Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311280
ทั่วไป:13262490
ทั้งหมด:13573770
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 152, 153, 154 ... 278, 279, 280  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 25/05/2017 10:38 am    Post subject: Reply with quote

รฟม.เผยชื่อกลุ่มบริษัทยื่นสนอรับงานเป็นที่ปรึกษาสร้างรถไฟฟ้าชมพู-เหลือง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
23 พฤษภาคม 2560 เวลา 22:27:58 น.


การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า หลังจากสิ้นสุดเวลาการยื่นข้อเสนอเข้ารับพิจารณาคัดเลือกเป็นที่ปรึกษ โครงการ (PC) ในระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 12 เมษายน 2560 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) จากที่มารับเอกสารฯ จำนวน 36 ราย และ 34 รายตามลำดับ

ปรากฎว่า ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) มีผู้มายื่นข้อเสนอเข้ารับพิจารณาคัดเลือกเป็นที่ปรึกษาฯ 1 กลุ่ม นำโดย บริษัท Team Consulting Engineering and Management Co., Ltd. ประกอบด้วย
1. Team Consulting Engineering and Management Co., Ltd.
2. ATT Consultants Co., Ltd.
3. Daoreuk Communications Co., Ltd.
4. EGIS Rail S.A. Consultants Co., Ltd.
5. SQ Architects and Planners Co., Ltd.
6. SEA Consult Engineering Co., Ltd.
7. EGIS Rail (Thailand) Co., Ltd.
8. PSK Consultants Co., Ltd.

ขณะ ที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) มีผู้มายื่นข้อเสนอ จำนวน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 นำโดย บริษัท Asian Engineering Consultants Co., Ltd. ประกอบด้วย
1. Asian Engineering Consultants Co., Ltd.
2. MAA Consultants Co., Ltd.
3. Wisit Engineering Consultants Co., Ltd.
4. Chotichinda Consultants Ltd.
5. IT International Co., Ltd.
6. PB Asia Ltd.
และ กลุ่มที่ 2 นำโดย บริษัท Epsilon Co., Ltd. ประกอบด้วย
1. Epsilon Co., Ltd.
2. Tesco Ltd.
3. Balaji Railroads System Private Limited

สำหรับ ขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาฯ โดยวิธีคัดเลือก จะพิจารณาแนวทางดำเนินการ ตรวจสอบคุณสมบัติ และประเมินผลข้อเสนอด้านเทคนิคของกลุ่มที่ปรึกษา และเจรจาต่อรองต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 25/05/2017 10:38 am    Post subject: Reply with quote

“อาคม” ขีดเส้นเจรจา “ชมพู-เหลือง” ตัดแนบท้ายสัญญา-ชง ครม.ปลาย พ.ค.
โดย MGR Online
22 พฤษภาคม 2560 11:08 น. (แก้ไขล่าสุด 22 พฤษภาคม 2560 11:46 น.)

“อาคม” ขีดเส้น กก.35 เร่งเจรจารถไฟฟ้า “ชมพู-เหลือง” ตั้งเป้าชง ครม.ในปลายเดือน พ.ค.นี้เพื่อเร่งรัดเซ็นสัญญา ชี้มีประเด็นเดียวที่ต้องแก้ไขไม่น่ามีปัญหา ด้าน “รักษาการผู้ว่าฯ รฟม.” เรียก BTS ต่อรองสัปดาห์นี้ ตัดเงื่อนไขขยายเส้นทางออกจากสัญญาหลัก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ในประเด็นแนบท้ายในสัญญาหลักโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 53,519.50 ล้านบาท และสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้คณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนฯ พ.ศ. 2556 เร่งพิจารณาตามความเห็นของกฤษฎีกาแล้ว ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีเป้าหมายให้สรุปเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในปลายเดือน พ.ค.นี้ เพื่อเร่งลงนามสัญญากับผู้ลงทุนต่อไป

ทั้งนี้ คณะกรรมการมาตรา 35 จะประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีประเด็นที่ต้องแก้ไขเรื่องเดียว จึงเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่งหลังจากสรุปแล้วจะต้องเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ก่อนเสนอ ครม.ตามกระบวนการใน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56

นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2556 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ กก.มาตรา 35 จะประชุมพร้อมกับเจรจากิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) (ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS Group) บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความเห็นจากกฤษฎีกาให้เอกชนทราบแล้วเรื่องที่เห็นว่าการนำข้อเสนอซองที่ 3 แนวท้ายสัญญาหลัก ซึ่งต้องรอฟังความเห็นของเอกชนก่อน

ทั้งนี้ รฟม.ประเมินว่า ข้อเสนอซอง 3 ที่เอกชนเสนอต่อขยายเส้นทางสีชมพูเชื่อมเข้าเมืองทองธานีเข้าไปยังเมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. (2 สถานี) และต่อเชื่อมสีเหลืองระยะทาง 2.6 กม.จากสถานีรัชดาภิเษก เพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สี่แยกรัชโยธิน จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเลขผลตอบแทนของสัญญาหลักที่แนวเส้นทางตามแผนแม่บท และยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะต้องรอเสนอขออนุมัติและการศึกษาผลกระทบศึกษาอีก แต่เอกชนอาจมองว่าเป็นโอกาสในอนาคตของโครงการ แต่จะพยายามเจรจาให้จบเพื่อส่งต่อ สคร.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 26/05/2017 9:16 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟฟ้าสายใหม่บูมทาวน์เฮาส์"ปริมณฑล" ท็อป5ทำเลไม่เกิน4ล้าน-เข้าสู่ยุคดึงคนทำงานสีลมซื้อชานเมือง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 25 พฤษภาคม 2560 เวลา 08:30:18 น.


Q2/60 ตลาดทาวน์เฮาส์บูมจัด เผยสถิติยอดเปิดตัวโครงการใหม่เดือนเมษายนแซงคอนโดฯ กลุ่มราคา 1-3 ล้านมีมูลค่ารวม 7,300 กว่าล้าน ทะลุ 51% "มั่นคงเคหะการ" ชี้รถไฟฟ้าสายใหม่+อิทธิฤทธิ์โลกออนไลน์เปิดหน้าดินทำเลแห่งอนาคตคอนเซ็ปต์ "อัพ แอนด์ คัมมิ่ง" ดึงคนทำงานสีลมซื้อบ้านชานเมือง "อนันดาฯ" สำรวจ 14 โซนฮิตโครงการแนวราบ "รังสิต-ลำลูกกา" ทำเลศักยภาพสูงทำบัดเจตทาวน์เฮาส์ราคา 1.9-2.5 ล้าน

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เปิดเผยว่า ผลสำรวจการเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในเดือน เม.ย. 2560 มี 23 โครงการ ลดลงจากเดือน มี.ค. 11 โครงการ หน่วยขายรวม 5,440 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 14,334 ล้านบาท

ทาวน์เฮาส์แซงคอนโด

จุดที่น่าสนใจ สินค้าทาวน์เฮาส์มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด ระดับราคา 1-3 ล้านบาท มูลค่ารวม 7,346 ล้านบาท สัดส่วน 51.2% รองลงมาอาคารชุด 5,207 ล้านบาท ส่วนใหญ่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท สัดส่วน 36.3% และบ้านเดี่ยว 833 ล้านบาท ราคา 5-10 ล้านบาท สัดส่วน 5.8%

ทั้งนี้ จำนวนโครงการและหน่วยขายลดลง มีผลทำให้ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยลดลง -22% เนื่องจากมีหน่วยขายราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มากถึง 80% โดยมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วย 2.635 ล้านบาท เทียบกับเดือน มี.ค. 2560 ราคาเฉลี่ย 3.382 ล้านบาท แสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงค่อนข้างต่ำเป็นส่วนใหญ่

ในด้านทำเลที่ตั้งพบว่าอยู่ในเขตกรุงเทพฯชั้นใน2โครงการ,เขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง 18 โครงการ เช่น ถนนประชาอุทิศ แจ้งวัฒนะ พัฒนาการ รามคำแหง และกาญจนาภิเษก นอกจากนี้ยังมีอีก 3 โครงการอยู่ในพื้นที่รอบนอก ซึ่งเป็นย่านชุมชนหรือแหล่งงาน เช่น คลองหลวง บางบ่อ อ้อมน้อย เป็นต้น

ดร.โสภณกล่าวต่อว่า ภาพรวมอสังหาฯ เปิดใหม่เดือนเมษายนปีนี้เทียบกับเมษายนปี 2559 มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่ม 5 โครงการ เพิ่ม 28% จำนวนหน่วยขายเพิ่ม 2,276 หน่วย หรือเพิ่ม 72%) มูลค่าเพิ่ม 5,419 ล้านบาท หรือ 61% แต่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงจาก 2.816 ล้านบาท เป็น 2.622 ล้านบาท หรือลดลง -6.5%

ขณะเดียวกัน ภาพรวม 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม.ย. 2560) เปรียบเทียบช่วงเดียวกันปี 2559 มีโครงการเปิดตัวใหม่รวม 108 โครงการ ลดลง -20% หน่วยขายรวม 29,705 หน่วย ลดลง -6% มูลค่ารวม 94,435 ล้านบาท ลดลง -8% และมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงจาก 3.264 ล้านบาทเป็น 3.179 ล้านบาท ลดลง -3%

โดยเปิดขายมากสุด คือ อาคารชุด 17,796 หน่วย สัดส่วน 50% รองลงมาทาวน์เฮาส์ 12,039 หน่วย สัดส่วน 41% และบ้านเดี่ยว 1,204 หน่วย สัดส่วน 4%



ทำเล "อัพ แอนด์ คัมมิ่ง"

นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โจทย์ธุรกิจปีนี้บริษัทมองการต่อยอดรายได้จากโครงการแนวราบให้มีความต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโครงการอยู่ระหว่างขายมูลค่ารวม 7,800 ล้านบาท เหลือขายประมาณครึ่งหนึ่ง หรือ 3,600 ล้านบาท

ทั้งนี้ แนวโน้มการพัฒนาโครงการสำหรับสินค้าบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2-3 ล้านบาท เริ่มเห็นทำเลแห่งอนาคตที่จับต้องได้ ที่เรียกว่าทำเล "อัพแอนด์คัมมิ่ง" ด้วยการโฟกัสจุดขายที่มีโครงข่ายรถไฟฟ้าขยายเส้นทางออกนอกเมืองกรุงเทพฯ มากขึ้น จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาโครงการในพื้นที่รอยต่อของจังหวัดปริมณฑล

ล่าสุด บริษัทเปิดตัวทาวน์โฮมชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่ มูลค่า 414 ล้านบาท, บ้านแฝดชวนชื่น พาร์ค กาญจนา-บางใหญ่ มูลค่า 440 ล้านบาท และทาวน์โฮมชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่ มูลค่า 860 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,714 ล้านบาท สำหรับครึ่งปีหลังวางแผนรุกตลาดโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก เตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวชวนชื่นไพร์ม กรุงเทพ-ปทุม มูลค่ารวม 270 ล้านบาท และบ้านแฝด ชวนชื่นพาร์ค อ่อนนุช-วงแหวน มูลค่ารวม 620 ล้านบาท

"เรื่องทำเลมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นตัวตั้งด้วย ยุคนี้ต้องสื่อสารระบบออนไลน์ เราทำเว็บไซต์ ครีเอตลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ตอนนี้มีแฟนเพจหลักแสนแฟนเพจแล้ว และมีอินเตอร์แอ็กทีฟกับแบรนด์พอสมควร เช่น ชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่ได้ลูกค้าจากออนไลน์ เฟซบุ๊กค่อนข้างเยอะ เดิมอสังหาฯ ขายโลเกชั่นกับคนแถวนั้นอย่างเดียว ปัจจุบันทำเลขยายมากขึ้นแล้ว"

อย่างไรก็ตามต้องดูเป็นโซน ๆ เช่น บางใหญ่มีรถไฟฟ้า มีห้างเซ็นทรัลเวสต์เกต คนในเมืองเขาสนใจและพร้อมที่จะออกไปดู ถ้าบริษัทต้องการเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทำงานสีลม ปทุมวัน พญาไท การสื่อสารเลือกใช้เฟซบุ๊กได้ผลดีอย่างน่าพอใจ

"เราฟีดคนที่เราเลือกไว้แล้ว ให้เขาเห็นในสิ่งที่เราทำ พบว่าลูกค้าเริ่มสนใจและเริ่มวิสิตไซต์โครงการ แต่อาจต้องใช้เวลานานนิดหนึ่ง อาจยังไม่ชินกับโลเกชั่น นั่นคือตอนนี้ออนไลน์กลายเป็นเทรนด์ที่ทำให้ลูกค้าเข้ามา และมีฟีดได้ด้วย เป็นทำเลอัพแอนด์คัมมิ่งโลเกชั่นเริ่มมา"

รังสิต-ลำลูกกามาแรงสุด

นายสุธี ศรีจิรารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์และวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า พฤติกรรมผู้บริโภคเจน Y หันมานิยมซื้อทาวน์เฮาส์มากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายใหม่ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีข้อเปรียบเทียบการเลือกซื้อคอนโดฯกับทาวน์เฮาส์เป็นสินค้าคู่แข่งกันในโซนรอยต่อของเมืองเพราะกลายเป็นทำเลที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าไปแล้วในปัจจุบัน

"รถไฟฟ้าสายที่กำลังก่อสร้างในอนาคตเป็นทำเลราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นแน่นอนขณะที่เปรียบเทียบห้องชุดการซื้อทาวน์เฮาส์ได้พื้นที่ใช้สอยในตัวบ้านเพิ่มได้กรรมสิทธิ์ที่ดิน มีที่จอดรถเป็นของตัวเอง มีผืนดินให้ลูกวิ่งเล่นได้ มองว่าผู้บริโภคมองหาทำเลที่ดี โปรดักต์ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ ราคาจับต้องได้ อยู่ไม่ไกลรถไฟฟ้า"

สำหรับการวิเคราะห์ตลาด บริษัทสำรวจโซนพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ พบมี 14 โซนหลัก 78 โซนย่อย ได้แก่ โซนสุขสวัสดิ์, พระราม 2-เพชรเกษม, ธนบุรี, ปิ่นเกล้า-พุทธมณฑล, โซนตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา, รัชดา-ลาดพร้าว, โซนกรุงเทพฯตะวันออก, บางนา-สมุทรปราการ, ทำเลใจกลางเมือง, รังสิต-ปทุมธานี, ติวานนท์, นนทบุรี-บางซื่อ, พหลโยธิน-รามอินทรา และมีนบุรี-สุวินทวงศ์

ในจำนวนนี้พบว่า โฟกัสในโซนย่อยมี 5 โซนที่เป็นทำเลยอดนิยมสินค้าทาวน์เฮาส์มียอดขายสูงสุด ประกอบด้วย 1.โซนรังสิต-ลำลูกกา กลุ่มราคาหลัก 1.9-2.5 ล้านบาท 2.โซนแจ้งวัฒนะ-ติวานนท์ กลุ่มหลักราคา 3.5-4 ล้านบาท 3.สุขาภิบาล 1-วัชรพล ราคา 3-3.5 ล้านบาท 4.เอกชัย-บางบอน ราคา 3-3.5 ล้านบาท และ 5.โซนศรีนครินทร์ ราคา 2.5-3 ล้านบาท

"ทั้ง 5 โซนนี้ราคาทาวน์เฮาส์ไม่เกิน 4 ล้าน แต่ถ้าเจาะลึกตลาดนิชมาร์เก็ตในคอนเซ็ปต์บัดเจตทาวน์เฮาส์ ต้องโฟกัสโซนรังสิต-ลำลูกกา มีราคาถูกสุด 1.9-2.5 ล้าน ในขณะที่มีจุดเด่นรถไฟฟ้าสีเขียวส่วนต่อขยายกำลังก่อสร้าง ซึ่งสายสีเขียวถือเป็นรถไฟฟ้าสาย Blackbone หรือสายหลัก อัตราดูดซับย้อนหลัง 5 ปีสูงถึง 68% โซนย่อยบางโซนอัตราดูดซับ 76%"
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 31/05/2017 1:12 am    Post subject: Reply with quote

ครม. อนุมัติผลการคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลืองของ รฟม.

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) | อังคารที่ 30 พฤษภาคม 2560 15:38:22 น.



นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน (PPP Net Cost) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

สำหรับ 2 โครงการนี้จะเป็นรถไฟฟ้าแบบโมโนเรล ซึ่งผู้ชนะการประมูลคือ กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture:BSR JV) ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS), บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) โดยให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นเวลา 33 ปี 3 เดือน ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน และมีระยะเวลาเดินรถ 30 ปี หลังจากเริ่มเปิดให้บริการ รฟม. จะต้องจ่ายเงินสนับสนุนค่างานโยธาให้แก่ BSR JV สำหรับสายสีชมพูในช่วง 10 ปีแรกปีละ 2,250 ล้านบาท ค่าจัดสรรค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 6,847 ล้านบาท รวมเป็น 29,347 ล้านบาท ส่วนสายสีเหลืองนั้นจะต้องจ่ายเงินสนับสนุนค่างานโยธาให้แก่ BSR JV ปีละ 2,505 ล้านบาท ค่าจัดสรรค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 6,013 ล้านบาท รวมเป็น 31,3063 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินการเพื่อจัดให้มีการใช้ระบบตั๋วร่วม (Common Ticket) และการใช้อัตราค่าโดยสารร่วม (Common Fare) โดยเร็ว
https://www.youtube.com/watch?v=FtLghD3YqyI


“ครม.”ไฟเขียวเลือกกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์สร้างรถไฟฟ้าสีชมพู-เหลืองคาดลงนามได้เดือนมิ.ย.
มติชน
วันที่ 30 พฤษภาคม 2560 - 17:40 น.


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาสัมปทานโครงการถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี 34.5 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่มีผู้ชนะการประมูลคือ กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) พร้อมกับอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีไม่เกิน 5 ปี คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้โดยเร็วที่สุด ภายในเดือนมิถุนายนนี้

นายอาคม กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอเพิ่มเติมของผู้ชนะ ที่ต้องการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพูจากถนนแจ้งวัฒนะเข้าไปยังอาคารอิมแพคและทะเลสาบในเมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. รวมทั้งต้องการต่อเชื่อมรถไฟฟ้าสีเหลืองจากสถานีรถใต้ดินลาดพร้าว บริเวณหน้าศาลอาญาไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวบริเวณแยกรัชโยธิน 2.6 กม. นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตว่า การเชื่อมต่อดังกล่าวไม่ได้อยู่ในกรอบมติ ครม.ที่อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 แต่ในร่างประกาศเชิญชวนเอกชนที่ได้กำหนดให้มีการยื่นข้อเสนออื่นๆ ดังนั้นจะไม่มีการนำข้อเสนอดังกล่าวใส่ไว้ในเอกสารแนบท้ายของสัญญา แต่จะเขียนไว้ในภาพกว้างๆรวมไว้ในสัญญาหลักภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องมีการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ และดำเนินการตามขั้นตอนของ พรบ.ร่วมทุน 2556 เป็นการกำหนดไว้แบบกว้างๆ


นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่า รฟม. ในฐานะรักษาการ ผู้ว่า รฟม. กล่าวว่า เนื่องจากทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตั้งข้อสังเกตว่าข้อเสนออื่นๆไม่ควรกำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายของสัญญา จึงได้มีการพิจารณาและกำหนดไว้ในสัญญาหลักข้อที่ 36. 9 ในหัวข้อที่ว่าด้วยกรณีที่เป็นข้อเสนออื่นๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการ และการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย คือจะต้องมีการศึกษาความเหมาะสมของโครงการและจัดทำรายงานอีไอเอ จากนั้นจึงจะมีการวิเคราะห์รายละเอียดโครงการ และต้องดำเนินการตาม พรบ.ร่วมทุน 2556 หากเห็นว่าเป็นโครงการที่มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ก็สามารถที่จะเจรจาโดยจะให้มีการรวมไว้ในสัญญานี้ ซึ่งจะเป็นขั้นตอนของคณะกรรมการตามมาตรา 43 ในพรบ.ร่วมทุน 2556 ที่จะเข้ามารับผิดชอบในการเจรจาต่อไป

“การดำเนินการส่วนต่อขยายทั้ง 2 โครงการนี้ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน โดยกำหนดกรอบว่าจะต้องจัดทำรายละเอียดตามขั้นตอนและเสนอขออนุมัติจาก ครม.ภายในกรอบเวลา 3 ปี 3 เดือน หากไม่ดำเนินการภายในกรอบเวลาก็ถือว่าเป็นการยกเลิกข้อเสนอนี้ไป ส่วนการก่อสร้างจะดำเนินการหลังจากอนุมัติโครงการได้ ทั้งนี้ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการศึกษาความเหมาะสมโครงการ การจัดทำอีไอเอ การเวนคืนที่ดินต่างๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เอกชนจะต้องรับภาระทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามผลการเจรจากับเอกชนก่อนหน้านี้ แต่ในสัญญาข้อ 39.6 จะไม่ได้กำหนดรายละเอียดใดๆ นอกจากระบุว่าข้อเสนอเพิ่มเติมจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการที่กำหนด”นายธีรพันธ์ กล่าว

//-----------

ครม.ไฟเขียวกลุ่มBSRร่วมลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง
อังคารที่ 30 พฤษภาคม 2560

กลุ่ม BSR โล่งไปเปราะหนึ่ง ครม.ไฟเขียวให้ร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง ตามแผนเดิม ส่วนขยายที่อยู่นอกเหนือสัญญา รฟม.ให้เอกชนศึกษาและยื่นกลับมาอีกครั้ง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในส่วนของกระทรวงคมนาคมว่า ครม.ได้เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ตามนัยมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ตามที่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 และรฟม.นำเสนอ และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติครม. เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 หลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รฟม.สามารถก่อหนี้ผูกพันล่วงหน้าเกินกว่า 5 ปีได้

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวครม.มีมติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 อนุมัติให้รถไฟฟ้าสายสีชมพูเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว โดยให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบและขบวนรถไฟฟ้า ค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการและบริหารจัดการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ รวมถึงอนุมัติค่างานที่เกี่ยวกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ วงเงิน 6,847 ล้านบาท และอนุมัติเงินสนับสนุนแก่เอกชนเป็นเงินสนับสนุนค่างานโยธาวงเงินไม่เกิน 20,135 ล้านบาท โดยกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์(BSR Jiont Venture) เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้

ในส่วนสายสีเหลืองภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งบริหารการเดินรถ การซ่อมบำรุงโครงการ และค่างานที่เกี่ยวข้องกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ กรอบวงเงิน 6,013 ล้านบาท

"หลังจากนี้คาดว่ารฟม.จะสามารถลงนามสัญญาได้ในเร็วๆนี้ โดยในส่วนที่เป็นข้อเสนออื่นที่แยกเป็น 2 ส่วนคือข้อเสนอต่อเชื่อมแนวเส้นทางเข้าไปยังเมืองทองธานีของสายสีชมพู และการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสของสายสีเหลืองนั้น เดิมไม่ระบุไว้ในการนำเสนอกรอบให้ครม.อนุมัติดำเนินการเมื่อ 29 มีนาคม 2559 และรฟม.ได้เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอให้รฟม.ประกอบการพิจารณา จึงได้ตัดออกจากในสัญญาย่อย และให้นำไประบุไว้ในสาระสำคัญของสัญญาว่าสำหรับในข้อเสนออื่นนั้นให้รฟม.และเอกชนทำการศึกษาความเหมาะสมและดำเนินการตามขั้นตอนของพ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี พ.ศ.2556 ซึ่งเป็นการระบุไว้กว้างๆ"

ด้านกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ จะจัดให้มีการแถลงข่าวในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เกี่ยวกับการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน), นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) และนายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)



http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/757308
http://news.thaipbs.or.th/content/262978
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 31/05/2017 1:25 am    Post subject: Reply with quote

ครม.อนุมัติสัญญา “ชมพู-เหลือง” แล้ว รฟม.ตัดข้อเสนอซอง 3 พิจารณาทีหลัง
โดย MGR Online
30 พฤษภาคม 2560 17:57 น. (แก้ไขล่าสุด 30 พฤษภาคม 2560 21:56 น.)


ครม.อนุมัติสัญญารถไฟฟ้าสายสีขมพู-เหลือง หลัง กก.35 ตัดออกจากแนบท้ายสัญญา แต่ปรับไปเขียนไว้ในสัญญาหลักข้อ 36.9 ให้พิจารณาหลังผ่านขั้นตอนกฎหมาย และศึกษาผลกระทบ EIA ก่อน โดยจะต้องดำเนินการให้ยุติใน 3 ปี 3 เดือน ด้าน “อาคม” ยันเอกชนลงทุนเองทั้งหมดตามที่เสนอ ขณะที่เร่งรัด รฟม.ลงนามเร็วที่สุด

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 พ.ค.มีมติเห็นชอบคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม.วงเงิน 53,519.50 ล้านบาท และสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนฯ พ.ศ. 2556 เสนอ และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบรายจ่ายประจำปี ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีเกินกว่า 5 ปี ซึ่งทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ได้เร่งรัดให้ลงนามสัญญาโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ จากความเห็นของกฤษฎีกาในเรื่องข้อเสนออื่นที่ รฟม.ได้กำหนดในทีโออาร์ ซึ่งผู้ได้รับคัดเลือกได้เสนอ 2 เรื่อง คือ สายสีชมพู ต่อเข้าเมืองทองธานี ส่วนสีเหลือง แยกมาเชื่อมสายสีเขียว โดยมีเห็นว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่อยู่ในกรอบ ครม.ที่เคยอนุมัติโครงการเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 59 เมื่อเปิดให้เอกชนมีข้อเสนออื่นได้ ดังนั้นจึงได้ตัดออกจากแนบท้ายร่างสัญญาหลัก โดยนำมารวมไว้ในสาระสัญญา เรื่องข้อเสนอนั้นให้ รฟม.และเอกชนทำการศึกษาเหมาะสมแบะดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 เป็นการเขียนแบบกว้าง

“เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่ายังไม่มีรายละเอียด เป็นการเสนอ แต่จะต้องออกแบบก่อน ยังไม่ศึกษา EIA และยังต้องหาพื้นที่ เพราะมีทั้งของ กทม.และเอกชน ต้องการให้ศึกษาให้เสร็จใน 3 ปี 3 เดือนก่อน” นายอาคมกล่าว

นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการผู้ว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2556 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลืองกล่าวว่าได้ตัดตัวสัญญาแนบออก แต่ในสัญญาหลักจะใส่ไว้ในข้อ 36.9 เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายให้เสร็จก่อน โดยศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์โครงการตาม พ.ร.บ.ให้เอกชนร่วมลงทุน ปี 56 จากนั้นจึงมาพิจารณา หากเห็นว่าเหมาะสม มีประโยชน์ต่อโครงการ สามารถเจรจาให้มีผล ซึ่งจะรวมในสัญญาเดิมหรือไม่ต้องพิจารณาภายหลัง

“ทางเอกชนจะยืนข้อเสนอนี้ในระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน หมายความว่าต้องดำเนินการศึกษาด้าน EIA ภายในเวลานี้ หากไม่ได้ดำเนินการอะไรในช่วงนี้ ก็อาจจะยกเลิกข้อเสนอนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อเสนอของเอกชน ทาง รฟม.ไม่ได้ปฏิเสธ และไม่ได้ยอมรับเพราะข้อเสนอยังไม่ผ่านกระบวนการทางกฎหมาย และนำเสนอตามขั้นตอนก่อน หากผ่านจะต้องเข้าสู่การเจรจา ตามขั้นตอนการให้เอกชนร่วมลงทุนเหมือนทุกโครงการ รวมถึงงทุนในส่วนข้อเสนอเพิ่มเติมจะเป็นของเอกชน ตามที่เอกชนเสนอ” นายธีรพันธ์กล่าว

https://www.youtube.com/watch?v=-7XDUwGTw3k
//--------------------

ครม.ไฟเขียวกลุ่มBSRร่วมลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง
30 พฤษภาคม 2560


กลุ่ม BSR โล่งไปเปราะหนึ่ง ครม.ไฟเขียวให้ร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง ตามแผนเดิม ส่วนขยายที่อยู่นอกเหนือสัญญา รฟม.ให้เอกชนศึกษาและยื่นกลับมาอีกครั้ง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในส่วนของกระทรวงคมนาคมว่า ครม.ได้เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ตามนัยมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ตามที่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 และรฟม.นำเสนอ และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติครม. เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 หลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รฟม.สามารถก่อหนี้ผูกพันล่วงหน้าเกินกว่า 5 ปีได้

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวครม.มีมติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 อนุมัติให้รถไฟฟ้าสายสีชมพูเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว โดยให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบและขบวนรถไฟฟ้า ค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการและบริหารจัดการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ รวมถึงอนุมัติค่างานที่เกี่ยวกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ วงเงิน 6,847 ล้านบาท และอนุมัติเงินสนับสนุนแก่เอกชนเป็นเงินสนับสนุนค่างานโยธาวงเงินไม่เกิน 20,135 ล้านบาท โดยกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์(BSR Jiont Venture) เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้

ในส่วนสายสีเหลืองภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งบริหารการเดินรถ การซ่อมบำรุงโครงการ และค่างานที่เกี่ยวข้องกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ กรอบวงเงิน 6,013 ล้านบาท

"หลังจากนี้คาดว่ารฟม.จะสามารถลงนามสัญญาได้ในเร็วๆนี้ โดยในส่วนที่เป็นข้อเสนออื่นที่แยกเป็น 2 ส่วนคือข้อเสนอต่อเชื่อมแนวเส้นทางเข้าไปยังเมืองทองธานีของสายสีชมพู และการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสของสายสีเหลืองนั้น เดิมไม่ระบุไว้ในการนำเสนอกรอบให้ครม.อนุมัติดำเนินการเมื่อ 29 มีนาคม 2559 และรฟม.ได้เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอให้รฟม.ประกอบการพิจารณา จึงได้ตัดออกจากในสัญญาย่อย และให้นำไประบุไว้ในสาระสำคัญของสัญญาว่าสำหรับในข้อเสนออื่นนั้นให้รฟม.และเอกชนทำการศึกษาความเหมาะสมและดำเนินการตามขั้นตอนของพ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี พ.ศ.2556 ซึ่งเป็นการระบุไว้กว้างๆ"

ด้านกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ จะจัดให้มีการแถลงข่าวในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เกี่ยวกับการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน), นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) และนายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)
https://www.youtube.com/watch?v=oqZyhVjEp0I
http://news.thaipbs.or.th/content/262978
https://www.thairath.co.th/content/957860
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/757308
http://news.thaipbs.or.th/content/262978



ครม.อนุมัติสัญญา “ชมพู-เหลือง” แล้ว รฟม.ตัดข้อเสนอซอง 3 พิจารณาทีหลัง
โดย MGR Online
30 พฤษภาคม 2560 17:57 น. (แก้ไขล่าสุด 30 พฤษภาคม 2560 21:56 น.)

ครม.อนุมัติสัญญารถไฟฟ้าสายสีขมพู-เหลือง หลัง กก.35 ตัดออกจากแนบท้ายสัญญา แต่ปรับไปเขียนไว้ในสัญญาหลักข้อ 36.9 ให้พิจารณาหลังผ่านขั้นตอนกฎหมาย และศึกษาผลกระทบ EIA ก่อน โดยจะต้องดำเนินการให้ยุติใน 3 ปี 3 เดือน ด้าน “อาคม” ยันเอกชนลงทุนเองทั้งหมดตามที่เสนอ ขณะที่เร่งรัด รฟม.ลงนามเร็วที่สุด

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 พ.ค.มีมติเห็นชอบคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม.วงเงิน 53,519.50 ล้านบาท และสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนเอกชนฯ พ.ศ. 2556 เสนอ และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบรายจ่ายประจำปี ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีเกินกว่า 5 ปี ซึ่งทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ได้เร่งรัดให้ลงนามสัญญาโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ จากความเห็นของกฤษฎีกาในเรื่องข้อเสนออื่นที่ รฟม.ได้กำหนดในทีโออาร์ ซึ่งผู้ได้รับคัดเลือกได้เสนอ 2 เรื่อง คือ สายสีชมพู ต่อเข้าเมืองทองธานี ส่วนสีเหลือง แยกมาเชื่อมสายสีเขียว โดยมีเห็นว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่อยู่ในกรอบ ครม.ที่เคยอนุมัติโครงการเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 59 เมื่อเปิดให้เอกชนมีข้อเสนออื่นได้ ดังนั้นจึงได้ตัดออกจากแนบท้ายร่างสัญญาหลัก โดยนำมารวมไว้ในสาระสัญญา เรื่องข้อเสนอนั้นให้ รฟม.และเอกชนทำการศึกษาเหมาะสมแบะดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 เป็นการเขียนแบบกว้าง

“เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่ายังไม่มีรายละเอียด เป็นการเสนอ แต่จะต้องออกแบบก่อน ยังไม่ศึกษา EIA และยังต้องหาพื้นที่ เพราะมีทั้งของ กทม.และเอกชน ต้องการให้ศึกษาให้เสร็จใน 3 ปี 3 เดือนก่อน” นายอาคมกล่าว

นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการผู้ว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2556 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลืองกล่าวว่าได้ตัดตัวสัญญาแนบออก แต่ในสัญญาหลักจะใส่ไว้ในข้อ 36.9 เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายให้เสร็จก่อน โดยศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์โครงการตาม พ.ร.บ.ให้เอกชนร่วมลงทุน ปี 56 จากนั้นจึงมาพิจารณา หากเห็นว่าเหมาะสม มีประโยชน์ต่อโครงการ สามารถเจรจาให้มีผล ซึ่งจะรวมในสัญญาเดิมหรือไม่ต้องพิจารณาภายหลัง

“ทางเอกชนจะยืนข้อเสนอนี้ในระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน หมายความว่าต้องดำเนินการศึกษาด้าน EIA ภายในเวลานี้ หากไม่ได้ดำเนินการอะไรในช่วงนี้ ก็อาจจะยกเลิกข้อเสนอนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อเสนอของเอกชน ทาง รฟม.ไม่ได้ปฏิเสธ และไม่ได้ยอมรับเพราะข้อเสนอยังไม่ผ่านกระบวนการทางกฎหมาย และนำเสนอตามขั้นตอนก่อน หากผ่านจะต้องเข้าสู่การเจรจา ตามขั้นตอนการให้เอกชนร่วมลงทุนเหมือนทุกโครงการ รวมถึงงทุนในส่วนข้อเสนอเพิ่มเติมจะเป็นของเอกชน ตามที่เอกชนเสนอ” นายธีรพันธ์กล่าว





ผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง


ข่าวการเมือง มติคณะรัฐมนตรี -- อังคารที่ 30 พฤษภาคม 2560 17:33:49 น.
เรื่อง ผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี (โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ) ตามนัยมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ตามที่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอ

2. อนุมัติให้สำนักงบประมาณ (สงป.) จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ตามนัยมาตรา 23 วรรค 4 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่องหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และมาตราการอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ รฟม. สามารถก่อหนี้ผูกพันล่วงหน้าเกินกว่า 5 ปีได้

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ คค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้

1. ให้ คค. โดย รฟม. ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางรองรับปัญหาการจราจรติดขัดที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าตามแผน ในอนาคต

2. ให้ คค. และ รฟม. กำกับดูแลการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด เพื่อมิให้การดำเนินโครงการก่อให้เกิดความเสียหายและเป็นอันตรายต่อประชาชนหรือผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งเพื่อให้การก่อสร้างโครงการมีความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

3. ให้ คค. เร่งรัดการดำเนินการเพื่อจัดให้มีการใช้ระบบตั๋วร่วม (Common Ticket) และการใช้อัตราค่าโดยสารร่วม (Common Fare) โดยเร็วต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 พฤษภาคม 2560-
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 01/06/2017 7:59 pm    Post subject: Reply with quote

(เพิ่มเติม) กลุ่ม BSR คาดเซ็นสัญญาสายสีชมพู-เหลือง 16 มิ.ย.พร้อมเร่งศึกษาส่วนต่อขยายคาดใช้เวลารวมปีครึ่ง
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

ข่าวหุ้น-การเงิน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) --
พฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2560 14:33:48 น.

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) คาดว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะลงนามในสัญญากับกลุ่ม BSR ที่ได้รับคัดเลือกดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในวันที่ 16 มิ.ย.นี้

ขณะที่ในวันเดียวกันจะมีการลงนามสัญญาเงินกู้ ลักษณะ Project Finance ของ 2 โครงการกับสถาบันการเงินในประเทศและต่างประเทศ และการลงนามซื้อรถโมโนเรล จำนวน 288 ตู้ (รถไฟฟ้าสายสีชมพูใช้ 168 ตู้ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองใช้ 120 ตู้) มูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท พร้อมกับลงนามสัญญางานก่อสร้างด้วย

การลงนามสัญญาสัมปทานและลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองนับเป็นครั้งที่ 2 ของ BTS หลังจากได้ลงนามสัญญาสัมปทานและลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสุขุมวิทและสายสีลมเป็นครั้งแรกกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อ 25 ปีก่อน

พร้อมกันนั้น รฟม.ได้เร่งรัดให้กลุ่ม BSR ทำการศึกษาส่วนต่อขยายเส้นทาง ตามข้อเสนอของกลุ่ม เพราะจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม (EIA)

"รฟม.เสนอให้ทางเรารีบทำ Study ไม่มีเวนคืน แต่ต้องทำ EIA ...หลัง ครม.อนุมัติสัญญาหลัก แต่ก็มีส่วนข้อเสนอของเราไป เพราะ TOR รฟม.ให้มา 3 ซอง ซอง 2 ตัดสินแล้วว่าใครชนะ ซอง 3 เป็นสิ่งที่ทางรัฐให้เสนอ หรือขออะไรจากรัฐบาล โดยสิ่งที่เราเสนอต้องรอทำ EIA" นายคีรี กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

สำหรับส่วนต่อขยายของสายสีชมพูนั้น กลุ่ม BSR เสนอให้ต่อเชื่อมเส้นทางเข้าไปยังศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. ประกอบด้วย 2 สถานี สถานีแรกตั้งอยู่บริเวณอาคารอิมแพคชาเลนเจอร์ และสถานีที่ 2 บริเวณทะเลสาบ โดยปีที่แล้วมีผู้ใช้บริการศูนย์ประชุมอิมแพคฯ ถึงกว้า 10 ล้านคน และในเมืองทองธานีทีประชากรอาศัยกว่า 150,000 คน

ขณะที่ส่วนต่อขยายสายสีเหลือง กลุ่ม BSR เสนอขยายเส้นทางต่อไปตามถนนรัชดาภิเษกอีก 2.6 กม.สิ้นสุดบริเวณแยกรัชโยธิน เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานี N10 (บริเวณปากซอยพหลโยธิน24) ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งเสนอเพิ่มอีก 2 สถานี

นายคีรี กล่าวว่า ส่วนต่อขยาย 2 เส้นทางนี้ กลุ่ม BSR จะเป็นผู้ลงทุน โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากส่วนต่อขยายสายสีเขียว โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และ สายสีเหลือง สามารถเชื่อมต่อกันแล้วเสร็จจะสามารถรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้มากกว่า 1.5 ล้านคน/วัน

นายคีรี คาดว่า จะใช้เวลา 1 ปีครึ่งจะได้ข้อสรุปในส่วนขยายของ 2 เส้นทาง โดยมีการจัดทำ EIA ที่คาดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี รวมทั้งให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) บรรจุส่วนขยายทั้ง 2 เส้นทางในแผนแม่บทรถไฟฟ้า และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาอนุมัติเห็นด้วย จากนั้นจะมีการลงนามสัญญาในส่วนขยายดังกล่าว ซึ่งส่วนขยายนี้จะก่อสร้างได้แล้วเสร็จได้ทันกับงานสัญญาหลักที่มีระยะเวลาก่อสร้าง 39 เดือน หรือ 3 ปี 3 เดือน และได้สัมปทานเดินรถ 30 ปี

ทั้งนี้ ประธานกรรมการ BTS คาดว่าภายใน 3 ปีนี้ BTS จะเดินรถไฟฟ้าด้วยระยะทางที่เพิ่มเป็น 141 กม. จากปัจจุบันเดินรถ 67 กม. โดยเป็นการเพิ่มจากเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ระยะทาง 64 กม. ส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน อีก 7 กม. รถไฟฟ้าสายสีทอง (กรุงธนบุรี-ประชาธิปก) ราว 3 กม.

นอกจากนี้ BTS ได้เจรจาเข้าบริหารงานเดินรถ และเจรจาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้า จำนวน 3 เมือง ในประเทศจีน โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปีนี้

*มั่นใจทำผลตอบแทนได้ดีกว่า 8%
นายคีรี กล่าวว่า เบื้องต้นคาดการณ์อัตราผลตอบแทน(IRR) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และ สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีอัตราเฉลี่ย 8% แต่มั่นใจว่ากลุ่ม BSR จะทำได้ดีกว่านั้น โดยคาดว่าน่าจะได้สูงถึง 10% เพราะมีแผนจะควบคุมค่าใช้จ่าย จากมูลค่าการลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท โดยมาจากส่วนของทุน (Equity) จำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินกู้ Project Finance

ทั้งนี้ ตาม TOR ได้กำหนดอัตราค่าโดยสารเก็บที่อัตรา 14-42 บาท/เที่ยวคน ณ ปีที่ประมูล แต่เมื่อเปิดให้บริการในปี 63 ก็ต้องพิจารณาอัตราเงินเฟ้อในการกำหนดอัตราค่าโดยสารในปีที่เปิดให้บริการ ขณะเดียวกันกลุ่ม BSR คาดว่าจำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง จะมีจำนวน สายละ 120,000 เที่ยวคน/วันในปีแรกที่เปิดดำเนินการ และมั่นใจว่าการเติบโตเพิ่มขึ้น จากการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ทั้งที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้าใหม่

"จริงๆแล้ว อัตราผลตอบแทนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองไม่สูงเลย แต่บริษัทเรารู้จักธุรกิจนี้ดี ไม่ต้องใช้ของ luxury สิ่งสำคัญเชื่อมต่อระบบให้เดินนทางได้สะดวก มีความปลอดภัย ต้นทุนของเราจริงๆอาจต่ำที่ตั้งไว้" นายคีรีกล่าว

นอกจากนี้ กลุ่ม BSR ยังจับกลุ่มกันเหนียวแน่นเพื่อเข้าร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพราะเชื่อว่ากลุ่ม BSR มีศักยภาพพร้อม แต่ต้องติดตามความชัดเจนโครงการใน EEC โดยอย่างน้อยโครงการระบบราง ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟทางคู่ เป็นต้น ทางกลุ่ม BSR มีความเชี่ยวชาญ โดย BTS มีประสบการณ์เดินรถไฟฟ้ามา 17 ปีแล้ว

ทั้งนี้ กลุ่ม BSR ประกอบด้วย BTS (ถือหุ้นใหญ่ 75%) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ถือหุ้น 15% และบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ถือหุ้น 10%

ส่วนประเด็นการเข้าลงทุนในช่อง Now 26 ของบมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG)นายคีรี กล่าวยอมรับว่า เคยเข้าเจรจาเข้าลงทุนจริง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม มองว่าหากเข้าลงทุนช่อง NOW26 จะช่วยต่อยอดธุรกิจของ บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) แต่ก็ต้องพิจารณาว่าไม่ใช่เรื่องราคาอย่างเดียว ต้องดูว่าจะนำไปต่อยอดธุรกิจอย่างไรหรือมีประโยชน์กับ VGI อย่างไรด้วย

//-----------------

BTSลั่นพร้อมตอเข็มรถไฟฟ้า2สาย
บ้านเมือง
วันพฤหัสบดี ที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2560, 15.17 น.


นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โอลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังแถลงข่าวร่วมกับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ถึงการลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพูช่วง แคราย-มีนบุรี ระยะทางประมาณ 34.5 กิโลเมตร และสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าวสำโรง ระยะทางประมาณ 30.4 กิโลเมตร ทั้งนี้ จะมีการลงนามก่อสร้างร่วมกันในวันที่ 16 มิถุนายน 2560 ภายหลังที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบอนุมัติโครงการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560ที่ผ่านมา นอกจากนี้ จะเร่งทำการศึกษากระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในช่วงส่วนต่อขยายของทั้ง2สาย คือ ช่วงต่อขยายสายสีชมพู เข้าโครงการเมืองทองธานี อีก 2สถานี ระยะทาง2.8 กิโลเมตร และช่วงต่อขยายสายสีเหลือง โดยการเชื่อต่อไปตามถนนรัชดาภิเษกไปยังโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว บริเวณแยกรัชโยธิน ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร อีก 2สถานี ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาศึกษา 1ปี และต้องบรรจุในแผนแม่บทโครงการของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ด้วย รวมถึงต้องรอการตัดสินใจของการรถไฟฟ้าจนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ก่อน โดยจะเริ่มดำเนินการทันที

"โดยส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีชมพู เข้าสู่ในส่วนเมืองทอง เพื่อรองรับประชาชนที่เข้าที่มาใช้บริการศูนย์ประชุมในศูนย์แสดงสินค้า และการประชุมอิมแพ็คอารีน่าเมืองทองธานีปีละกว่า 10 ล้านคน และประชาชนที่อยู่อาศัยอีกกว่า 1 .5 แสนคน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จากบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว ไปตามแนวถนนรัชดาภิเษกจนถึงแยกรัชโยธินเพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยเสนอขอเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยมีมูลค่าก่อสร้างในส่วนของส่วนต่อขยายของทั้ง 2 สาย ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สำหรับการก่อสร้างของทั้ง2สายทาง จะเริ่มการก่อสร้างได้ภายในปีนี้นอน โดยจะมีระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 3ปี 3เดือน พร้อมยืนยันว่า การดำเนินการในส่วนของส่วนต่อขยายนั้น ไม่ต้องการให้คิดว่าเอื้อประโยชน์ให้กับ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) แต่อยากให้เห็นถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับในการเดินทางไปยังพื้นที่เมืองทองธานีได้อย่างสะดวก สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสีชมพู และสีเหลืองนั้น เป็นลักษณะรถไฟฟ้ารางเบา (รถไฟฟ้าโมโนเรล) นอกจากนี้ ยังพร้อมสำหรับแผนโครงการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economics Corridor Development (EEC) ของรัฐบาลอีกด้วย"นายคีรี กล่าว
//--------------------------
บีทีเอส กรุ๊ป เตรียมเซ็นสัญญาก่อสร้าง รถไฟฟ้า16 มิ.ย. นี้
เศรษฐกิจ > ข่าวเศรษฐกิจ
คมชัดลึก
พฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2560

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า หลังจากที่ บีทีเอสกรุ๊ป เคยได้รับการเซ็นสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากรัฐบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว มาวันนี้ครบ 25 ปีที่ได้เซ็นสัญญาการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ากับรัฐบาลอีกครั้งในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสิ่งที่ บีทีเอส กรุ๊ป รอคอยมานาน โดยการสัญญาการก่อสร้างครั้งนี้ ภาคเอกชน คือ บีทีเอสกรุ๊ป จะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ทั้งด้านโยธาฯ และด้านตัวรถ รวมมูลค่าการลงทุน 1 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าหลังการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลืองแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้ 1.5 ล้านคนต่อวัน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดความแออัดของการจราจรในกรุงเทพได้

นอกจากนี้ บีทีเอส กรุ๊ป ยังได้เสนอครม. ให้อนุมัติให้มีการขยายเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีชมพู เข้าไปในศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร โดยเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในย่านนั้นกว่า 1 แสน 5 หมื่นคน รวมถึงผู้ที่เข้าไปใช้บริการในอิมแพคเมืองทองธานี ซึ่งปีที่แล้วมีอยู่ราว 10 ล้านคน ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ได้เสนอให้ขยายเส้นทางต่อไปตามถนนรัชดาภิเษกอีกประมาณ 2.6 กิโลเมตร ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายด้วย

หาก 3 ปี 3 เดือนข้างหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้วเสร็จ จะมีเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ในความดูแลของบีทีเอส กรุ๊ป ทั้งสายสีเขียว สายสีม่วง สายสีแดง สายสีชมพู และสายสีเหลือง รวม 141 กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้กว่า 2 ล้านคนต่อวัน

ทั้งนี้ การเซ็นสัญญาระหว่างรัฐบาล และบีทีเอส กรุ๊ป ในการเริ่มดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง จะเกิดขึ้นในวันที่ 16 มิถุนายนนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 01/06/2017 8:39 pm    Post subject: Reply with quote

บีทีเอสจ่อเซ็น “ชมพู-เหลือง” แสนล้าน 16 มิ.ย. ค่าซื้อรถ 288 ตู้ 5 หมื่นล้าน ควักเพิ่ม 6 พันล้านขยายเส้นทาง
โดย MGR Online
1 มิถุนายน 2560 17:35 น. (แก้ไขล่าสุด 1 มิถุนายน 2560 19:18 น.)


“บีทีเอส” จ่อเซ็นสัมปทาน “ชมพู-เหลือง” กว่าแสนล้าน 16 มิ.ย.นี้ “คีรี” ยันต่อขยายเส้นทางไม่เอื้อบางกอกแลนด์ ย้ำมองที่ความสะดวกของผู้โดยสารและการแก้จราจร เตรียมเซ็นซื้อรถไฟฟ้าพร้อมกันรวม 288 ตู้ มูลค่า 5 หมื่นล้าน ยันแหล่งเงินไม่มีปัญหา คาดศึกษา EIA ส่วนต่อขยายเสร็จใน 1.5 ปี เร่งเสนอตามขั้นตอน เผยค่าโดยสาร 14-42 บาท คาดผู้โดยสารแต่ละสายไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนคน/วัน และพร้อมจับมือพันธมิตรเดิม ลงทุน EEC ขอแค่รัฐมีโครงการชัดเจน

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จะมีการลงนามสัญญาสัมปทาน (PPP-Net Cost) ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี 53,519.50 ล้านบาท และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 51,931.15 ล้านบาท โดยกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) กับ รฟม.ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ และคาดว่าจะเซ็นสัญญาด้านแหล่งเงินทุนรวมถึงเรื่องการจัดหาระบบรถไฟฟ้าด้วย แม้ว่าจะมองเป็นโครงการที่ไม่น่าลงทุนเพราะอัตราผลตอบแทนการลงทุนเพียง 8% เท่านั้น แต่บีทีเอสจะใช้ประสบการณ์บริหารการก่อสร้างและเดินรถที่คุ้มต้นทุนได้ โดยมีผู้ก่อสร้างมาร่วมทุน และเลือกรถที่ราคาเหมาะสม มีระบบที่ดี ปลอดภัย อาจจะตัดสิ่งฟุ่มเฟือยออกทำให้ต้นทุนต่ำลงได้

ส่วนข้อเสนอซองที่ 3 เพิ่มเติมนั้นจะต้องผ่านกระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในช่วงส่วนต่อขยาย เพิ่มเติมทั้ง 2 สาย คือ ช่วงต่อขยายสายสีชมพู เข้าโครงการเมืองทองธานี อีก 2 สถานี ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร และช่วงต่อขยายสายสีเหลือง โดยการเชื่อต่อไปตามถนนรัชดาภิเษกไปยังโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว บริเวณแยกรัชโยธิน ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร อีก 2 สถานี คาดว่าจะใช้ระยะเวลาศึกษาประมาณ 1 ปีครึ่ง และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) บรรจุในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชน ระยะที่ 2 และทาง สคร.ต้องเห็นชอบก่อน ซึ่งบริษัทฯ พร้อมดำเนินการทันที

ทั้งนี้ รฟม.กำหนดให้ยื่น 3 ซอง คือ ซองด้านเทคนิค ซองการเงิน และซองที่ 3 คือ ข้อเสนอเพิ่มเติม ซึ่งจะพิจารณาเมื่อเป็นผู้ชนะในซองการเงินแล้ว โดยข้อเสนอเพิ่มเติมดังกล่าวหากมีความถูกต้องจึงจะพิจารณา ซึ่งกลุ่มบีเอสอาร์เสนอซองที่ 3 เพื่อให้โครงข่ายสมบูรณ์มากที่สุด โดยเรียนรู้มาจากสายสีม่วงที่ขาดตอน ทำให้กระทบต่อความสะดวกของผู้โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ที่มีปัญหา หรือแม้แต่รถไฟฟ้า MRT ตัวเลขผู้โดยสารยังไม่ถึงเป้าหมายเพราะขาดความต่อเชื่อม ไม่ใช่บริการไม่ได้ ดังนั้นจึงเสนอต่อขยายสายสีชมพู และสีเหลือง โดยลงทุนเองทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ผู้โดยสารจะเดินทางเชื่อมไปยังรถไฟฟ้าได้หลายสาย มีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น รถไฟฟ้าทุกสายมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ปัญหาการจราจรจะลดลง

“กรณีระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นการต่อเข้าไปในพื้นที่อิมแพค เมืองทองธานี ของบางกอกแลนด์ มองเป็นการเอื้อประโยชน์กันนั้น ต้องบอกว่าอิมแพคใช้มานาน และวันนี้เป็นที่ซึ่งรัฐบาลและเอกชนไปใช้ทำกิจกรรม และเกิดปัญหาจราจรมาก หากต่อเชื่อมรถไฟฟ้าไปได้จะทำให้เกิดความสะดวกแน่นอน หากสิ่งแวดล้อมไม่มีปัญหา

โดยสีชมพูขยายเส้นทางเข้าไปในศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. มี 2 สถานี สถานีแรกตั้งอยู่บริเวณอาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ และสถานีที่ 2 บริเวณทะเลสาบ และส่วนราชการ ทางแยกนี้จะแยกออกจากสถานีศรีรัช ซึ่งในปีที่ผ่านมาศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี มีผู้ใช้บริการถึงกว่า 10 ล้านคน/ปี และในเมืองทองธานีมีประชาชนอยู่อาศัยกว่า 150,000 คน

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งมีจุดสิ้นสุดที่แยกรัชดาตัดกับถนนลาดพร้าว ได้เสนอให้ขยายเส้นทางต่อไปตามถนนรัชดาภิเษกอีกประมาณ 2.6 กม. สิ้นสุดบริเวณแยกรัชโยธิน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานี N 10 (บริเวณปากซอยพหลโยธิน 24) ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (จากหมอชิตไปคูคตที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง) โดยเสนอให้มีสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 2 สถานี สถานีแรกอยู่ประมาณกึ่งกลางของเส้นทางส่วนต่อขยายนี้ และสถานีสุดท้ายบริเวณก่อนถึงแยกรัชโยธิน โดยในเฟสแรกจะจัดซื้อรถรวม 288 ตู้ ขบวนละ 4 ตู้ แบ่งเป็น สายสีเหลือง 120 ตู้ ชมพู 168 ตู้ มูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้าน โดยแผนระยะยาวสีชมพูจะต่อเป็น 6 ตู้/ขบวน โดยกำหนดค่าโดยสารตามทีโออาร์เริ่มต้นที่14-42 บาท ประมาณการจำนวนผู้โดยสารแต่ละสายไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนคน/วันในปีแรกที่เปิดให้บริการ

ขณะนี้ได้สำรวจพื้นที่ไปแล้ว 100% เริ่มออกแบบบางส่วน การเริ่มต้นก่อสร้างมีปัจจัยในการรอส่งมอบพื้นที่จาก กทม.และกรมทางหลวง ขณะนี้จะเลือกการออกแบบตัวเสาเข็มก่อน เมื่อเลือกชนิดของรถและน้ำหนักรถจะเริ่มก่อสร้างได้เลยภายในปีนี้จะต้องเริ่มภายในปีนี้แน่นอน

นายคีรีกล่าวว่า กรณีระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นการต่อเข้าไปในพื้นที่อิมแพค เมืองทองธานี ของบางกอกแลนด์ มองเป็นการเอื้อประโยชน์กันนั้น ต้องบอกว่าอิมแพคใช้มานานและวันนี้เป็นที่ซึ่งรัฐบาลและเอกชนไปใช้ทำกิจกรรม และเกิดปัญหาจราจรมาก หากต่อเชื่อมรถไฟฟ้าไปได้ จะทำให้เกิดความสะดวกแน่นอน หากสิ่งแวดล้อมไม่มีปัญหา ทั้ง สคร.น่าจะเห็นด้วย และ สนข.น่าจะมองว่าใส่เข้าไปในแผนแม่บท 2 เพราะรัฐบาลไม่ต้องลงทุน

สำหรับบีทีเอสลงทุนสายสีเขียว ได้ลงนามสัญญาเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ในปีนี้จะได้เซ็นสัญญาสีชมพู เหลือง ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกันกับสีเขียว คือ ลงทุนทั้งหมดทั้งโยธา และงานจัดหาและติดตั้งระบบ (E&M) ซึ่งเป็นสัญญาสัมปทานที่มีประโยชน์มาก สำหรับประชาชนในกรุงเทพฯ ช่วยลดการจราจรที่แออัด ซึ่งการที่เอกชนลงทุนทั้งหมด 100% แต่รัฐต้องสนับสนุนด้วย เพราะสายสีเขียวที่เปิดเริ่มต้น ผู้โดยสาร 1.5 แสนคน/วัน ห่างจากตัวเลขประมาณการไว้ที่จะอยู่ได้ จนเกือบ 10 ปี ผู้โดยสารถึงมาอยู่ที่ 8 แสนคน/วัน โดยในด้านของรายได้ ที่ผู้โดยสารปัจจุบัน กรณีที่เอกชนลงทุน 100% ยังไม่คุ้มทุน แต่บีทีเอสเป็นรายแรกที่ดำเนินการ และได้ทำการฟื้นฟู จัดแบ่งหนี้สินออกไปจากบริษัทฯ จึงทำให้สามารถฟื้นตัวได้ มีกำไรที่เหมาะสม และน่าสนใจได้

ปัจจุบันบีทีเอสให้บริหารรถไฟฟ้ารวม 67 กม. และอีก 3 ปีเมื่อสายสีชมพูและเหลืองเปิดเดินรถจะเพิ่มอีก 64 กม. ต่อสายสีเขียวไปตลิ่งชัน อีก 7 กม. และสายสีทองที่ ครม.อนุมัติไปแล้ว ระยะทางทั้งหมดรวม 146 กม. ซึ่งจะเป็นโครงข่ายที่ให้บริการผู้โดยสารได้กว่า 2 ล้านคน/วัน จะช่วยลดปัญหาจราจรได้

นายคีรีกล่าวว่า กลุ่มบีเอสอาร์เป็นเอกชนไทยที่มีศักยภาพ ทั้งด้านก่อสร้าง การเงิน การบริหาร และพร้อมที่จะร่วมลงทุนในแผนโครงการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC โดยขอภาพที่ชัดเจนจากรัฐบาล เพื่อดูว่าจะไปร่วมลงทุนได้อย่างไรบ้าง

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เบื้องต้น ซิโน-ไทยฯ ร่วมลงทุนในสัดส่วน 15% ซึ่งจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่การต่อขยายเส้นทางในซองที่ 3 นั้น เงื่อนไขที่ศึกษา และออกค่าก่อสร้างทั้งหมดให้รัฐ เหลือเพียงให้ขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบเท่านั้น และเชื่อว่า EIA จะไม่มีปัญหา ขณะที่ค่าก่อสร้างหากแยกก่อสร้างโครงการหลักกับส่วนต่อขยาย 2 กับการก่อสร้างไปพร้อมๆ กัน ค่าก่อสร้างแตกต่างกัน เป็นประเด็นที่พิจารณาในซองที่ 3

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯมีกำไรสะสมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท มีเงินสดในมือ 1.6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในสัดส่วนลงทุนที่ 10% สามารถใช้เงินสดในมือได้ ขณะที่สนใจการลงทุนใน EEC ทั้งด้านพลังงานและลอจิสติกส์ รอเพียงความชัดเจนในแต่ละโครงการ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 06/06/2017 9:54 am    Post subject: Reply with quote

บีทีเอส กรุ๊ป คาดปี 63 ธุรกิจขนส่งมวลชนโตเท่าตัว
โดย MGR Online
5 มิถุนายน 2560 14:20 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2560 15:58 น.)


บีทีเอส กรุ๊ป ประเมินธุรกิจระบบขนส่งมวลชนทำรายได้เติบโตเท่าตัวภายในปี 2563 หลังเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ และสายสีเขียวเหนือครบทุกสถานี มั่นใจแนวโน้มผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มขึ้นทุกปี คาดปี 2560/2561 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 3-5% ขณะที่ธุรกิจสื่อโฆษณาในปีนี้มั่นใจทำรายได้ 4,000 ล้านบาท จากปัจจัยการผสมผสานความแข็งแกร่งระหว่างธุรกิจปัจจุบัน และธุรกิจใหม่รับการเติบโตของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้าน ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เล็งเปิดคอนโดมิเนียมใหม่อีก 4 โครงการ รวมมูลค่าขายกว่า 12,000 ล้านบาท ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายจากการดำเนินงานในปี 2559/60 อีก 0.175 บาทต่อหุ้น

นายดาเนียล รอสส์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินรายได้จากการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจระบบขนส่งมวลชนที่คาดว่า จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ บรรลุข้อตกลงในการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต) และใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ระยะทาง 30.8 กิโลเมตร รวม 25 สถานี โดยคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการรถไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการจะส่งผลดีต่อรายได้กลุ่มธุรกิจระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2563 ที่รถไฟฟ้าทั้งสองสายจะเปิดให้บริการตลอดทั้งสายเต็มปี รายได้จากการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงจะเพิ่มขึ้นอีก 4,000-5,000 ล้านบาท หรือเติบโต 1 เท่าตัว จากปัจจุบันที่มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าว อยู่ที่ 4,237 ล้านบาท

ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นตามการทยอยเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้ง 2 โครงการ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ได้เต็มรูปแบบภายในปี 2561 ซึ่งจะส่งผลดีต่อจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าในรถไฟฟ้าสายหลัก หลังจากได้เริ่มให้บริการเดินรถสถานีสำโรง ซึ่งเป็นสถานีแรกของส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้เรียบร้อยแล้ว จึงประเมินว่า อัตราผู้โดยสารในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 3-5% จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้ใช้บริการ 238 ล้านคนเที่ยว โดยเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการ และคาดว่าอัตราค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้น 1%

“จากการที่เราเริ่มให้บริการเดินรถไฟฟ้าได้ครบทั้งเส้นทางเป็นโครงข่าย จะทำให้จำนวนผู้โดยสาร และอัตราค่าโดยสารในรถไฟฟ้าสายหลักเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวใหม่ จะทำให้รายได้จากธุรกิจขนส่งมวลชนจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีก 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังไม่นับรวมรายได้ค่าโดยสารจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2563”

ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน บีทีเอส กรุ๊ป กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณา ซึ่งดำเนินการโดย VGI จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นเช่นกัน โดยมีปัจจัยจากพื้นที่โฆษณาตามสถานีรถไฟฟ้า และจำนวนรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต จากปัจจุบันที่มีพื้นที่โฆษณาในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จำนวน 30 สถานี รวม 10,000 ตารางเมตร และจำนวนรถไฟฟ้า 52 ขบวน นอกจากนี้ ยังมาจากแพลตฟอร์มพื้นที่สื่อโฆษณาที่หลากหลาย ทำให้การขายโฆษณามีลักษณะเป็นแพกเกจ พร้อมนำเทคโนโลยี และพฤติกรรมของลูกค้ามาใช้วิเคราะห์เพื่อวางแผนสื่อโฆษณา ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี รวมถึงการเข้าลงทุนใน MACO, แรบบิท กรุ๊ป, แอร์โรมีเดีย สื่อโฆษณาในสนามบินและเดโม เพาว์เวอร์ ส่งผลให้สามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากเม็ดเงินโฆษณาได้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้คาดว่า VGI จะทำรายได้ 4,000 ล้านบาท และเราคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บัตรแรบบิท ในระบบกว่า 9.2 ล้านใบ

ขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับ บมจ.แสนสิริ ในปีหน้า โดยแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ของเรานั้น จะเกิดขึ้นทั้งตามแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน ส่วนต่อขยาย และโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ โดยมีแผนพัฒนาโครงการรวม 25 โครงการ มูลค่าขายกว่า 100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่พัฒนาโครงการไปแล้วจำนวน 8 โครงการ รวม 4,382 ยูนิต มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมอย่างน้อย 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้นในอนาคต

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559/60 (เมษายน 2559-มีนาคม 2560) บริษัทฯ มีรายได้ 9,618.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,235.7 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2559/60 งวดสุดท้ายในอัตรา 0.175 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 4 สิงหาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 สิงหาคม 2560 หลังจากก่อนหน้านี้ BTS ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.165 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปีได้จ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 4,716.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประจำปีอยู่ที่ 4%
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 07/06/2017 3:59 pm    Post subject: Reply with quote

ผู้ว่าการ รฟม.หารือ ผวจ.นนทบุรีประสานสายสีชมพู
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
7 มิถุนายน 2560 05:30

วันที่ 6 มิ.ย. ที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี นายธีรพันธ์ เตชะสิรินุกูล รองผู้ว่าการรักษาการ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผวจ.นนทบุรี เพื่อชี้แจงรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ว่า มาพบ ผวจ.นนทบุรี ในการประชุม “ผู้ว่าฯพบสื่อมวลชน” ซึ่งจัดขึ้นทุกเดือน จึงใช้โอกาสนี้แนะนำและชี้แจงรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี เนื่องจากแนวเส้นทางบางช่วงตัดผ่านถนนติวานนท์ แจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี โดยทางหน่วยงานจังหวัดกังวลเรื่องผลกระทบด้านการจราจรระหว่างการก่อสร้าง การระบายน้ำเพราะเกรงว่าการก่อสร้างจะทำให้ท่ออุดตัน การตั้งที่พักหรือแคมป์คนงานก่อสร้างซึ่งเป็นคนต่างด้าว ต้องปฏิบัติตามประกาศของทางจังหวัดอย่างเคร่งครัด เรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงประสานหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ รฟม.จะมีการประชุมร่วมกับจังหวัดทุกๆเดือน เพื่อติดตามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 07/06/2017 4:00 pm    Post subject: Reply with quote

คีรี กาญจนพาสน์ เคลียร์ข้อสงสัยลงทุนรถไฟฟ้าชมพู-เหลือง
ออนไลน์เมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,267 วันที่ 4 - 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560


ที่สุดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และกลุ่มบีเอสอาร์จอยต์เวนเจอร์ ซึ่งประกอบด้วยบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)ก็ได้ความชัดเจนในกรณีการลงทุนส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเขียว(ลาดพร้าว-สำโรง)ที่กลุ่มบีเอสอาร์จะลงทุนเชื่อมสายสีชมพูเข้าไปยังพื้นที่เมืองทองธานีอีก 2 สถานีระยะทางราว 2.8กิโลเมตร และสายสีเหลืองจะต่อขยายไปตามถนนรัชดาภิเษกผ่านพื้นที่ศาลอาญาไปถึงแยกรัชโยธินระยะทางราว 2.6 กิโลเมตร คิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 6,000 ล้านบาท

โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมาได้ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นำทั้ง 2 ช่วงนั้นกลับไปดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้องแล้วกลับมานำเสนอครม.พิจารณาอีกครั้ง
นายคีรี กาญจนพาสน์ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ได้เปิดแถลงร่วมกับผู้บริหารของทั้ง 2 พันธมิตรถึงข้อเท็จจริงและความพร้อมในการดำเนินการและการนำความเห็นของครม.ไปปฏิบัติ โดยเฉพาะการแจงข้อเท็จจริงในการลงทุนในส่วนต่อขยายใน 2 ช่วงดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจหลายประเด็นว่าสำหรับบีทีเอสเมื่อ 25 ปีก่อน เคยเซ็นสัญญาลงทุนรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) มาถึงวันนี้ได้รับคัดเลือกและจะมีการเซ็นสัญญาสายสีชมพูและสายสีเหลือง ซึ่งรูปแบบสัญญาคล้ายกัน คือบีทีเอสลงทุนทั้งหมด ทั้งงานโยธาและงานระบบ

การลงทุนครั้งนั้นถือเป็นประสบการณ์ โดยในการเริ่มเปิดให้บริการสายสีเขียวมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 1.5 แสนคนต่อวัน ยังห่างไกลจากตัวเลขตามที่มีผลการศึกษาคาดการณ์ไว้มากจนระยะเวลานานเกือบ 10 ปีจึงจะเพิ่มเป็นจำนวน 8 แสนคนต่อวัน ซึ่งหากนับจำนวนรายได้ยังถือว่าไม่คุ้มค่าการลงทุน อีกทั้งในอดีตยังได้มีการฟื้นฟูกิจการจนสามารถพลิกฟื้นมาสู่การดำเนินกิจการในจุดที่เหมาะสมได้ในปัจจุบันนี้

11

ยันบีทีเอสมีความพร้อมด้านการลงทุน
การนำเสนอเรื่องราวในอดีตเพราะต้องการสื่อให้เห็นว่าโครงการขนาดใหญ่ต้องมีเอกชนมาลงทุนและภาครัฐให้การสนับสนุนในส่วนหนึ่งด้วย ทั้งในการลงทุนและการบริหารด้วยมืออาชีพ ณวันนี้ยอมรับว่าบีทีเอสคืออีกหนึ่งบริษัทที่พร้อมตอบสนองการลงทุนในทุกชนิดได้แล้ว โดยเฉพาะระบบรางที่รัฐบาลต้องคอยให้การสนับสนุนงานโยธา

“ในวันนี้เอกชนที่พร้อมลงทุนด้านนี้จริงๆนั้นมีไม่มากและบีทีเอสยังเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ลงทุนระบบสาธารณูปโภคระบบรางด้วยรูปแบบการลงทุน PPP NetCost ที่รัฐบาลไม่ได้ให้การสนับสนุนใดๆเลย”

ดีใจที่ได้ร่วมลงทุนกับบริษัทที่มีความพร้อมในการลงทุนและจริงใจ สามารถขับเคลื่อนโครงการไปสู่ความสำเร็จได้โดยซิโน-ไทย เป็นบริษัทก่อสร้างที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกับบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งฯล้วนมีความตั้งใจว่าจะร่วมกันเดินหน้าลงทุนโครงการอื่นของรัฐบาลต่อไป

01

ไขปริศนาซองข้อเสนอพิเศษ
เมื่อครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) ก็พร้อมที่จะเซ็นสัญญากับรฟม. โดยเบื้องต้นกรณีนี้ อยากแจงว่า รฟม.เสนอประมูลจำนวน 3 ซองคือซองด้านเทคนิค ซองการเงิน และซองข้อเสนอพิเศษ(หากชนะในซองการเงินแล้ว) ซึ่งยังระบุว่าหากถูกต้องแล้วก็ไม่สามารถพิจารณาซองข้อเสนอพิเศษก็ได้

ดังนั้นในครั้งนี้จึงอยากให้ทราบสิ่งที่เสนอในซองที่ 3 (ข้อเสนอพิเศษ) นั้นคืออะไร โดยอยากจะบอกว่าบีทีเอสต้องการทำอย่างไรให้โครงการนี้สมบูรณ์ที่สุด ไม่อยากให้ซํ้ารอยกับกรณีสายสีม่วงด้านปริมาณผู้โดยสารน้อยกว่าปกติโดยกรณีสายสีชมพูที่ต่อขยายเข้าไปยังเมืองทองธานีและสายสีเหลืองที่ต่อขยายไปอีกราว 2.6 กิโลเมตรเพื่อเชื่อมกับสายสีเขียวนั้นต้องการทำไปเพื่อให้โครงการนี้มีความสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อความสะดวกในการใช้บัตรโดยสารเข้า-ออกจากระบบ แต่ก็ยอมรับว่าอาจมีมุมมองจากผู้คนหลายด้าน ดังนั้นกลุ่มบีเอส อาร์จึงยอมลงทุนให้ทั้งหมดในส่วนต่อขยายดังกล่าว โดยไม่ให้เป็นภาระกับภาครัฐ

ปัจจุบันบีทีเอสดูแลโครงการและบริหารจัดการรถไฟฟ้าอยู่หลายช่วงรวมระยะทางราว67 กิโลเมตร และอีกกว่า 2-3 ปีสายสีชมพูจะเปิดให้บริการอีก 34 กิโลเมตร พร้อมกับสายสีเหลืองเปิดเดินรถได้ระยะทางรวมก็จะเพิ่มมาอีก 64 กิโลเมตร เช่นเดียวกับสายสีเขียวสามารถต่อขยายจากบางหว้าไปถึงตลิ่งชันระยะทางบีทีเอสจะเพิ่มอีก 7 กิโลเมตรนอกจากนั้นยังมีสายสีทองในโซนพื้นที่ฝั่งธนบุรีรวมระยะทางที่จะเพิ่มมาอีกราว 141 กิโลเมตรที่บีทีเอสจะได้ดูแลและบริหารจัดการเดินรถ
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 152, 153, 154 ... 278, 279, 280  Next
Page 153 of 280

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©