ความก้าวหน้า ของ รถไฟจีนแดง

[Wisarut]

2019 ปีเดียว จีนสร้างเครือข่ายรถไฟฟ้ามหานคร 968.77 กม. ลั่นทุ่มงบสร้างเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท
สำนักข่าวซินหัว
3 มกราคม 2020
รายงานของสมาคมรถไฟใต้ดินแห่งประเทศจีน (CAMET) ระบุว่า ในปี 2019 เพียงปีเดียว เมืองต่างๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ได้สร้างระบบขนส่งทางรางในเมือง (เครือข่ายรถไฟฟ้ามหานคร) เป็นระยะทางยาว 968.77 กิโลเมตร โดยจนถึงสิ้นปี 2019 เมืองทั่วประเทศจีนจำนวน 40 เมืองได้ให้บริการระบบขนส่งทางรางแก่ประชาชน เป็นระยะทางรวมทั้งหมด 6,730.27 กิโลเมตร
.
รถไฟใต้ดินเป็นระบบขนส่งทางรางที่มีสัดส่วนมากที่สุดในบรรดาการขนส่งทางรางในเมืองทุกประเภท โดยความยาวของทางรถไฟใต้ดินในปี 2019 อยู่ที่ 5,187.02 กิโลเมตร คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 77.07 ของการขนส่งทางรางทั้งหมด ขณะที่ระบบขนส่งมวลชนเร็วย่านใจกลางเมืองมีความยาว 715.61 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 10.63 ของทั้งหมด
.
มหานครที่มีระบบขนส่งทางรางในเมืองที่ยาวที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางเจา (กว่างโจว) เฉิงตู และ นานกิง (หนานจิง)
.
ทั้งนี้ เมื่อปี 2019 คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (National Development and Reform Commission) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านการวางแผนเศรษฐกิจสูงสุดของจีน ได้อนุมัติโครงการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินโครงการใหม่ในเมืองเจิ้งโจว เมืองซีอาน และเมืองเฉิงตู โดยใช้เงินลงทุนรวม 3.42 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.48 ล้านล้านบาท)


2019 ปีเดียว จีนสร้างรถไฟในเขตเมือง 968.77 กม. ลั่นทุ่มงบสร้างเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 3 มกราคม 2563 15:58

สำนักข่าวซินหวา สื่อทางการจีน รายงาน (3 ม.ค.) รายงานของสมาคมรถไฟใต้ดินแห่งประเทศจีน (CAMET) ระบุว่า ในปี 2019 เพียงปีเดียว เมืองต่างๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ได้สร้างระบบขนส่งทางรางในเมืองเป็นระยะทางยาว 968.77 กิโลเมตร

โดยจนถึงสิ้นปี 2019 เมืองทั่วประเทศจีนจำนวน 40 เมืองได้ให้บริการระบบขนส่งทางรางแก่ประชาชน เป็นระยะทางรวมทั้งหมด 6,730.27 กิโลเมตร

รถไฟใต้ดินเป็นระบบขนส่งทางรางที่มีสัดส่วนมากที่สุดในบรรดาการขนส่งทางรางในเมืองทุกประเภท โดยความยาวของทางรถไฟใต้ดินในปี 2019 อยู่ที่ 5,187.02 กิโลเมตร คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 77.07 ของการขนส่งทางรางทั้งหมด ขณะที่ระบบขนส่งมวลชนเร็วย่านใจกลางเมืองมีความยาว 715.61 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 10.63 ของทั้งหมด

มหานครที่มีระบบขนส่งทางรางในเมืองที่ยาวที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กว่างโจว เฉิงตู และหนานจิง

ทั้งนี้ เมื่อปี 2019 คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (National Development and Reform Commission) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านการวางแผนเศรษฐกิจสูงสุดของจีน ได้อนุมัติโครงการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินโครงการใหม่ในเมืองเจิ้งโจว เมืองซีอาน และเมืองเฉิงตู โดยใช้เงินลงทุนรวม 3.42 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.48 ล้านล้านบาท)

[Wisarut]

จีนเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงกว่า 10 สาย ส่งท้ายปี 2019
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 30 ธันวาคม 2562 12:55
ปรับปรุง: 30 ธันวาคม 2562 13:00

เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์--พญามังกรก้าวหน้าลิ่วๆขยายเครือข่ายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ทำสถิติเปิดบริการเส้นทางฯใหม่กว่า 10 สายในวันสุดท้ายของปี รวมระยะทางเส้นทางม้าเหล็กจ้าวความเร็วสูงที่จีนได้เปิดเพิ่มในปีนี้ เท่ากับ 5,000 กิโลเมตร

เส้นทางไฮสปีดสายใหม่ที่เริ่มเปิดบริการในวันจันทร์ (30 ธ.ค.)ได้แก่ เส้นทางเชื่อมกรุงปักกิ่งและจางจยาโข่ว ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมจัดมหกรรมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ปี 2022 จากการแถลงของไชน่า เรลเวย์ คอร์พอเรชั่น (China Railway Corporation) เมื่อสุดสัปดาห์

เส้นทางไฮสปีดสายนี้เป็นโครงการหลักของโอลิมปิกฤดูหนาว และจะย่นระยะเวลาการเดินทางจากเมืองหลวงจีนไปยังจางจยาโข่วในมณฑลเหอเป่ยทางภาคเหนือของประเทศ จาก 3 ชั่วโมง เหลือเพียง 47 นาทีเท่านั้น

เส้นทางฯความยาว 174 กิโลเมตรสายนี้ สามารถวิ่งด้วยอัตราเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร และจะเชื่อมเครือข่ายม้าเหล็กจ้าวความเร็วสูงไปยังเมืองหลันโจวในมณฑลกันซู่แห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือ จากนั้นก็ยืดยาวมุ่งสู่ภาคตะวันตกไปเชื่อมต่อกับเส้นทางไฮสปีดสายอื่นๆพาดผ่านมณฑลซันซี มณฑลเหอเป่ย และเข้าสู่เขตตะวันออกของเขตปกครองตัวเองชนชาติมองโกเลียมณฑลมองโกเลียใน

เป็นที่คาดว่าการเปิดบริการเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเหล่านี้จะทำให้การเดินทางจากปักกิ่งไปยังฮูเหอเฮ่าเท่อ (Hohhot) เมืองเอกของเขตปกครองตัวเองมองโกเลียใน ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง 9 นาที เทียบกับปัจจุบันที่ต้องใช้เวลาเดินทางระหว่างสองเมืองนี้นานกว่า 9 ชั่วโมง

รายงานข่าวของ เดอะเปเปอร์ สื่อท้องถิ่นในเซี่ยงไฮ้ระบุว่าจีนคาดหวังไว้ว่าการเปิดเส้นทางไฮสปีดสายใหม่เหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระหว่างมองโกเลียในกับกลุ่มเมืองเศรษฐกิจปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย ที่จีนกำลังผลักดันอยู่

สำหรับมองโกเลียในเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนเมือง เส้นทางรถไฟความเร็วสูงจะทำให้สามารถจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวไปยังมองโกเลียในแบบหนึ่งวัน


ในวันอาทิตย์(29 ธ.ค.) เขตปกครองตัวเองของชนชาติหุยมณฑลหนิงซย่าแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ได้ประเดิมเส้นทางรถไฟความเร็วสายแรก โดยเส้นทางฯความยาว 207 กิโลเมตร สายนี้จะเชื่อมเมืองหลักของมณฑล ได้แก่ อิ๋นชวน อู๋จง และจงเว่ย โดยลดเวลาเดินทางถึงกันเหลือแค่ 90 นาที

ไชน่า เรลเวย์ (China Railway) เผยว่าในปีนี้จีนได้เปิดบริการเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายใหม่เพิ่มอีกรวม 5,000 กิโลเมตร ทำให้จีนมีเส้นทางไฮสปีดรวมทั้งสิ้น 35,000 กิโลเมตร โดยคิดเป็นสองเท่าของเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เหลือของทั้งโลกรวมกัน


นอกไปจากนี้จีนยังได้ผลักดันการก่อสร้างและอัดฉีดเงินทุนให้กับโครงสร้างรถไฟความเร็วสูงในประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆโดยมีแผนการใหญ่เชื่อมจีนกับสิงคโปร์และยุโรป

[Wisarut]

ใครเขาใช้รถไฟความเร็วสูงขนผักกัน? JD.com ใช้ขนเห็ดสดไปส่ง 6 เมืองใหญ่ในจีนภายใน 48 ชั่วโมง
By Thongchai Cholsiripong -
23 พฤศจิกายน 2561

ในช่วงหลายปีมานี้ เชื่อว่าคนไทยน่าจะได้ยินวลีที่ว่า “รถไฟความเร็วสูง ไม่ใช่รถขนผัก” แต่ล่าสุด JD.com ใช้รถไฟความเร็วสูงขนเห็ดสด ส่งทั่ว 6 เมืองใหญ่ในจีนแล้ว


JD.com อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน ประกาศส่งเห็ดมัตสึทาเกะ (matsutake mushrooms) ด้วยรถไฟความเร็วสูง วิ่งด้วยความเร็ว 250-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

บริการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดย JD.com รับประกันว่า เห็ดสดที่ส่งโดยรถไฟความเร็วสูงจะถึงมือผู้บริโภคภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งบริการครอบคลุมทั่ว 6 เมืองใหญ่ในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, กวางโจว, อู่ฮั่น, หนานจิง และเฉิงตู

Hui Wang รองประธานของ JD.com บอกว่า “การใช้รถไฟความเร็วสูงของจีนที่มีประสิทธิภาพสูง บวกกับเทคโนโลยีการขนส่งของ JD.com ถือเป็นการผสมผสานนวัตกรรรมที่ลงตัว เพราะเราสามารถส่งของสดจากแหล่งที่ปลูก ไปยังบ้านของผู้บริโภคในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับของที่ยังคงความสดอยู่”

นี่คือภาพที่ JD.com ต้องการเป็น นั่นคือกลยุทธ์ “Retail as a Service” หรือผู้นำในการให้บริการทางด้านค้าปลีก ซึ่งแน่นอนว่ากลยุทธ์นี้คือการต่อยอดจุดเด่นของ JD.com ที่มีระบบโลจิสติกส์อันแข็งแกร่ง

ตลาดสั่งของสดออนไลน์ในจีนเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในปี 2017 ตลาดนี้มีมูลค่าสูงถึง 1.4 แสนล้านหยวน เพิ่มจากปีก่อน 59%

ส่วนถ้านับเฉพาะของ JD.com เพียงบริษัทเดียว พบว่ามียอดการสั่งของสดออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 300% โดยข้อมูลนี้ครอบคลุมการให้บริการใน 300 เมืองทั่วประเทศจีน

//---------------------


เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร จีนใช้รถไฟความเร็วสูงขนส่ง “เชอรี่” สู่ 14 เมืองภายใน 2 วัน
By Thongchai Cholsiripong -
01/06/2019



จีนใช้รถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ขนส่ง “เชอรี่” ในประเทศ

สำนักข่าว People’s Daily China ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัฐบาลจีน รายงานว่า จีนใช้รถไฟความเร็วสูงหัวกระสุนรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า “Fuxing” ที่มีความเร็วในการเดินทางเฉลี่ย 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขนส่งสินค้าเกษตร

โดยในครั้งนี้ จีนได้ใช้รถไฟหัวกระสุน Fuxing ขนส่ง “เชอรี่” จากมณฑลชานตง (Shandong province) ไปยัง 14 เมืองในจีน และใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น

นี่คือการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรในสไตล์จีนที่ใช้รถไฟความเร็วสูงมากขนผัก-ผลไม้ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว การขนส่งด้วยระบบรางที่รวดเร็วนี้จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มหาศาลในระยะเวลาอันรวดเร็ว

[Wisarut]

บริษัท China State Railway Group จำกัด รายงานว่า ปี 2019 มีผู้โดยสารรถไฟจีน 3570 ล้านคน ขึ้นจากปีที่แล้ว 7.7% โดยเป็นผู้โดยสารรถไฟความเร็วสูง 2290 ล้านคน ขึ้นจากปีที่แล้ว 14.1% และขนสินค้า 3440 ล้านตัน ขึ้นจากปีที่แล้ว 7.8% ทำให้มีรายได้ 818,000 ล้านหยวน (118,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขึ้นจากปีที่แล้ว 6.1% สิ้นปี 2019 ทีทางรถไฟที่ใช้งาน 139,000 กิโลเมตร โดยเป็นทางรถไฟความเร็วสูง 35000 กิโลเมตร

http://global.chinadaily.com.cn/a/202001/03/WS5e0eada7a310cf3e355824c4.html

[Wisarut]

จีนวางแผนลงทุนสร้างทางรถไฟ 1.14 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563

ข่าวเศรษฐกิจ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
30 ธันวาคม พ.ศ. 2562 15:18 น. —

กระทรวงคมนาคมของจีนเปิดเผยว่า จีนวางแผนลงทุนในระบบรางรถไฟประมาณ 8 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.1436 แสนล้านดอลลาร์) ในปี 2563

กระทรวงฯ ระบุด้วยว่า ในปี 2563 จีนจะใช้งบประมาณ 1.8 ล้านล้านหยวนไปกับการสร้างถนนและทางน้ำ และอีกประมาณ 9 หมื่นล้านหยวนไปกับการบินพลเรือน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนวางแผนที่จะพัฒนาเครือข่ายการขนส่งให้ครอบคลุมพื้นที่ 98% ของชนบท

ข้อมูลของกระทรวงฯ เผยให้เห็นว่า การลงทุนของจีนในสินทรัพย์ถาวรภาคการขนส่งในปี 2562 นั้น มีมูลค่ามากกว่า 3.2 ล้านล้านหยวน

[Wisarut]

ส่อง ‘อู่รถไฟหัวกระสุน’ เตรียมพร้อมบริการปชช. ช่วงตรุษจีน
สำนักข่าวซินหัว
8 มกราคม 2020

กองทัพรถไฟความเร็วสูงมากกว่า 20 ขบวน ณ อู่ซ่อมบำรุงเสิ่นหยางเหนือ สังกัดการรถไฟเสิ่นหยาง (CR-Shenyang) เคลื่อนตัวเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการให้บริการช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง

[Mongwin]

จีนเปิดบริการรถไฟความเร็วสูงไร้คนขับ
โพสต์ทูเดย์ วันที่ 08 ม.ค. 2563 เวลา 19:18 น.

จีนเปิดให้บริการ "สมาร์ทไฮสปีดเทรน" ขบวนแรกของโลก ใช้ 5G ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง วิ่งเร็วสูงสุด 350 กม./ชม.

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมของปี 2019 ที่ผ่านมา จีนได้เปิดให้รถบริการรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางระหว่างกรุงปักกิ่งไปยังเมืองจางเจี๋ยโกว (Zhangjiakou) ระยะทาง 173 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองที่เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว 2022

ซีเอ็นเอ็นระบุว่า เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่งจางเจี๋ยโกวช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางจากเดิมที่ต้องใช้เวลาเดินทาง2-3ชั่วโมง เหลือเพียง 47 นาที

ตลอดปี 2019 จีนเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในหลายสายทั่วประเทศ แต่ทว่าเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-จางเจี๋ยโกวพิเศษกว่าสายอื่นๆเนื่องจาก รถไฟที่นำมาให้บริการนั้นเป็นรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ของซีรีย์ Fuxing ที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่ต้องพึ่งพาคนขับ และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นรถไฟความเร็วสูงอัจฉริยะขบวนแรกของโลก

สำหรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสาย Jing-Zhang ใช้เวลาก่อสร้างนาน 4 ปี วิ่งเชื่อมระหว่างกรุงปักกิ่งไปยังหยานชิง (Yanqing) และสิ้นสุดที่จางเจียโข่ว ซึ่งทั้งสามเมืองนี้ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวปี 2022 ที่กำลังจะมาถึง โดยตลอดเส้นทางจะแบ่งเป็นสถานีให้บริการ 10 สถานี รวมถึงสถานี Badaling Chang Cheng ซึ่งถือเป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่เข้าชมกำแพงเมืองจีน

ทางรถไฟสาย Jing-Zhang จะมีรถไฟความเร็วสูงให้บริการ 30 ขบวนในทุกวัน แต่มีเพียง 6 ขบวนที่ให้บริการโดย "สมาร์ทไฮสปีดเทรน"

ความสมาร์ทของรถไฟรุ่นใหม่นี้ จีนได้ใช้เทคโนโลยี 5G ในระบบระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟ รวมถึงเซ็นเซอร์ 2,718 ตัวเพื่อรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์และตรวจจับความผิดปกติในระหว่างการทำงานของรถไฟ นั้นหมายความว่ารถไฟสมาร์ทไฮสปีดเทรนนี้สามารถออกวิ่งให้บริการ หยุดจอดในแต่ละสถานีตามเส้นทาง รวมถึงปรับลด-เพิ่มความเร็วระหว่างเส้นทางได้จนถึงสิ้นสุดการให้บริการด้วยตัวเอง

แม้จะบอกว่าเป็นรถไฟอัจริยะไร้คนขับ แต่รายงานระบุว่ายังต้องมีมนุษย์ค่อยสังเกตการณ์ความเรียบร้อยของระบบบริเวณหัวขบวน ไม่ต่างจากรถไฟความเร็วสูงโดยทั่วไป เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ควบคุมโดยตรง

ขณะที่ภายในตัวสถานีตลอดเส้นทางให้บริการ จีนได้นำระบบจดจำใบหน้ามาใช้งาน พร้อมแอปพลิเคชั่น ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเช็คอินใช้บริการได้โดยไม่ต้องใช้ตั๋วรถไฟแบบกระดาษ

ขณะที่ในทุกที่นั่งของผู้โดยสารในขบวนจะมีจอทัชสกรีนให้บริการรวมถึง ไวไฟและแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย สนนราคาตัวรถไฟมีราคาตั้งแต่ 77 หยวน ไปจนถึง231 หยวน สำหรับรถไฟความเร็วสูงแบบธรรมดา ส่วนสมาร์ทไฮสปีดเทรน มีราคาเริ่มที่ 90 หยวน ไปถึง 270 หยวน

ปัจจุบัน จีนมีระบบเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศเป็นความยาวรวมแล้วถึง 35,000 กิโลเมตร โดยรถไฟความเร็วสูงที่สุดที่จีนให้บริการในขณะนี้คือรถไฟเซี่ยงไฮ้ Maglev

[Wisarut]

[Wisarut]

สู้เพื่อฝัน-เส้นทางสู่อาชีพพนักงานขับรถไฟหัวกระสุนหญิง

สำนักข่าวซินหัว
14 มกราคม 2020


เมื่อถึงเวลาประมาณ 5 นาฬิกา เซียวหลีฮวาตื่นนอนและสวมชุดยูนิฟอร์มประจำตัวของเธอ ก่อนจะรีบไปยังลานรถไฟ เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่พนักงานขับรถไฟหัวกระสุนต้องทดสอบก่อนออกเดินทางบนขบวนม้าเหล็ก ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ณ เวลา 8:16 นาฬิกา รถไฟซึ่งมีผู้โดยสารมากกว่า 1,000 คนเดินทางออกจากนครฝูโจว เมืองเอกของมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกของจีน โดยมีสถานีปลายทางที่นครกว่างโจว เมืองทางตอนใต้ของจีน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 900 กิโลเมตร

เซียววัย 26 ปี ซึ่งกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในพนักงานขับรถไฟหัวกระสุนหญิงชุดแรกของจีน หลังผ่านการฝึกอบรมซึ่งกินระยะเวลานาน 3 ปี

เดือนมกราคมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเซียวและเพื่อนร่วมงาน เนื่องจากพวกเขาจะได้สัมผัสกับ “ชุนอวิ้น” หรือมหกรรมการเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นครั้งแรก ในฐานะผู้ช่วยคนขับรถไฟ

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) คาดการณ์ว่าจะมีชาวจีนเดินทางด้วยรถไฟราว 3 พันล้านครั้งตลอดมหกรรมการเดินทางข้างต้น ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 10 ม.ค.-18 ก.พ. รวมทั้งสิ้น 40 วัน ผู้โดยสารจะหลั่งไหลมาใช้บริการรถไฟอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ทำให้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับพนักงานขับรถไฟทุกคนที่จะต้องปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและตรงต่อเวลา

ในฐานะผู้ช่วยคนขับ เซียวยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถไฟหัวกระสุนด้วยตัวเอง เธอจะเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบสัญญาณ และประสานงานกับพนักงานบนรถไฟและสถานี

ในอดีต ตำแหน่งพนักงานขับรถไฟมักเป็นของบุรุษเพศเท่านั้น เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้น อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้งานดังกล่าวต้องการความแข็งแกร่งน้อยลง และให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น

เดือนพฤษภาคม 2019 จีนจัดตั้งโครงการบ่มเพาะพนักงานขับรถไฟหัวกระสุนหญิงชุดแรกของประเทศ พนักงานผู้หญิง 17 คนรวมถึงเซียว ได้รับเลือกให้ทำงานร่วมกับคนขับชาย 4,000 คนในบริษัทการรถไฟจีนแห่งฝูเจี้ยน

เซียวสำเร็จการศึกษาในสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า เธอเคยทำงานเป็นพนักงานรถนอน 1 ปี ก่อนจะย้ายมาปฏิบัติงานในตำแหน่งพนักงานจัดเก็บสถิติไมล์ของบริษัทการรถไฟฯ อีก 5 ปี

“ฉันไม่มีความสุขกับงานก่อนหน้านี้ เพราะมันแทบไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญอะไรเลย ทั้งยังไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันเรียนรู้ในวิทยาลัย” เซียว ผู้ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการทันทีที่ทราบว่ามีการเปิดรับกล่าว

เธอเผยว่า “ตอนนี้ฉันเข้าใกล้การขับรถไฟซึ่งเป็นความฝันในวัยเด็กมากขึ้นอีกก้าวแล้ว”

อย่างไรก็ดี การเป็นพนักงานขับรถไฟสุดล้ำนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ฝึกอบรมจะต้องผ่านการทดสอบหลายประการ ทั้งในด้านกฎระเบียบ และความรู้ทางเทคนิคของรถไฟความเร็วสูง รวมถึงฝึกงานในห้องโดยสารอย่างน้อย 2 ปี โดยปัจจุบันเซียวเดินทางมาถึงครึ่งทางของการฝึกแล้ว

หลังผ่านการทดสอบหลายด่าน มีผู้เข้าฝึกอบรมหญิงเพียง 12 คนจาก 17 คนที่ผ่านการคัดเลือก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนมีพนักงานขับรถไฟเป็นสุภาพสตรี เมื่อเดือนมีนาคม 1950 เถียนกุ้ยอิง ผู้เกิดในปี 1930 ได้กลายเป็นพนักงานขับรถไฟหญิงคนแรกของจีน โดยเธอได้พารถจักรไอน้ำทะยานออกจากสถานีต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

ในปี 1970 จีนจัดตั้งพนักงานขับรถไฟหญิงขึ้นหลายทีม แต่พวกเธอล้วนทยอยลาออกจากงานสุดหฤโหดเมื่อผ่านไปราว10 ปี

ปัจจุบันพนักงานขับรถไฟหญิงรุ่นใหม่กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น

“ผู้หญิงมีความละเอียดถี่ถ้วนและอดทนมากขึ้น ทำให้พวกเธอได้เปรียบในตำแหน่งพนักงานขับรถไฟหัวกระสุน” หลี่ว์เซียงหยาง พนักงานขับรถไฟมากประสบการณ์วัย 48 กล่าว ตลอดการทำงานของเขาหลี่ว์ฝึกฝนพนักงานขับรถไฟกว่า 600 คน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีลูกศิษย์เป็นผู้หญิง

หลี่ว์กล่าวว่าเขาจำเป็นต้องเข้มงวดกับนักเรียนหญิง เพราะพวกเธอมีเวลาเพียง 3 ปีที่จะผ่านการทดสอบทั้งหมด เนื่องจากจีนกำลังขยายเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงอย่างรวดเร็ว และต้องการพนักงานขับจำนวนมาก ทำให้กระบวนการทดสอบดั้งเดิมที่กินเวลา 5-6 ปีไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป

“นั่นหมายความว่าพวกเธอต้องทุ่มเทมากกว่าพนักงานผู้ชายถึง 2 เท่า” หลี่ว์ระบุ

เซียวมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนความฝันของเธอให้กลายเป็นจริง เธอทุ่มเทศึกษาเล่าเรียน เพื่อจดจำสวิตช์และคันจับทั้งหมดบนรถ

พ่อของเซียวหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ เขาตั้งชื่อลูกสาวตามฝานหลีฮวา ซึ่งเป็นแม่ทัพหญิงชาวจีนในตำนานสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) โดยหวังว่าเธอจะกล้าหาญเหมือนวีรสตรีจีนโบราณผู้นี้

เซียวกล่าวว่า “ในวันแรกที่ขับรถไฟ ฉันจะเชิญพ่อแม่ขึ้นมานั่งด้วย และจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อให้ความฝันครั้งนี้เป็นจริง”

[Wisarut]

สู้เพื่อฝัน! พนักงานหญิงขับรถไฟความเร็วสูงจีน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 15 มกราคม 2563 13:58


ฝูโจว, 14 ม.ค. (ซินหัว) - เมื่อถึงเวลาประมาณ 5 นาฬิกา เซียวหลีฮวา ตื่นนอนและสวมชุดยูนิฟอร์มประจำตัวของเธอ ก่อนจะรีบไปยังลานรถไฟ เพื่อตรวจวัดประมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่พนักงานขับรถไฟหัวกระสุนต้องทดสอบก่อนออกเดินทางบนขบวนม้าเหล็ก ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ณ เวลา 8.16 น. รถไฟซึ่งมีผู้โดยสารมากกว่า 1,000 คน เดินทางออกจากนครฝูโจว เมืองเอกของมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกของจีน โดยมีสถานีปลายทางที่นครกว่างโจว เมืองทางตอนใต้ของจีน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 900 เมตร

เซียว วัย 26 ปี ซึ่งกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในพนักงานขับรถไฟหัวกระสุนหญิงชุดแรกของจีน หลังผ่านการฝึกอบรมซึ่งกินระยะเวลานาน 3 ปี

เดือนมกราคมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเซียว และเพื่อนร่วมงาน เนื่องจากพวกเขาจะได้สัมผัสกับ "ชุนอวิ้น" หรือมหกรรมการเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นครั้งแรก ในฐานะผู้ช่วยคนขับรถไฟ

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) คาดการณ์ว่าจะมีชาวจีนเดินทางด้วยรถไฟราว 3 พันล้านครั้งตลอดมหกรรมการเดินทางข้างต้น ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 10 ม.ค.-18 ก.พ. รวมทั้งสิ้น 40 วัน ผู้โดยสารจะหลั่งไหลมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ทำให้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับพนักงานขับรถไฟทุกคนที่จะต้องปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและตรงต่อเวลา

ในฐานะผู้ช่วยคนขับ เซียว ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถไฟหัวกระสุนด้วยตัวเอง เธอจะเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบสัญญาณ และประสานงานกับพนักงานบนรถไฟและสถานี

ในอดีต ตำแหน่งพนักงานขับรถไฟมักเป็นของบุรุษเพศเท่านั้น เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้น อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้งานดังกล่าวต้องการความแข็งแกร่งน้อยลง และให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น