View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 14/07/2009 9:57 am Post subject: |
|
|
rodfaithai wrote: | Mongwin wrote: | ในรายงานประจำปี 2469 นั้นระบุว่าจุรถจักรได้ 5 คัน
แต่จากการวัดระยะด้วยภาพถ่ายทางอากาศปี 2517 และปี 2520
ทำให้ทราบว่า ซากโรงรถจักรสงขลานั้น
มีความยาวส่วนโค้งของประตูทางเข้าประมาณ 16 เมตร
(ปกติประตูทางเข้า roundhouse 1 ช่องจะมีส่วนโค้งยาวประมาณ 4 เมตร)
ดังนั้นน่าจะจุรถจักรได้เพียง 4 คันครับ
|
เยี่ยมจริงๆ ครับ ตามหลักกาลามสูตรเลย
ว่าแต่ว่ารายงานเค้าพิมพ์ผิด หรือว่ายังไงดีละครับ
|
น่าจะเป็นการยุบโรงรถจักรเก่า แล้วสร้างใหม่หละมากกว่า |
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 14/07/2009 10:07 am Post subject: |
|
|
AONZON wrote: |
"""เดิมนั้น ทอ.มีสนามบินอยู่ที่สงขลา ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองทัพเรือครับ เครื่องบินที่เห็นคือ AVRO 504N เป็นเครื่องบินที่ ทอ.สร้างเองจากสิทธิบัตรของอังกฤษ
ประเทศไทยออกแบบสร้างเครื่องบินขึ้นใช้งานเองมานานแล้วครับ....ครั้งแรกเมื่อราวปี 2465 ในช่วงปีที่มีการสร้างสนามบินทั่วประเทศ อย่างน้อยจังหวัดละ ๑ แห่ง การสร้างเครื่องบินแบบจำยอมเริ่มมาจากการที่เครื่องบินฝึกที่ดอนเมืองได้รับความเสียหาย...จึงมีการซ่อมและสร้างใหม่..โดยการหาวัสดุในประเทศเอง ทั้งผ้าใบ และไม้ที่มีความแข็งแต่เบา...ปัญหาหนึ่งคือน้ำยาทาผ้าใบ..ปรากฏว่าน้ำยาที่ซื้อมาใส่ถังเหล็กพออยู่เมืองไทยร้อนและเสียกว่าจะซื้อใหม่ก็ต้องลงเรือมาจากยุโรป...สมัยนั้นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมา(ปัจจุบันคือกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก) จึงคิดน้ำยาจากพันธุ์พืชในบ้านเรา..เพื่อมาทางพื้นผิวผ้าใบ (เครื่องบินสมัยก่อนเป็นโครงไม้ขึงลวดและบุผ้าใบ) น้ำยาที่ว่าพัฒนามาเป็นน้ำยากรอบรูปวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน .....จากนั้น บุพการีทหารอากาศ (พันเอกพระเฉลิมอากาศ) ท่านคิดว่า เครื่องบินที่ซื้อจากฝรั่งเศสมานี่..เกิดวันหนึ่งฝรั่งเศสไม่ขายเครื่องยนต์หรืออะไหล่ให้ หรือโก่งราคา จะทำอย่างไร ในสมัยนั้นการบินของยุโรปก้าวหน้ากว่าอเมริกามากหลายเท่าตัว พอมาถึงยุคสงครามโลก อเมริกาจึงพัฒนาการบินของตนในขณะที่ชาติยุโรปมัวแต่ทำสงคราม อเมริกาจึงมีเทคโนโลยีดีกว่าใคร..เพราะหวังสร้างขายให้ชาติอื่นไปทำสงคราม ครับ.....ด้วยดำริของบุพการี...จึงมีการออกแบบเครื่องบินฝรั่งเศสแล้วเลือกใช้เครื่องยนต์เยอรมันและอังกฤษ เรียกชื่อว่า "บริพัตร" นับเป็นก้าวแรกของโลกที่เครื่องบินสามารถเลือกเครื่องยนต์ได้..พัฒนาเป็นเครื่องบินโดยสารทุกวันนี้ที่ผู้ใช้เลือกเครื่องยนต์จากต่ายนั้นค่ายนี้ได้ครับ.....บริพัตร ถูกสร้างออกมาไม่มาก กำหนดชื่อเรียกว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบที่ ๒ ใช้บินไปอวดธงชาติไทยที่อินเดีย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับอังกฤษ..แล้วยังบินไปเวียดนาม เพื่อวางพวงมาลาทหารสงครามโลกครั้งที่ ๑ ร่วมกับฝรั่งเศส..มีเครื่องบินที่ทำการซื้อสิทธิบัตรมาสร้างเองเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกก็คือ AVRO 504 (อ่านว่าแอฟโร่) จำนวน หลายสิบเครื่องเพื่อใช้เป็นเครื่องบินฝึก...ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประจวบและโคราช..ต่อมา บุพการี หวังจะรวบรวมเงินที่มี สร้างโรงงานสร้างเครื่องบินที่หลังสถานีรถไฟบ้านม้า อยุธยา แต่ครั้นเกิดเหตุการณ์กบฎบวรเดช ทำให้ กำลังทางอากาศถูกยึดเงินและปลดนายทหารนักบิน...คงเหลือแต่ช่างกับนักบินเด็กๆ แต่ครั้นปี ๒๔๘๐ จอมพล ป. ท่านคิดว่า ฝรั่งเศสจะเป็นภัยกับเราในอนาคต จึงส่งเสริมและเปลี่ยนกองบินทหารบก ยกฐานะเป็นกรมทหารอากาศ และเป็นกองทัพอากาศ ในวันที่ ๙ เมษายน ๒๔๘๐ เมื่อเกิดกองทัพอากาศ จึงมีการซื้อเครื่องบินจำนวนมาก..และซื้อสิทธิบัตรเครื่องบินมาสร้างแบบ คอร์แซร์ นับร้อย พอๆกับแบบ ฮอว์ค ๓ แต่ทั้งสองแบบเป็นเครื่องบินปีกสองชั้นแม้จะบุโลหะแล้วก็ตาม....ในปี ๒๔๘๓ ทอ.จึงซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ NA-68 และเครื่องบินโจมตี NA-69 ที่เป็นเครื่องบินลูกสูบดาวปีกชั้นเดียวมาแบบละ ๖ และ ๑๐ เครื่องตามลำดับ...พร้อมสิทธิบัตรสร้างกว่าร้อยเครื่อง (ทอ.สหรัฐฯ สมัยนั้นคือกองทัพบก ไม่นิยมเครื่องบินลูกสูบดาว เพราะโบราณไม่น่าเกรงขามและเชื่องช้า..แต่พอสหรัฐฯเข้าสงครามพบว่า เครื่องบินญี่ปุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ลูกสูบดาวสังหารเครื่องบินอเมริกันแบบเพียวลมได้จำนวนมากจึงเปลี่ยนแนวคิดมาชอบลูกสูบดาว) แต่ด้วยเหตุที่อเมริกันคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะยกพลบุกไทยในอนาคตและเกรงว่าเครื่องบินเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อญี่ปุ่นจึงยึดเครื่องบินเหล่านี้ไว้ที่ฮาวายและฟิลิปินส์ ขณะลงเรือมาไทยแล้ว ทั้งๆ ที่ติดธงชาติไทย ....ไทยจึงมิได้สร้างเครื่องบินแบบนี้เข้าสงคราม...แต่อาจจะเป็นความโชคดี..เพราะถ้าสร้าง..เราคงพัฒนาอีกหลายรุ่น และเราคงจะโดนระเปิดปรมณูไปด้วยเพราะเป็นผู้เข้าร่วมสงครามเต็มตัว......จากนั้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทอ.ไทยซื้อสิทธิบัตรสร้างเครื่องบิน T-6 จากอเมริกา พร้อมซื้อเครื่องบินมาจำนวน ๑๒ เครื่อง..มีแผนที่จะสร้าง T-6 มากกว่าร้อยเครื่อง...แต่อยู่ๆ อเมริกาบอกจะมอบเครื่องบินฝึกโจมตีแบบ T-6 ให้ ๒๐๐ เครื่อง (ทะยอยให้) และแบร์แคท จำนวนหนึ่ง (๒๐๔ เครื่อง) โครงการสร้างเลยยุติตั้งแต่นั้นมา (ได้ฟรีเลยไม่คิดสร้าง และฟรีจนเคยตัวมาถึงยุคสงครามเวียดนาม) เครื่องบินแบบสุดท้ายที่สร้างเครื่องประจำการคือ "จันทรา" จำนวน ๑๔ เครื่อง แบบล่าสุดที่กำลังอยู่ในการสร้างคือ "บ.ชอ.๒" และ "บ.ทอ.๖" โดยการเอาเครื่อง SF-260 ของอิตาลี่ มาถอดทุกชิ้นส่วนก็อปปี้ เอาดื้อๆเลยครับ...แต่ถ้าจะสร้างเครื่องบินไอพ่นคงต้องอีก ๑๐ ปีเป็นอย่างน้อยครับ....ยกเว้นแต่ บริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด TAI บริษัท ซ่อมสร้างเครื่องบินของรัฐบาล ที่สร้างมาตามความคิดอดีตนายกทักษิณที่ต้องการให้เครื่องบินทางราชการซ่อมในประเทศไทยด้วยช่างคนไทย (ที่ผ่านมาส่งไปซ่อมสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยช่างไทยและคนชาตินั้นๆ ทำไมเงินทองต้องออกนอกประเทศ) ปัจจุบัน TAI ซ่อม F-16 C-130 G-222 BOEING 737 PC-9 UH-1H AVRO748 ฯลฯ อนาคตอาจจะพัฒนาไปสู่การสร้างเครื่องบินครับ |
ขอบคุณครับ
สมัยเด็กๆ ที่บ้านเปนสมาชิกนิตยสาร"ช่างอากาศ" จำชื่อผู้เขียนท่านหนึ่งได้คือ นอ.วิชา ฉุยกลม ไม่เห็นนิตยสารฉบับนี้บนแผงนานมากแล้วครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคิดถืงอยู่ครับ
นิตยสาร "ช่างอากาศ" : http://houseofmuseums.siam.edu/page3_1_4.htm
บ้านเรามีนักบิน ไม่กี่คนที่บิน F-16 ครบ 1000 ชม. น้องชายผมเปนหนึ่งในนั้น ในขณะที่น้องข้างบ้านก็บินให้การบินไทย ถ้าผมไม่ใส่แว่นก็คงไปสอบกับเค้ามั่งเหมือนกัน
เคยได้ยินว่าการบินไทยก็ซ่อมเครื่องบินเองใช่ไหมครับ เคยได้ยินว่าสมัยนึงรับซ่อมเครื่องบินให้สายการบินต่างชาติ อย่างเปนล่ำเปนสัน ทำรายได้เปนกอบเปนกำ ไม่รู้ว่าทำไมเงียบไปแล้ว
บ้านเราทำเครื่องยนต์ Jet ส่งออกมาหลายปีแล้วนะครับ หลายท่านอาจจะไม่ทราบ นี่ครับ...
http://www.pstjets.com/
เข้าใจว่าปัจจุบันนี้(2552)อาจจะมีหลายบริษัทแล้วที่ทำเครื่องยนต์ jet ส่งออก พอดีผมไม่ค่อยได้ติดตามแล้ว |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 14/07/2009 1:14 pm Post subject: |
|
|
ปริศนาจารึกโบราณ ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว
สำหรับภาพ roundhouse ที่อุบลราชธานีนั้น ผมเข้าไปถ่ายมาเมื่อกลางเดือนธันวา ปี 2551 ครับพี่มิ้ง จากกระทู้นี้
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3249&postdays=0&postorder=asc&start=40
ขอบคุณคุณจ่าออนซอนมากๆ ครับที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบิน ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าเป็นภาพถ่ายปี 2478 ครับ
โรงรถจักรสงขลาในปี 2469 อาจจะมี 5 ห้องก็ได้ อย่างที่คุณวิศรุตบอก แล้วรื้อสร้างใหม่ เหลือ 4 ห้อง
เพราะเวลาก็ห่างกันเกือบ 10 ปี |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 14/07/2009 2:00 pm Post subject: |
|
|
พิจารณาจากภาพถ่ายโรงรถจักรสงขลาของคุณพรเลิศ ละออสุวรรณ แล้ว
รูปแบบโรงรถจักรและวงเวียนกลับรถจักร คงจะคล้ายๆ กับที่วังก์พงนะครับ
เพราะว่ามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของวงเวียน 15.24 ม. (50 ฟุต)
และมีความจุรถจักร 4 หลังเช่นเดียวกัน
ตามภาพที่วังก์พงข้างล่างนี้ครับ (รีบดูก่อนที่ผมจะเข้ามาลบออกนะครับ)
biochem.flas.kps.ku.ac.th/wangphong.jpg
Last edited by Mongwin on 14/07/2009 2:06 pm; edited 4 times in total |
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 14/07/2009 2:01 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณครับ
เดินดุ่มๆ เข้าไปถ่ายได้เลยหรือครับ
ว่าแต่.....
มีเหตุผลอะไรที่ต้องรื้อของเก่าละครับ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/07/2009 8:00 am Post subject: |
|
|
บอกเจ้าหน้าที่
แล้วเดินเข้าไปได้เลยครับ ที่อุบลราชธานี
สำหรับปัญหาเรื่องโรงรถจักรสงขลาเก็บรถได้เท่าไหร่นั้น
น่าสังเกตว่าในรายงานประจำปี 2495
ได้ตัดข้อมูลของสงขลาออกไป
ทำให้เข้าใจว่าเลิกใช้งานไปก่อนปี 2495 ด้วยซ้ำ
ส่วนในรายงานประจำปี 2469 นั้น
ทั้งประเทศ มีโรงรถจักรที่เก็บรถจักรได้ 5 หลังอยู่เพียง 2 แห่ง
คือที่หาดใหญ่และที่สงขลา (หาดใหญ่เพิ่มเป็น 9 หลังในเวลาต่อมา)
จึงน่าประหลาดใจ ถ้าสงขลาจะยุบ 5 หลังแล้วสร้างใหม่เหลือ 4 หลัง
อาจเป็นข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล คือบันทึกของสงขลาผิดเป็น 5 หลังตามอย่างหาดใหญ่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่สนับสนุนความคิดของผมในข้อนี้ครับขณะนี้ |
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 15/07/2009 10:41 am Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | ปริศนาจารึกโบราณ ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว |
เป็นจารึกแบบไหนครับ
- ปูนปั้น
- เขียนสี
- Pump เป็นรอยลงไปในปูน
- ฯลฯ
- เค้าเขียนว่าอะไรบ้าง มีภาพไหมครับ |
|
Back to top |
|
|
BanPong1
1st Class Pass (Air)
Joined: 07/12/2006 Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี
|
Posted: 15/07/2009 11:58 am Post subject: |
|
|
จากภาพ bird eye view โรงรถจักร ผมว่ามี 5 ห้องครับ สังเกตุจากเหลี่ยมผนังด้านหลังอาคาร _________________
|
|
Back to top |
|
|
Patiew
1st Class Pass (Air)
Joined: 02/04/2008 Posts: 1058
Location: กำแพงแสน
|
Posted: 15/07/2009 1:33 pm Post subject: |
|
|
rodfaithai wrote: | Mongwin wrote: | ปริศนาจารึกโบราณ ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว |
เป็นจารึกแบบไหนครับ
- ปูนปั้น
- เขียนสี
- Pump เป็นรอยลงไปในปูน
- ฯลฯ
- เค้าเขียนว่าอะไรบ้าง มีภาพไหมครับ |
เป็นตัวอักษรบู๋มลงไปในปูนความว่า "ร.ศ." ค่ะ คาดว่าจะเขียนด้วยมือมากกว่าการ pump นะคะ เพราะรูปแบบไม่คมชัดนักค่ะพี่มิ้ง ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกัน เพราะขณะนั้นแดดส่องตรงหัวพอดี ถ้าถ่ายภาพมาคงมองไม่เห็นอะไรชัดนักค่ะ |
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 15/07/2009 2:09 pm Post subject: |
|
|
Patiew wrote: | rodfaithai wrote: | Mongwin wrote: | ปริศนาจารึกโบราณ ที่คอสะพานคลองขวาง คงต้องหาทางไขปริศนากันครับป้าติ๋ว |
เป็นจารึกแบบไหนครับ
- ปูนปั้น
- เขียนสี
- Pump เป็นรอยลงไปในปูน
- ฯลฯ
- เค้าเขียนว่าอะไรบ้าง มีภาพไหมครับ |
เป็นตัวอักษรบู๋มลงไปในปูนความว่า "ร.ศ." ค่ะ คาดว่าจะเขียนด้วยมือมากกว่าการ pump นะคะ เพราะรูปแบบไม่คมชัดนักค่ะพี่มิ้ง ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกัน เพราะขณะนั้นแดดส่องตรงหัวพอดี ถ้าถ่ายภาพมาคงมองไม่เห็นอะไรชัดนักค่ะ |
ไม่แน่ใจว่าเปนชื่อย่อของผู้รับเหมาหรือไม่
เข้าใจว่าก่อนเลิกใช้งาน เมื่อ 2521 คงมีการบูรณะ/ซ่อมแซม/ปรับปรุง อย่างน้อย 1 ครั้ง เพราะดูจากภาพ คงไม่ไช่เปนสพานที่สร้างในตอนแรกแน่ครับ
ดูเหมือนว่า สพานที่มีการทำ/ปรับปรุง ใหม่ จะมีชื่อผู้รับเหมาติดเอาไว้ด้วย แต่รุ่นใหม่ๆ จะเปน Tag เหล็กหล่อ " ร.ศ. " จึงอาจจะเปนชื่อย่อ ของบริษัทอะไรสักอย่าง
ต้องไปดูจาก List รายชื่อผู้รับเหมาที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ รฟท ซึ่งยาวเหมือนหางว่าว |
|
Back to top |
|
|
|