Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311235
ทั่วไป:13181342
ทั้งหมด:13492577
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ไปลำปาง ดูทางทำใหม่ กับ 101
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ไปลำปาง ดูทางทำใหม่ กับ 101
Goto page Previous  1, 2, 3
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม
View previous topic :: View next topic  
Author Message
taweep
2nd Class Pass
2nd Class Pass


Joined: 04/07/2006
Posts: 569

PostPosted: 17/07/2006 12:41 pm    Post subject: Reply with quote

อยากไปเชียงใหม่อีกจังเลยครับ คิดถึงตอนไปเชียงใหม่วันหยุดยาว 4 วันเดือน
พ.ค.49 ประทับใจจริงๆ เพ้อไปพักนึง

ว่าจะไปอีกวันรัฐธรรมนูญ ว่าแผนว่าจะไป ข.51 ศ. 8 ธ.ค. 49 กลับ จ.11 ธ.ค.
(วันหยุดชดเชย) ข.52 ครับ ( ไม่ต้องลางาน ลาเรียน วันหยุดยาว 3 วัน )
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 18/07/2006 12:34 am    Post subject: Reply with quote

ขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาคอมเมนต์ และต้องขอโทษด้วยครับ เพราะระบบเน็ท ที่ทำงานมีปัญหา เลยเข้าเน็ทไม่ได้ เสมือนขบวนรถ 101 แล่นออกจากตะหานหินดีๆ หัวจักรก็น้ำร้อนมาก ไม่สามารถแล่นได้อีก ก็ต้องจอดรอให้น้ำเย็นก่อนค่อยเดินทางต่อครับ

หลังจากที่ขบวนรถได้แล่นออกจากตะพานหินแล้ว ในเวลา 12.23 น. ช้ากว่าเวลาในตารางไป 36 นาที ใจคอผมก็ไม่ค่อยดี เพราะหากไม่ทัน ข. 2 ก็คงต้องกลับรถบัส และเสียเงินค่าตั๋วพรี ครึ่งราคา หรือหากอยากขึ้นแบบทันแน่นอน ก็ต้องขึ้นที่เด่นชัย และคงต้องรอจนเหงือกแห้ง เพราะกว่า ขบวน 2 จะมาถึงเด่นชัย ขบวน 101 ที่ว่าช้ามาก ก็คงถึงเชียงใหม่แล้ว
แต่ก็ยังรู้สึกดีขึ้นบ้างครับ เพราะเมื่อส่องไปตามสัญญาณไฟก็เห็นสีเขียว ผ่านตลอด รถผ่านสถานีห้วยเกตุ แต่มาจอดที่สถานีหัวดง อีกครั้ง ซึ่งคงเป็น สถานีของ ต.หัวดง อ.เมือง จ.พิจิตร
ที่มาของชื่อนั้น หัวดง นั้น แต่เดิมที่นี่ มีสภาพเป็นป่าดงดิบ รกเลย และต่อมาได้มีผู้คนจากหลายพื้นที่ได้อพยพมา แผ้วผางป่า ไปหลายส่วน ทำให้ป่าบางส่วนกลายเป็นหมู่บ้าน แต่อีกบางส่วนก็ยังคงสภาพป่าทึบอยู่ ดังนั้น หมู่บ้านที่อยู่ด้านหน้าป่า หรือเรียกดง นั้น จึงได้ชื่อว่า บ้านหัวดง หรือ บ้านชายป่า นั่นเอง
ส่วน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ นั้น ก็สันนิษฐานได้ว่า มีที่มาของชื่อหางดง นั้น คง คล้ายๆ หัวดง คือเป็นหมู่บ้านชายป่า แต่ป่าที่ว่านี่ คงไม่ใช่ป่าเดียวกันแน่ เพราะอยู่ไกลกันเหลือเกิน Laughing
รอจอดหัวดง 1 นาที แล้วเดินทางต่อ ผ่านสถานีวังกรด และเข้าจอดสถานีพิจิตร เมืองชาลวัน และจอดอยู่ที่พิจิตร ตั้ง 3 นาที พอเวลา 12.50 น. เดินทางต่อ ผ่านสถานีท่าฬ่อ และมาจอดสถานีบางกระทุ่ม ซึ่งเป็นสถานีของ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองกล้วยตากอบน้ำผึ้ง อ.บางกระทุ่ม แต่ ณ เวลานี้ ผมไม่เห็นมีแม่ค้ามาขายกล้วยตากเลย ว่าจะซื้อไปฝากสาวซะหน่อย แต่เออ hmmm ซื้อไปให้เขาสงสัยทำใมเนี่ยว่าหนีไปไหนมา
แล้วรถก็แล่นออกจากบางกระทุ่ม โดยที่กล้วยตากก็ไม่มีขาย ผ่านสถานีแม่เทียบ บ้านใหม่ ผ่านสถานีบึงพระ ไฟสัญญาณนั้น เขียวแจ่มตลอด ปลอดโปร่ง หากดูตารางแล้ว เหลือขบวนรถที่ต้องสวนทางกัน 5 ขบวน คือ 102 , 12 , 408 , 52 และ14 แต่ เร็วๆ นี้ คือ 102 และ 12 ส่วนประเภทรถด่วนพิเศษ ต.ญ. หรือ ด่วนพิเศษขนหิน ซึ่งต้องให้รถเร็วมารอคงไม่มีแล้วนะ
และที่บึงพระ อาณาจักร ของรถน้ำมันถังดำ ก็มี รถน้ำมันถังดำ หรือ BOT จอดอยู่เต็มย่านเลย แล้วก็เข้าสู่ สถานีพิษณุโลก เมืองสองแคว ในเวลา 13.23 น. ทันทีที่รถจอด ผมก็ไปชะเง้อทางด้านซ้ายมือก่อน เห็นผู้โดยสารหิ้วข้าวของลงจากรถไปเยอะเลย เฉพาะในคันสุดท้ายก็ปาไปเกือบ 10 คน แล้ว จึงเหลือคนที่คันสุดท้ายอีกประมาณ ล็อคละคน 2 คน รวม น้าชายที่ไปเฝ้าพระอินทร์ด้วย ซึ่งยังคงเฝ้าไม่เลิก แต่สงสัยพระอินทร์ท่านคงมาแล้ว เพราะแกไม่ต้องให้สัญญาณขอทางเรียกแล้ว แกคงอดหลับอดนอนมาทั้งคืนแน่ เอ แต่ก็ไม่ได้กลิ่นเหล้านะ
จากนั้น ผมก็มองมาทางด้านซ้าย เห็นรถ ต.ญ. คันหนึ่ง

Click on the image for full size

ไม่รู้ว่า ตั้งใจที่ทำสีแบบนี้ หรือ มือบอน แต่มันก็ทำให้ รถ ต.ญ. คันนี้ เด่นเป็นพิเศษ เลย เพราะหลังจากนั้น ผมก็มาเจอ ต.ญ. คันนี้ ที่ศิลาอาสน์ และไม่รู้ว่า ตอนนี้ จะถูกลากไปอยู่ที่ไหนแล้ว แต่เห็นปุ๊บ จำได้แน่แบบนี้ ส่วนในรางหลีกขณะนั้น นอกจาก ต.ญ. คันนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีก คุณทวดดาเวนพอร์ต ก็หายไปแล้วนะ ก็นั่งรอเวลา และภาวนาให้รถออกเร็วๆ เพราะเสียเวลาเยอะแล้ว
ปรากฎว่า จอดอยู่ตั้ง 5 นาที จนกระทั่ง 13.28 นายสถานีจึงโบกธงเขียวให้เดินทางต่อได้ เวลาที่ช้าลดลงมาที่ 29 นาที และเมื่อผ่านสถานีพิษณุโลกมาแล้ว สิ่งที่ผมรับรู้เสมอคือ เสียงของล้อรถไฟกระทบรอยต่อราง จะดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงลมดัง วู่ๆ ( อธิบายไม่ถูก ) ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่ทุกครั้งที่ผ่านพิษณุโลกมา จะได้ยินแบบนี้เลย โอเคว่า เสียงรอยต่อรางไม่สงสัยเพราะพอจะทราบแล้วว่า ขนาดของรางต่างกัน และไม่ใช่รางเชื่อมเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่เสียงผมนี่ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเกิดจากอะไร ทำไมช่วงที่ผ่านมาไม่มี
รถผ่านสถานีบ้านเต็งหนาม ตามสัญญาณหางปลากระดกชี้ขึ้น ไม่ใช่ไฟเขียวแล้วล่ะ ผ่านสถานีบ้านตูม สถานีแควน้อย ซึ่งจะข้ามแม่น้ำแควน้อย ที่เป็นท้ายเขี่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้วย ซึ่งอยู่ห่างจากสะพานทางรถไฟข้ามแม่น้ำแควน้อยขึ้นไปทางด้านตะวันออก

โดยเขื่อนแควน้อย นั้น จะสร้างเป็นเขื่อนหินทิ้งดาดหน้าคอนกรีต รับน้ำป่าที่ไหลมาจาก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ กักน้ำสูงสุดไม่เกิน 130 เมตร จากระดับน้ำทะเล ประกอบด้วย 3 เขื่อนติดต่อกัน ได้แก่ เขื่อนแควน้อย เขื่อนสันตะเคียน และเขื่อนปิดช่องเขาขาด (Saddle Dam) บนลำน้ำแควน้อย ความสูงสันเขื่อนแควน้อย จำนวน 75 เมตร ความยาว 570 เมตร เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำหรับเพาะปลูกฤดูฝนและฤดูแล้ง ในลุ่มน้ำแควน้อย พร้อมกับบรรเทาอุทกภัยบริเวณลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง ในเขตอำเภอวัดโบสถ์ อำเภอวังทองและอำเภอเมืองพิษณุโลก

รายละเอียดเขื่อนแควน้อย ชมได้ที่ http://www.env3.pitlok.net/nanasala1.htm ครับ

จากสถานีแควน้อยแล้ว แล้วก็ผ่านสถานีพรหมพิราม อ.เล็กๆ ของ จ.พิษณุโลก ที่รู้ว่าเล็กเพราะเคยมานอนพักบ้านเพื่อนที่นี่แล้ว รถเร็วบางขบวนไม่จอดที่นี่ แม้ว่าจะเป็นสถานีของ อ.พรหมพิราม แต่ ขบวน 101 กลับเลือกที่จะจอดที่สถานี หนองตม ซึ่งไม่ได้เป็นสถานีประจำ ต.หนองตม แต่อย่างใด เพราะหนองตม นั้น ขึ้นกับ ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม ส่วน ต.หนองตม นั้นไม่มี ซึ่งก็แปลกดี โดยรถจอดที่หนองตม ตั้ง 2 นาที เพราะคนลงประมาณ 10 กว่าคน แล้วรถก็เดินทางต่อ โดยผมก็ได้ย้ายตัวเองมายังฝั่งขวาของรถ เพื่อส่องหาหางปลาเหมือนหาไฟสัญญาณอย่างเคย และเห็นแล้ว ว่า หางปลาของสถานีบ้านบุ่งไม่ยอมกระดกยก จึงต้องจอดอีกครั้ง จากนั้นไม่นาน หางปลาที่ไม่ยกให้ ดันยกซะทีเดียว 2 อันเลย ซึ่งหมายความว่า เราต้องเข้าไปรางหลีก เพื่อรอรถสวนทางมาอีกแล้วหรือ รถก็ค่อยๆ เคลื่อนมาจอดในรางหลีกของสถานีบ้างบุ่งในเวลา 14.07 น. แต่รอไม่นาน ก็ได้ยินเสียง หวูด ดังมาแต่ไกล

Click on the image for full size

เป็นขบวนรถเร็ว 102 เชียงใหม่ - กรุงเทพ ที่นำมาด้วย อัลสธอม 4306 ผ่านสถานีบ้างบุ่งไปอย่างรวดเร็ว แล้ว ขบวน 101 ก็แล่นออกจากบ้านบุ่งบ้าง ในเวลา 14.10 น. เมื่อสวนขบวน 102 แล้ว ก็จะมีขบวน 12 ที่น่าจะตามกันมาติดๆ จากประสบการณ์ที่นั่งบ่อยครั้ง ซึ่งคาดไม่ผิดแต่อย่างใด เพราะเมื่อรถมาจะถึงสถานีบ้านโคน ซึ่งถัดจากบ้านบุ่งแล้ว เห็นว่า หางปลาไม่ยอมยกอีกครั้ง แต่เมื่อหางปลายก แล้วกลับยกเพียงอันเดียว ซึ่งหมายความว่า ขบวนเราจะผ่านไปได้เลย และเมื่อพ้นโค้งของ สถานีบ้านโคนแล้ว พบว่าเป็น ขบวน 12 จริงๆ ที่วันนี้ ใจดียอมรอให้รถเร็วผ่านไปก่อน แม้ว่า 12 จะเป็นรถด่วนพิเศษก็ตาม
ผ่านบ้านโคนมา รถก็ได้มาถึง สถานีพิชัย สถานีของ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นเมืองบ้านเกิดของพระยาพิชัยดาบหัก นักรบผู้เกรียงไกรในสมัย อยุธยาตอนปลาย จนกระทั่งถึง กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ประวัติเกี่ยวกับ พระยาพิชัย คลิกดูได้ที่นี่ http://www.wangdermpalace.com

รถจอดที่พิชัยไม่นาน พอเวลา 14.28 น. จึงออกเดินทางต่อไป ขณะนี้ ช้ากว่ากำหนด 28 นาที ผ่านสถานีไร่อ้อย ข้ามแม่น้ำน่าน ที่สะพาน สะพานปรมินทร์

Click on the image for full size

พยายามจะถ่ายภาพน้ำสีโคลนคลัก ของแม่น้ำผ่าน แต่จังหวะ ทำได้ไม่ดีเลย ก็เลยเห็นเพียงไกลๆ แต่ในช่วงนั้น น้ำเต็มตลิ่งมากเลย จากนั้น รถก็เข้าสู่ สถานีบ้านดารา ซึ่งเป็น ต. บ้านดารา อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์
หลายท่านอาจสงสัย เล็กๆ น้อยๆ ว่า ทำไมถึงมีชื่อบ้านดารา ปรากฎว่า ประวัติของชื่อบ้านดารา นั้น มีว่า ในรัชสมัย สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งได้มีการสร้างทางรถไฟสายเหนือแล้ว ต่อมา พระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนรถไฟพระที่นั่ง มาภาคเหนือ และเมื่อรถมาถึงบริเวณ สถานีบ้านดาราในปัจจุบันนี้ ขบวนรถไฟพระที่นั่ง ต้องจอดเติมน้ำ เติมฟืนนานเป็นพิเศษ ทำให้พระองค์ต้องตรัสถามกับพนักงานรถไฟว่า ที่นี่ที่ใด ทำไมถึงจอดนาน พนักงานรถไฟจึงได้กราบทูลว่า ที่นี่เป็นสถานีเติมน้ำเติมฟืนรถไฟ แต่ยังมิมีชื่อ เมื่อพระองค์ได้ทรงทราบ จึงได้พระราชทานนาม ให้สถานที่แห่งนี้ว่าชื่อ "บ้านดารา" ตามพระนามของพระชายาของพระองค์ คือ พระนางดารารัศมี ต่อมา สถานีเติมน้ำ เติมฟืนดังกล่าว จึงได้รับชื่อ พระราชทานว่า บ้านดารา และเป็นชื่อ หมู่บ้านดารา มาตั้งแต่นั้น

ข้อมูลจาก http://www.ban-dara.com/history.html ซึ่งเสริมไว้ว่า มาจากข้อมูล วารสารรถไฟ ปี 2504 ซึ่ง ปีที่ออกวารสารดังกล่าวนั้น มารดาของผม เพิ่งมีอายุได้ 4 ขวบเอง

รถผ่านสถานีบ้านดาราไปแล้ว ก็เข้าสู่สถานีท่าสัก แต่เอ๊ ทำไม หางปลาถึงกระดกดับเบิ้ล อีกแล้ว ต้องเข้ารางหลีกอีกแล้วหรือ อุตส่าห์ว่า น่าจะหมดแล้ว เพราะขบวน 408 ก็น่าจะสวนกันที่สถานีศิลาอาสน์ แล้วรถก็มาจอดสนิทที่สถานีท่าสักในเวลา 14.43 น. รอ ร้อ รอ แต่ด้วยความที่เว็ปรถไฟไทยดอทคอมนี้ ได้ให้ความรู้กับผมอย่างมากมาย ทำให้ผมสามารถจะทราบได้ว่า ทำไม รถถึงเข้าทางหลีก เพราะเมื่อผมหันไปมองที่สัญญาณหางปลา พบว่า หางปลาให้สัญญาณ ทางสะดวก ในทางประธานขาขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับขบวน 101 นี้ จึงทราบได้ว่า การจอดครั้งนี้ เป็นการจอดเพื่อให้รถอีกขบวนแซงขบวนที่จอดขึ้นไป ซึ่งอธิบายความหมายอย่างชัดเจนได้ความว่า เมื่อรถขบวน 101 ได้จอดในทางหลีกสถานีท่าสักเรียบร้อยแล้ว นายสถานีท่าสักจะให้สัญญาณทางสะดวก ให้กับรถขบวนที่จะแซง ซึ่งเป็นขบวนรถด่วนพิเศษ 9 กรุงเทพ - เชียงใหม่ ให้เริ่มแล่นออกจากสถานีบ้านดารา มายังสถานีท่าสักได้แล้ว และเมื่อผ่านสถานีท่าสักไปแล้ว ขบวน 101 ก็ยังต้องรอให้ ขบวน 9 ผ่านไปถึงสถานีหน้า ซึ่งเป็นสถานีตรอนก่อน ขบวน 101 จึงจะออกจากสถานีท่าสัก ได้หากมองดูแล้ว การจอดครั้งนี้ จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 นาทีแน่ๆ
ปรากฎว่า โชคดีที่ตอนบ้านดารา - ท่าสัก ไม่ยาวนัก ในเวลา 14.47 ขบวน 9 ก็ผ่านสถานีท่าสัก และ แล่นเลยผ่าน จน ประมาณ 6 นาที ต่อมา ก็ได้ยินเสียงเก๊งๆ ดังมาจากห้องนายสถานี ก็แสดงว่า ขบวน 9 ไปถึงสถานีตรอนแล้ว ทางสะดวกแล้ว หางปลาจึงได้กระดกขึ้น รถจึงได้ออกเดินทางต่อในเวลา 14.54 น.
แซงที่นี่ยังดี แต่อย่าได้ให้มีขบวนใดไปแซงกันที่สถานีบ้านปินเลย เพราะตอนบ้านปิน -แก่งหลวง ระยะทาง 16 กม. ความเร็วไม่เกิน 45 กับตอน บ้านปิน - ผาคัน ระยะทาง 15 กม. ความเร็วไม่เกิน 45 เช่นกัน เพราะมีหวังต้องจอดรอประมาณ 40 นาที Shocked
รถผ่านสถานีตรอน สถานีวังกระพี้ ซึ่งที่มาของชื่อสถานีเหล่านี้ ต้องถามพี่ตึ๋ง จะแน่นอนที่สุด เพราะเป็นคนพื้นที่นี้ Very Happy
จนเวลา 15.14 น. ขบวนรถก็ได้มาถึงสถานีอุตรดิตถ์ สถานีรถไฟที่มีทำเลที่ตั้งสถานีดีมากๆ เพราะอยู่ในตัวเมืองเลย และทันทีที่รถจอด ผู้โดยสารจำนวนมากก็เดินลงจากรถ รวมถึงคุณน้า ที่นอนหลับเกือบตลอดทางด้วย แต่พระอินทร์ น่าจะเป็นผู้ปลุกให้แกติ่นได้ เพราะผมเห็นแกลงจากรถไปเรียบร้อยแล้ว โชคดีครับ
จอดอยู่ประมาณ 3 นาที รถก็ได้เคลื่อนตัวออกจากอุตรดิตถ์ มุ่งหน้าไปสถานีศิลาอาสน์ สถานีที่อยู่ไม่ไกลกันเลยเมื่อนั่งบนรถ แต่ผมเคยเดินไป - กลับ มาแล้ว 2 ครั้ง ตอนกลางคืน ก็ว่าไกลอยู่นะครับ Laughing
และเมือรถมาถึงศิลาอาสน์ พี่พนักงานห้ามล้อ ก็ได้บอกให้ผมไปขึ้นบนรถ บชส. ที่อยู่ก่อนรถเสบียง เพราะ บชส. 2 คัน ท้าย จะถูกถอดออกที่นี่ ผมจึงได้เคลื่อนย้ายตัวไปยังด้านหน้า
และเมื่อรถเริ่มจะเข้าสู่ย่านศิลาอาสน์ ก็พบขบวนรถบำรุงทาง ซ่อมแซมทางจอดอยู่ทันที ซึ่งคาดการณ์แล้ว ว่ายังไงก็ต้องมี

Click on the image for full size

จอดอยู่ชิดรางประธาน เลยทีเดียว ซึ่งรถเหล่านี้ น่าจะยังจอดอยู่ที่นี่อีกนาน จนกว่าสภาพเส้นทางจะเรียบร้อยสมบูรณ์ และรถก็มาจอดที่สถานีศิลาอาสน์ ในเวลา 15.21 เพื่อรถจักรจะได้เติมน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วน คุณปู่ GEK ก็มาทำหน้าที่ตัดรถ บชส. 2 คันท้ายไปจอดเก็บไว้ ส่วนผมก็ยังต้องครุ่นคิดถึงเรื่องเวลาเพราะขณะนี้ เสียเวลาคร่าวประมาณ 30 กว่านาที แล้ว หากรถออกเร็ว ก็หวังว่า เวลาที่ช้าจะน้อยลง แต่หากจอดที่นี่นาน ก็มีหวังช้ามากกว่านี้ ก็ลุ้นอย่างเดียว และภาวนาให้ เติมน้ำมันไวๆ จะได้เดินทางต่อ ก็เลยมองโน่น มองนี่เพื่อฆ่าเวลาไป มองมายังริมรั้ว ต้นไม้ ก็พบร่องรอยเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ศิลาอาสน์

Click on the image for full size

ระดับน้ำสูงมากๆ เลยทีเดียว น่าจะประมาณ 1 เมตร ต่อมาเมื่อผมชะโงกไปดูที่หัวจ่ายน้ำมันให้หัวรถจักร พบว่า น้ำมันน่าจะเต็มแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ได้ถอดสายออกจากถังน้ำมันรถจักรแล้ว แต่สัญญาณหางปลายังไม่ยอมกระดกขึ้นอีก และในที่สุด ก็เข้าใจว่า ทำไมเติมนำมันเสร็จแล้ว ถึงยังไม่ไป ก็เนื่องจาก ขบวน 408 กำลังเดินทางเข้าสถานีศิลาอาสน์ นั่นเอง

Click on the image for full size

ทำขบวนมาสั้นจู๋ 2 คัน ด้วย กซม. 1221 NKF และ อีกคันไม่ทราบเลข และขบวน 408 ได้เข้ามาจอดส่งผู้โดยสารหน้าสถานีก่อน แล้วมีการถอยหลังมาเติมน้ำมันอีกด้วย
มองไปยังย่าน สถานีศิลาอาสน์ พบรถสินค้า ไม่ว่าจะเป็น รถน้ำมัน รถ ต.ญ. รถ บ .ต.ญ. รถปูนผง จอดอยู่จำนวนมากเป็นพิเศษ ซึ่งน่าจะเพราะมีน้ำท่วมทางทำให้รถไปไหนไม่ได้ และสังเกตเห็นรถนำมันผสมรถปูนขบวนหนึ่ง น่าจะกำลังจะออกจากสถานีศิลาอาสน์ กลับไปบางซื่อ หรือแหลมฉบัง ก็เป็นได้ โดยมี อัลสธอม ติดเครื่องยนต์พร้อมทำขบวนอยู่แล้ว
กระทั่ง เวลา 15.38 น. ขบวน 101 จึงได้ฤกษ์งามยามดี ได้ออกจากสถานีศิลาอาสน์ซะที และเมื่อมองตารางเวลาแล้วก็เศร้า เพราะว่า ตอนนี้ รถช้าไป 50 นาที แล้ว แล้วไหนจะต้องเจอเบาทาง ในช่วงทางที่ซ่อมอีก weep
เอ้อ เป็นไงเป็นกัน ถึงเด่นชัยเมื่อไหร่ ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 18/07/2006 1:26 am    Post subject: Reply with quote

ทันทีที่แล่นออกมาจากสถานีศิลาอาสน์ พบก็ซนเป็นวอก ด้วยการเดินมายังตู้สุดท้ายที่เป็นรถ บชท. เพื่อจะถ่ายรูปด้านท้ายรถ ซึ่งเป็นจุดประจำของสมาชิกหลายคน
ก็พบป้ายจำกัดความเร็ว บอกไว้ชัดเจนว่า ศิลาอาสน์ - ปางต้นผึ้ง ไม่เกิน 70 กม./ ชม. ( ไม่แน่ใจครับ ) ซึ่งเร็วกว่าที่ผมคิดในใจไว้ว่า คงให้วิ่งแค่ 30 กม./ชม. เยอะเลย ซึ่งหากวิ่งได้ 70 แล้ว รถคงไม่น่าจะช้ามาก และสภาพเส้นทางสิ่งที่เห็นชัดเจนคือ ทางช่วงนี้ ถูกน้ำท่วมแน่นอน แต่คันทางไม่ได้เสียหาย มีเพียงการนำหินถมรางมาถมเพิ่มใหม่
รถก็ผ่านมาด้วยความเร็ว ผมก็จดจ่ออยู่กับการถ่ายภาพ เพราะจุดประสงค์หลักของการเสียเงินมาครั้งนี้ ก็เพียงว่า ทางที่ซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ เป็นยังไง และสภาพข้างทางจะเป็นยังไง ซึ่งยอมรับว่า ผมลืมเรื่องเวลาเดินรถที่ช้าไปเลยในตอนนั้น
ส่วนช่วงนี้ น้ำคงไม่ท่วมแน่ เพราะหญ้าที่พื้นดินไม่เห็นคราบสีโคลนเลย

Click on the image for full size

สถานที่ตรงบริเวณนี้เรียก.. ที่หยุดรถท่าเสา ช่วงพื้นที่นี้ คงมีระดับความสูงกว่าที่ดิน น้ำเลยไม่ท่วม ส่วนขบวนรถในช่วงนี้ ผมว่า แล่นได้ตามความเร็วปกตินะ

Click on the image for full size

นี่ครับ ยืนยันว่า หินถามรางนั้น ได้ถูกนำมาถมเพิ่มเติมอีก จนมองไม่เห็นหมอนเลย ไม่รู้ว่าเป็นหมอนคอนกรีต หรือหมอนไม้ แต่เสียงที่ดังขึ้นมา เป็นเสียงทุ้มๆ จึงสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นหมอนคอนกรีต

ขบวนรถแล่นไปเรื่อยๆ ส่วนผมนั้น ก็กำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่ปรากฎในสายตา

Click on the image for full size

เห็นสภาพทางแล้วก็ดีใจว่าทางที่ปรับปรุงซ่อมแซมขึ้นมาใหม่นั้น ดีกว่าเดิมซะอีก แถมบางช่วงนั้น เป็นรางเชื่อมซะด้วย รถแล่นได้ราบเรียบมาก
ส่วนในช่วงนี้นั้น เห็นสภาพสองข้างทาง สันนิษฐานได้ว่า คันทางน่าจะได้รับความเสียหายพอสมควรทีเดียว

Click on the image for full size

สังเกตดูจะพบว่าข้างทาง มีร่องรอยการใช้รถเกรดดันดิน เพื่อมาทำคันทางใหม่ และมีรอยดินที่ถูกชะล้างไปด้วย

Click on the image for full size

เสียหายพอสมควรเลย และดูเหมือนว่า ที่เห็นในภาพนั้น น่าจะเป็นทางตัดถนนกับรางรถไฟซึ่งได้ถูกพระเจ้าลงโทษด้วยการเอาน้ำซัดซะพังไปเลย และการรถไฟก็ ไม่ได้ซ่อมแซมให้ด้วย ซ่อมเฉพาะรางรถไฟเท่านั้น
ก็ดีแล้วนะผมว่า เพราะยิ่งไม่มีทางตัด ก็ยิ่งเป็นผลดีกับทางรถไฟ โดยเฉพาะแถวๆ โคราช แถวๆ เมืองกาญจน์ ต้องให้น้ำป่ามาซัดทางตัด ทางลักผ่าน ให้กระจายหมด
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 18/07/2006 1:48 am    Post subject: Reply with quote

ขบวนรถเตรียมเข้าสู่สถานีบ้านด่านแล้ว โดยสถานีบ้านด่าน ซึ่งสถานี ขึ้นกับ ต. บ้านด่านนาขาม อ.เมือง จ. อุตรดิตถ์ ย้ำนะครับว่าเป็น ต.บ้านด่านนาขาม ไม่ใช่ ต.บ้านด่าน เพราะ ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ก็มีเช่นกัน แต่ ต.บ้านด่าน โน้น จะอยู่อีกแห่งของ อ.เมือง
สถานีบ้านด่านนี้ โดนที่เกิดเหตุการณ์ น้ำท่วมก็ได้รับความเสียหายพอสมควร แต่สภาพตอนนี้ ดูดีแล้ว ระดับนึง

Click on the image for full size

และเมื่อเลยช่วงสถานีบ้านด่านมาเล็กน้อย ผมสังเกตว่า รางช่วงนี้ เป็นรางเชื่อม หมอนคอนกรีตชัดเจนแน่นอน

Click on the image for full size

และหินถมรางก็เป็นหินใหม่เลย ที่น่าจะนำมาจาก อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี กิ่งไม้ ข้างทาง กองระเนระนาด โดยช่วงเวลาที่ผมเดินทางในครั้งนี้ นั้น ตามหมู่บ้านข้างทาง ยังคงมีเต็นท์ที่ภาคเอกชนต่างๆ นำสิ่งของมาบริจาคกันอยู่เลย ถนนก็เต็มไปด้วยฝุ่นสีแดง
ทางรถไฟหลังจากผ่านสถานีบ้านด่านมาแล้ว น่าจะได้รับความเสียหายเป็นระยะทางยาว เพราะสังเกตแล้ว ราวกับว่า ได้สร้างเส้นทางขึ้นมาใหม่

Click on the image for full size

ซึ่งสำหรับผมแล้ว ผมมองว่า มันค่อนข้างแปลกตาดี และมองดูแล้วดูดี กว่าเส้นทางสายสุพรรณบุรีเยอะเลย

Click on the image for full size

ยิ่งในภาพนี้ คงเริ่มต้นสร้างขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่คันทางเลย เพราะน้ำได้พัดพาของเก่าไปหมด

Click on the image for full size

ส่วนภาพในโค้งนี้ หากไม่เกิดเหตุ น้ำท่วมครั้งนี้ บริเวณริมทางดังกล่าว จะมีหญ้าคลุมพื้นที่ไปหมด และจะมองเห็นแต่ความเขียวชอุ่มในฤดูฝน แต่ขณะนี้เห็นแต่ดินบริเวณริมทาง
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 18/07/2006 2:10 am    Post subject: Reply with quote

และเมื่อรถแล่นมาเรื่อยๆ ความรู้สึกเสมือนว่า เรากำลังสำรวจเส้นทางใหม่ หรือเปล่า ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ สาเหตุที่ทำให้ผทคิดเช่นนั้น เพราะว่า บริเวณพื้นที่ช่วงนี้ การซ่อมแซมทางก็คือ การสร้างทางขึ้นมาใหม่เลย ตั้งแต่ทำคันทาง บดให้แน่น แล้วนำหินมาลง ฯลฯ ทำให้ภาพที่เห็นเหมือนเป็นเส้นทางใหม่ เส้นหนึ่ง

Click on the image for full size

สังเกตดูครับ ว่า สองข้างทางนั้น เป็นใจให้ผมต้องคิดว่าเป็นเส้นทางใหม่จริงๆ เพราะมีร่องรอยการปรับพื้นที่ด้วย และมีดินลูกรังสีออกแดงๆ เป็นสีที่สื่อว่าเพิ่งจะก่อสร้างและมีหลักปักไว้ด้วย ตัดกับสีของหินถมรางใหม่ๆ สีขาว เหมือนทางตัดใหม่จริงๆ

Click on the image for full size

มีการปรับพื้นดิน บริเวณที่มุมลาดเอียงของภูเขาด้วย

Click on the image for full size

แต่สะพานนี่เก่าไปนะ Laughing น่าจะเอาสะพานสีขาวแบบสายอิสานมาใช้ รับโหลดเพลา 25 ตันไว้เผื่ออนาคตเลย และเมื่อรถผ่านสะพานนี้ ด้วยความเร็วประมาณ 30 กม./ ชม. รถก็ค่อยๆ ชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ จนเกือบจะหยุดนิ่ง ด้วยความสงสัยจึงได้ละสายตาจากด้านท้ายขบวนมายังด้านหน้าซักเล็กน้อย เพื่อจะหาสาเหตุว่า รถหยุดเพราะอะไร และเมื่อมองไป ก็ได้ทราบและนึกขึ้นได้ทันที ว่า เมื่อตอนที่น้ำท่วมนั้น น้ำได้พักเอาตอม่อของสะพานแห่งหนึ่งจนตอม่อเคลื่อน โยกจากจุด และสะพานที่ว่า น่าจะเป็นสะพานที่รถกำลังจะถึงแน่นอน

Click on the image for full size

ปรากฎว่า ใช่จริงๆ โดยสะพานแห่งนี้ ต้องใช่เหล็กจำนวนหลายอันค้ำไว้ แทนตอม่อชั่วคราวดังนั้น รถทุกขบวนไม่ว่า ขบวนด่วนอะไร ก็ต้องผ่านด้วยความเร็ว 10 กม./ชม. ตามที่ป้ายเขียนกำหนดไว้
และเมื่อขบวนรถผ่านจากจุดนี้ แล้ว ก็ยังพบว่ามีสถานี อีก สะพาน

Click on the image for full size

แต่ก็ไม่ได้รับความเสียหายใดนัก นอกจากตัวสะพานจะย้ายไปเลยด้วยแรงน้ำ หลังจากนั้นแล้ว พบได้พบป้ายเขียนว่า ปกติ ซึ่งหมายความว่า รถสามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติแล้ว สรุปได้ว่า ทางที่ซ่อมแซมขึ้นมาใหม่นั้น ไม่ได้ต้องชะลอ ให้เหลือ 30 กม./ชม. อย่างที่ผมนึกไว้เลย แต่แทบจะแล่นตามปกติด้วยซ้ำ
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 18/07/2006 2:36 am    Post subject: Reply with quote

จนกระทั่งเวลา 16.13 น. ขบวน 101 มาถึงสถานีปางต้นผึ้งและแล่นผ่านสถานีไป ตามสัญญาณหางปลา และในระหว่างทางหลังจากผ่านสถานีปางต้นผึ้งแล้ว สังเกตว่ามีรถ แบคโฮ จำนวนหลายคัน มาเคลียร์ดินบริเวณใกล้ราง เนื่องจากว่า ดินบนเขาอาจจะถล่มมาฝังรางก็เป็นได้ และนอกจากรถแบ็คโฮ แล้ว ยังมี รถแทรกเตอร์แบบที่ผมไม่เคยได้เห็นซักเท่าไหร่ด้วน

Click on the image for full size

และเมื่อรถได้ลอดผ่านอุโมงค์ปางต้นผึ้งมาแล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกว่า สิ่งที่ผมตั้งใจไว้ น่าจะได้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางมาในครั้งนี้ แต่ภารกิจนี้ยังคงไม่เสร็จสิ้น จนกว่าผมจะสามารถพาตัวเอง กลับไปกรุงเทพมหานคร ในตอนเช้าของวันที่ 14 มิถุนายน เพื่อทำงานต่อ
ดังนั้น ยังคงต้องมาลุ้นกันต่อไป
รถผ่านสถานีห้วยไร่ ผ่านอดีตสถานีแม่พวก และอย่างที่ผมไม่อยากจะเชื่อคือ รถได้แล่นเข้าสู่สถานีเด่นชัย ในเวลา 16.48 น. และ ซึ่งเทียบแล้ว พบว่า ขณะนี้ ขบวน 101 ช้ากว่าเวลาประมาณ 25 นาที เท่านั้น ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า สภาพเส้นทางที่ปรับปรุงใหม่แท้ๆ แต่กลับเรียกเวลาที่ช้าไป กลับคืนมาได้ถึง 25 นาที ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับทางช่วงที่รถแล่นได้เต็มที่ กลับเรียกเวลาคืนมาไม่ได้เลย ช้าเหลือ 25 นาที เอง ผมจึงตัดสินใจว่า เป็นไงเป็นกัน ไม่อยากจะลงไปรอ ขบวน 2 ที่เด่นชัยแน่ เพราะอีกนานโข กว่า ขบวน 2 จะมาถึง และสิ่งที่จะพิสูจน์ถึงการตัดสินใจของผมในครั้งนี้ ก็เริ่มขึ้น เมื่อ ขบวน 101 เริ่มออกเดินทางจากเด่นชัยแล้ว ในเวลา 16.50 น. เบ็ดเสร็จแล้ว ตอนนี้ ช้า 24 นาที เอง
แต่เอ คุณทวดคันนี้ ได้มีการเคลื่อนย้ายตัวเองบ้างไหมนี่ เห็นมาทีไรจอดตรงนี้ทุกทีเลย

Click on the image for full size

แต่คุณ ตั้ม คงให้คำตอบมาแล้ว ว่า แกยังวิ่งไหวนะ อย่าดูถูก
รถผ่านสถานีปากปาน เข้าสู่ แก่งหลวง ซึ่งเป็นช่วงที่แม่น้ำยม ขนานไปกับทางรถไฟสายเหนือ ยอมรับว่า วิวช่วงนี้ หากนั่งมากับ ขบวน 51 ช่วงเดือนพฤศจิกายน นี่ สวยมากๆ
แต่ช่วงนี้ มิถุนายน ชมภาพไปก่อนครับ

Click on the image for full size

ส่วนมาก ภาพแก่งหลวงนั้น จะได้จากบนรถเกือบทั้งสิ้น แต่ผมขอยกย่อง คุณตั้ม OUTRUN จริงๆ ที่แกได้ลงทุนไปเก็บภาพ แก่งหลวง ภาคพื้นดิน มาให้เราชมกันด้วย
ไปชมกันได้ที่นี่ครับ ในกระทู้ นิดๆ หน่อยๆ กับการย้อนรอยสู่แก่งหลวง http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=236#4331 ของคุณตั้ม ครับ

รถผ่านสถานีแก่งหลวง และต่อมาก็เข้าสู่สถานีบ้านปิน ต.บ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่ ซึ่งที่สถานีบ้านปินนี้ ก็มีผู้โดยสารลงไปจากรถจำนวนมาก ซึ่งจะว่าไปแล้ว ใครอยู่บ้านปิน คงเลือกเดินทางด้วยรถไฟมากกว่ารถยนต์ประจำทาง เพราะน่าจะสะดวกกว่า ทำนองเดียวกับพวกสถานีบ้านหมี่ ตาคลี หรือพิชัย ที่ถนนสายหลักไม่ผ่าน รถมาถึงบ้านปินก็จอดอยู่ประมาณ 2 นาที จึงออกเดินทางต่อในเวลา 17.29 น. เหลือเวลารถช้ากว่ากำหนดเพียง 22 นาที แล้ว แทบไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว อย่างนี้ ฮ่าๆๆ
แต่อะไรๆ ก็อาจจะเกิดขึ้นได้

Razz


Last edited by CENTENNIAL on 18/07/2006 12:10 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
class1
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 03/07/2006
Posts: 27
Location: แถวๆสถานีสามเสนและชท.บางซื่อ

PostPosted: 18/07/2006 11:39 am    Post subject: Reply with quote

น่าสนใจมากเลยครับ ลงให้ครบเร็วๆนะครับผมจะคอยชมครับ
Back to top
View user's profile Send private message
ice
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 17/07/2006
Posts: 234
Location: เขต สะพานสูง กทม.10250

PostPosted: 18/07/2006 5:04 pm    Post subject: Reply with quote

ภาพสวยดีนะครับพี่เอ็ม

จาก ice น้องใหม่ครับ
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 18/07/2006 5:29 pm    Post subject: Reply with quote

CENTENNIAL wrote:
ชื่อสถานีหอไกร ชวนให้ผมนึกถึงว่า คำว่า หอไกร จะมาจาก หอไกรทอง หรือบ้านของไกรทอง หรือที่พักของไกร ผู้ซึ่งปราบจระเข้ ชาลวัน เมืองพิจิตร หรือเปล่า ซึ่งความสงสัยของผมนี้ จึงได้ไปถามเพื่อน ซึ่งอยู่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ก็ได้คำตอบง่ายๆ สั้นๆ แต่ได้ใจความว่า ไม่รู้


ถ้าจะให้ผมเดานะครับ หอไกร มาจากคำว่า หอไตร ซึ่งชาวบ้านสมัยก่อนนิยมกินหมาก เลยพูดเป็นคำว่า หอไกร

ไม่งั้นน้ำหมากเลอะปากแน่ๆ Laughing

...............................................

รางขนาด 100 ปอนด์ ขณะนี้สิ้นสุดโครงการที่ด้านใต้เขตสถานีพิษณุโลกครับ เลยจากนั้น ยังเป็นรางขนาด 80 ปอนด์

...............................................

สถานีรถไฟและที่หยุดรถในเขต จ.อุตรดิตถ์ มีดังนี้ครับ...

อ.พิชัย สถานีบ้านโคน , สถานีพิชัย , สถานีไร่อ้อย , ชุมทางบ้านดารา , สถานีท่าสัก และ (อดีต)ที่หยุดรถคลองละมุง ( สายสวรรคโลก ) ที่ร้างไปแล้ว

อ.ตรอน สถานีตรอน

อ.เมืองฯ สถานีวังกะพี้ , สถานีอุตรดิตถ์ , สถานีศิลาอาสน์ , ที่หยุดรถท่าเสา , ( อดีต ) ที่หยุดรถน้ำริด , สถานีบ้านด่าน และสถานีปางต้นผึ้ง

สาเหตุที่น้ำไม่ท่วมถึงที่หยุดรถท่าเสา เพราะเป็นที่ดอนครับ ต้องเลยวัดดอยท่าเสา ผ่านหลังค่ายพิชัยดาบหักไปสักนิด บริเวณน้ำท่วมจริงๆ ล่ะ Laughing

จากภาพ คาดว่าบริเวณน้ำท่วม จะหนักสุดตั้งแต่ ทางเข้าวัดน้ำริดเหนือ ต.น้ำริด , สถานีบ้านด่าน จนถึงบริเวณบ้านห้วยลึก จึงจะเริ่มเป็นที่ดอน เพราะบริเวณนั้น เป็นทางผ่านของลำห้วยน้ำริด , ห้วยฮ้า ที่รับกระแสน้ำป่าจากบริเวณเขาพลึง ผ่านทางหลวงสายพิษณุโลก - เด่นชัย มาสะสมอยู่ที่นั่น ก่อนไหลผ่านตัวเมืองอุตรดิตถ์ลงแม่น้ำน่าน เลยเจอน้ำท่วมหนักกันหน่อย

สะพานที่ชำรุด คงเป็นสะพานข้ามห้วยกั้ง , ห้วยลึก ซึ่งแนวทางรถไฟเริ่มเลาะเขาเพื่อไต่ระดับสู่เขาพลึง แต่ช่วงห้วยกั้ง ไม่มีทางรถยนต์ผ่านครับ หลังจากนั้น ถนน รพช.(เดิม) จะบรรจบมาเลียบห้วยลึก ไปสิ้นสุดที่บ้านห้วยเกี๋ยงพา เลยสถานีปางต้นผึ้ง สักกิโลหนึ่ง แต่ยังมีถนนท้องถิ่นที่กำลังก่อสร้างอยู่ ลัดเลาะทางรถไฟต่อไปอีกจนถึงบ้านหนองน้ำเขียว

จุดสุดท้ายก่อนลอดอุโมงค์ปางตูบขอบตรงทางตัดนั้น เป็นบ้านหนองน้ำเขียว หมู่บ้านสุดท้ายที่อยู่ใต้ระดับแนวทางรถไฟด้านขวาภาพ ของ ต.ด่านนาขาม อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ ก่อนลอดอุโมงค์เขาพลึง เข้าเขต ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ( ไม่รู้ว่าเจออิทธิฤทธิ์ของน้ำป่าหรือเปล่า ? )

ฝีมือซ่อมบำรุงทาง มองจากภาพ เยี่ยมจริงๆ ครับ Very Happy

แต่ว่า...คุณเอ็ม ยังไม่จบเรื่องเลยนี่ครับ Laughing
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3
Page 3 of 3

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©