Power Van รถไฟไบโอดีเซล

[tong_sanam]

พอดีว่าเมื่อสักครู่ได้อ่านข่าวจากคอลัมน์ ประชาชื่น แล้วอยากนำมาลงให้สมาชิกได้อ่านกันครับ พยายามหารูปอยู่ครับ ในเน็ตมันไม่มี แต่ในหนังสือพิมพ์มีครับ


ไบโอดีเซลทหารเรือ ภารกิจสนองพระราชดำริ พระเจ้าอยู่หัว

โดย น.อ.วิพันธุ์ ชมะโชติ





"...เราจะใช้ไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าดีเซลแบบไบโอดีเซลแบบใช้ 10 เปอร์เซ็นต์ เราไม่ยอม เราจะไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ ไบโอดีเซลใช้น้ำมันแบบแก๊สโซฮอล์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่เข้าใจ..."

พระราชดำรัสบางตอนของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับพลังงานทดแทนไบโอดีเซล เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่เปรียบมิได้ และทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง กองทัพเรือตระหนักว่าการผลิตและการใช้น้ำมันไบโอดีเซลถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องดำเนินให้ลุล่วงและดำรงอยู่อย่างยั่งยืน เพื่อแก้ไขวิกฤตพลังงานของชาติอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับทหารเรือแล้วน้ำมันไบโอดีเซลไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะกองทัพเรือ โดย กรมอู่ทหารเรือได้เริ่มต้นงานวิจัยพัฒนาด้านพลังงานทดแทนเพื่อการผลิตไบโอดีเซลมาตั้งแต่ปี 2543

โครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จเป็นครั้งแรก วันที่ 11 พฤศจิกายน 2545 โดยกรมอู่ทหารเรือสามารถผลิตและนำน้ำมันไบโอดีเซล (B-100) มาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมกับก๊าซธรรมชาติในพาหนะขนาดใหญ่ ได้แก่ รถยนต์โดยสาร และรถบรรทุก ตลอดจนเรือเวรข้ามฝากเพื่อการขนส่งของกองทัพเรือ

พลเรือโทศาสตราจารย์เกียรติคุณ วีรวัฒน์ วงษ์ดนตรี เจ้ากรมอู่ทหารเรือ กล่าวว่า

"ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่วันแรกที่ประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนาเรื่องพลังงานทดแทนไบโอดีเซล กรมอู่ทหารเรือ โดยความร่วมมือสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก ได้ดำเนินการขยายผลจากความสำเร็จดังกล่าวไปสู่ความก้าวหน้าในการใช้น้ำมันไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงอย่างเป็นรูปธรรม"

การสนับสนุนและความร่วมมือที่กล่าวถึง ได้แก่ การลงนามระหว่างกองทัพเรือกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2546 โดยกรมอู่ทหารเรือได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นเงิน 4 ล้านบาท จากกระทรวงพลังงาน เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมในการผลิต และการใช้น้ำมันไบโอดีเซลจากพืชน้ำมันและไขมัน



โดยนำไปใช้จัดหาวัสดุและครุภัณฑ์ในการสร้างต้นแบบระบบผลิตไบโอดีเซล ขนาด 400 ลิตรต่อครั้ง จำนวน 1 ชุด อีกทั้งใช้ในกระบวนการผลิตไบโอดีเซล รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายในการทดสอบการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไบโอดีเซลกับรถยนต์บรรทุกเล็กต้นแบบ ซึ่งเป็นรถยนต์เก่าจำนวน 4 คัน

กรมอู่ทหารเรือยังได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง กลุ่มบริษัทแสงโสม บริษัทราชาไบโอ-ดีเซล จำกัด และมูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทน เอทานอล-ไบโอดีเซลแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการสร้างโรงงานและติดตั้งระบบผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง ขนาด 2,000 ลิตรต่อวัน ในวังสวนจิตรลดา โดย พลเรือเอกชุมพล ปัจจุสานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้น ได้นำคณะเข้าเฝ้าฯน้อมเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2547

ต่อมาในวันที่ 25 มิถุนายน 2547 กองทัพเรือก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง โดยได้ร่วมลงนามกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย เพื่อความร่วมมือทางวิชาการด้านการศึกษาวิจัยพัฒนาและสาธิตการใช้ไบโอดีเซลร่วมกับก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ดีเซล

ในการนี้ กระทรวงพลังงานได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 9 ล้านบาท นำไปใช้ในการดำเนินโครงการ โดยส่วนหนึ่งใช้ในการจัดหารถตู้ปรับอากาศขนาดเล็ก และรถยนต์บรรทุกเล็ก รวม 4 คัน ซึ่งเป็นรถใหม่ป้ายแดง เพื่อนำมาใช้ในการศึกษาและสาธิตการใช้ไบโอดีเซลร่วมกับก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง

โดยกรมอู่ทหารเรือทำการติดตั้งอุปกรณ์การใช้ก๊าซธรรมชาติพร้อมปรับแต่งเครื่องยนต์ดีเซลให้สามารถใช้ระบบเชื้อเพลิงร่วม (Duel Fuel) ไบโอดีเซล ร่วมก๊าซธรรมชาติในอัตราส่วน 40 ต่อ 60 และทดลองวิ่งในระยะทาง 50,000 กิโลเมตร

เมื่อการทดลองเสร็จสิ้น กรมอู่ทหารเรือ ได้ส่งมอบรถยนต์ป้ายแดงทั้ง 4 คัน ให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบสภาพของเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ของรถทดสอบแต่ละคัน

ผลปรากฏว่าอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ยังคงมีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่พบความเสียหายใดๆ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านเชื้อเพลิงลงได้ประมาณร้อยละ 60
ปีรุ่งขึ้น กรมอู่ทหารเรือ ได้เข้าร่วมในการจัดทำโครงการไบโอดีเซลชุมชน ที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โดยนำต้นแบบระบบผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่องขนาด 6,000 ลิตรต่อวัน ไปติดตั้งในโรงงานดังกล่าว เมื่อ 11 มิถุนายน เพื่อให้ชุมชนในท้องถิ่นสามารถพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานทดแทนได้อย่างสมบูรณ์

ซึ่งระบบผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่องที่กล่าวมาข้างต้น กรมอู่ทหารเรือได้จดสิทธิบัตรไว้มื่อเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน

สำหรับในปีมหามงคลเนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี กรมอู่ทหารเรือ ได้เข้าร่วมในโครงการสาธิตไบโอดีเซลสำหรับชุมชนแบบครบวงจรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และได้ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2550 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป

กรมอู่ทหารเรือได้ลงนามร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน เพื่อร่วมกันในการสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลแบบต่อเนื่อง อัตราการผลิต 20,000 ลิตรต่อวัน ที่ ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี

ระบบการผลิตไบโอดีเซลดังกล่าว กรมอู่ทหารเรือได้ออกแบบขึ้นเอง และติดตั้งไว้ในกรมอู่ทหารเรือเช่นกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า กล่าวคือมีอัตราการผลิต 2,000 ลิตรต่อวัน เพียงพอที่จะใช้กับพาหนะของกรมอู่ทหารเรือและหน่วยงานข้างเคียง

งานด้านไบโอดีเซลที่สำคัญอีกงานหนึ่งในปี 2550 ก็คือ กรมอู่ทหารเรือได้ให้การสนับสนุนการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการทดสอบการใช้น้ำมันไบโอดีเซล โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมปรับปรุงเครื่องขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งติดตั้งอยู่ในรถ Power Van ของขบวนรถไฟพระที่นั่ง

ผลการทดสอบปรากฏว่าการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันไบโอดีเซลเป็นไปอย่างน่าพอใจ กล่าวคือ รถไฟพระที่นั่งสามารถใช้งานได้ตามปกติ อีกทั้งยังให้กำลังขับเพิ่มมากขึ้นประมาณร้อยละ 12 และช่วยลดควันดำได้ร้อยละ 60 อันหมายถึงว่าในอนาคตการรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถจัดขบวนรถไฟพระที่นั่งโดยใช้ไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงได้อย่างภาคภูมิใจ

พลเรือโทวีรวัฒน์ เจ้ากรมอู่ทหารเรือ กล่าวต่อว่า อีกภารกิจหนึ่งที่เป็นงานต่อเนื่องจากปี 2550 ก็คือ การวิเคราะห์ค่าความเสถียรของน้ำมันไบโอดีเซลในเรือรบ ซึ่งกรมอู่ทหารเรือเคยศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ปี 2549 และสานต่อมาจนถึงปี 2550

โดยติดตั้งถังทดสอบน้ำมันไบโอดีเซลในเรือตรวจการณ์ปืน ทั้งบนดาดฟ้าและในห้องเครื่องจักร เพื่อศึกษาค่าความเสถียรไบโอดีเซลเมื่อต้องอยู่ในสภาพการใช้งานในเรือรบกลางทะเล เป็นเวลาประมาณ 4 เดือน

ผลที่ได้จากการวิเคราะห์จะนำไปสู่แนวคิดและบทสรุปของการใช้ไบโอดีเซลชนิด B-100 ในเรือรบที่ออกปฏิบัติการในทะเลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป รวมทั้งเป็นการก้าวไปสู่จุดเริ่มต้นของการศึกษาออกแบบและกำหนดคุณลักษณะของเรือรบที่จะใช้พลังงานทดแทนไบโอดีเซลอย่างสมบูรณ์แบบในอนาคต

นับจากวันที่ 9 มกราคม 2433 ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาเปิด "อู่หลวง" ของสยามประเทศ อันเป็นรากฐานของกิจการซ่อมสร้างเรือแบบโบราณและดำรงอยู่อย่างยั่งยืนจนกระทั่งอู่หลวงในอดีตกลายมาเป็น "กรมอู่ทหารเรือ" ในปัจจุบัน

ภารกิจในปีที่ 118 ของหน่วยงานแห่งนี้ จึงมิได้มีเพียงการซ่อมบำรุงเรือทุกลำของราชนาวี และการสร้างเรือรบทั้งเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งและใกล้ฝั่งลำใหม่เท่านั้น

หากแต่ภารกิจของกรมอู่ทหารเรือยังรวมถึงการขับเคลื่อนและสานต่อโครงการวิจัยพัฒนาพลังงานทดแทนที่รู้จักกันในนาม "ไบโอดีเซลทหารเรือ" ด้วย

พลังงานจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานสู่ปวงชนชาวไทย เพื่อการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนทั้งในวันนี้..และในอนาคต


ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10904 หน้า 33


ปล. สมาชิกท่านใดมีรูปก็นำมาลงให้ผมดูบ้างนะครับ
_________________


"ที่นี่สถานีชุมทางสนามชัยเขต
ท่านที่จะเดินทางไป จันทบุรี ตราด
โปรดข้ามไปรอการโดยสารในชานชาลาที่ 2"

[tong_sanam]

เจอแล้วครับ แต่ว่าไม่ใช่ภาพปัจจุบันนะครับ


_________________


"ที่นี่สถานีชุมทางสนามชัยเขต
ท่านที่จะเดินทางไป จันทบุรี ตราด
โปรดข้ามไปรอการโดยสารในชานชาลาที่ 2"

[tong_sanam]

ขอบคุณภาพของคุณ OutRunners ด้วยครับ
_________________


"ที่นี่สถานีชุมทางสนามชัยเขต
ท่านที่จะเดินทางไป จันทบุรี ตราด
โปรดข้ามไปรอการโดยสารในชานชาลาที่ 2"

[Nakhonlampang]

ภาพนี้เป็นภาพรถพระที่นั่งครับ ไม่ใช่ power van

[nathapong]

[the_nut]

ใช่อันนี้มั้ยเอ่ยยย ว่าแต่ตอนนี้รู้สึกหน้ารถปัจจุบันนี้จะทาเป็นสีเหลืองหมดแล้วนะครับ
_________________

[tong_sanam]

[Compressor]

เอ หรือจะเป็น บฟก. กันแน่อ่ะ

[OutRun]

[KTTA-50-L]

ตั้งสติ เตรียมข้อมูล ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนถูกต้อง ก่อนที่จะโพสต์
_________________
The Guardian of Rotfaithai.Com