Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311238
ทั่วไป:13181737
ทั้งหมด:13492975
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 212, 213, 214 ... 277, 278, 279  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 14/04/2020 9:38 pm    Post subject: Reply with quote

รัฐสานฝันนั่งรถไฟฟ้าราคาถูก ดัน “ตั๋วเที่ยว” 300 บาท/เดือน
อสังหาริมทรัพย์ : พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 14 เมษายน 2563 - 13:48 น.



หนึ่งในนโยบายเรือธงพะยี่ห้อ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เจ้ากระทรวงคมนาคมโควตาพรรคภูมิใจไทย ที่ออกแรงทั้งผลักและดันตั้งแต่ปลายปีที่แล้วกับนโยบายลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน

สีม่วงต่อน้ำเงิน 48 บาท
เริ่มนำร่องไปแล้ว 2 ระบบที่อยู่ในการกำกับดูแลของรัฐในสายแรก “รถไฟฟ้าสายสีม่วง” ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน ระยะทาง 23 กม. มีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้รับผิดชอบ ลดค่าโดยสารเหลือ 14-20 บาทตลอดสาย หากเดินทาง 1 สถานี เสีย 17 บาท ตั้งแต่ 2 สถานีขึ้นไป 20 บาท

หากข้ามระบบต่อสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-หลักสอง จะเก็บอัตราสูงสุดที่ 48 บาท โดย รฟม.ขยายเวลาดำเนินการจากเดิม 3 เดือนไปสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งผลดำเนินการได้ผลระดับหนึ่ง มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 10% แต่ด้วยการระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ผู้โดยสารลดลงเหลือ 10,000 เที่ยวคน/วัน

ARL รื้อคาดการณ์ใหม่
หลังสายสีม่วงนำร่อง ต่อมา “แอร์พอร์ตเรลลิงก์” มีบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) บริษัทลูกของ “ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย” เป็นผู้บริหารโครงการได้จัดทำตั๋วเดือนในรูปแบบคูปอง โดยคูปองจะมีจำนวน 44 ใบ เดินทางได้ 44 เที่ยว ขายในราคา 1,100 บาท คิดเป็นราคาค่าโดยสารเฉลี่ย 25 บาท/เที่ยว

และลดราคาช่วงนอกเวลาเร่งด่วน (off peak) เหลือ 15-25 บาท เดินทาง 1 สถานี 15 บาท เดินทาง 2 สถานี 20 บาท และเดินทางตั้งแต่ 3 สถานีขึ้นไป 25 บาท สำหรับผู้ที่ถือบัตรเติมเงินประเภทบุคคลทั่วไปใน 3 ช่วงเวลา ได้แก่ 05.30-07.00 น./10.00-17.00 น. และ 20.00-24.00 น. ถึงวันที่ 30 มิ.ย.นี้

แหล่งข่าวจาก รฟฟท. กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จะต้องคำนวณใหม่ทั้งหมด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เข้ามามีผลกระทบอย่างมาก จากเฉลี่ยวันละกว่า 80,000 เที่ยวคน เหลือผู้โดยสารมาใช้บริการอยู่ที่ 15,000 เที่ยวคน/วัน แต่ยังไม่แย่จนถึงขนาดต้องขอรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) แต่อย่างใด

เปิดมาตรการระยะยาว
อย่างไรก็ตาม หลังมีมาตรการระยะสั้นออกมาแล้ว สเต็ปต่อไป “กระทรวงคมนาคม” พยายามหาแนวทางใหม่ ๆ จัดเป็นมาตรการระยะยาว รับรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ ที่ทยอยเปิดใช้

โดยที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มี “บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นประธาน เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการหารือถึงแนวทางการดำเนินงานในระยะยาว

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า มีกำหนดแนวทางศึกษาไว้ 4 แนวทาง 1.ศึกษาการจัดตั้งทุนหมุนเวียน เพื่อดำเนินงานด้านการขนส่งในรูปแบบของกองทุนขนส่งสาธารณะ ที่มีการบูรณาการร่วมกันให้ครอบคลุมทุกรูปแบบขนส่ง และเพื่อดำเนินการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้าของประชาชนในระยะยาว

2.ศึกษามาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือระบบขนส่งสาธารณะ เช่น ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล และบริษัทต่าง ๆ มีนโยบายส่งเสริมให้พนักงานเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ และนำมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับลดหย่อนภาษีนิติบุคคลได้ เป็นต้น

คลอดตั๋วเดือนราคาถูก 300 บาท
3.ส่งเสริมให้ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้บริการรถไฟฟ้า ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย จะศึกษาเพิ่มเติมวงเงินการเดินทางด้วยรถเมล์และรถไฟฟ้าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากเดิมกำหนดวงเงินไว้ที่ 500 บาท/เดือน ควรแยกเป็นรถเมล์ 500 บาท/เดือน และรถไฟฟ้า 300 บาท/เดือน และควรกำหนดให้ซื้อบัตรโดยสารรายเดือนแบบจำกัดจำนวนเที่ยว (ตั๋วเดือน) 300 บาท จำนวน 20 เที่ยว จากผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้า

และ 4.ส่งเสริมการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าของข้าราชการ โดยศึกษาแนวทางการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการโดยใช้ระบบรถไฟฟ้า และเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามจริงให้สอดคล้องกับ พ.ร.ฎ.ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 9) 2560 “ที่ประชุมได้รับทราบมาตรการทั้งหมดแล้ว ส่วนแนวทางดำเนินการในระยะยาว มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังศึกษาร่วมกันต่อไป” แหล่งข่าวกล่าว

TDRI แนะมองทั้งระบบ
ด้าน ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า คจร.ไม่ควรมองแค่การลดค่าโดยสารเฉพาะรถไฟฟ้า ควรมองให้ครอบคลุมไปถึงระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ เช่น รถเมล์ เพราะอยู่ในประเภทเดียวกัน

และมาตรการที่จะศึกษาในระยะยาว ยังเป็นการผสมผสานระหว่างมาตรการระยะสั้นและระยะยาว เช่น กรณีจูงใจด้านภาษี ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมักจะมีมาตรการลดหย่อนด้านภาษีอยู่แล้วและทำได้ทันที อย่างนโยบายช็อปช่วยชาติ ที่เปิดให้มีการลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท หรือนโยบายเที่ยวเมืองรอง ถ้าจะมีมาตรการภาษีจูงใจให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ถามว่ารัฐบาลทำได้ไหม เชื่อว่าทำได้

ส่วนการจัดตั้งกองทุนอุดหนุนค่าโดยสารในต่างประเทศมีโมเดล 2 แบบ คือ 1.ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีอุดหนุน ซึ่งในต่างประเทศต้นทุนในการให้บริการจะมากกว่ารายได้ที่จัดเก็บประมาณ 30-40% ส่วนนี้รัฐจะต้องเป็นผู้อุดหนุนในลักษณะงบประมาณประจำ หากใช้แนวทางนี้ระบบงบประมาณของไทยในปัจจุบันมีความพร้อมแค่ไหน

และ 2.ในรูปแบบกองทุน เช่น กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างประกันสังคม เป็นต้น หากจะดำเนินการในรูปแบบนี้รัฐบาลจะบริหารอย่างไร และจะนำรายได้จากไหนมา เพราะการอุดหนุนระบบรถไฟฟ้าที่คนกรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 3-4 จังหวัดได้ประโยชน์นั้น การนำงบประมาณมาใส่ลงไปจึงต้องตอบให้ได้ว่า คนที่อยู่ต่างจังหวัดจะได้อะไร จะต้องดูรายละเอียดและวิธีการดำเนินการให้ดี

“ลักษณะของขนส่งสาธารณะ ยิ่งคนขึ้นเยอะต้นทุนเฉลี่ยต่อคนจะถูกลง รถไฟฟ้าถ้าคนแน่น ค่าโดยสารต้องถูก แต่ถ้าคนน้อยรัฐต้องอุดหนุน จึงกลับมาที่คำถามว่ารัฐบาลจะส่งเสริมให้คนใช้รถไฟฟ้าอย่างไร ซึ่งค่าโดยสารไม่ใช่ปัจจัยเดียว แต่มาคู่กับการบริหารจัดการเมืองด้วย”

ดังนั้น รัฐบาลต้องมีนโยบายเปลี่ยนแปลงจากสนับสนุนให้ใช้รถส่วนบุคคล รถสาธารณะ ซึ่งมันต้องมี turning point เช่น เก็บภาษีน้ำมันสูงขึ้น เก็บค่าผ่านทางด่านต่าง ๆ สูงขึ้น เป็นต้น เพราะไม่งั้นแล้วถ้าจะอุดหนุนในลักษณะนี้ รัฐก็ต้องอุดหนุนเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะต้นทุนเฉลี่ยต่อคนจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 16/04/2020 5:30 pm    Post subject: Reply with quote

ตั้ง “ศักดิ์สยาม” นั่งหัวโต๊ะบริหารจัดการตั๋วร่วมเบ็ดเสร็จ
อสังหาริมทรัพย์ : พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 15 เมษายน 2563 - 14:13 น.

วันที่ 15 เมษายน 2563 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทางกระทรวงคมนาคม ได้เสนอว่า ปัจจุบันนี้ยังไม่มีกฎหมายและหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุม กำกับ ดูแลและบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมให้สามารถใช้เชื่อมต่อในระบบการขนส่งมวลชนในทุกรูปแบบ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศได้โดยตรง


ดังนั้น จึงจำเป็นต้องจัดทำร่างพระราชบัญญัติฯ ต่อไป แต่เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน นวัตกรรม เทคโนโลยีระบบตั๋วร่วมและระบบการชำระเงินมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับจำนวนผู้ประกอบการขนส่งมวลชนทางรางกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกหลายราย ทั้งในเขตกรุงเทพฯ จังหวัดปริมณฑล และเมืองหลักในภูมิภาค จึงจะทำให้การควบคุม กำกับ ดูแลและบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมเป็นไปอย่างยากลำบาก หากยังไม่มีหรือการออกกฎหมายพระราชบัญญัติในการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมล่าช้า ในระยะเริ่มแรกจึงเห็นสมควรจัดทำเป็นร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ขึ้นก่อน เพื่อให้มีกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้โดยเร็ว ซึ่งร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เป็นเพียงมาตรการทางการบริหาร กำกับ ดูแลระบบตั๋วร่วม ใช้ได้เฉพาะกับผู้ประกอบการขนส่งที่เป็นหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น ในอนาคตหากจะให้สามารถนำไปใช้กับผู้ประกอบการขนส่งทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งหมดจำเป็นต้องมีการจัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติต่อไป ซึ่งจะสามารถใช้บังคับกับผู้ประกอบการขนส่งทั้งภาครัฐและเอกชนได้

ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ….มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดให้มีการบริหารจัดการบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่ทั้งหมดด้วยระบบตั๋วร่วม 2. กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม (คนต.) มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ) เป็นประธาน และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม กำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมและการใช้ตั๋วร่วม

3. กำหนดให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม มีหน้าที่กำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และการดำเนินงานของผู้บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมและผู้ให้บริการภาคขนส่งให้เป็นไปตามมาตรฐาน

4. กำหนดให้มีผู้บริหารจัดการระบบตั๋วร่วม มีอำนาจหน้าที่บริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม บริหารศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง รวมถึงกำกับดูแลให้การดำเนินงานในการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบตั๋วร่วมของผู้ออกและจำหน่ายตั๋วร่วมรายอื่น ให้เป็นไปตามมาตรฐานตามข้อบังคับของคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม เพื่อให้ตั๋วร่วมทั้งหมดมีมาตรฐานเดียวกันและสามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน

ครม.ไฟเขียวร่างระเบียบบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ใช้กับขนส่งภาครัฐ
ข่าวหุ้นล่าสุด
15 เมษายน 2563 | 14:48


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -15 เม.ย. 63 14:48 น.
  ครม.ไฟเขียวร่างระเบียบบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวงคมนาคม เบื้องต้นใช้กับผู้ประกอบการขนส่งภาครัฐเท่านั้น

   นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เพื่อให้มีกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้โดยเร็ว ซึ่งร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯเป็นเพียงมาตรการทางการบริหาร กำกับ ดูแลระบบตั๋วร่วม ใช้ได้เฉพาะกับผู้ประกอบการขนส่งที่เป็นหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น

   สำหรับในอนาคตหากจะให้สามารถนำไปใช้กับผู้ประกอบการขนส่งทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งหมดจำเป็นต้องมีการจัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติต่อไป ซึ่งจะสามารถใช้บังคับกับผู้ประกอบการขนส่งทั้งภาครัฐและเอกชนได้

   ทั้งนี้ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ....มีสาระสำคัญดังนี้

   1. กำหนดให้มีการบริหารจัดการบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่ทั้งหมดด้วยระบบตั๋วร่วม

   2. กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานและผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม กำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมและการใช้ตั๋วร่วม

   3. กำหนดให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม มีหน้าที่กำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และการดำเนินงานของผู้บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมและผู้ให้บริการภาคขนส่งให้เป็นไปตามมาตรฐาน

   4. กำหนดให้มีผู้บริหารจัดการระบบตั๋วร่วม มีอำนาจหน้าที่บริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม บริหารศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง รวมถึงกำกับดูแลให้การดำเนินงานในการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบตั๋วร่วมของผู้ออกและจำหน่ายตั๋วร่วมรายอื่น ให้เป็นไปตามมาตรฐานตามข้อบังคับของคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม เพื่อให้ตั๋วร่วมทั้งหมดมีมาตรฐานเดียวกันและสามารถเชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 16/04/2020 6:56 pm    Post subject: Reply with quote

ดีเดย์ 1 ต.ค.นี้ เริ่มใช้ ‘ระบบตั๋วร่วม’
หน้าแรก / เศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 17:47 น.

‘คมนาคม’ จับมือ บีทีเอส-บีอีเอ็ม-สนข.เซ็นสัญญา ‘ระบบตั๋วร่วม’ หวังอำนวยความสะดวกประชาชนผู้ใช้บริการ เตรียมออกประกาศเริ่มมีผลบังคับใช้ มิ.ย.นี้ คาดเปิดให้บริการ 1 ต.ค.63นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอนั้น ขณะนี้กระทรวงฯ ได้ลงนามสัญญาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เอกชนผู้ให้บริการรถไฟฟ้า บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีอีเอ็ม) เพื่อดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม “ปัจจุบันตั๋วโดยสารขนส่งสาธารณะในไทยมีหลายแบบ ทั้งบัตรรถไฟฟ้าแมงมุม บัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT บัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และบัตรแรบบิท ไม่รวมประเภทบัตรโดยสารของรถ ขสมก. เรือโดยสารต่างๆ อีก ดังนั้นกระทรวงฯ จึงต้องการผลักดันให้เกิดตั๋วร่วม (Common Ticket) เพื่อให้ประชาชนเดินทางเชื่อมต่อด้วยบัตรโดยสารเพียงใบเดียว”



ขณะเดียวกัน เป้าหมายแรกของการจัดทำระบบตั๋วร่วม จะกำหนดใช้ในส่วนของรถไฟฟ้าเป็นอันดับแรก โดยประชาชนจะสามารถเดินทางข้ามระบบทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ส่วนระยะต่อไปกระทรวงฯ ตั้งเป้าเชื่อมต่อระบบให้สามารถใช้ครอบคลุมไปยังการเดินทางด้วยรถโดยสาร ขสมก. และระบบเรือโดยสาร ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2564


นศ.สาวไทยสุดฉลาดเผยวิธีลด 15 กก.ได้แบบด่วนจี๋! คลิกเลย!
Advertiser

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม แบ่งออกเป็น 7 ขั้นตอน คือ 1. ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 2.คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... และประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3.สำนักเลขาธิการ ครม. จัดพิมพ์ร่างระเบียบฯ ส่งให้ สนข.ตรวจสอบความถูกต้อง 4.สำนักเลขาธิการ ครม.นำเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามร่างระเบียบฯ 5.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยขั้นตอนเหล่านี้ มีเป้าหมายดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือน หรือภายในเดือน มิ.ย.นี้ 6.สนข.ร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการะบบตั๋วร่วม (คนต.) เสนอนายกรัฐนตรีลงนาม จะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ส.ค.2563 และขั้นตอนที่ 7.สนข.ร่างคำสั่งแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (7 ตำแหน่ง) เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนาม มีเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์หลังจากนั้น หรือไม่เกินเดือน ก.ย.2563 “วันนี้ผมได้หารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเอกชนแล้ว ทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่าการบูรณาการตั๋วร่วมเป็นประโยชน์แก่ประชาชน และยินดีที่จะทำให้ ซึ่งไทม์ไลน์ตอนนี้ภายในเดือน มิ.ย.อาจจะมีผลบังคับใช้ เรื่องระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... หรือช้าสุดคือในเดือน ก.ย.2563 และมีกำหนดเปิดให้บริการตั๋วร่วมในวันที่ 1 ต.ค.นี้”

เลื่อนไปอี๊กกก!! “ตั๋วร่วม” ได้ใช้แน่(นะ) 1 ต.ค.นี้
*ประเดิมบีทีเอส-MRT 14.2 ล้านใบ
*ปีหน้าได้ใช้ครบ”รถเมล์-เรือ-ราง”
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/2575672232654279
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 17/04/2020 10:08 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ดีเดย์ 1 ต.ค.นี้ เริ่มใช้ ‘ระบบตั๋วร่วม’
หน้าแรก / เศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 17:47 น.

เลื่อนไปอี๊กกก!! “ตั๋วร่วม” ได้ใช้แน่(นะ) 1 ต.ค.นี้
*ประเดิมบีทีเอส-MRT 14.2 ล้านใบ
*ปีหน้าได้ใช้ครบ”รถเมล์-เรือ-ราง”
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/2575672232654279


คมนาคม ดันระบบตั๋วร่วมรถไฟฟ้า ตั้งเป้าใช้ 1 ต.ค.นี้
17 เมษายน 2563
คมนาคมลงนามร่วมเอกชน ดันจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม นำร่องเชื่อมต่อบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอส – บีอีเอ็ม เริ่มให้บริการ 1 ต.ค.นี้ ก่อนขยายครอบคลุมรถถเมล์ - เรือโดยสาร ภายในปี 2564

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอนั้น ขณะนี้กระทรวงฯ ได้ลงนามสัญญาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เอกชนผู้ให้บริการรถไฟฟ้า บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีอีเอ็ม) เพื่อดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม

“ปัจจุบันตั๋วโดยสารขนส่งสาธารณะในไทยมีหลายแบบ ทั้งบัตรรถไฟฟ้าแมงมุม บัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT บัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และบัตรแรบบิท ไม่รวมประเภทบัตรโดยสารของรถ ขสมก. เรือโดยสารต่างๆ อีก ดังนั้นกระทรวงฯ จึงต้องการผลักดันให้เกิดตั๋วร่วม หรือ Common Ticket เพื่อให้ประชาชนเดินทางเชื่อมต่อด้วยบัตรโดยสารเพียงใบเดียว”

สำหรับการดำเนินงานจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม แบ่งออกเป็น 7 ขั้นตอน คือ
1. ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบฯ ซึ่งดำเนินการไปแล้ว
2.คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างระเบียบฯ
3.สำนักเลขาธิการ ครม. จัดพิมพ์ร่างระเบียบฯ ส่งให้ สนข.ตรวจสอบความถูกต้อง
4.สำนักเลขาธิการ ครม.นำเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามร่างระเบียบฯ
5.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยขั้นตอนเหล่านี้ จะแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.2563

ส่วนขั้นตอนที่ 6.สนข.ร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการะบบตั๋วร่วม (คนต.) เสนอนายกรัฐนตรีลงนาม จะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน ส.ค.2563 และ
ขั้นตอนที่ 7.สนข.ร่างคำสั่งแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (7 ตำแหน่ง) เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนาม มีเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์หลังจากนั้น หรือไม่เกินเดือน ก.ย.2563

“วันนี้ผมได้หารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเอกชนแล้ว ทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่าการบูรณาการตั๋วร่วมเป็นประโยชน์แก่ประชาชน และยินดีที่จะทำให้ ซึ่งไทม์ไลน์ตอนนี้ภายในเดือน มิ.ย.อาจจะมีผลบังคับใช้ เรื่องระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... หรือช้าสุดคือในเดือน ก.ย.2563 และมีกำหนดเปิดให้บริการตั๋วร่วมในวันที่ 1 ต.ค.นี้”

นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวด้วยว่า เป้าหมายแรกของการจัดทำระบบตั๋วร่วม จะกำหนดใช้ในส่วนของรถไฟฟ้าเป็นอันดับแรก โดยประชาชนจะสามารถเดินทางข้ามระบบทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ส่วนระยะต่อไปกระทรวงฯ ตั้งเป้าเชื่อมต่อระบบให้สามารถใช้ครอบคลุมไปยังการเดินทางด้วยรถโดยสาร ขสมก. และระบบเรือโดยสาร ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2564
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 20/04/2020 3:13 pm    Post subject: Reply with quote

ส่อรถไฟแทรม 3 สาย ดีเลย์ หลังกู้เงิน 1 ล้านลบ.
หน้าเศรษฐกิจมหภาค - Mega Project
จันทร์ที่ 20 เมษายน 2563 เวลา 11:38 น.

รฟม.เผยรัฐกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท กระทบโครงการรถไฟแทรมภูเก็ต-เชียงใหม่-นครราชสีมา ดีเลย์ หลังเวนคืนที่ดินต้องใช้งบประมาณรัฐ ยันไม่กระทบโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าระหว่างดำเนินการนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า การตัดลดงบประมาณของกระทรวงต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลนำเงินไปต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าของ รฟม. ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ เนื่องจากการก่อสร้างงานโยธารถไฟฟ้าใช้แหล่งเงินกู้ โดยไม่ใช่งบประมาณของรัฐ ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล ซึ่งวางกรอบการกู้เงินจำนวน 1 ล้านล้านบาทเพื่อมาเยียวยาประชาชน อาจจะกระทบกับโครงการในอนาคตของ รฟม. เนื่องจากการเวนคืนที่ดินสำหรับก่อสร้างโครงการใหม่จะต้องใช้งบประมาณของรัฐบาล ถ้าหากรัฐบาลต้องใช้วงเงินกู้สูง ก็อาจจะมีประเด็นเรื่อง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และเพดานหนี้สาธารณะ ส่งผลให้โครงการก่อสร้างที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ อาจจะถูกลดความสำคัญลงไปในการจัดสรรงบประมาณ



นายภคพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการที่อาจจะได้รับผลกระทบคือ โครงการรถไฟฟ้าในต่างจังหวัดซึ่งอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติเพื่อเปิดประมูลในปี 2563 และ 2564 ได้แก่
รถไฟฟ้ารางเบา (Tram) จังหวัดภูเก็ต วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท,
รถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท และ
รถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดนครราชสีมา วงเงิน 8 พันล้านบาท“

หากรัฐบาลต้องกู้เงินมาเยียวยาประชาชน ก็จะเป็นภาระผูกพัน ต้องจัดสรรงบประมาณมาใช้คืนเงินกู้ในอนาคต เพราะฉะนั้นการจัดสรรงบประมาณมาเวนคืนที่ดินสำหรับโครงการก่อสร้างใหม่ๆ ที่ยังไม่เริ่มต้น ก็อาจถูกลดความสำคัญลงได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเพียงความเห็นเท่านั้น ต้องรอความชัดเจนจากสำนักงบประมาณเป็นผู้ให้คำตอบจะดีที่สุด”


ทั้งนี้ด้านการก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และการเดินรถตลอดเส้นทาง ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะมีการผูกพันงบประมาณปีงบประมาณ 2563 สำหรับการเวนคืนไว้แล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 23/04/2020 5:19 pm    Post subject: Reply with quote

ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้ายังพุ่งยกแผง สายสีเขียวสูงสุด 61%
อสังหาริมทรัพย์ : พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 23 เมษายน 2563 - 09:34 น.



โควิดทำอะไรแลนด์ลอร์ดไม่ได้ REIC เผยราคาที่ดินรถไฟฟ้าใหม่พุ่งยกแผง สายสีเขียวไปคูคตนำโด่ง 61%

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ผลสำรวจการเปลี่ยนแปลงราคาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล เพื่อจัดทำ “ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา” เป็นรายไตรมาส พบว่าไตรมาส 1/63 มีค่าเท่ากับ 293.3 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.7 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62




โดยทำเลที่มีราคาเพิ่มมาก ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลายสายรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย หรือสายรถไฟฟ้าที่มีแผนจะเปิดให้บริการในอนาคตอันใกล้

ที่ดินที่มีแนวเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านและมีราคาที่ดินเพิ่มสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.โซนรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (คูคต-ลำลูกกา) ส่วนต่อขยายสายสีเขียว (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) ที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 61.3 เป็นทำเลที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินมากที่สุดต่อเนื่องมา 4 ไตรมาสแล้ว

2.โซนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.1

3.โซนรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) โครงการที่มีแผนก่อสร้างในอนาคต ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.0

4.โซนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑลสาย 4) โครงการที่มีแผนก่อสร้างในอนาคต ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3

5.โซนรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (สมุทรปราการ-บางปู) โครงการที่มีแผนก่อสร้างในอนาคต และสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งก่อสร้างเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเท่ากันร้อยละ 11.7
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 24/04/2020 1:31 pm    Post subject: Reply with quote

รับเหมารถไฟฟ้าสีส้ม-เหลือง-ชมพู ยื่นหนังสือ รฟม.ขอชดเชยพิษโควิด
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
24 เมษายน 2563 เวลา 08:14 น.

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน เวลา 22.00-04.00 น. เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย- มีนบุรี และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง เนื่องจากการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างปกติทำในช่วงกลางคืนต้องปรับมาส่งช่วงกลางวัน ทำให้ปริมาณวัสดุที่จะนำมาใช้สำหรับการก่อสร้างลดลงตามไปด้วย จากผลกระทบดังกล่าว ทางผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกสัญญา ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม แบ่งออกเป็นจำนวน 5 สัญญา รถไฟฟ้าสายสีชมพู จำนวน 1 สัญญา และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจำนวน 1 สัญญา ได้ทำหนังสือถึง รฟม. เพื่อขอสงวนสิทธิ์การชดเชยจากผลกระทบดังกล่าวโดยจะประเมินผลและรายงานให้ รฟม.ทราบภายหลัง


นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า กรณีที่ผู้รับเหมาขอสงวนสิทธิ์การชดเชยถือว่าสามารถทำได้ ส่วนจะชดเชยหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของ รฟม.ที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อลดผลกระทบ ขณะนี้จากการติดตามประเมินผลกระทบเบื้องต้นยังอยู่ในวิสัยที่สามารถควบคุมและปรับแผนก่อสร้างแก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้ามีการขยายเวลาประกาศเคอร์ฟิว อาจจะเริ่มเห็นตัวเลขผลกระทบเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน สำหรับภาพรวมความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าแต่ละเส้นทางดังนี้ รถไฟฟ้าสายสีส้ม คืบหน้าประมาณ 60% รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง คืบหน้าประมาณ 56%.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 28/04/2020 9:21 am    Post subject: Reply with quote

ม.เกษตรต้านหนักทางด่วนสายเหนือชะลอยาว
อสังหาริมทรัพย์ : พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 27 เมษายน 2563 เวลา 17:30 น.


“ปลัดคมนาคม” สั่ง “สนข.-การทางฯ” เร่งศึกษาโมเดลทางด่วน N1 ใหม่ หลัง ม.เกษตรฯต้านหนัก ชงผุดอุโมงค์แทนยกระดับ เสนอ คจร.เคาะภาพรวมด่วนขั้น 3 ชี้กระทบช่วง N2 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลรอ EIA

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมการดำเนินการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ อยู่ระหว่างพิจารณาแนวช่วง N1 ที่เชื่อมกับทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก โดยนำผลศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) หารือร่วมกัน แต่ที่ประชุมยังไม่เห็นชอบรูปแบบที่ สนข.เสนอให้มีการออกแบบโครงการในแนวทางอื่น เช่น เป็นอุโมงค์ลอดใต้ถนน

“สนข.เสนอเป็นแนวทางเดิม คือ เป็นทางยกระดับวิ่งผ่าน ม.เกษตรศาสตร์ไปตามถ.งามวงศ์วาน แล้วทำทางม้วนเข้าเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัช แม้จะไม่มีทำทางขึ้นลงแต่ทาง ม.เกษตรศาสตร์ยังยืนยันจะไม่ให้โครงสร้างของทางด่วนล้ำเข้าไปในพื้นที่เด็ดขาด ให้ไปดูว่า จะเปลี่ยนรูปแบบเลยได้ไหม เช่น ทำอุโมงค์ลอดหรือดูแนวอื่น เช่น อ้อมคลองบางบัว ที่ติดสิ่งแวดล้อม ให้ทำอุโมงค์ลอดแทน”




ยังได้ให้หลักคิดว่า แนวทางที่จะเสนอ 1.มีความเป็นไปได้ทางวิศวกรรมศาสตร์ 2.ทำข้อมูลต้นทุนเปรียบเทียบแต่ละแนว 3.ระยะเวลาก่อสร้าง และ 4.อุปสรรคและความยากง่ายในการผลักดันโครงการ เช่น รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และการต่อต้านจากประชาชน เมื่อได้รูปแบบทางเลือกแล้ว จะรายงานที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เห็นภาพทั้งโครงการเมื่อทำทางด่วน N1-N2 และต่อขยายช่วง E-W corridor ภาพจะเป็นอย่างไร

ส่วนที่คณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เห็นชอบ ตอน N2 เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก 10.5 กม. วงเงิน 15,200 ล้านบาท ไปแล้วให้รอไปก่อนโดย กทพ.และที่ปรึกษาต้องเร่งทำรายละเอียดช่วง N1 โดยเร็วที่สุด เพื่อเสนอให้ คจร.เห็นชอบโครงการก่อน ถึงจะก่อสร้างได้ ส่วนช่วง N1 นำไปศึกษาในรายละเอียดต่อไป

นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า จากการให้ทบทวนดังกล่าวจะกระทบกับช่วง N2 ที่ได้อนุมัติให้ใช้เงินลงทุนจากกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFF ให้ กทพ.หารือกับกระทรวงการคลังว่ามีวิธีบริหารจัดการกองทุนอย่างไรบ้าง ตอนนี้ กทพ.ยังไม่ได้รายงานผลกระทบจากการไม่ได้ใช้เงินในกองทุน TFF ให้ทราบ



ส่วนความคืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) ระยะทาง 22.1 กม. วงเงิน 48,386 ล้านบาท อยู่ระหว่างทำรายงาน EIA โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้จัดทำรายงาน ยังคงหลักการเดิมให้ใช้ตอม่อร่วมกับทางด่วนของ กทพ.

แหล่งข่าวจาก กทพ. เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ยังไม่มีข้อสรุปรูปแบบทางด่วนช่วง N1 จะเดินหน้าต่อยังไง ทำให้ต้องชะลอการประมูลช่วง N2 และส่วนต่อเชื่อมวงแหวนรอบนอกตะวันออกไปก่อนจนกว่าจะได้ข้อยุติถึงจะสามารถเดินหน้าต่อไป

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กทพ.เสนอรูปแบบไปแล้วจะสร้างเป็นทางยกระดับผ่านหน้า ม.เกษตรฯแล้วข้ามโทลล์เวย์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเลาะไปตามแนวคลองเปรมประชากรเพื่อไปเชื่อมกับทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก แต่ที่ประชุมยังไม่รับหลักการและให้กลับมาหารูปแบบที่เหมาะสมเสนอกลับไปใหม่ ในเมื่อยังหาข้อสรุปไม่ได้ก็มีความเป็นไปได้ที่โครงการทางด่วนสายนี้จะชะลอยาว

“กระทรวงให้ดูว่าจะสร้างเป็นยกระดับ อุโมงค์ หรือใช้แนวอื่นแทน เปรียบเทียบต้นทุน ผลกระทบ ความเป็นไปได้ และข้อจำกัดต่าง ๆ”
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 04/05/2020 6:53 pm    Post subject: Reply with quote

เวนคืนสายสีม่วง 1.5 หมื่นล้าน 3 รถไฟฟ้าขอเยียวยายืดสัญญาก่อสร้าง
อสังหาริมทรัพย์ : พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 4 พฤษภาคม 2563 - 10:22 น.

ครึ่งทาง - รถไฟฟ้า 3 สาย 3 สี ส้ม ชมพู เหลือง สร้างคืบหน้ากว่า 50% ทุกไซต์ แต่ยังต้องรอดูจะเสร็จทันกำหนดหรือไม่หลังผู้รับเหมาพร้อมใจขอใช้สิทธิ์ขยายอายุสัญญาก่อสร้าง หลังเจอพิษโควิดและเคอร์ฟิว

ไซต์รถไฟฟ้าส้ม ชมพู เหลืองป่วน บิ๊กรับเหมา “ช.การช่าง-ซิโน-ไทยฯ-อิตาเลียนไทยฯ-ยูนิคฯ” พร้อมใจยื่นหนังสือสงวนสิทธิ์ขอเคลม ยืดสัญญาก่อสร้าง รัฐประกาศเคอร์ฟิว เวลาทำงานหาย รฟม.รอประมวลผล เร่งบริหารจัดการ ไม่ให้ดีเลย์ ย้ำหมุด พ.ค.ขายซองประมูลสายสีส้มตะวันตก เผยรับเหมาไทย-ต่างชาติ 24 ราย สนใจยื่นข้อเสนอแนะร่างทีโออาร์ ครม.บิ๊กตู่อนุมัติแล้ว พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินสีม่วงใต้ “เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ” วงเงิน 1.5 หมื่นล้าน ปีหน้าลุยสำรวจ

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการด้านวิศวกรรมและก่อสร้างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้งสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง ได้ทำหนังสือขอสงวนสิทธิ์การขอขยายสัญญาก่อสร้างออกไปทุกสัญญา

รฟม.รับทราบรับเหมายื่นต่อเวลา
หลังจากได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ต้องพิจารณาว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจนต้องขยายสัญญาเพื่อเป็นการเยียวยาหรือไม่ เนื่องจากการขยายจะต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย เพราะเมื่อเวลาก่อสร้างเพิ่มทางผู้รับเหมาจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“เราก็รับทราบไว้ก่อน ต้องรอประเมินระยะเวลาเคอร์ฟิวจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ จากนั้นถึงมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ถึงจะรู้ว่าจะขยายเวลาให้เท่าไหร่ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องแรงงานขาดด้วย ทำให้ตอนนี้เราก็บริหารจัดการโครงการก่อสร้างเท่าที่ทำได้ อย่างไรก็ตาม จะพยายามให้งานก่อสร้างล่าช้าน้อยที่สุด เพื่อรักษาเป้าการเปิดบริการให้เป็นไปตามแผนให้มากที่สุด”

ชมพู-เหลืองได้แค่เวลาชดเชย
นายสุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การเยียวยาในส่วนของสายสีชมพูและสายสีเหลือง จะได้รับการเยียวยาเฉพาะการขยายเวลา และอาจจะไม่พิจารณาเรื่องค่าปรับ หากดำเนินการล่าช้า โดยเอกชนจะไม่ได้รับการชดเชยเป็นเงิน เนื่องจากเป็นการลงทุน PPP ซึ่งกลุ่มบีทีเอสเอกชนที่ลงทุนจะรับภาระความเสี่ยงโครงการทั้งหมด

ทั้งนี้ สิ่งที่จะเยียวยาได้ คือ ให้เปิดเดินรถเป็นช่วง ๆ ให้ได้ภายในเดือน ต.ค. 2564 ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา เพื่อให้เอกชนมีรายได้จากค่าโดยสารเป็นการชดเชย โดย สายสีชมพู แคราย-มีนบุรีทยอยเปิดจาก มีนบุรี-วงเวียนหลักสี่ จะเชื่อมสายสีเขียวและ สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง จะเปิดจากปลายทางที่สถานีสำโรงเชื่อมกับสายสีเขียวแบริ่ง-สมุทรปราการไล่ลงมายังศรีนครินทร์ เป็นต้น ซึ่งขบวนรถจะมาถึงปลายปีนี้ จากนั้นจะดำเนินการทดสอบระบบ ก่อนเปิดให้บริการ

เอกชน 24 รายแนะ TOR สีส้ม
นายสุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า สำหรับความก้าวหน้าการประมูลโครงการสายสีส้มช่วงตะวันตกบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ จะเปิดให้เอกชนร่วม PPP net cost ทั้งก่อสร้างงานโยธาและเดินรถตลอดสายบางขุนนนท์-มีนบุรี ระยะทาง 35.9 กม. ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี วงเงิน 142,789 ล้านบาท หลังให้เอกชนที่สนใจยื่นเสนอแนะร่างประกาศเชิญชวน (TOR) ร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนให้ รฟม.เมื่อวันที่ 20-22 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีเอกชนไทยและต่างชาติยื่นประมาณ 24 ราย เป็นกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ประกอบการเดินรถ และผู้ผลิตรถไฟฟ้า ตั้งเป้าจะเปิดขายซองประมูลวันที่ 15 พ.ค. เปิดให้ยื่นข้อเสนอกลางเดือน ส.ค. และได้ผู้รับเหมาชนะประมูลในเดือน ธ.ค. 2563

คืบหน้ารถไฟฟ้า 3 สาย 3 สี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับรถไฟฟ้าสายสีส้มแบ่งสร้าง 6 สัญญา มีความคืบหน้า 58.59% เร็วกว่าแผน 2.57% จะเปิดในปี 2567 แยกเป็น
สัญญาที่ 1 อุโมงค์ใต้ดิน ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-รามคำแหง 12 มีกิจการร่วมค้า CKST (บมจ.ช.การช่าง และ บมจ.ซิโน-ไทยฯ) เป็นผู้ก่อสร้าง 20,633 ล้านบาท คืบหน้า 70.82%

สัญญาที่ 2 อุโมงค์ใต้ดิน ช่วงรามคำแหง 12-หัวหมาก มีกลุ่มกิจการร่วมค้า CKST ก่อสร้าง 21,057 ล้านบาท คืบหน้า 53.76%

สัญญาที่ 3 อุโมงค์ใต้ดิน ช่วงหัวหมาก-คลองบ้านม้า มี บมจ.อิตาเลียนไทยฯเป็นผู้ก่อสร้าง 18,570 ล้านบาท คืบหน้า 55.64%

สัญญาที่ 4 ทางยกระดับ ช่วงคลองบ้านม้า-มีนบุรี มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นเป็นผู้ก่อสร้าง 9,990 ล้านบาท คืบหน้า 46.53%

สัญญาที่ 5 ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดแล้วจรของกลุ่มกิจการร่วมค้า CKST 4,831 ล้านบาท คืบหน้า 61.08% และ
สัญญาที่ 6 ระบบราง มี บมจ.ยูนิคฯเป็นผู้ก่อสร้าง 3,690 ล้านบาท คืบหน้า 61.08%

สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง คืบหน้า 53.21% งานโยธา 55.67% งานระบบ 50.02% และสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี คืบหน้า 53.22% งานโยธา 55.62% และงานระบบ 49.95%

ครม.อนุมัติ พ.ร.ฎ.เวนคืนม่วงใต้
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรฟม. เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 เม.ย. 2563 มีมติอนุมัติร่างพ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนในท้องที่เขตบางซื่อ ดุสิต พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ธนบุรี คลองสาน จอมทอง ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร และ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ แนวเขตทางกว้าง 200 เมตร เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กม. วงเงินลงทุนก่อสร้าง เวนคืน และจัดหาระบบกว่า 1.24 แสนล้านบาท

หลังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ หลังจากนี้ รอประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นถึงจะเริ่มเข้าสำรวจพื้นที่สรุปยอดผู้ถูกเวนคืนต่อไป จะใช้เวลาดำเนินการ 1 ปี โดยสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบฯให้

เวนคืน 1.5 หมื่นล้าน เริ่มปี’64
“ทั้งโครงการกำหนดงบฯเวนคืน 15,913 ล้านบาท มีเวนคืนที่ดิน 500 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 300 หลังคาเรือน เป็นข้อมูลเมื่อปี 2560 จะต้องสำรวจอีกครั้ง รฟม.ขอตั้งงบฯปี 2564 แล้ว จะผูกพัน 4 ปี ตามอายุ พ.ร.ฎ.เวนคืน”

โดยพื้นที่เวนคืนจะเป็นจุดขึ้น-ลง 17 สถานี จุดใหญ่อยู่ที่ด่านเก็บเงินสุขสวัสดิ์ ถนนกาญจนาภิเษก จะใช้พื้นที่สร้างที่จอดรถไฟฟ้า 50 ไร่ (เดโป้) และย่านสถานีเตาปูน

แนวเส้นทางจุดเริ่มต้นเป็นทางวิ่งยกระดับจากสถานีเตาปูนเชื่อมกับสายสีน้ำเงินต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ) และสีม่วง (เตาปูน-คลองบางไผ่) ไปตามแนวถนนตัดใหม่อยู่ในแผนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้วลดระดับเป็นใต้ดินผ่านกรมสรรพาวุธทหารบก เลี้ยวเข้าถนนทหาร ถนนสามเสน ถนนพระสุเมรุ ถนนมหาไชย ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน

เมื่อลอดผ่านสี่แยกมไหสวรรย์จะเปลี่ยนเป็นทางวิ่งยกระดับไปตามถนนสุขสวัสดิ์ สิ้นสุดที่บริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงข้างด่านเก็บค่าผ่านทางถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก

รูปแบบโครงการจะเป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 12.6 กม. และทางวิ่งยกระดับ 11 กม. มี 17 สถานี เป็นสถานีใต้ดิน 10 สถานี ยกระดับ 7 สถานี เชื่อมการเดินทางจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพฯ และนนทบุรี คาดการณ์มีผู้โดยสาร 477,098 เที่ยวคน/วัน

แบ่งใต้ดิน-ลอยฟ้า 6 สัญญา
“งานโยธาจะใช้งบฯก่อสร้าง 85,000 ล้านบาท จะเริ่มประมูลในปี 2564 แบ่งสร้าง 5-6 สัญญา ประกอบด้วยงานใต้ดิน 4 สัญญา ทางยกระดับ 1 สัญญา และระบบราง 1 สัญญา คาดว่าจะเปิดบริการในปี 2569” นายภคพงศ์กล่าวทิ้งท้าย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42631
Location: NECTEC

PostPosted: 08/05/2020 10:49 am    Post subject: Reply with quote

รู้จัก!รถไฟฟ้าสนามบินสุวรรณภูมิ ที่แรกในไทยสิ้นเดือนนี้ได้ยลโฉม
อังคารที่ 5 พฤษภาคม 2563 เวลา 08.00 น.
สัปดาห์นี้ จะพาไปทำความรู้จักอีกหนึ่งความว๊าวว! โครงการยักษ์ทางด้านอากาศ  ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.  ที่จะมาพลิกโฉมการเดินทางของประชาชนทั้งทางอากาศและระบบราง ไปดูกันเล้ยย!!
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 212, 213, 214 ... 277, 278, 279  Next
Page 213 of 279

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©