Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311234
ทั่วไป:13180504
ทั้งหมด:13491738
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ตามหาวงเวียนกลับรถจักรที่สถานีรถไฟสงขลา
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ตามหาวงเวียนกลับรถจักรที่สถานีรถไฟสงขลา
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 14, 15, 16, 17  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 14/07/2009 9:57 am    Post subject: Reply with quote

rodfaithai wrote:
Mongwin wrote:
ในรายงานประจำปี 2469 นั้นระบุว่าจุรถจักรได้ 5 คัน
แต่จากการวัดระยะด้วยภาพถ่ายทางอากาศปี 2517 และปี 2520
ทำให้ทราบว่า ซากโรงรถจักรสงขลานั้น
มีความยาวส่วนโค้งของประตูทางเข้าประมาณ 16 เมตร
(ปกติประตูทางเข้า roundhouse 1 ช่องจะมีส่วนโค้งยาวประมาณ 4 เมตร)
ดังนั้นน่าจะจุรถจักรได้เพียง 4 คันครับ


เยี่ยมจริงๆ ครับ ตามหลักกาลามสูตรเลย
ว่าแต่ว่ารายงานเค้าพิมพ์ผิด หรือว่ายังไงดีละครับ



น่าจะเป็นการยุบโรงรถจักรเก่า แล้วสร้างใหม่หละมากกว่า
Back to top
View user's profile Send private message
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 14/07/2009 10:07 am    Post subject: Reply with quote

AONZON wrote:

"""เดิมนั้น ทอ.มีสนามบินอยู่ที่สงขลา ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองทัพเรือครับ เครื่องบินที่เห็นคือ AVRO 504N เป็นเครื่องบินที่ ทอ.สร้างเองจากสิทธิบัตรของอังกฤษ

ประเทศไทยออกแบบสร้างเครื่องบินขึ้นใช้งานเองมานานแล้วครับ....ครั้งแรกเมื่อราวปี 2465 ในช่วงปีที่มีการสร้างสนามบินทั่วประเทศ อย่างน้อยจังหวัดละ ๑ แห่ง การสร้างเครื่องบินแบบจำยอมเริ่มมาจากการที่เครื่องบินฝึกที่ดอนเมืองได้รับความเสียหาย...จึงมีการซ่อมและสร้างใหม่..โดยการหาวัสดุในประเทศเอง ทั้งผ้าใบ และไม้ที่มีความแข็งแต่เบา...ปัญหาหนึ่งคือน้ำยาทาผ้าใบ..ปรากฏว่าน้ำยาที่ซื้อมาใส่ถังเหล็กพออยู่เมืองไทยร้อนและเสียกว่าจะซื้อใหม่ก็ต้องลงเรือมาจากยุโรป...สมัยนั้นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมา(ปัจจุบันคือกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก) จึงคิดน้ำยาจากพันธุ์พืชในบ้านเรา..เพื่อมาทางพื้นผิวผ้าใบ (เครื่องบินสมัยก่อนเป็นโครงไม้ขึงลวดและบุผ้าใบ) น้ำยาที่ว่าพัฒนามาเป็นน้ำยากรอบรูปวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน .....จากนั้น บุพการีทหารอากาศ (พันเอกพระเฉลิมอากาศ) ท่านคิดว่า เครื่องบินที่ซื้อจากฝรั่งเศสมานี่..เกิดวันหนึ่งฝรั่งเศสไม่ขายเครื่องยนต์หรืออะไหล่ให้ หรือโก่งราคา จะทำอย่างไร ในสมัยนั้นการบินของยุโรปก้าวหน้ากว่าอเมริกามากหลายเท่าตัว พอมาถึงยุคสงครามโลก อเมริกาจึงพัฒนาการบินของตนในขณะที่ชาติยุโรปมัวแต่ทำสงคราม อเมริกาจึงมีเทคโนโลยีดีกว่าใคร..เพราะหวังสร้างขายให้ชาติอื่นไปทำสงคราม ครับ.....ด้วยดำริของบุพการี...จึงมีการออกแบบเครื่องบินฝรั่งเศสแล้วเลือกใช้เครื่องยนต์เยอรมันและอังกฤษ เรียกชื่อว่า "บริพัตร" นับเป็นก้าวแรกของโลกที่เครื่องบินสามารถเลือกเครื่องยนต์ได้..พัฒนาเป็นเครื่องบินโดยสารทุกวันนี้ที่ผู้ใช้เลือกเครื่องยนต์จากต่ายนั้นค่ายนี้ได้ครับ.....บริพัตร ถูกสร้างออกมาไม่มาก กำหนดชื่อเรียกว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบที่ ๒ ใช้บินไปอวดธงชาติไทยที่อินเดีย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับอังกฤษ..แล้วยังบินไปเวียดนาม เพื่อวางพวงมาลาทหารสงครามโลกครั้งที่ ๑ ร่วมกับฝรั่งเศส..มีเครื่องบินที่ทำการซื้อสิทธิบัตรมาสร้างเองเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกก็คือ AVRO 504 (อ่านว่าแอฟโร่) จำนวน หลายสิบเครื่องเพื่อใช้เป็นเครื่องบินฝึก...ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประจวบและโคราช..ต่อมา บุพการี หวังจะรวบรวมเงินที่มี สร้างโรงงานสร้างเครื่องบินที่หลังสถานีรถไฟบ้านม้า อยุธยา แต่ครั้นเกิดเหตุการณ์กบฎบวรเดช ทำให้ กำลังทางอากาศถูกยึดเงินและปลดนายทหารนักบิน...คงเหลือแต่ช่างกับนักบินเด็กๆ แต่ครั้นปี ๒๔๘๐ จอมพล ป. ท่านคิดว่า ฝรั่งเศสจะเป็นภัยกับเราในอนาคต จึงส่งเสริมและเปลี่ยนกองบินทหารบก ยกฐานะเป็นกรมทหารอากาศ และเป็นกองทัพอากาศ ในวันที่ ๙ เมษายน ๒๔๘๐ เมื่อเกิดกองทัพอากาศ จึงมีการซื้อเครื่องบินจำนวนมาก..และซื้อสิทธิบัตรเครื่องบินมาสร้างแบบ คอร์แซร์ นับร้อย พอๆกับแบบ ฮอว์ค ๓ แต่ทั้งสองแบบเป็นเครื่องบินปีกสองชั้นแม้จะบุโลหะแล้วก็ตาม....ในปี ๒๔๘๓ ทอ.จึงซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ NA-68 และเครื่องบินโจมตี NA-69 ที่เป็นเครื่องบินลูกสูบดาวปีกชั้นเดียวมาแบบละ ๖ และ ๑๐ เครื่องตามลำดับ...พร้อมสิทธิบัตรสร้างกว่าร้อยเครื่อง (ทอ.สหรัฐฯ สมัยนั้นคือกองทัพบก ไม่นิยมเครื่องบินลูกสูบดาว เพราะโบราณไม่น่าเกรงขามและเชื่องช้า..แต่พอสหรัฐฯเข้าสงครามพบว่า เครื่องบินญี่ปุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ลูกสูบดาวสังหารเครื่องบินอเมริกันแบบเพียวลมได้จำนวนมากจึงเปลี่ยนแนวคิดมาชอบลูกสูบดาว) แต่ด้วยเหตุที่อเมริกันคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะยกพลบุกไทยในอนาคตและเกรงว่าเครื่องบินเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อญี่ปุ่นจึงยึดเครื่องบินเหล่านี้ไว้ที่ฮาวายและฟิลิปินส์ ขณะลงเรือมาไทยแล้ว ทั้งๆ ที่ติดธงชาติไทย ....ไทยจึงมิได้สร้างเครื่องบินแบบนี้เข้าสงคราม...แต่อาจจะเป็นความโชคดี..เพราะถ้าสร้าง..เราคงพัฒนาอีกหลายรุ่น และเราคงจะโดนระเปิดปรมณูไปด้วยเพราะเป็นผู้เข้าร่วมสงครามเต็มตัว......จากนั้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทอ.ไทยซื้อสิทธิบัตรสร้างเครื่องบิน T-6 จากอเมริกา พร้อมซื้อเครื่องบินมาจำนวน ๑๒ เครื่อง..มีแผนที่จะสร้าง T-6 มากกว่าร้อยเครื่อง...แต่อยู่ๆ อเมริกาบอกจะมอบเครื่องบินฝึกโจมตีแบบ T-6 ให้ ๒๐๐ เครื่อง (ทะยอยให้) และแบร์แคท จำนวนหนึ่ง (๒๐๔ เครื่อง) โครงการสร้างเลยยุติตั้งแต่นั้นมา (ได้ฟรีเลยไม่คิดสร้าง และฟรีจนเคยตัวมาถึงยุคสงครามเวียดนาม) เครื่องบินแบบสุดท้ายที่สร้างเครื่องประจำการคือ "จันทรา" จำนวน ๑๔ เครื่อง แบบล่าสุดที่กำลังอยู่ในการสร้างคือ "บ.ชอ.๒" และ "บ.ทอ.๖" โดยการเอาเครื่อง SF-260 ของอิตาลี่ มาถอดทุกชิ้นส่วนก็อปปี้ เอาดื้อๆเลยครับ...แต่ถ้าจะสร้างเครื่องบินไอพ่นคงต้องอีก ๑๐ ปีเป็นอย่างน้อยครับ....ยกเว้นแต่ บริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด TAI บริษัท ซ่อมสร้างเครื่องบินของรัฐบาล ที่สร้างมาตามความคิดอดีตนายกทักษิณที่ต้องการให้เครื่องบินทางราชการซ่อมในประเทศไทยด้วยช่างคนไทย (ที่ผ่านมาส่งไปซ่อมสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยช่างไทยและคนชาตินั้นๆ ทำไมเงินทองต้องออกนอกประเทศ) ปัจจุบัน TAI ซ่อม F-16 C-130 G-222 BOEING 737 PC-9 UH-1H AVRO748 ฯลฯ อนาคตอาจจะพัฒนาไปสู่การสร้างเครื่องบินครับ


ขอบคุณครับ
สมัยเด็กๆ ที่บ้านเปนสมาชิกนิตยสาร"ช่างอากาศ" จำชื่อผู้เขียนท่านหนึ่งได้คือ นอ.วิชา ฉุยกลม ไม่เห็นนิตยสารฉบับนี้บนแผงนานมากแล้วครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคิดถืงอยู่ครับ

Click on the image for full size
นิตยสาร "ช่างอากาศ" : http://houseofmuseums.siam.edu/page3_1_4.htm

บ้านเรามีนักบิน ไม่กี่คนที่บิน F-16 ครบ 1000 ชม. น้องชายผมเปนหนึ่งในนั้น ในขณะที่น้องข้างบ้านก็บินให้การบินไทย ถ้าผมไม่ใส่แว่นก็คงไปสอบกับเค้ามั่งเหมือนกัน

เคยได้ยินว่าการบินไทยก็ซ่อมเครื่องบินเองใช่ไหมครับ เคยได้ยินว่าสมัยนึงรับซ่อมเครื่องบินให้สายการบินต่างชาติ อย่างเปนล่ำเปนสัน ทำรายได้เปนกอบเปนกำ ไม่รู้ว่าทำไมเงียบไปแล้ว
บ้านเราทำเครื่องยนต์ Jet ส่งออกมาหลายปีแล้วนะครับ หลายท่านอาจจะไม่ทราบ นี่ครับ...
http://www.pstjets.com/
เข้าใจว่าปัจจุบันนี้(2552)อาจจะมีหลายบริษัทแล้วที่ทำเครื่องยนต์ jet ส่งออก พอดีผมไม่ค่อยได้ติดตามแล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/07/2009 1:14 pm    Post subject: Reply with quote

ปริศนาจารึกโบราณ Question ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว
สำหรับภาพ roundhouse ที่อุบลราชธานีนั้น ผมเข้าไปถ่ายมาเมื่อกลางเดือนธันวา ปี 2551 ครับพี่มิ้ง จากกระทู้นี้
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3249&postdays=0&postorder=asc&start=40

ขอบคุณคุณจ่าออนซอนมากๆ ครับที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบิน ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าเป็นภาพถ่ายปี 2478 ครับ

โรงรถจักรสงขลาในปี 2469 อาจจะมี 5 ห้องก็ได้ อย่างที่คุณวิศรุตบอก แล้วรื้อสร้างใหม่ เหลือ 4 ห้อง
เพราะเวลาก็ห่างกันเกือบ 10 ปี
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/07/2009 2:00 pm    Post subject: Reply with quote

พิจารณาจากภาพถ่ายโรงรถจักรสงขลาของคุณพรเลิศ ละออสุวรรณ แล้ว
รูปแบบโรงรถจักรและวงเวียนกลับรถจักร คงจะคล้ายๆ กับที่วังก์พงนะครับ
เพราะว่ามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของวงเวียน 15.24 ม. (50 ฟุต)
และมีความจุรถจักร 4 หลังเช่นเดียวกัน

Click on the image for full size

ตามภาพที่วังก์พงข้างล่างนี้ครับ (รีบดูก่อนที่ผมจะเข้ามาลบออกนะครับ)
biochem.flas.kps.ku.ac.th/wangphong.jpg


Last edited by Mongwin on 14/07/2009 2:06 pm; edited 4 times in total
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 14/07/2009 2:01 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ปริศนาจารึกโบราณ Question ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว
สำหรับภาพ roundhouse ที่อุบลราชธานีนั้น ผมเข้าไปถ่ายมาเมื่อกลางเดือนธันวา ปี 2551 ครับพี่มิ้ง จากกระทู้นี้
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3249&postdays=0&postorder=asc&start=40

ขอบคุณคุณจ่าออนซอนมากๆ ครับที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบิน ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าเป็นภาพถ่ายปี 2478 ครับ

โรงรถจักรสงขลาในปี 2469 อาจจะมี 5 ห้องก็ได้ อย่างที่คุณวิศรุตบอก แล้วรื้อสร้างใหม่ เหลือ 4 ห้อง
เพราะเวลาก็ห่างกันเกือบ 10 ปี


ขอบคุณครับ
เดินดุ่มๆ เข้าไปถ่ายได้เลยหรือครับ

ว่าแต่.....
มีเหตุผลอะไรที่ต้องรื้อของเก่าละครับ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 15/07/2009 8:00 am    Post subject: Reply with quote

บอกเจ้าหน้าที่
แล้วเดินเข้าไปได้เลยครับ ที่อุบลราชธานี

สำหรับปัญหาเรื่องโรงรถจักรสงขลาเก็บรถได้เท่าไหร่นั้น
น่าสังเกตว่าในรายงานประจำปี 2495
ได้ตัดข้อมูลของสงขลาออกไป
ทำให้เข้าใจว่าเลิกใช้งานไปก่อนปี 2495 ด้วยซ้ำ

ส่วนในรายงานประจำปี 2469 นั้น
ทั้งประเทศ มีโรงรถจักรที่เก็บรถจักรได้ 5 หลังอยู่เพียง 2 แห่ง
คือที่หาดใหญ่และที่สงขลา (หาดใหญ่เพิ่มเป็น 9 หลังในเวลาต่อมา)

จึงน่าประหลาดใจ ถ้าสงขลาจะยุบ 5 หลังแล้วสร้างใหม่เหลือ 4 หลัง
อาจเป็นข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล คือบันทึกของสงขลาผิดเป็น 5 หลังตามอย่างหาดใหญ่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่สนับสนุนความคิดของผมในข้อนี้ครับขณะนี้ Sad
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 15/07/2009 10:41 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ปริศนาจารึกโบราณ Question ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว


เป็นจารึกแบบไหนครับ
- ปูนปั้น
- เขียนสี
- Pump เป็นรอยลงไปในปูน
- ฯลฯ
- เค้าเขียนว่าอะไรบ้าง มีภาพไหมครับ
Back to top
View user's profile Send private message
BanPong1
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 07/12/2006
Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี

PostPosted: 15/07/2009 11:58 am    Post subject: Reply with quote

จากภาพ bird eye view โรงรถจักร ผมว่ามี 5 ห้องครับ สังเกตุจากเหลี่ยมผนังด้านหลังอาคาร
_________________
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
Patiew
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 02/04/2008
Posts: 1058
Location: กำแพงแสน

PostPosted: 15/07/2009 1:33 pm    Post subject: Reply with quote

rodfaithai wrote:
Mongwin wrote:
ปริศนาจารึกโบราณ Question ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว


เป็นจารึกแบบไหนครับ
- ปูนปั้น
- เขียนสี
- Pump เป็นรอยลงไปในปูน
- ฯลฯ
- เค้าเขียนว่าอะไรบ้าง มีภาพไหมครับ


เป็นตัวอักษรบู๋มลงไปในปูนความว่า "ร.ศ." ค่ะ คาดว่าจะเขียนด้วยมือมากกว่าการ pump นะคะ เพราะรูปแบบไม่คมชัดนักค่ะพี่มิ้ง ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกัน เพราะขณะนั้นแดดส่องตรงหัวพอดี ถ้าถ่ายภาพมาคงมองไม่เห็นอะไรชัดนักค่ะ Razz
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 15/07/2009 2:09 pm    Post subject: Reply with quote

Patiew wrote:
rodfaithai wrote:
Mongwin wrote:
ปริศนาจารึกโบราณ Question ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว


เป็นจารึกแบบไหนครับ
- ปูนปั้น
- เขียนสี
- Pump เป็นรอยลงไปในปูน
- ฯลฯ
- เค้าเขียนว่าอะไรบ้าง มีภาพไหมครับ


เป็นตัวอักษรบู๋มลงไปในปูนความว่า "ร.ศ." ค่ะ คาดว่าจะเขียนด้วยมือมากกว่าการ pump นะคะ เพราะรูปแบบไม่คมชัดนักค่ะพี่มิ้ง ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกัน เพราะขณะนั้นแดดส่องตรงหัวพอดี ถ้าถ่ายภาพมาคงมองไม่เห็นอะไรชัดนักค่ะ Razz


ไม่แน่ใจว่าเปนชื่อย่อของผู้รับเหมาหรือไม่
เข้าใจว่าก่อนเลิกใช้งาน เมื่อ 2521 คงมีการบูรณะ/ซ่อมแซม/ปรับปรุง อย่างน้อย 1 ครั้ง เพราะดูจากภาพ คงไม่ไช่เปนสพานที่สร้างในตอนแรกแน่ครับ
ดูเหมือนว่า สพานที่มีการทำ/ปรับปรุง ใหม่ จะมีชื่อผู้รับเหมาติดเอาไว้ด้วย แต่รุ่นใหม่ๆ จะเปน Tag เหล็กหล่อ " ร.ศ. " จึงอาจจะเปนชื่อย่อ ของบริษัทอะไรสักอย่าง
ต้องไปดูจาก List รายชื่อผู้รับเหมาที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ รฟท ซึ่งยาวเหมือนหางว่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 14, 15, 16, 17  Next
Page 15 of 17

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©