รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล

[Mongwin]

นับถอยหลังรถไฟฟ้า "รัฐบาลบิ๊กตู่" สายไหนเปิดหวูด-ตอกเข็ม-จ่อประมูล
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 24 พ.ค. 2558 เวลา 08:20:27 น.

นับถอยหลังจากนี้ถึงพฤษภาคม 2559 ถ้าเป็นตามโรดแมปการเมืองจะมีการเลือกตั้ง จะเป็นเวลา 1 ปีพอดี ที่ "รัฐบาลประยุทธ์" เร่งสร้างผลงาน และรถไฟฟ้าสารพัดสีเป็นหนึ่งในไฮไลต์ มี "พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" เจ้ากระทรวงคมนาคมกำกับ



ธ.ค. 58 ทดสอบเดินรถสีม่วง

เริ่มจากสาย "สีม่วง" บางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร งานโครงสร้างเสร็จ 98.35% "บิ๊กจิน" อยากจะตัดริบบิ้นทันรัฐบาลชุดนี้ ล่าสุดย้ำชัดรถไฟฟ้า 3 ขบวนแรก จะถึงไทยตุลาคมนี้ ทดลองเดินรถธันวาคมนี้ โดยสารฟรี 6 เดือน และเปิดบริการเชิงพาณิชย์ 12 สิงหาคม 2559

"พล.อ.อ.ประจิน" ระบุว่า สายสีม่วงจะเปิดบริการเร็วขึ้น จากเดิมคาดจะเปิดบริการเชิงพาณิชย์สิงหาคม 2559 เป็นเดือนมีนาคม 2559 โดยจะรับมอบรถในเดือนกันยายน 2558 เริ่มทดสอบเสมือนจริง (บริการฟรี) ตั้งแต่ 5 ธันวาคมนี้ นาน 4 เดือน จากเดิม 6 เดือน สาย "ต่อขยายสีน้ำเงิน" ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค 27 กิโลเมตร งานก่อสร้างคืบหน้า 62.18% ล่าช้า 0.4% หลังเคลียร์พื้นที่ทับซ้อนอุโมงค์แยกไฟฉายและบางพลัดได้

ส่วนการเดินรถจะเจรจา "บีเอ็มซีแอล-บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ" รับสัมปทานเดิม ตามที่ "บิ๊กคมนาคม" อยากให้เดินรถต่อเนื่อง หากเป็นรายเดิมจะทยอยเปิดบริการได้เป็นช่วง ๆ ปี 2560

ทาง รฟม.กำหนดเวลาเปิดเดินรถตลอดสาย 1 เมษายน 2562 โดยการดำเนินการสัญญา 6 (ระบบเดินรถ) ต้องใช้เวลา 1,200 วัน จึงต้องเซ็นสัญญา 1 ธันวาคม 2558 และแล้วเสร็จภายใน 12 มีนาคม 2562

เปิดหวูดสายสีน้ำเงิน 2 ระยะ

ด้าน "รฟม." กำหนดเปิดเดินรถตลอดสาย 1 เมษายน 2562 โดยสัญญา 6 (ระบบเดินรถ) จะต้องเซ็นสัญญา 1 ธันวาคม 2558 แล้วเสร็จ 12 มีนาคม 2562แผนเปิดเดินรถแบ่งเป็น 2 ระยะ คือระยะที่ 1 เปิดเดินรถช่วงหัวลำโพง-หลักสอง 1 กันยายน 2561 (งานระบบรางช่วงนี้แล้วเสร็จ 31 พฤษภาคม 2560)ระยะที่ 2 เปิดเดินรถช่วงเตาปูน-ท่าพระ 1 เมษายน 2562 ตลอดสายยกเว้นสถานีแยกไฟฉาย จะเปิดกันยายน 2562

สีแดง บางซื่อ-รังสิตŽ ยังอืด

ด้านสายสีแดงช่วง "บางซื่อ-รังสิต" 26 กิโลเมตร ของ ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย ผลงานหลุดเป้าคืบหน้า 16% แยกเป็นสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ-ศูนย์ซ่อมบำรุง คืบหน้า 22.04% สัญญา 2 งานก่อสร้างทางคืบหน้า 38.71%

ส่วนสัญญาที่ 3 งานติดตั้งระบบรถไฟฟ้ากำลังต่อรองราคา เพราะผู้รับเหมาเสนอเกินกรอบวงเงินเท่าตัว ต้องจับตา "ร.ฟ.ท." จะเร่งเสร็จทันเมษายน 2560 หรือไม่

สีเขียวปากน้ำฉลุย

"สายสีเขียว" ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 12.8 กิโลเมตร เริ่มสร้างมีนาคม 2555 ผลงาน 54.95% ล่าช้าไม่ถึง 1% กำหนดเปิดใช้กุมภาพันธ์ 2563 จะหาเอกชนเดินรถ คาดว่าเป็น "บีทีเอส-บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ" เจ้าของสัมปทานบีทีเอสเดิม เพื่อให้เดินรถต่อเนื่อง

ส่วนสาย "หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต" 18.4 กิโลเมตร "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" จะตอกเข็มมิถุนายน 2558 เปิดใช้กุมภาพันธ์ 2563

ตั้งแท่น บิ๊กตู่Ž อนุมัติ 5 สาย

สำหรับโครงการใหม่ที่จะเสนอ ครม.ล่าสุด "กระทรวงคมนาคม" ย้ำว่า ในปีนี้จะเสนอ "ครม." อนุมัติ 5 สาย เงินลงทุนรวม 297,114 ล้านบาท ได้แก่
1) สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 36 กิโลเมตร วงเงิน 56,725 ล้านบาท
2) สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) 20 กิโลเมตร วงเงิน 110,325 ล้านบาท
3) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) 30.4 กิโลเมตร วงเงิน 54,768 ล้านบาท
4) สายต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-ดอนเมือง) 21.8 กิโลเมตร เงินลงทุน 31,139 ล้านบาท และ
5) สายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก และบางซื่อ-หัวลำโพง) 25.9 กิโลเมตร วงเงิน 44,157 ล้านบาท จะประมูลก่อสร้างต้นปี 2559 เปิดบริการปี 2563

ขณะที่ความคืบหน้าทุกสาย ยังไม่เสนอครม. เพราะบางสายทบทวนรูปแบบ ต้องลุ้นจะปักตอม่อครบทุกสีหรือไม่

[Mongwin]

"คมนาคม"ยันไม่ปรับแนวรถไฟฟ้าสีส้ม ย้ำรฟม.ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤษภาคม 2558 20:30 น.



“ประจิน”ยันไม่ปรับแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชี้เส้นทางเดิมเป็นไปตามแผนแม่บท เหมาะสมที่สุดแล้ว เสนอคจร.ชี้ขาด 10 มิ.ย.นี้ กำชับรฟม. ทำความเข้าใจประชาชน ระบุอาจมีการให้ข้อมูลเวนคืนที่คลาดเคลื่อน

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลัวประชุมร่วมกับผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) วันนี้ (26 พ.ค.) ว่า ได้หารือถึงกรณีที่คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ที่มี พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็นประธาน มีมติให้ปรับแนวเส้นทางโครงการ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงที่ผ่าน ชุมชนประชาสงเคราะห์-สถานีศูนย์วัฒนธรรม เดิม เป็น แนวใหม่ โดยให้ผ่านดินแดง-ถนนพระราม 9 แทน โดยกระทรวงคมนาคมยืนยันว่า รฟม.ควรดำเนินการตามเดิม โดย ประเด็นนี้ จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการจัดการระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณา ซึ่งคจร.จะมีการประชุมในวันที่ 10 มิ.ย. 2558 โดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในที่ประชุม

ทั้งนี้ หาก คจร.เห็นชอบให้รฟม.ดำเนินโครงการตามแนวเส้นทางเดิมซึ่งเป็นไปตามแผนแม่บท จะสามารถเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติได้ทันที โดยจะเสนอครม.เพื่อขออนุมัติทั้งโครงการ ซึ่งมีด้านตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างก่อนเป็นเฟสแรก และด้านตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม

หาก มีการปรับแนวเส้นทาง ด้านตะวันตก ซึ่งจะก่อสร้างเป็น เฟส 2 จะทำให้เกิดความล่าช้าทั้งโครงการ เนื่องจากต้องดำเนินการตามขั้นตอนใหม่ทั้งหมด คือ จัดทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) บริเวณแนวที่ปรับใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน- 1 ปี และต้องเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ใหม่ จึงจะเสนอครม.ได้ และที่สำคัญ แนวเส้นทางที่ปรับใหม่ ต้องทำการเวนคืนจำนวน 184 หลังคาเรือน

“ปัญหาที่มีการคัดค้านในขณะนี้ เนื่องจากชุมชนประชาสงเคราะห์กำลังเข้าใจผิด ว่าถ้า รฟม.ทำตามแนวเส้นทางเดิมจะต้องทำการเวนคืนถึง 1,000 หลังคาเรือน ทั้งที่ความจริงเวนคืนแค่ 184 หลังคาเรือนเท่านั้น เนื่องจากมีผู้เข้าไปให้ข้อมูลผิดๆกับประชาชน ดังนั้น รฟม.ก็ต้องเร่งแก้ปัญหาตรงนี้ ต้องรีบทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะสายสีส้มมีการศึกษาเส้นทางมาตั้งแต่ปี 2539 รับฟังความเห็นเสร็จปี 2545 ก็ออกมาเป็นแนวเส้นทางอย่างที่เห็น พอมาปี 2554 มีการศึกษาใหม่ ก็ยังเป็นแนวเดิมอยู่ แต่พอปี 2556 กลับมาเสียงประท้วงจากประชาชนว่าได้รับความเดือดร้อน” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว

[Wisarut]

ยังไม่เคาะจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีส้ม "บี๊กจิน" โยนคจร.ทุบโต๊ะ10 มิ.ย. หวั่นดึงโครงการดีเลย์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
26 พฤษภาคม 2558 เวลา 18:14:14 น.


พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 10 มิถุนายน 2558 กระทรวงคมนาคมจะเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.) มีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นประธาน เพื่อพิจารณาแนวเส้นทางก่อสร้างระยะแรก ระหว่างแนวเส้นทางเดิมจากศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ระยะทาง 21 กิโลเมตรและเส้นทางใหม่จากพระราม9-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ระยะทาง 20 กิโลเมตร หลังคณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)มีมติเห็นชอบหลังมีประชาชนกลุ่มหนึ่งเรียกร้องว่าได้รับผลกระทบและนำเสนอกระทรวงจะขอปรับเส้นทางใหม่ เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอนุมัติโครงการ

แต่ทางกระทรวงมีข้อเห็นแย้ง เนื่องจากแนวเส้นทางเดิมได้ผ่านการพิจารณาสภาพัฒน์ฯและรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) แล้ว และบรรจุไว้ในแผนแม่บทรถไฟฟ้า ขณะที่แนวเส้นทางใหม่ที่บอร์ดรฟม.เสนอนั้น จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งการขออนุมัติจากสภาพัฒน์ฯ อีเอไอ ซูเปอร์บอร์ด จะใช้เวลาดำเนินการอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีครึ่ง คงไม่ใช่ 2-3 เดือนอย่างที่เข้าใจกันแต่แรก และหากต้องไปเริ่มต้นใหม่ จะทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามที่กำหนดไว้

“กระทรวงจะทำข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียแนวเดิมและแนวใหม่ให้คจร.พิจารณาอนุมัติ เนื่องจากกระทรวงไม่สามารถตัดสินใจได้เอง เพราะยังมีข้อข้องใจอยู่ โดยข้อมูลที่นำเสนอจะเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่วนค่าก่อสร้างแนวเก่ากับแนวใหม่อยู่ที่ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท ต่างกันประมาณ 4 พันกว่าล้านตามความยากง่ายในการก่อสร้าง“

สำหรับข้อแตกต่างของทั้ง 2 แนว โดยแนวเส้นทางใหม่ จะมีราคางานก่อสร้างโยธาแพงกว่าเส้นทางเดิมเล็กน้อย ใช้ระยะเวลาก่อสร้างมากขึ้น เนื่องจากอยู่ในแนวที่มีโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคหลักอยู่จำนวนมาก จะต้องปรับเส้นทางการจราจรใหม่ระหว่างก่อสร้างจะต้องเคลียร์พื้นที่ มีผู้เดือดร้อนจำนวน 184 รายเท่ากับเส้นทางเดิม ขณะที่เส้นทางเก่าการก่อสร้างจะยุ่งยากน้อยกว่าแนวใหม่เล้กน้อย มีผลกระทบต่อการจราจรบางส่วนช่วงถนนประชาราษฎร์ และสถานีศูนย์วัฒนธรรมเป็นเซ็นเตอร์ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สายคือสายสีส้มและรถไฟฟ้าใต้ดินเดิม

[Wisarut]

ประจินคจร.เคาะสายสีส้ม เปิดใช้ระบบตั๋วร่วมม.ค.59
ไทยโพสต์
พุธที่ 27 พฤษภาคม 2558 เวลา 00:07

“ประจิน” เสนอ คจร.เคาะ เลือกเส้นทางเดินรถสายสีส้ม 10 มิ.ย.นี้ ระหว่างแนวเส้นทางเดิมและใหม่ พร้อมชี้แจงรายละเอียดที่มาที่ไป สนข. เดินหน้าระบบตั๋วร่วม คาดเปิดใช้ ม.ค.59 ยันไม่เปิดฟรีค่าแรกเข้าระบบตั๋วร่วม หวั่นกระทบผู้ประกอบการ จ่อลด 20-30% จูงใจใช้บริการขนส่งสาธารณะเพิ่ม

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ในวันที่ 10 มิ.ย.58 นี้ ที่มีนายปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นประธาน จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม ว่าจะใช้แนวเส้นเดิมหรือปรับเส้นทางใหม่ โดยเฉพาะช่วงระหว่างดินแดง-ประชาสงเคราะห์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ซึ่งเป็นเส้นทางเดิน กับเส้นทางใหม่ ซึ่งจะไม่ผ่านประชาสงเคราะห์ แต่จะผ่านดินแดง-พระราม 9

“หาก คจร.เห็นชอบแนวเส้นทางเดิม ก็สามารถเริ่มต้นเข้า ครม.ได้เลย เนื่องจากผ่านกระบวนการต่างๆ ครบหมดแล้ว แต่ถ้าเลือกแนวเส้นทางใหม่ก็ต้องเริ่มขบวนการใหม่ทั้งหมด ทำให้เกิดความล่าช้าการเสนอเข้า คจร. เนื่องจากกระทรวงตัดสินใจเองไม่ได้ จึงให้ คจร.ตัดสินใจ หน้าที่ของกระทรวงก็จะเสนอข้อเท็จจริง ความเป็นมาเป็นไป เส้นทางเดิมเป็นอย่างไร เส้นทางใหม่มีผลกระทบอะไรตามมา และเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรในปี 2557-2558 ที่ผ่านมา“ พล.อ.อ. ประจิน กล่าว

นายเผด็จ ประดิษฐ์เพชร ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดค่าแรกเข้าของโครงการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ โดยเบื้องต้นเห็นว่าจะไม่สามารถเปิดให้บริการฟรีค่าแรกเข้าได้ แต่อาจเสนอให้มีการปรับลดค่าแรกเข้าลงประมาณ 20-30% เพื่อเป็นส่วนลดให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะแทน เนื่องจากจะกระทบกับผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะเป็นอย่างมาก

รายงานข่าวแจ้งว่า ระบบตั๋วร่วมมีกำหนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2559 เร็วกว่าเดิมที่จะเปิดบริการเดือน ส.ค.2559 ส่วนการจัดตั้งบริษัทจำกัดขึ้นมาทำหน้าที่บริหารจัดการนั้น จะมีรัฐบาลถือหุ้นไม่เกิน 50% ส่วนที่เหลือจะเปิดให้เอกชนทั้งในและต่างประเทศสามารถเข้าแข่งขันประมูลเพื่อร่วมทุนได้ เบื้องต้นจะมีเม็ดเงินลงทุนจัดตั้งบริษัทประมาณ 559 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ.
+++++++++++++++++++++++++



รายงานความก้าวหน้าโครงการโครงการรถไฟฟ้า
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=pLWqxnZJqSg
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=q8GibqXDvP4

[Wisarut]

"คมนาคม"จ่อสร้างรถไฟสีส้มแนวเดิม ลุ้น 10มิ.ย.นี้"หม่อมอุ๋ย"ชี้ขาด
มติชน
วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11:59:16 น.


พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 35 กิโลเมตร ว่า ได้สั่งการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เตรียมข้อมูลการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงแรก คือ ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 21 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแนวเส้นทางเดิมที่เคยศึกษาไว้ และช่วงพระราม 9-มีนบุรี ระยะทาง 20 กิโลเมตร ที่ได้ปรับใหม่ เพื่อชี้แจงต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ เพื่อหาข้อสรุป หากเลือกแนวเส้นทางเดิมจากศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเดินหน้าโครงการได้ทันที แต่หากเลือกแนวเส้นทางพระราม 9-มีนบุรี ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด คาดว่าต้องใช้เวลา 6-12 เดือน

นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า ค่าก่อสร้างแนวเส้นทางใหม่และเก่าจะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก อยู่ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท แต่แนวเส้นทางใหม่ได้มีการปรับลดระยะทางลงประมาณ 800 เมตร หรือ 1 สถานี

นายเผด็จ ประดิษฐ์เพชร ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า การพิจารณากำหนดค่าแรกเข้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ เบื้องต้นอาจไม่สามารถเปิดให้บริการฟรีค่าแรกเข้าได้ แต่อาจเสนอให้ปรับลดค่าแรกเข้าลง 20-30% เพื่อเป็นส่วนลดให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะแทน เพราะหากเปิดฟรีค่าแรกเข้าจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ ทั้งนี้ ระบบตั๋วร่วมใช้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ โดยในส่วนของรถไฟฟ้าบีทีเอสคงไม่มีปัญหา แต่รถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ต้องมีการพัฒนาระบบร่วมกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า ระบบตั๋วร่วมกำหนดเปิดให้บริการเดือนมกราคม 2559 เร็วกว่ากำหนดการเดิมเดือนสิงหาคม 2559 ส่วนการจัดตั้งบริษัทจำกัดเพื่อบริหารจัดการรัฐบาลถือหุ้นไม่เกิน 50% ส่วนที่เหลือจะเปิดให้เอกชนเข้าประมูล เบื้องต้นมีเม็ดเงินลงทุน 559 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

//--------------

อลวนแผนสร้างรถไฟฟ้าสีส้ม

เดลินิวส์
วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2558 เวลา 6:32 น.

“ประจิน”โยน คจร.-หม่อมอุ๋ย ฟันธงเลือกเส้นทาง 10 มิ.ย.นี้ ลุ้นเวนคืนผ่านศูนย์วัฒนธรรมหรือพระราม 9 ชาวบ้านโวยผลกระทบอื้อ แต่คมนาคมยันแค่ 184 ราย

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังประชุมหารือโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ว่า ได้สั่งการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และที่ปรึกษา ไปเตรียมข้อมูลการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงแรก คือ ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 21 กม. ซึ่งเป็นแนวเส้นทางเดิมที่เคยศึกษาไว้ และช่วงพระราม 9-มีนบุรี ระยะทาง 20 กม. ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ พิจารณาว่าจะเลือกแนวเส้นทางเดิมหรือเส้นทางใหม่

สำหรับแนวเส้นทางเดิม จากศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ได้ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และผ่านรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) หากที่ประชุมเลือกแนวเส้นทางนี้ ก็นำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.เพื่อเดินหน้าโครงการต่อไปได้ทันที โดยแนวเส้นทางนี้จะเชื่อมต่อกับช่วงที่ 2 จากศูนย์วัฒนธรรม จะผ่านพื้นที่ประชาสงเคราะห์-ดินแดง-ประตูน้ำ-ตลิ่งชัน แต่หากเลือกแนวเส้นทางใหม่พระราม 9-มีนบุรี จะต้องเริ่มต้นประบวนการใหม่ทั้งหมด เพราะจะเปลี่ยนแนวเส้นทาง จากดินแดงไปพระราม 9 แทน ผ่านเข้าไปพื้นที่ประชาสงเคราะห์ โดยต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของสศช. ต้องทำอีไอเอ และต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)ด้วย คาดว่าต้องใช้เวลา 6-12 เดือน จึงแล้วเสร็จ “ที่ผ่านมา ได้เปิดรับความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ประชาสงเคราะห์ไปแล้ว ตั้งแต่ปี 39-45 ซึ่งได้รับความเห็นชอบกับเส้นทางเดิม จากนั้นปี 54-55 ได้เปิดรับฟังอีกประชาชน ก็ยังเห็นชอบเหมือนเดิม แต่ปี 56เข้าใจว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบถึง 1,000ครอบครัว จึงออกมาต่อต้าน ให้ปรับเปลี่ยนแนวเส้นทางใหม่ ดังนั้น รฟม.จึงได้ปรับเปลี่ยน ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง มีเพียง 184 รายเท่านั้น อยู่ในระดับใกล้เคียงกับแนวเส้นทางใหม่ แต่แนวเส้นทางใหม่นั้น จะส่งผลกระทบมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาการจราจร ค่าก่อสร้างสูงกว่าเล็กน้อย โดยในการประชุมจะสรุปชี้ขาดเลยเลยว่าเลือกเส้นทางไหน”

ด้านนายประทีป นิลวรรณ ประธานชุมชนซอยแม่เนี้ยว แยก 3 เขตดินแดง กล่าวว่า ได้รวมกับกลุ่มชาวดินแดง ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี เดินทางมาทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลเตรียมจะพิจารณากลับมาใช้เส้นทางผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์และชุมชนชานเมือง แทนแนวที่ปรับใหม่ จากถนนดินแดงถึงพระราม 9 ซึ่งคณะกรรมการรฟม.มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแนวใหม่ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชน และประหยัดค่าเวนคืน ค่าก่อสร้างกว่า 2,000 ล้านบาท รวมทั้งเส้นทางปรับใหม่นั้น รฟม.ได้ทำประชาพิจารณ์ และพิจารณาถึงความเหมาะสมแล้ว รวมถึงศึกษาออกแบบเส้นทางเสร็จแล้ว นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า แนวเส้นทางใหม่และเก่านั้น ค่าก่อสร้างจะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก โดยยังอยู่ที่ 9-9.5 หมื่นล้านบาท โดยแนวเส้นทางใหม่ได้ปรับลดระยะทางลง 800 เมตร หรือ 1 สถานี“

[Wisarut]

ถ้ายังไม่ได้ล้อรั้วก็อย่าหลงว่าเขาจะสร้าง
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=p6aaXXHBxn8

[Mongwin]

^^^
เห็นด้วยครับ
จะฉะชะฌะญะ

[Wisarut]

สนข.ชงตั้งบริษัทตั๋วร่วมมิ.ย.ดันเปิดใช้บริการก.พ.ปีหน้า
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
02 มิถุนายน 2558

สนข. หวังเสนอครม.จัดตั้งบริษัทบริหารตั๋วร่วม ได้เดือน มิ.ย. 58 เร่งเปิดบริการต้นปี 59 ยันไม่เปิด ฟรีค่าแรกเข้าระบบตั๋วร่วม หวั่นกระทบผู้ประกอบการ จ่อลด20-30%จูงใจใช้บริการขนส่งสาธารณะเพิ่ม

นายเผด็จ ประดิษฐ์เพชร ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการจัดตั้งบริษัทบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม และศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (CTC)โดยจะหารือความต้องการของแต่ละหน่วยงาน เกี่ยวกับการกำหนดค่าแรกเข้า ร่างออกแบบระบบตั๋วร่วมศูนย์บริหารจัดการรายได้ ก่อนเสนอครม.อนุมัติจัดตั้งบริษัท

ส่วนการกำหนดค่าแรกเข้าของโครงการตั๋วร่วมนั้น เบื้องต้นไม่สามารถเปิดให้บริการฟรีค่าแรกเข้าได้ แต่อาจเสนอให้มีการปรับลดค่าแรกเข้าลงประมาณ 20-30% เพื่อเป็นส่วนลดให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะแทน เนื่องจากหากเปิดฟรีค่าแรกเข้าจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะเป็นอย่างมาก

"ค่าแรกเข้า คือ ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ผู้โดยสารจะใช้บริการ เช่น กรณีใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้ว จะไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ไม่ต้องเริ่มต้นเสียค่าโดยสารใหม่ แต่จะคิดตามระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ต้นทางจนถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินปลายทางเลย ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าโดยสารให้กับผู้โดยสาร และจูงใจให้ประชาชนหันไปใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น แต่ตัวเลขที่ชัดเจนยังต้องพิจารณาอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของระดับนโยบายที่จะเป็นตัดสินใจ" นายเผด็จ กล่าว

ระบบตั๋วร่วมจะใช้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ โดยในส่วนของรถไฟฟ้าบีทีเอสคงไม่มีปัญหา เพราะเป็นผู้ชนะการประกวดราคาให้พัฒนาระบบตั๋วร่วมอยู่แล้ว

ระบบตั๋วร่วมจะเสร็จและเปิดให้บริการในเดือนก.พ.2559 เร็วกว่าเดิมที่จะเปิดเดือนส.ค. 2559 ส่วนการจัดตั้งบริษัทจำกัดขึ้นมาทำหน้าที่บริหารจัดการนั้น จะมีรัฐบาลถือหุ้นไม่เกิน 50% ส่วนที่เหลือจะเปิดให้เอกชนทั้งในและต่างประเทศประมูลเพื่อร่วมทุนได้ เบื้องต้นจะมีเม็ดเงินลงทุนจัดตั้งบริษัทประมาณ 559ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

[Wisarut]

“รฟม.ใบ้”สายสีส้มยังไม่นิ่ง ดินแดงทวงถามเหตุพลิกเส้นทาง-ผวก.,บอร์ดให้รอคมนาคม
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
4 มิถุนายน 2558 เวลา 05:01


วันที่ 3 มิ.ย.2558 นายประทีป นิลวรรณ ประธานชุมชนซอยแม่เนี้ยว แยก 3 เขตดินแดง ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงขอเข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ทบทวนการกลับมติบอร์ดที่เสนอให้ย้ายแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี จากตัดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง มาใช้ถนนถนนพระราม 9 แทน ขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้า ดังนั้น ช่วงเช้าวันนี้จึงได้ไปยื่นหนังสือถึง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายได้เดินทางไปพบ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อติดตามความคืบหน้า เนื่องจากที่ประชุมบอร์ด รฟม. มีมติวันที่ 16 ม.ค.2558 ให้เปลี่ยนแนวเส้นทางจากประชาสงเคราะห์มาใช้แนวถนนพระราม 9 เหตุผลอะไรจึงจะกลับมาใช้แนวถนนประชาสงเคราะห์อีก ซึ่งได้รับคำตอบว่า เสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

นายประทีป กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หาก รฟม.ยืนยันจะกลับไปใช้แนวเส้นทางเดิม ดินแดง-ประชาสงเคราะห์ ชาวบ้านยื่นข้อเสนอขอให้ รฟม.ก่อสร้างโดยใช้หัวเจาะ และเปิดหน้าดินที่สถานีบริเวณโรงเรียนอรุณ ซึ่งมีพื้นที่กว้าง และให้ปรับแนวเส้นทางเดิมตามแผนแม่บทจากสามเหลี่ยมดินแดง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดี ลอดข้ามไปฝั่งตรงข้ามผ่านด้านข้างโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ มาใช้แนวถนนมิตรไมตรี โดยไม่ผ่านชุมชน มุ่งหน้าสถานีศูนย์วัฒนธรรม ซึ่ง กทม. มีโครงการที่จะปรับปรุงขยายถนนมิตรไมตรี อยู่แล้วก็ให้ทำไปพร้อมๆกัน เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีและชุมชน โดยนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. รับข้อเสนอดังกล่าวไว้พิจารณา ส่วนจะทำได้หรือไม่ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้.


//-------------------------------

เลือกสถานี "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ป่วน "ประจิน" เชียร์ทำเล "ศูนย์วัฒนธรรม"
ประชาชาติธุรกิจ
4 มิถุนายน 2558 เวลา 08:02:49 น.


ถึงจะยังไม่ฟันธงจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ที่ "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" เตรียมสร้างเฟสแรก จะปักหมุดแนวเดิมที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรีหรือแนวใหม่จากสถานีพระราม 9-มีนบุรี ตามที่บอร์ด รฟม.ทุบโต๊ะ เพื่อลดการเวนคืนที่ดินช่วง "ดินแดง-ศูนย์วัฒนธรรม" ตามที่ชาวบ้านร้องขอ

หม่อมอุ๋ยเคาะ 10 ม.ย.นี้

แต่ฟังถ้อยแถลง "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" เจ้ากระทรวงคมนาคม ดูจะให้น้ำหนักแนวเดิมเกินกว่าครึ่ง

"รฟม.เสนอแนวใหม่ให้กระทรวงพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ ซึ่งกระทรวงมีข้อเห็นแย้ง เนื่องจากแนวเดิมผ่านสภาพัฒน์ รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ มีแนว พ.ร.ฎ.เวนคืน และบรรจุไว้ในแผนแม่บทรถไฟฟ้าแล้วเมื่อปี′53 ขณะที่แนวใหม่ต้องเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ขออนุมัติสภาพัฒน์ ซูเปอร์บอร์ด อีไอเอ ใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีครึ่ง คงไม่ใช่ 2-3 เดือนอย่างที่ รฟม.เข้าใจแต่แรก จะทำให้การก่อสร้างไม่เป็นตามแผนที่กำหนดไว้" พล.อ.อ.ประจินกล่าวและว่า

วันที่ 10 มิ.ย.นี้ จะเสนอโครงการสายสีส้มทั้งแนวเดิมและแนวใหม่ให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นประธานพิจารณา เพื่อเร่งสรุปโครงการก่อนเสนอให้ ครม.อนุมัติ

"จะทำข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียแนวเดิมและแนวใหม่ให้ คจร.พิจารณา เพราะกระทรวงไม่สามารถตัดสินใจได้เอง ยังมีข้อข้องใจอยู่ ข้อมูลที่เสนอจะเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่วนค่าก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท แนวเดิมและแนวใหม่จะต่างกันกว่า 4 พันล้านบาท ตามความยากง่ายการก่อสร้าง"

ค่าก่อสร้างพุ่งกว่า 4 พันล้าน

สำหรับข้อแตกต่างทั้ง 2 แนว "บิ๊กจิน" ระบุว่า แนวใหม่ ราคาก่อสร้างโยธาแพงกว่าแนวเดิมเล็กน้อย ใช้ระยะเวลาก่อสร้างมากขึ้น เนื่องจากอยู่ในแนวที่มีโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคหลักอยู่มาก รวมถึงจะต้องปรับเส้นทางการจราจรใหม่ระหว่างก่อสร้าง ส่วนผู้ถูกเวนคืนมี 184 รายเท่ากับแนวเดิม ขณะที่แนวเดิมการก่อสร้างจะยุ่งยากน้อยกว่าเล็กน้อย ช่วงถนนประชาสงเคราะห์ แต่ในอนาคตสถานีศูนย์วัฒนธรรมจะเป็นเซ็นเตอร์รถไฟฟ้า 2 สายคือ สีส้มและรถไฟฟ้าใต้ดินเดิม

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สายสีส้มจะเดินหน้าก่อสร้างไปตามแนวเส้นทางเดิม มีระยะทาง 21 กม. เนื่องจากมีความพร้อมทุกอย่าง และสถานีศูนย์วัฒนธรรมถูกออกแบบไว้ให้ต่อเชื่อมการเดินทางเชื่อมพื้นที่ตะวันออกและตะวันตก โดยแนวพาดผ่านศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 และเชื่อมกับโมโนเรลสายสีฟ้าช่วงดินแดง-สาทร

ส่วนแนวใหม่ยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน ทำให้ก่อสร้างไม่ทันเวลารัฐบาลชุดนี้ที่ต้องการจะสร้างผลงาน และแนวใหม่จะคู่ขนานใกล้กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์และกลุ่มผู้ใช้บริการในพื้นที่ก็ใกล้เคียงกัน ถึงจะมีระยะทางสั้นลง เหลือ 20 กม. แต่การก่อสร้างที่ค่อนข้างยาก ทำให้ค่าก่อสร้างสายสีส้มเฟสแรกเพิ่มขึ้น 4,744 ล้านบาท

พระราม 9-ศูนย์วัฒนฯชิงฮับธุรกิจ

ทั้งนี้หาก "คจร." เคาะแนวใหม่ตามที่ รฟม.เสนอทำให้ "สถานีพระราม 9" เป็นทำเลทองและศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ขึ้นมาทันตาไม่ต่างจาก "สถานีสยามสแควร์" ที่เป็นจุดเชื่อมต่อบีทีเอสสายสุขุมวิท และสีลม

โดยจุดที่ตั้งสถานีจะอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ "เดอะแกรนด์ พระราม 9" ของกลุ่มจีแลนด์ ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาไปหลายโครงการ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9, คอนโดฯเบลล์แกรนด์ พระราม 9, ออฟฟิศให้เช่าเดอะไนน์ทาวเวอร์, อาคารสำนักงานกลุ่มยูนิลีเวอร์ ล่าสุดทุ่ม 1.8 หมื่นล้านบาทปั้นแลนด์มาร์กใหม่ "ซุปเปอร์ทาวเวอร์ 125 ชั้น" ตึกสูงที่สุดในอาเซียน

แหล่งข่าวจาก บมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ (จีแลนด์) เปิดเผยว่า หากสายสีส้มย้ายสถานีร่วมมาเป็นพระราม 9 จะอยู่ติดกับโครงการเดอะแกรนด์ฯ ของจีแลนด์ จะส่งผลดีเพิ่มความคึกคักให้กับย่านพระราม 9 กลายเป็นนิวซีบีดีหรือย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่เต็มรูปแบบ

ขณะที่ "สถานีศูนย์วัฒนธรรม" ก็คึกคักไม่ใช่น้อย นอกจาก "ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา" ของกลุ่มสยามฟิวเจอร์ยังมีศูนย์การค้ารูปแบบไลฟ์สไตล์มอลล์ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ซื้อห้างโรบินสันรัชดามาปรับโฉมใหม่ด้วยวงเงิน 2,300 ล้านบาท เนรมิตเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ ภายใต้แบรนด์ "The Street" เตรียมจะอวดโฉม ต.ค.นี้

ส่วนรอบ ๆ สถานีรัศมี 500 เมตร ตรงข้ามโครงการ "ไซเบอร์เวิลด์ ทาวเวอร์" ของเจ้าสัวเจริญ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า, อาคารสำนักงานใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานเอไอเอ จะเป็นศูนย์กลางของตลาดทุนและตลาดเงินแห่งใหม่

ด้านฝั่งแยกศูนย์วัฒนธรรมไล่ไปตามถนนเทียมร่วมมิตร มีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูงที่ไปปักธงรอล่วงหน้า ไม่ว่าโครงการคอนโดมิเนียม "ศุภาลัย เวลลิงตัน" ของค่ายศุภาลัย, โครงการบ้านเดี่ยว "พาร์ค พรีวา รัชดา" ของค่ายนารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้

หาก "คจร." ไฟเขียวแนวเดิม กว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มจะเปิดบริการ คงจะได้เห็นการลงทุนอีกระลอกนับจากนี้

//------------------------------
ร้องย้ายสายสีส้มไปถ.มิตรไมตรี
เดลินิวส์
วันพฤหัสที่ 4 มิถุนายน 2558 เวลา 10:24 น.

ร้องย้ายสายสีส้มไปถ.มิตรไมตรี ชาวบ้านประชาสงเคราะห์ ยื่นขอเสนอใหม่ให้รฟม.ปรับแนวเส้นทางรถไฟสายสีส้มผ่านดินแดง มาใช้ถนนมิตรไมตรี ด้านรฟม.รับความเห็นพิจารณา นายประทีปนิลวรรณ ประธานชุมชนซอยแม่เนี้ยวแยก 3เขตดินแดงซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตลิ่งชัน-มีนบุรีเปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือถึงม.ร.ว.ปรีดิยาธรเทวกุล รองนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ทบทวนเรื่องการเปลี่ยนแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มรวมทั้งได้เดินทางไปพบพล.อ.ยอดยุทธบุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เพื่อติดตามความคืบหน้าเนื่องจากที่ประชุมบอร์ดรฟม.มีมติ วันที่ 16ม.ค.2558ให้เปลี่ยนแนวเส้นทางจากประชาสงเคราะห์มาใช้แนวถนนพระราม9 เหตุผลอะไรจึงจะกลับมาใช้แนวถนนประชาสงเคราะห์อีกซึ่งได้รับคำตอบว่าเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการจัดการจราจรทางบก(คจร.) นายประทีปกล่าวว่า อย่างไรก็ตามหากรฟม.ยืนยันจะกลับไปใช้แนวเส้นทางเดิมดินแดง-ประชาสงเคราะห์ ชาวบ้านยื่นข้อเสนอขอให้รฟม.ก่อสร้างโดยใช้หัวเจาะและเปิดหน้าดินที่สถานีบริเวณโรงเรียนอรุณซึ่งมีพื้นที่กว้างและให้ปรับแนวเส้นทางเดิมตามแผนแม่บทจากสามเหลี่ยมดินแดงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีลอดข้ามไปฝั่งตรงข้ามผ่านด้านข้างโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์มาใช้แนวถนนมิตรไมตรีโดยไม่ผ่านชุมชนมุ่งหน้าสถานีศูนย์วัฒนธรรมซึ่งกทม.มีโครงการที่จะปรับปรุงขยายถนนมิตรไมตรีอยู่แล้วก็ให้ทำไปพร้อมๆกัน เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีและชุมชนโดยนายพีระยุทธสิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการรฟม.รับข้อเสนอดังกล่าวไว้พิจารณาส่วนจะทำได้หรือไม่ยังไม่สามารถให้คำตอบได้. “

[Wisarut]

รฟม.เปิดสัมปทาน 30 ปีเอกชนลงทุน 100% โมโนเรลสีเหลือง-ชมพูลดความเสี่ยงภาครัฐ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
4 มิถุนายน 2558 07:41 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มิถุนายน 2558 09:20 น.)


รฟม.เปิดทางเอกชนทุน100%รถไฟ้ฟ้าสายชมพู-เหลือง
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
3 มิถุนายน 2558 20:06 น.

บอร์ด รฟม.เห็นชอบปรับรูปแบบลงทุนรถไฟฟ้าสีชมพูและสีเหลือง ให้สัมปทานเอกชนลงทุน 100% หรือ PPP Net Cost เหมือนรถไฟฟ้าบีทีเอสเพื่อลดความเสี่ยงและการลงทุนของภาครัฐ ชี้เหมาะสมกับระบบโมโนเรล เร่งชงคมนาคมเพื่อเสนอ ครม. ส่วนเดินรถสีน้ำเงินคาดกลาง มิ.ย.บอร์ดสภาพัฒน์จะพิจารณา พร้อมเร่งประสาน กทม. และตำรวจจราจรวางแผนก่อสร้างสีเขียวเหนือ ช่วงรื้อสะพานรัชโยธินและเกษตร เริ่ม ก.ย.นี้

พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม. เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. มีมติเห็นชอบการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กม. ค่าก่อสร้างงานโยธา 31,261 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กม. ค่าก่อสร้างงานโยธา 31,675 ล้านบาท ในรูปแบบ PPP Net Cost โดยให้สัมปทานเอกชน ซึ่งเอกชนจะต้องรับภาระลงทุน 100% (ทั้งค่าก่อสร้างงานโยธา ระบบราง ขบวนรถไฟฟ้า รวมถึงบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุง) โดยให้ รฟม.ดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56) ซึ่งรูปแบบนี้เหมาะสมกับระบบรถโมโนเรลโดยมีข้อดีคือ รัฐรับภาระความเสี่ยงน้อยที่สุด รับภาระการลงทุนน้อยระยะเวลาก่อสร้างสั้นลง 6-12 เดือน มีข้อดีในการบริหารจัดการในระระยาว โดยเอกชนเป็นผู้รับความเสี่ยงในการลงทุนแทนรัฐ โดย รฟม.จะสรุปรายละเอียดเสนอกระทรวงคมนาคมภายในสัปดาห์นี้เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ หลักการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าทั่วไปในระบบเฮฟวีเรล เช่น รถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมมหานครนั้นจะประมูล 3 สัญญา คือ สัญญาก่อสร้างงานโยธาและราง สัญญาจัดหาระบบรถ และสัญญาผู้เดินรถ โดยทยอยประมูลทีละสัญญา แต่ระบบโมโนเรลนั้นจำเป็นต้องคัดเลือกระบบรถก่อนว่าเป็นโมโนเรลแบบใดเนื่องจากแต่ละระบบมีศักยภาพในการขนผู้โดยสารแตกต่างกัน ดังนั้น รฟม.จึงทบทวนโดยปรับเป็นการประมูลรวมเป็นแพกเกจทั้งงานก่อสร้างราง จัดหาระบบรถและบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงพร้อมกัน โดยจะกำหนดรายละเอียดคุณสมบัติ เทคนิคเป็นกรอบกว้างๆ ไว้ในเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ เช่น กำหนดความต้องการในการขนผู้โดยสารประมาณ 35,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง การให้บริการ การซ่อมบำรุง และคัดเลือกรายที่มีข้อเสนอดีที่สุด คือ มีมูลค่าลงทุนต่ำที่สุด หรือกรณีที่ต้องให้รัฐสนับสนุนจะต้องน้อยที่สุดจึงจะเป็นผู้ชนะ โดยคาดว่าอายุสัมปทานที่เหมาะสมที่ประมาณ 30 ปี

“รูปแบบจะเหมือนโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เอกชนลงทุนก่อสร้างทั้งหมดและรับสัมปทานเดินรถรับความเสี่ยงแทนภาครัฐ ซึ่ง รฟม.ได้เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแต่ละวิธีอย่างรอบคอบ พบว่า การให้เอกชนลงทุน 100% สะดวกที่สุด สำหรับระบบโมโนเรล โดยวงเงินลงทุนรวมทั้งโครงการจะอยู่ที่ประมาณ 5.4-5.5 หมื่นล้านบาท รัฐจะรับภาระค่าเวนคืน และข้อเสนอที่เอกชนขอให้อุดหนุนเท่านั้น และรัฐจะกำหนดค่าโดยสารที่เหมาะสมได้เอง ซึ่งจะเปิดประมูลแบบสากล เอกชนจอยต์เวนเจอร์กันเข้ามา โดยปัจจุบันเทคโนโลยีโมโนเรลมีหลายประเทศ เช่น ฉงชิ่ง ของจีน, ฮิตาชิของญี่ปุ่น, บอมบาร์ดิเอร์ ฝรั่งเศส, สโคมิของมาเลเซีย”

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต)ขณะนี้กำลังประสานกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตำรวจจราจรเพื่อจัดทำแผนก่อสร้างเพื่อให้กระทบต่อการจราจรน้อยที่สุด โดยมีกำหนดรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธินเดือน ก.ย. และสะพานข้ามแยกเกษตรเดือน พ.ย.นี้ และใช้เวลาก่อสร้างรวมประมาณ 2 ปีในช่วงดังกล่าว

ส่วนการคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ คาดว่าคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดสภาพัฒน์) จะประชุมกลางเดือน มิ.ย.นี้ หากบอร์ดสภาพัฒน์ฯ และคลังเห็นชอบตามที่คณะกรรมการมาตรา 13 พ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ให้เจรจาตรงกับบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL จะเสนอ ครม.เห็นชอบต่อไป

นอกจากนี้ บอร์ดยังให้ รฟม.ศึกษาแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าใน 5 เมืองใหญ่เพื่อแก้ปัญหาจราจร คือ เชียงใหม่ นครราชสีมา หาดใหญ่ ภูเก็ต และชลบุรี

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=WZYEKrAOGH4
//----------------------

ชงครม.เปิดสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง30ปี
เดลินิวส์
วันพฤหัสที่ 4 มิถุนายน 2558 เวลา 12:29 น.
บอร์ดรฟม.ไฟเขียวให้เอกชนลงทุนก่อสร้างสายสีชมพูและเหลืองทั้งระบบแจงข้อดีการก่อสร้างเร็วขึ้น 6 เดือน รัฐไม่มีความเสี่ยงด้านการลงทุนคาดมิ.ย.เข้าครม.พิจารณาอนุมัติก่อสร้าง

เมื่อวันที่ 3มิ.ย.2558 ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)พล.อ.ยอดยุทธบุญญาธิการประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ(บอร์ด)รฟม. กล่าวภายหลังการประชุมว่าในที่ประชุมได้มีการพิจารณาและทบทวนการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืงลาดพร้าว-สำโรงและสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรีโดยในที่ประชุมได้เห็นชอบให้รฟม.ใช้รูปการลงทุนด้านโครงสร้างและการเดินรถโดยให้เอกชนลงทุนทั้งหมดโดยให้สัมปทานเป็นเวลา30 ปีซึ่งเอกชนจะต้องลงทุนทั้งระบบโครงสร้างงานโยธาและระบบการเดินรถเนื่องจากวิธีการดังกล่าวจะส่งผลให้การก่อสร้างเสร็จเร็วขึ้นประมาณ6 เดือนซึ่งทั้ง 2สายรวมทั้งค่าก่อสร้างงานโยธาและค่าระบบเดินรถจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ54,000-55,000ล้านบาท

สำหรับการประกวดราคานั้นทางรฟม.จะมีการออกแบบร่างเงื่อนไขการประกวดราคาหรือทีโออาร์โดยให้มีการประกวดราคาพร้อมกันทั้ง3สัญญาโดยไม่แยกผู้รับเหมาเพราะระบบรถไฟฟ้าแบบโมโนเรลจะต้องมีการออกแบบรางและระบบการเดินรถให้สามารถเข้ากันได้และจะต้องดำเนินการไปพร้อมๆกัน

พล.อ.ยอดยุทธกล่าวต่อว่าสำหรับข้อดีในการดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลลดความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการลดระยะเวลาในการก่อสร้างมีความคุ้มค่าด้านการลงทุนอย่างไรก็ตามในการกำหนดร่างขอบเขตการประกวดราคารฟม.จะมีการกำหนดลักษณะะะงานไว้อย่างกว้างๆเพื่อเปิดโอกาศให้เอกชนทุกรายอย่างเท่าเทียมกันเพราะหากมีการกำหนดขนาดรางแบบตายตัวจะส่งผลให้หลายฝ่ายมีข้อสังสัยว่ามีการล็อคเสปคและเกิดการ้องเรียนซึ่งจะส่งผลให้งานล่าช้าแต่อาจจะต้องมีการกำหนดจำนวนการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวและต่อวันลงในร่างขอบเขตงานด้วยดังนั้นเอกชนที่จะเข้าทำการประกวดราคาจะต้องมีการเสนอแผนงานให้รฟม.รับทราบ รวมทั้งจะต้องมีการกำหนดว่าส่วนใดบ้างที่รัฐจะต้องเข้าไปรองรับความเสี่ยงสำหรับระยะเวลาการให้สัมปทานเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ระยะเวลา30 ปีรฟม.จะต้องเป็นผู้กำหนดค่าโดยสารเองเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างไรก็ตามภายหลังจากนี้จะเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาและส่งไปยังคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่ออนุมัติเห็นชอบคาดว่าประมาณปลายเดือนมิ.ย.จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของครม.ได้. “