร่ปลายนา โดยก่อสร้างเป็นทางรถไฟยกระดับ เพื่อเป็นทางให้รถยนต์ใช้สัญจรวิ่งลอดได้
4.3 ก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้าม จำนวน 5 แห่ง ดังนี้
1) บริเวณหน้าวัดโพนทอง (ประชาชนเสนอขอเพิ่มในที่ประชุม)
2) บริเวณหน้าหมู่บ้านเอื้ออารีย์ (ใกล้กับสี่กั๊ก)
3) บริเวณหน้ามูลนิธิการกุศลตาคลี โดยให้มีลาดสำหรับรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ รถเข็นผู้พิการ
4) บริเวณหน้าร้านทองแม่กี่
5) บริเวณหน้าวัดสว่างวงษ์ (ใกล้กับสะพานเหล็กคนเดินข้ามเดิม)
4.4 ก่อสร้างสะพานรูปตัวยู (สะพานกลับรถ) ด้านทิศเหนือ ที่ กม.194 + 500
4.5 ก่อสร้างถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีต (ถนนเลียบทางรถไฟ) ต่อจากถนนพระสังข์ไปจนถึงสะพานกลับรถรูปตัวยูด้านทิศใต้ (บริเวณหลาสะแก)
จึงขอประชาสัมพันธ์ผลการประชุมแก้ไขปัญหาการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงสถานีรถไฟบ้านตาคลี มาให้ทราบโดยทั่วกัน

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1659588060773594.1073743160.212295775502837&type=3
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1659589554106778&id=212295775502837
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42629
Location: NECTEC

PostPosted: 12/02/2018 8:37 pm    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.เร่งทางคู่เฟส2อีก9เส้นทาง3.98แสนล.
การรถไฟฯเร่งรับฟังความคิดเห็นสร้างทางคู่เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง วงเงิน 3.98 แสนล้านบาท คาด ชง ครม. เห็นชอบมี.ค.นี้

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการแทนผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง ระยะทาง 2,217 กิโลเมตร มูลค่ารวม 3.98 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างเร่งรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอกระทรวงคมนาคม โดยคาดว่าจะทยอยเสนอให้คณะรัฐมนตรี ครม. พิจารณาได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นไป อาทิ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กิโลเมตร วงเงิน 76,978.82 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากได้รับความเห็นชอบจะทยอยเปิดประมูลได้ช่วงกลางปี 2561 และก่อสร้างตามแผนงาน ส่วนการ ครม. ในสัปดาห์นี้การรถไฟฯ ยังไม่มีเรื่องนำเสนอขอความเห็นชอบ ด้านความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต ยังเป็นไปตามแผนงาน กำหนดเปิดให้บริการ ปี 2563
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/02/2018 1:28 pm    Post subject: Reply with quote

การรถไฟฯเตรียมรื้อสัญญา ปรับขึ้นค่าเช่าที่ 1.6 หมื่นราย
เผยแพร่: 14 ก.พ. 2561 01:47:00 โดย: MGR Online

รฟท. ลุยรถไฟรางคู่ 16 เส้นทาง รักษาการผู้ว่าฯ ฟันธง ปี 62 คนไทยได้ใช้แน่ 2 เส้นทาง สำหรับปีนี้มีแผนก่อสร้าง 5 โครงการ เริ่มจากเส้นทางมาบกะเบา-คลองขนานจิตร ปักหมุด ก.พ.นี้ ส่วนอีก 9 โครงการรออนุมัติ EIA เผยก่อสร้างยักษ์ใหญ่ “อิตาเลียนไทย” คว้าไป 2 โครงการ 3 สัญญา ล่าสุด! เร่งปั๊มรายได้ เตรียมรื้อสัญญา-ปรับขึ้นค่าเช่าที่รถไฟ 1.6 หมื่นสัญญาทั่วประเทศ

“รถไฟทางคู่” นับเป็นหนึ่งในโครงการที่คนไทยรอคอยมานานกว่า 20 ปี ด้วยความหวังว่าจะสามารถช่วยให้การเดินทางด้วยรถไฟสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดไฟเขียว การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก็เร่งเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง

ล่าสุด “นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์” รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวว่า รฟท.มีโครงการรถไฟทางคู่ทั้งสิ้น 16 เส้นทาง โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ โครงการที่ลงมือก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่ปี 2559 โครงการที่เริ่มก่อสร้างในปี 2561-2562 และโครงการรถไฟทางคู่ที่อยู่ระหว่างขออนุมัติโครงการ

สำหรับ โครงการที่ลงมือก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่ปี 2559 และจะเริ่มเปิดให้บริการในปี 2562 มี 2 เส้นทาง ได้แก่ 1) โครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร และ 2) โครงการรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร

ส่วน โครงการที่เริ่มก่อสร้างในปี 2561-2562 มี 5 เส้นทาง 10 สัญญา ระยะทางรวม 702 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้างรวม 69,531 ล้านบาท ประกอบด้วย

1) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 145 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 บ้านกลับ-โคกกระเทียม สัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ

2) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 136 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 มาบกะเบา-คลองขนานจิตร สัญญาที่ 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ และสัญญาที่ 3 อุโมงค์รถไฟ

3) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 นครปฐม-หนองปลาไหล สัญญาที่ 2 หนองปลาไหล-หัวหิน 4) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 1 สัญญา ระยะทาง 84 กิโลเมตร และ 5) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 168 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 สัญญา คือ สัญญาที่ 1 ประจวบฯ-บางสะพานน้อย สัญญาที่ 2 บางสะพานน้อย-ชุมพร

รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังอธิบายถึงเหตุผลที่ รฟท.มีการแบ่งการก่อสร้างในแต่ละเส้นทางออกเป็นหลายสัญญาว่า “เนื่องจากการประมูลก่อสร้างทางรถไฟสายยาว ๆ โดยอนุมัติให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งเพียงรายเดียวนั้นอาจถูกครหาเรื่องของความโปร่งใส เราจึงได้ซอยย่อยออกเป็นหลายสัญญา ซึ่งการที่มีผู้รับเหมาหลายเจ้ายังทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นด้วย”

Click on the image for full size

อย่างไรก็ดี มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ รฟท.จะซอยย่อยสัญญาก่อสร้างออกเป็น 10 สัญญา แต่บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์อย่าง อิตาเลียนไทย และชิโน-ไทย ก็สามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่ชนะการประมูลไปได้หลายโครงการ ทั้งในนามของบริษัทเองและในนามของกิจการร่วมค้า โดยอิตาเลียนไทยได้ไป 2 โครงการ 3 สัญญา คือ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ จำนวน 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาสร้างทางรถไฟเส้นทางมาบกะเบา-คลองขนานจิตร และสัญญาก่อสร้างอุโมงค์รถไฟ และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ อีก 1 สัญญา ขณะที่ชิโน-ไทย ได้ไป 2 โครงการ 2 สัญญา คือ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ในส่วนของสัญญาเส้นทางหนองปลาไหล-หัวหิน และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ในส่วนของสัญญาเส้นทางบางสะพานน้อย-ชุมพร

นอกจากนั้นยังมีบริษัทยูนิค ซึ่งมีประสบการณ์ในการก่อสร้างโครงการด้านคมนาคมขนส่ง สามารถประมูลได้ไป 1 โครงการ 2 สัญญา คือโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาเส้นทางบ้านกลับ-โคกกระเทียม และสัญญาเส้นทางท่าแค-ปากน้ำโพ โดยยื่นประมูลในนามของบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียร์ริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และในนามกิจการร่วมค้า

Click on the image for full size

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ที่อยู่ระหว่างขออนุมัติ นั้น รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฯ ระบุว่า มีอยู่ 9 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,217 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้างรวม 3.98 แสนล้านบาท โดยแต่ละโครงการอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม และส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA )

ทั้งนี้ 9 โครงการดังกล่าวแบ่งเป็น โครงการที่สร้างคู่ขนานไปกับเส้นทางเดิม 7 เส้นทาง ได้แก่
1) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กิโลเมตร วงเงิน 62,883.55 ล้านบาท

2) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กิโลเมตร วงเงิน 56,837.78 ล้านบาท

3) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตร วงเงิน 37,527.10 ล้านบาท

4) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร วงเงิน 26,663.36 ล้านบาท

5) ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 24,294.36 ล้านบาท

6) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 339 กิโลเมตร วงเงิน 57,375.43 ล้านบาท

7) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 8,120.12 ล้านบาท

และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่อีก 2 เส้นทาง คือ 1) โครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กิโลเมตร วงเงิน 85,345 ล้านบาท และ2) โครงการรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร

“โครงการที่คนให้ความสนใจมากก็คือรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งจะสร้างตัดตรงจาก อ.เด่นชัย จ.แพร่ ไป อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยไม่ต้องผ่านเชียงใหม่ คือเดิมมีเส้นเด่นชัย-เชียงใหม่อยู่แล้ว แต่ถ้าตัดตรงจากเด่นชัยไปเชียงของเลยก็จะช่วยร่นระยะเวลาได้มาก ที่สำคัญเส้นทางนี้จะเป็นทั้งเส้นทางการขนส่งสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยว เป็นจุดที่จะเชื่อมการค้าในเขตระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ จากประเทศไทยไป สปป.ลาว โดยไปเชื่อมกับสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ซึ่งสามารถเดินทางต่อไปยังเวียดนามและจีนได้” รักษาการผู้ว่าการ รฟท. กล่าว

ทั้งนี้นอกจากความคืบหน้าในการขับเคลื่อนโครงการรถไฟทางคู่แล้ว ปีนี้ รฟท.ยังมีแผนในการนำที่ดินของการรถไฟฯ มาพัฒนาเพิ่มมูลค่าเพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้นอีกด้วย โดยจะมีการตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อบริหารที่ดินจำนวน 38,469 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็น ที่ดินที่มีสัญญาแล้ว 15,199 ไร่ โดยเมื่อหมดสัญญาจะเจรจาปรับขึ้นราคาใหม่ และที่ดินเปล่า 23,270 ไร่ ซึ่งจะเริ่มพัฒนาได้ในปีนี้ ที่สำคัญจะมีการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ 3 แปลงใหญ่ ได้แก่ พื้นที่กิโลเมตร 11(กม.11) ด้านหลัง ปตท. สำนักงานใหญ่ จำนวน 350 ไร่, ที่ดินบริเวณสถานีแม่น้ำ จำนวน 277 ไร่ และโครงการพัฒนาที่ดินบางซื่อแปลง A จำนวน 32 ไร่ โดยก่อนหน้านี้การรถไฟฯ ประเมินว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้ รฟท.มีรายได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จากปัจจุบันรายได้อยู่ที่ปีละ 2,800 ล้านบาท คาดว่าในปี 2563 การรถไฟฯจะมีรายได้ถึง 9,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 15,000 ล้านบาท ปี 2564

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “เรามีแผนการเพิ่มรายได้ที่ชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สิน โดยจะเสนอเรื่องเข้า ครม.ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่ ๆ เหมือนกับเซ็นทรัล ทั้งจากในและต่างประเทศมาประมูลเช่าใช้พื้นที่ แน่นอนว่าเมื่อมีการแข่งกันราคาก็จะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนั้นเรายังเตรียมพิจารณารื้อสัญญาปรับขึ้นค่าเช่าที่ดินการรถไฟฯ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 16,000 สัญญาอีกด้วย”
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 16/02/2018 7:30 am    Post subject: Reply with quote

‘รฟท.’ จ่อประมูล อาณัติสัญญาณ
กรุงเทพธุรกิจ 16 ก.พ. 61 นโยบายเศรษฐกิจ

ร.ฟ.ท. ตั้งเป้าเปิดประมูลอาณัติสัญญาณรถไฟทางคู่แบบนานาชาติ 3 สัญญา วงเงินรวม 1.27 หมื่นล้านบาทในเดือน เม.ย. และรู้ผลเดือน ส.ค. โดยทีโออาร์กำหนดให้เอกชนต้องเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์และเปิดกว้างให้ต่างชาติเข้าประมูลได้ 100%

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ตั้งเป้าหมายจะเปิดประมูลงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ภายใต้โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟสแรก จำนวน 3 สัญญา วงเงินรวม 1.27 หมื่นล้านบาท ในปลายเดือน เม.ย. นี้

ล่าสุดร.ฟ.ท.ได้รายชื่อที่ปรึกษาเพื่อทบทวน จัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR)และดำเนินการประมูลระบบอาณัติสัญญาณแล้ว แต่ยังไม่สามารถลงนามสัญญากับบริษัทที่ปรึกษาได้ เพราะต้องรอให้สำนักงบประมาณสรุปวงเงินว่าจ้างที่ปรึกษาก่อน

เนื่องจากก่อนหน้านี้ โครงการรถไฟทางคู่เฟสแรกแบ่งการประมูลเป็น 5 สัญญา แต่ต่อมาได้ซอยสัญญาใหม่เป็น 13 ฉบับ พร้อมแยกสัญญางานโยธาและงานระบบอาณัติสัญญาณออกจากกัน การรถไฟฯ จึงต้องว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทบทวนทีโออาร์และดำเนินการประมูลระบบอาณัติสัญญาณเพิ่มเติม ด้วยวงเงิน 24 ล้านบาท

วงเงินจ้างที่ปรึกษาฯ จะอยู่ภายใต้กรอบวงเงินโครงการรถไฟทางคู่เฟสแรกที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้จำนวน 9.58 หมื่นล้านบาท แต่สำนักงบประมาณต้องจัดสรรเป็นรายการเพิ่มเติม โดยถ้าสำนักงบประมาณให้คำตอบที่ชัดเจนในเร็วๆ ก็คาดว่าจะลงนามกับบริษัทที่ปรึกษาได้ภายในปลายเดือน ก.พ.

จากนั้นที่ปรึกษาจะต้องร่างทีโออาร์ให้เสร็จภายใน 45 วัน คาดว่าจะประกาศเชิญชวนเอกชนและจำหน่ายทีโออาร์ได้ในปลายเดือน เม.ย.,ยื่นข้อเสนอในเดือน มิ.ย. และประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลในเดือน ก.ค.

สำหรับการประมูลงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมครั้งนี้ จะประมูลโดยวิธีการประกวดราคานานาชาติ (International Bidding)จำนวน 3 สัญญา วงเงินรวม 1.27 หมื่นล้านบาทได้แก่ สายเหนือ เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ จำนวน 20 สถานี วงเงิน 2.9 พันบ้านบาท,สายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางมาบกระเบา-ชุมทางจิระ จำนวน 20 สถานี วงเงิน 2.5 พันล้านบาท และสายใต้ เส้นทางนครปฐม-ชุมพร จำนวน 59 สถานี วงเงิน 7.3 พันล้านบาท

เงื่อนไขสำคัญในทีโออาร์คือ ผู้ประมูลต้องเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเอกชนต้องปรับเทคโนโลยีระบบอาณัติสัญญาณให้เข้ากับรูปแบบเฉพาะของแต่ละสถานี รวมถึงสอดคล้องกับเงื่อนไขข้อบังคับการเดินรถ (ขจร.) ของการรถไฟฯ ด้วย

ทีโออาร์จะไม่กำหนดสัดส่วนขั้นต่ำของผู้ถือหุ้นชาวไทยเพื่อให้เปิดกว้าง เพราะผู้ประกอบการระบบอาณัติสัญชาติไทยมีจำนวนน้อยและไม่ใช่รายใหญ่ ส่วนบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในประเทศไทยก็มีเพียงบริษัท ซีเมนส์ และบอมบาร์ดิเอร์นอกจากนี้กำหนดให้ระบบอาณัติสัญญาณใช้มาตรฐานยุโรป เพราะเปิดกว้างให้หลายเทคโนโลยี ถ้ากำหนดเป็นมาตรฐานญี่ปุ่นก็จะเป็นระบบปิด ใช้ได้แต่เทคโนโลยีของญี่ปุ่นที่มีผู้ประกอบการ 2-3 รายเท่านั้น

สำหรับเอกชนที่เข้าข่ายน่าจะร่วมประมูล ได้แก่ ฝั่งยุโรปที่มีผู้ประกอบการขนาดใหญ่และกลาง 7-8 ราย เช่น ซีเมนส์,อัลส์ตอม,อังซาโด้ เป็นต้น รวมถึงบริษัทจากฝั่งจีนและเกาหลีใต้ โดยเอกชนต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติก่อนจึงเปิดซองเทคนิค ซึ่งข้อเสนอด้านเทคนิคจะมีแค่ผ่านกับไม่ผ่านเท่านั้น จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดข้อเสนอด้านราคา

การประมูลระบบอาณัติสัญญาณครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่ในระดับภูมิภาค เพราะเปิดประมูลรวมกันถึง 100 สถานี ซึ่งที่ผ่านมาการรถไฟฯ เคยเปิดประมูลครั้งใหญ่สุด 110 สถานี จำนวน 1 สัญญา เมื่อปี 2532 หรือเกือบ 30 ปีก่อน แหล่งข่าว กล่าว

เอกชนที่ชนะการประมูลจะเริ่มทำงานในเดือน ส.ค. โดยมีกรอบเวลาการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมให้แล้วเสร็จ 6 เดือนหลังงานโยธา ซึ่งการระบบอาณัติสัญญาณสายใต้จะมีกรอบเวลาไม่เกิน 36 เดือน,รถไฟฟ้าสายเหนือมีกรอบเวลา47 เดือน เนื่องจากมีการก่อสร้างทางยกระดับซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน และสายตะวันออกเฉียงเหนือเบื้องต้นมีกรอบเวลาประมาณ 43 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการปรับแบบก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร–ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 70 กิโลเมตรด้วย

ถ้างานโยธา ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญา 2 เริ่มลงนามสัญญาได้ในเดือน พ.ย. นี้ ก็คาดว่าการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณสายเหนือและสายอีสานจะเสร็จพร้อมกันในปี 2565 ส่วนสายใต้จะเสร็จก่อนในปี 2564 แหล่งข่าวกล่าว
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42629
Location: NECTEC

PostPosted: 16/02/2018 10:50 am    Post subject: Reply with quote

ใกล้เสร็จ100 %อุโมงค์ทางคู่พระพุทธฉาย

พฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 16.52 น.
เผยโฉมอุโมงค์รถไฟทางคู่ พระพุทธฉาย ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่  ก่อสร้างแล้วเสร็จ 99.99%  ผู้รับเตรียมส่งมอบพื้นที่ทางคู่ ให้การรถไฟฯ 18มี.ค. นี้ 

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)แจ้งถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม งบประมาณในการก่อสร้าง 10,232.86 ล้านบาท ว่าขณะนี้การดำเนินงานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟลอดใต้เขาพระพุทธฉาย ความยาว 1.2 กม. ซึ่งอยู่ในสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ ระยะทางประมาณ 9 กม. รับเหมาก่อสร้างโดยบริษัท ไรท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัดขณะนี้ มีผลดำเนินการแล้ว 99.99% โดยผู้รับเหมาได้ดำเนินการก่อสร้างผนังอุโมงค์ และดำเนินการวางรางรถไฟเรียบร้อยแล้ว แล้ว ทั้งนี้การก่อสร้างอุโมงค์ทางรถไฟดังกล่าวมีความพิเศษคือรางรถไฟที่ลอดผ่านอุโมงค์พระพุทธบาทนั้นหมอนรถไฟถูกตรึงด้วยคอนกรีต ซึ่งแตกต่างจากอุโมงค์อื่นที่ใช้กรวดหินรองรับไม้หมอนมีความแข็งแรงคงทนต่อการใช้งานอย่างมาก ส่วนการดำเนินการสร้างทางรถไฟที่เหลือในสัญญา2 มีผลดำเนินการไปแล้ว99% เช่นกันเบื้องต้นการรถไฟฯจะเข้าตรวจสอบการก่อสร้างในวันที่20ก.พ. ก่อนที่จะรับงานหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในวันที่18มี.ค. นี้

รายงานข่าวแจ้งต่อว่าส่วนสัญญาที่1 งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) 3 แห่ง ระยะทางประมาณ 97 กม. ก่อสร้างโดยบริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ขณะนี้มีผลการดำเนินก่อสร้าง 66% มีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จ 19 มี.ค.62 ตามสัญญา และตามแผนการรถไฟจะเป็นเดินรถได้ประมาณต้นปี 62

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย เป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่จำนวน 1 ทาง คู่ขนานไปกับทางเดิม เริ่มจากสถานีฉะเชิงเทรา ไปตามทางรถไฟสายตะวันออกเดิม (สายอรัญประเทศ) ผ่านสถานีบางน้ำเปรี้ยวถึงสถานีคลองสิบเก้า แยกขนานไปกับทางรถไฟสายคลองสิบเก้า-แก่งคอย ผ่านสถานีองครักษ์ วิหารแดง บุใหญ่ สุดปลายทางที่สถานีแก่งคอย ซึ่งผ่านพื้นที่ อ.เมือง และ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่ อ.องครักษ์ และ อ.บ้านนา จ.นครนายก และพื้นที่ อ.วิหารแดง อ.เมือง และ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 16/02/2018 7:07 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท. ทุ่ม 1 แสนล้าน ผุดรถไฟไฟฟ้า 4 เส้นทางเชื่อมกทม. กับ นครสวรรค์ โคราช หัวหิน และพัทยา
ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 - 18:32 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยทและมอบนโยบายการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ได้เร่งรัดให้รฟท. ยกระดับคุณภาพการให้บริการ โดยเร่งรัดทำโครงการเดินรถไฟด้วยระบบไฟฟ้า หรือรถไฟไฟฟ้า ทดแทนการเดินรถแบบระบบดีเซล เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี เพิ่มความสะดวกให้ประชาชนผู้ใช้บริการ ซึ่งจากการผลการศึกษาเบื้องต้น รฟท. แจ้งว่าจะทำโครงการรถไฟไฟฟ้าในจำนวน 4 เส้นทาง เชื่อม 4 ภูมิภาค คือ 1. กทม.-นครสวรรค์ 2. กทม.-นครราชสีมา 3. กทม.-หัวหิน และ 4. กทม.-พัทยา โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติงบประมาณในการออกแบบก่อสร้างประมาณ 100-200 ล้านบาท จากนนั้นจึงจะมาจัดลำดับความสำคัญว่าจะเริ่มก่อสร้างเส้นทางไหนก่อน

รายงานข่าวจากรฟท. แจ้งว่า การดำเนินโครงการรถไฟไฟฟ้า 4 เส้นทาง เป็นไปตามแผนวิสาหกิจของการรถไฟฯ ระหว่างปี 2560- 2564 ซึ่งจากผลการศึกษาระบุว่าโครงการรถไฟไฟฟ้าทั้ง 4 เส้นทาง มีความเหมาะสมในการดำเนินงาน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวม 100,907.57 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะเดินรถด้วยระบบไฟฟ้ารวม 885 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 1. เส้นทาง กทม.-นครสวรรค์ เส้นทาง เริ่มจาก ชุมทางบางซื่อ-ชุมทางบ้านภาชี-ปากน้ำโพ ระยะทางรวม 243 ก.ม. มีสถานีหยุดรถ 57 แห่ง

2. เส้นทางกทม.-นครราชสีมา ช่วงชุมทางบ้านภาชี-ชุมทางแก่งคอย-ชุมทางจิระ ระยะทาง 176 ก.ม. มีสถานีหยุดรถ 31 แห่ง 3. เส้นทางกทม.-หัวหิน ช่วง ชุมทางบางซื่อ-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 148 ก.ม. มีสถานีหยุดรถ 46 แห่ง แห่ง และ 4. เส้นทาง กทม.-พัทยา ช่วงชุมทางบางซื่อ-มักกะสัน-ฉะเชิงเทรา-พัทยา ระยะทาง 159 ก.ม. สถานีหยุดรถ 37แห่ง

“การยกระดับการเดินรถไฟดีเซลให้เป็นการเดินรถระบบไฟฟ้า สำหรับ 4 เส้นทางนำร่อง การรถไฟฯ จะต้องใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 100,907.57 ล้านบาท เพราะต้องมีการลงทุนซื้อหัวรถจักรไฟฟ้าใหม่มาวิ่งแทนรถดีเซล, ต้องปรับปรุงระบบบเดินรถ และติดตั้งระบบไฟฟ้าป้อนเข้าระบบ ติดตั้งระบบอาณัติสัญญา รวมทั้งสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟไฟฟ้าด้วย”

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรถไฟไฟฟ้าทั้ง 4 เส้นทาง จากการศึกษาพบว่ามีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจรวมทั้ง 4 เส้นทางค่อนข้างดี อยู่ที่ 13.84% โดยสามารถเรียงลำดับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากมากมาหาน้อยได้ดังนี้ 1. เส้นทางกทม.-หัวหิน อยู่ที่ 13.64% รองลงมาได้แก่ กทม.-โคราช อยู่ที่ 13.19% , กทม.-พัทยา 10.55% และ เส้นทาง กทม.-นครสวรรค์ อยู่ที่ 7.01%

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่ารฟท. กล่าวว่า รถไฟฯ จะเสนอโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และเส้นทางบ้านไผ่-นครพนม มูลค่ารวม 1.4 แสนล้านบาท ให้ ครม. เห็นชอบเดือนมี.ค. นี้ สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟส 2 ที่เหลืออีก 7 เส้นทาง จะเร่งจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมและทยอยเสนอให้ ครม. พิจารณาตั้งแต่เดือนเม.ย.-พ.ค.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 16/02/2018 7:14 pm    Post subject: Reply with quote

คมนาคมเร่ง ร.ฟ.ท.ขับเคลื่อนรถไฟทางคู่ เตรียมชง ครม.อนุมัติอีก 2 เส้นทาง
เผยแพร่: 16 ก.พ. 2561 17:10:00 โดย: MGR Online

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางมอบนโยบายผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยกำชับให้เร่งขับเคลื่อนโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 อยู่ระหว่างการก่อสร้างและระยะ 2 ซึ่งเดือนมีนาคมนี้ จะมีรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 อีก 2 เส้นทางเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติดำเนินการ คือ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม

นอกจากนี้ ยังกำชับให้เร่งนำผลศึกษาการนำหัวรถจักรไฟฟ้ามาใช้วิ่ง หลังจากก่อนหน้านี้ ร.ฟ.ท.ทำการศึกษาความเหมาะสมไปแล้ว ซึ่งการใช้หัวรถจักรไฟฟ้าจะมีส่วนสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อม ขณะที่แผนเบื้องต้น ร.ฟ.ท.ได้ศึกษาเส้นทางที่เหมาะสม สามารถนำหัวรถจักรไฟฟ้ามาวิ่งบริการได้ ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพฯ-นครสวรรค์ กรุงเทพฯ -นครราชสีมา กรุงเทพฯ หัวหิน และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา การเดินรถด้วยหัวรถจักรไฟ้ฟาต้องลงทุนเพิ่มทั้งหัวรถจักรและการปรับปรุงให้ทางรถไฟมีระบบเสาที่จ่ายไฟให้แก่หัวรถจักร โดยจะมีการพิจาณรายละเอียด เพื่อดำเนินการเส้นทางที่เหมาะสมเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งจาก 4 เส้นทาง เพื่อกำหนดงบประมาณการลงทุนอีกครั้ง

ส่วนการแก้ไขปัญหาขาดแคลนอัตรากำลังพล จากมติคณะรัฐมนตรีในอดีต จำกัดการรับพนักงานของ ร.ฟ.ท.แต่ละปีส่งผลให้ขณะนี้ขาดแคลนกำลังพล โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ขับหัวรถจักร แต่ในอนาคตการขยายงานรถไฟทางคู่และโครงการอื่น ๆ ร.ฟ.ท.มีความต้องการกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มอีกจำนวนมาก โดยมีความต้องการอัตรากำลังต่อปีไม่น้อยกว่า 19,000 คน ขณะที่ปัจจุบันมี 14,000 คน โดยกระทรวงคมนาคมจะเร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อปลดล็อกให้รับคนเพิ่มได้ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า รวมทั้งจะมีการยกระดับโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟที่เปิดสอนให้ได้มาตรฐานและสามารถผลิตบุคลากรต่อปีเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ โครงการรถไฟทางคู่ระยะ 2 จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเดือนมีนาคมนี้ สำหรับเส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กิโลเมตร งบลงทุนกว่า 85,000 ล้านบาท ขณะที่รถไฟทางคู่เส้นทางบางไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร งบลงทุนกว่า 60,000 ล้านบาท ส่วนการลงทุนเพื่อเดินหัวรถจักรไฟฟ้า ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการศึกษาพบว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งการซื้อหัวรถจักรไฟฟ้า การก่อสร้างทางที่จะต้องมีเสาจ่ายไฟและการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงหัวรถจักรดังกล่าวจะมีต้นทุนอยู่ที่ 150 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ขณะที่เส้นทางที่มีความเป็นไปได้จะมีการก่อสร้างมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ-นครสวรรค์ เนื่องจากเป็นเส้นทางสำคัญไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และรถไฟความเร็วสูงอยู่ระหว่างดำเนินการ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42629
Location: NECTEC

PostPosted: 16/02/2018 7:29 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
รฟท. ทุ่ม 1 แสนล้าน ผุดรถไฟไฟฟ้า 4 เส้นทางเชื่อมกทม. กับ นครสวรรค์ โคราช หัวหิน และพัทยา
ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 - 18:32 น.


รมว.คมนาคม เร่งรฟท. ลุยโครงการทางคู่-ศึกษาใช้รถไฟฟ้าแทนรถดีเซล เพื่อลดมลพิษ เบื้องต้นนำร่อง 4 เส้นทาง
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 18:12:53 น.
“อาคม” บี้งานรถไฟเร่งสร้างทางคู่-ปูพรมเดินรถด้วยระบบไฟฟ้า 4 สาย โคราช-หัวหิน-แปดริ้ว-นครสวรรค์
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 - 18:06 น.
"อาคม"สั่งนำร่องหัวรถจักรไฟฟ้า 4 เส้นทางหัวเมืองหลัก
วันที่ 16 ก.พ. 2561 เวลา 18:18 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบให้นโยบายให้กับผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า รฟท.จะต้องมีการยกระดับบริการ ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพิ่มบทบาทการขนส่งสินค้า ปัจจุบันปริมาณสินค้าที่มีการขนส่งจำนวน 500 ล้านตัน แต่ขนส่งทางรถไฟประมาณ 10 ล้านตัน หรือเพียง 1 ใน 50 ของปริมาณสินค้า โดยคาดว่า เมื่อการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 แล้วเสร็จจะเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าเป็น 20 ล้านตัน และเมื่อก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 แล้วเสร็จในปี 2565-2566 จะสามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าเป็น 30 ล้านตัน หรือไม่เกินปี 2570 ทั้งนี้จะต้องขึ้นกับจำนวนหัวรถจักรและแคร่สินค้าที่จะต้องเพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่ความคืบหน้าการลงทุนในการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่นั้น ช่วงที่ 1 มีระยะทาง 993 กม.วงเงิน 113,660 ล้านบาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างในช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น มีความคืบหน้า 52% กำหนดแล้วเสร็จ ก.พ.62, ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญา 1 คืบหน้า 66% แล้วเสร็จ ก.พ.62 สัญญาที่ 2 งานอุโมงค์ คืบหน้า 98% แล้วเสร็จ ก.พ.61

ส่วนรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 9 สัญญาที่ได้ลงนามไปเมื่อเดือน ธ.ค.60 ได้ทยอยเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.61 โดยจะแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปี 2565 ส่วนช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญา 2 ที่มีการปรับแบบนั้นจะเสนอ ครม.ขออนุมัติได้ในเดือน ส.ค.61

สำหรับรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 และสายใหม่ ระยะทาง 2,174 กม. วงเงิน 427,012 ล้านบาท คาดว่า ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในเดือน มี.ค.61 ส่วนอีก 7 เส้นทางอยู่ระหว่างทำข้อมูลเพิ่มเติมให้สภาพัฒน์ คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.61 เป็นต้นไป

ส่วนรถไฟทางคู่ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นทางรถไฟสายใหม่ที่เป็นฟีดเดอร์ 14 เส้นทาง วงเงินประมาณ 501,455 ล้านบาท ได้เร่งรัดให้ รฟท.ศึกษาออกแบบให้เสร็จในปี 2561-2562 เช่น ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม, แม่สอด-ตาก-กำแพงเพชร-นครสวรรค์, ช่วงนครสวรรค์-บ้านไผ่, ศรีราชา-ระยอง, มาบตาพุด-ระยอง-จันทบุรี-ตราด,กาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน, กาญจนบุรี-สุพรรณบุรี-บ้านภาชี, อุบลราชธานี-ช่องเม็ก, ศรีสะเกษ-ยโสธร-ร้อยเอ็ด, เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, ชุมพร-ระนอง, สุราษฏร์ธานี-ดอนสัก, สุราษฏร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น, ทับปูด-กระบี่

ส่วนบทบาทด้านการเดินทางของผู้โดยสารนั้น รมว.คมนาคม กล่าวว่า มีการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟทางคู่ได้ลงนามสัญญากับผู้รับเหมาเพื่อก่อสร้างแล้ว 7 เส้นทาง จะเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งผู้โดยสารด้วย จากปัจจุบันขนส่งผู้โดยสารที่ 35 ล้านคนต่อปี คาดว่าปี 2570 เมื่อรถไฟทางคู่เสร็จหมด จะเพิ่มการขนส่งผู้โดยสารเป็น 70 ล้านคน หรือมากขึ้นอีก 2 เท่า

นอกจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงด้านบริการ จากปัจจุบันที่มีประเภทรถด่วน รถด่วนพิเศษ รถเร็ว รถธรรมดา รถชานเมือง ฯลฯ ซึ่งได้ให้นโยบายในการแบ่งประเภทของบริการใหม่เป็น 4 รูปแบบ คือ 1.Premium Train เป็นบริการที่ต้องการใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง

2.Overnight Train สำหรับการเดินทางไม่เร่งรีบมาก ใช้รถไฟปกติซึ่งปัจจุบันเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ได้ปรับลดเวลาเดินทางจาก 14 ชม.เหลือ 12 ชม. จากการปรับปรุงทางเปลี่ยนรางและหมอนคอนกรีต ทำให้รถเพิ่มความเร็วได้เป็น 80-90 กม./ชม. ในอนาคตเมื่อรถไฟทางคู่แล้วเสร็จ จะลดระยะเวลาเดินทางเหลือ 7 ชม.เท่านั้น สามารถปรับตารางการเดินทางให้สอดคล้องกับความต้องการผู้โดยสารได้มากขึ้น

3.ประเภทรถไฟบริการระหว่างเมือง เช่น กรุงเทพ-นครสวรรค์, กรุงเทพ-ขอนแก่น, กรุงเทพ-บุรีรัมย์ หรือจากบุรีรัมย์-สุรินทร์, บุรีรัมย์-อุบลราชธานี, ขอนแก่น-หนองคาย เป็นต้น ซึ่งเป็นรถไฟที่ไม่ต้องการความเร็วมากนัก 3. ประเภทรถไฟชานเมือง รถไฟในเมือง หรือ Commuter Train เช่นรถไฟสายสีแดง ซึ่งในแต่ละประเภทจะแบ่งชั้นในการให้บริการ เป็น ชั้นธุรกิจ ชั้นประหยัด ได้อีก

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ รฟท.ยกระดับบริการจากรถไฟดีเซลเป็นรถไฟฟ้า เพื่อลดปัญหามลพิษ ซึ่ง รฟท.อยู่ระหว่างศึกษาการใช้หัวรถจักรไฟฟ้า เบื้องต้นจะนำร่อง 4 เส้นทาง กรุงเทพ-นครราชสีมา, กรุงเทพ-หัวหิน, กรุงเทพ-นครสวรรค์, กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพในการยกระดับเป็นหัวจักรไฟฟ้า ซึ่งในเส้นทางจะมีบริการรถไฟดีเซลในปัจจุบันร่วมด้วย

ส่วนการเพิ่มบุคลากรนั้น รฟท.ได้เสนอของยกเว้นมติครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 ที่จำกัดการรับพนักงานเพิ่มได้ 5% ของพนักงานเกษียณอายุ ซึ่งได้เสนอเรื่องมากระทรวงคมนาคมแล้วเตรียมเสนอครม.ต่อไป นอกจากนี้จะมีการยกระดับโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ และการตั้งสถาบันวิจัยพัฒนาระบบราง ซึ่งมีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เป็นประธาน

ด้านนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า เรื่องการเดินรถไฟฟ้าใน 4 เส้นทางนั้นได้ตั้งงบศึกษาและออกแบบไว้แล้วประมาณ 100 ล้านบาทเศษ เพื่อคัดเลือกเส้นทางที่จะออกแบบ เนื่องจากต้องลงทุนในการติดตั้งเสาไฟฟ้า และสร้างโรงไฟฟ้าสำหรับจ่ายไฟฟ้าด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42629
Location: NECTEC

PostPosted: 16/02/2018 7:31 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
คมนาคมเร่ง ร.ฟ.ท.ขับเคลื่อนรถไฟทางคู่ เตรียมชง ครม.อนุมัติอีก 2 เส้นทาง
เผยแพร่: 16 ก.พ. 2561 17:10:00 โดย: MGR Online

รฟท.จ่อชงครม.อนุมัติสร้างรถไฟทางคู่ 9 เส้น

16 กุมภาพันธ์ 2561
รฟท. จ่อชงครม.อนุมัติสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 2 เส้นทาง จากทั้งหมด 9 เส้นทาง

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ว่า ในเดือนมีนาคมนี้ รฟท.จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 2 เส้นทาง จากทั้งหมด 9 เส้นทาง คือ 1.ทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ2.ทางคู่ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม โดยทั้ง 2 เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางรถไฟสายใหม่ ส่วนที่เหลืออีก 7 เส้นทางอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(ศสช.)พิจารณา โดยจะนำเสนอ ครม.อนุมัติเพื่อก่อสร้างได้ครบทั้งหมดในปีนี้แน่นอน

นายอาคม กล่าวว่า รฟท.ยังเตรียมยกระดับรถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ให้เป็นระบบรถไฟฟ้า รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทางให้เป็นระบบไฟฟ้าด้วย คือ 1.ทางคู่ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา
2.กรุงเทพฯ-หัวหิน
3.กรุงเทพฯ-นครสวรรค์ และ
4.กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา

เนื่องจากได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความคุ้มค่าในการปรับเป็นระบบไฟฟ้า ช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่วนจะเริ่มดำเนินการในเส้นทางไหนก่อน และจะเริ่มก่อสร้างได้เมื่อไหร่ต้องรอการศึกษาออกแบบก่อน

นายอาคม กล่าวว่า ทั้งนี้พบว่า รฟท.ยังต้องการบุคลากรเข้ามาดำเนินงานเพิ่มเติมให้ถึง 1.9 หมื่นคน จากปัจจุบันมี 1.02 หมื่นคน เพื่อรองรับระยะทางรถไฟที่จะมีเพิ่มมากขึ้นหลังจากการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 แล้วเสร็จ โดยเฉพาะพนักงานขับรถ ที่มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถรับบุคลากรเพิ่มเติมตามจำนวนที่ต้องการได้ เนื่องจากติดมติ ครม.ที่จำกัดการรับบุคลากรไว้อยู่ ดังนั้นคาดว่าเดือนมีนาคมนี้จะเสนอ ครม.เพื่อยกเลิกมติ ครม.เดิมเพื่อเปิดทางให้ รฟท.สามารถเพิ่มอัตรากำลังได้

นายอาคม กล่าวว่า ในส่วนของโรงเรียนวิศกรรมรถไฟนั้น จะมีการยกระดับเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านรถไฟ โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาให้กับ รฟท.เป็นหลัก แต่ก็จะเปิดกว้างให้กับผู้ที่ต้องการไปทำงานกับผู้ให้บริการรถไฟฟ้าต่างๆด้วย โดยได้มอบหมายให้คณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท.ไปพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ขณะเดียวกันก็มอบหมายนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานอนุกรรมการพัฒนาบุคลากรทางรางและงานวิจัยต่างๆด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 196, 197, 198 ... 388, 389, 390  Next
Page 197 of 390

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©