View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44627
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 13/05/2009 4:28 pm Post subject: |
|
|
ปัญหาเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาสผมจะลองสอบถามทางหอจดหมายเหตุที่เทเวศน์ดูอีกทีครับ
ว่ามีเหตุผลทางเทคนิคอะไร จึงใส่ตัวเลขกลับซ้ายเป็นขวากับฟิล์มแบบนี้
แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ภาพที่ทางหอจดหมายเหตุสงขลา ใส่ลายน้ำไว้นั้น อัดมาได้ถูกต้องแล้วครับ ด้วยหลักฐานแวดล้อมต่างๆ
ที่สำคัญ พิจารณาภาพถ่ายของเฮียใช้(บน) เปรียบเทียบกับภาพเก่า (ล่าง) อีกครั้งครับ
จะเห็นแนวภูเขาสอดคล้องกัน ไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญครับ
แนวเขายาวๆ ด้านซ้ายคือเขาคอหงส์
ส่วนเขาทางขวามือ อยู่ไกลออกไป คือ ควนคันหลาวกับควนจงครับ อยู่ที่ อ.นาหม่อม
ใกล้กับอดีตสถานีควนจงและสถานีนาม่วงครับ
|
|
Back to top |
|
|
Rakpong
President
Joined: 29/03/2006 Posts: 1716
Location: แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก
|
Posted: 13/05/2009 6:48 pm Post subject: |
|
|
พี่ชายอาจารย์เอก ช่างสังเกตจริงครับ การกลับภาพซ้ายเป็นขวา อาจทำให้สมมติฐานที่ผ่านมารวนไปหมด
แต่อาจารย์เอก ก็ยังยืนยัน จากมุมของภาพ และรูปทรงของภูเขาไว้ทันที ไม่ให้สับสนกันในภายหลังอีก
ชอบกระทู้แบบนี้จังครับ ทบทวนประวัติศาสตร์ด้วยหลักฐาน และวิเคราะห์ความน่าเชื่อือของหลักฐานด้วย
สำหรับเหตุที่มีการกลับตัวเลขในภาพต้นฉบับ เป็นเพราะภาพนั้นอยู่บนฟิล์มกระจกหรือเปล่าครับ ผมไ่่ม่รู้ว่ายุคนั้นเทคนิคการถ่ายภาพทำอย่างไร
Last edited by Rakpong on 14/05/2009 7:22 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 13/05/2009 9:53 pm Post subject: |
|
|
Rakpong wrote: | พี่ชายอาจารย์เอก ช่างสังเกตจริงครับ การกลับภาพซ้ายเป็นขวา อาจทำให้สมมติฐานที่ผ่านมารวมไปหมด
แต่อาจารย์เอก ก็ยังยืนยัน จากมุมของภาพ และรูปทรงของภูเขาไว้ทันที ไม่ให้สับสนกันในภายหลังอีก
ชอบกระทู้แบบนี้จังครับ ทบทวนประวัติศาสตร์ด้วยหลักฐาน และวิเคราะห์ความน่าเชื่อือของหลักฐานด้วย
สำหรับเหตุที่มีการกลับตัวเลขในภาพต้นฉบับ เป็นเพราะภาพนั้นอยู่บนฟิล์มกระจกหรือเปล่าครับ ผมไ่่รู้ว่ายุคนั้นเทคนิคการถ่ายภาพทำอย่างไร |
พี่หมอ ภาพแต่ก่อนเป็นฟิล์มกระจก มีตัวเลขที่ไม่กลับกระจกภาพเป็นภาพเนกาทีฟ เพื่อให้สะดวกในการล้่างฟิล์ม และ การเก็บรักษาและเรียกแผ่นฟิล์มมาใช้งาน
เมื่อล้่างฟิล์มกระจกแล้วพิมพ์ ตัวเลขที่บันทึกวันเดือนปีและ เลขประจำแผ่นฟิล์มกระจกก็จะกลับทิศไป
ถ้าเก็บรักษาฟิล์มกระจกไม่ดี ก็จะเห็นรอยแตกร้าวชัดเจนมาก เลยทีเดียว เหมือนกรณีภาพที่ ร.6 ถ่ายท่าเรือของกรมรถไฟที่สงขลา (ถ้าจำไม่ผิด) |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44627
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 14/05/2009 7:17 am Post subject: |
|
|
ขอบคุณมากครับพี่หมอรักษ์พงศ์และคุณวิศรุต
ผมเลยลองค้นๆ ดูเกี่ยวกับเรื่องกระจกฟิล์ม เจอบทความนี้ในวารสารเมืองโบราณครับ
ดิจิตอล กับการอนุรักษ์ภาพเก่า โดยคุณวิชญดา ทองแดง
Quote: | ภาพถ่ายและเอกสารโบราณของไทยที่มีอายุนับร้อยปีในทุกวันนี้นั้น มีคำถามเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องว่ายังคงอยู่ในสภาพที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเอื้อต่อการใช้ประโยชน์ทางการศึกษาแก่นักค้นคว้าและผู้สนใจมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะฟิล์มกระจกในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ อันเป็นภาพประวัติศาสตร์ชุดที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งนับวันก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา การณ์ดังกล่าวนี้ได้ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งคิดนำระบบดิจิตอลเข้ามาช่วยอนุรักษ์หลักฐานสำคัญเหล่านี้ไว้ และเพื่อที่จะให้บริการข้อมูลแก่สาธารณชนได้รวดเร็วขึ้น ดังที่ปรากฏเป็นข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ว่า
ราวปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๔๔ อธิบดีกรมศิลปากร ได้ลงนามอนุมัติให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติว่าจ้างบริษัท Index Quality (IQ) รับดำเนินการอนุรักษ์ฟิล์มกระจกประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๗ ด้วยระบบดิจิตอล จำนวนประมาณ ๔,๐๐๐ แผ่น (จากฟิล์มกระจกที่มีอยู่ราว ๒๕,๐๐๐ แผ่น) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการของหอจดหมายเหตุแห่งชาติให้สะดวกรวดเร็วขึ้น เนื่องจากการให้บริการแบบเดิมค่อนข้างล่าช้า
ทั้งนี้ทราบมาว่า สิ่งที่ได้จากฟิล์มกระจกหนึ่งแผ่นนั้นจะประกอบไปด้วย ๑). ฟิล์มเนกาทีฟขาว - ดำ ๒).ภาพอัดขยายขาว - ดำ ๒ แผ่น (ขนาด ๘X ๑๐ นิ้ว และ ๑๐X๑๒ นิ้ว หรือ ๑๒X ๑๖ นิ้ว) และ ๓). ภาพในแผ่น CD ๒ แผ่น (ขนาด ๕ และ ๒๕ เมกกะไบต์) ทั้งหมดนี้จัดทำขึ้นด้วยงบประมาณปี พ.ศ.๒๕๔๕ ราว ๑.๓ ๑.๖ ล้านบาท
ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ มีนักวิชาการด้านจดหมายเหตุและผู้เชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายกลุ่มหนึ่งทำหนังสือคัดค้านการอนุมัติให้เอกชนเข้ามาดำเนินการอนุรักษ์ฟิล์มกระจกดังกล่าว ด้วยเหตุผลที่ว่าระบบดิจิตอลเหมาะสำหรับการให้บริการ แต่ไม่เหมาะสำหรับอนุรักษ์ฟิล์มต้นฉบับ เพราะยากต่อการควบคุมหากมีการลักลอบเผยแพร่ไปในวงกว้าง และยากต่อการควบคุมดัดแปลง ปรับเปลี่ยนฟิล์มต้นฉบับด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อผลประโยชน์ใดๆ ต่อมารองอธิบดีกรมศิลปากรได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ได้ปรึกษาฝ่ายนิติกรเพื่อทำสัญญาว่าจ้างอย่างรัดกุม ซึ่งรายละเอียดส่วนหนึ่งได้ระบุไว้แล้วว่า กรมศิลปากรสงวนสิทธิการเป็นเจ้าของฟิล์ม ภาพอัดขยาย และภาพในแผ่น CD ตามรายการจ้างเหมาแต่เพียงผู้เดียว และคุณภาพของฟิล์มเนกาทีฟขาว - ดำ และภาพอัดขยายขาว - ดำ ที่ส่งมอบให้กรมศิลปากรจะต้องเหมือนต้นฉบับจากฟิล์มกระจก และคมชัดมากที่สุดทุกภาพ ห้ามมิให้ตกแต่ง แก้ไขฟิล์มและภาพอัดขยายโดยเด็ดขาด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ เกิดคำถามถึง ความน่าเชื่อถือ และ ความเป็นประจักษ์พยาน ของภาพจากระบบดิจิตอล |
อ่านต่อได้ที่นี่ครับ
http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=4 |
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 14/05/2009 9:46 am Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | ภาพนี้ใช่ไหมครับ
หรือว่ามีการย้ายถังน้ำไป เมื่อมีการขยายย่านสถานีครับ
ผมเข้าใจว่าในยุคปี 2484 นั้นถังน้ำน่าจะอยู่หลัง roundhouse นะครับ
|
ขอบคุณครับ
ใช่ครับ
ภาพนี้น่าจะถ่ายในวันที่ 7 กรกฎาคม 2506 ครับ
ที่มา :
http://www.gimyong.com/webboard/index.php/topic,7215.0.html
น่าจะมีการย้ายถังสูงครับ เพราะจากภาพทั้งสอง แสดงว่าอยู่ต่างที่กัน
นับว่าถังสูงอยู่ไกลจากงวงเติมน้ำมากเมื่อเทียบกับสถานีอื่นๆ
แต่อาคารที่ดูคล้ายหอประแจด้านหลังนี่สิครับ
ใช่หอประแจหรือปล่าว ถ้าใช่ก็อาจจะมีการย้ายเช่นกัน
Round house ที่สงขลายังพอเหลือซากหรือร่องรอยไหมครับ
Last edited by rodfaithai on 14/05/2009 1:58 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 14/05/2009 10:09 am Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | เกี่ยวกับภาพถ่ายทางแยกที่ชุมทางอู่ตะเภานี้
ยังมีปริศนาชวนงงอีกอย่างหนึ่งครับ
เมื่อเช้านี้พี่ชายผมเข้ามาดูกระทู้นี้ แล้วรีบโทร.มาถามผมครับ
ว่าช่างอัดขยายภาพใส่ฟิล์มกลับซ้ายเป็นขวาหรือเปล่า
พิจารณาภาพนี้อีกครั้งนะครับ
จะเห็นตัวเลขที่มุมล่างซ้ายของภาพ ดูแปลกพิกลอยู่ครับ
แต่ถ้าลองกลับภาพดู
จะทำให้ตัวเลขอ่านได้ถูกต้องเป็น 89 ครับ |
ช่างสังเกตจริงๆ ครับ
ผมก็สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าเค้าเขียนว่าอะไร
สันนิษฐานว่า คนเขียนเขียนด้านที่เป็นกระจก เพื่อไม่ให้รบกวนสารไวแสงซึ่งอยู่อีกด้าน แล้วตอนเขียน คงเขียนตามปกติโดยไม่ได้กลับตัวอักษร
ลองสังเกตระหว่างต่อม่อนะครับ
ดูเหมือนจะมีคานไม้ยื่นยาวออกมาตรงกลางช่วง
(ซึ่งตามปกติไม่น่าจะมี)
และใต้คานไม้นั้นดูเหมือนจะมีเสาไม้อยู่ด้วย
ไม่รู้ผมตาฝาดไปหรือเปล่า
ยังสงสัยอีกว่า
ทำไม ไม่ทำเป็นสะพานแผงลงทั้งสะพาน หรือเป็นสะพานแผงขึ้นทั้งสะพาน
Last edited by rodfaithai on 14/05/2009 10:16 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44627
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 14/05/2009 10:11 am Post subject: |
|
|
heerchai wrote: | Rakpong wrote: | ดูจากภาพของ Heerchai คันทางเก่าจากสงขลาไปพัทลุง ไม่เหลือแล้วใช่ไหมครับ |
ไม่เหลือแล้วครับพี่หมอ ผมเคยเดินเล่นๆไปสำรวจเส้นทางนี้เป็นถนนแล้วมีชุมชนมาแทน ชุมชนนี้เป็นชาวไทยนับถือศาสนาอิสลามทั้งหมดทุกหลัง เรียกชุมชนนี้ว่า "ชุมชนสะพานดำ" อยู่ในเขตเทศบาลเมืองคลองแห ครับ |
แล้วถนนลูกรังที่เป็นแนวคันทางสงขลา-อู่ตะเภานั้น เรียกว่า ถนนคึกฤทธิ์ใช่ไหมครับ
(เห็นใน Google Earth ระบุชื่อ คึกฤทธิ์ 7 และ คึกฤทธิ์ 9 ไว้ เลยไม่ทราบว่าถนนลูกรังที่เป็นคันทางเก่าจริงๆ ที่ผมทำลูกศรชี้ไว้นั้นชื่อถนนอะไรครับ)
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44627
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 14/05/2009 10:14 am Post subject: |
|
|
rodfaithai wrote: | Round house ที่สงขลายังพอเหลือซากหรือร่องรอยไหมครับ |
บริเวณที่ตั้ง round house และวงเวียนกลับรถจักร ถูกชุมชนสร้างบ้านทับไปแล้วครับ
ที่สำคัญ สร้างบ้านทับตามแนว roundhouse เดิมเสียด้วยสิครับ
Last edited by Mongwin on 14/05/2009 10:30 am; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
Joined: 10/07/2006 Posts: 1346
|
Posted: 14/05/2009 10:23 am Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: |
ผมเคยเดินเล่นๆไปสำรวจเส้นทางนี้เป็นถนนแล้วมีชุมชนมาแทน ชุมชนนี้เป็นชาวไทยนับถือศาสนาอิสลามทั้งหมดทุกหลัง เรียกชุมชนนี้ว่า "ชุมชนสะพานดำ" อยู่ในเขตเทศบาลเมืองคลองแห ครับ
แล้วถนนลูกรังที่เป็นแนวคันทางสงขลา-อู่ตะเภานั้น เรียกว่า ถนนคึกฤทธิ์ใช่ไหมครับ
(เห็นใน Google Earth ระบุชื่อ คึกฤทธิ์ 7 และ คึกฤทธิ์ 9 ไว้ เลยไม่ทราบว่าถนนลูกรังที่เป็นคันทางเก่าจริงๆ ที่ผมทำลูกศรชี้ไว้นั้นชื่อถนนอะไรครับ)
|
ถ้าชื่อถนนคึกฤทธิ์จริง แสดงว่าคงมีการปรับปรุงถนนสายนี้ตาม"โครงการเงินผัน"อันลือชื่อของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44627
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 14/05/2009 3:40 pm Post subject: |
|
|
rodfaithai wrote: | ลองสังเกตระหว่างต่อม่อนะครับ
ดูเหมือนจะมีคานไม้ยื่นยาวออกมาตรงกลางช่วง
(ซึ่งตามปกติไม่น่าจะมี)
และใต้คานไม้นั้นดูเหมือนจะมีเสาไม้อยู่ด้วย
ไม่รู้ผมตาฝาดไปหรือเปล่า
ยังสงสัยอีกว่า
ทำไม ไม่ทำเป็นสะพานแผงลงทั้งสะพาน หรือเป็นสะพานแผงขึ้นทั้งสะพาน |
ผมไม่มีความรู้เรื่องการสร้างสะพานเลยครับ
เดาว่าเมื่อแรกสร้างเป็นสะพานไม้ทั้งหมดเลยหรือเปล่าครับ แล้วสร้างตอม่อปูนในภายหลัง
สะพานนี้มีพัฒนาการที่แปลกมากครับ เหมือนเป็นลูกผสมของสะพานหลายๆ แบบปนกัน
แม้ยุคปัจจุบัน เฮียใช้ก็บอกว่าเดิมเป็นแผงขึ้นทั้งหมด มาเปลี่ยนเป็นคอนกรีตบางส่วนในภายหลัง |
|
Back to top |
|
|
|