หัวรถจักรขาดแคลน ปัญหาที่แก้ง่าย แต่การรถไฟไม่ยอมทำ

donatt76 · Posted: 12/08/2009 11:42 pm Post subject:

เป็นเสียงบ่นที่มีมาอีกครั้งหนึ่งนะครับ...สำหรับรถจักร รถพ่วงไม่พอใช้การ...อย่างที่หลายท่านกล่วงล่ะครับ ระบบขนส่งทางราง ถูกทิ้งให้อ้างว้าง เดียวดายมานานมาก....นานมากจริงๆครับ....นานจะนับชื่อนายกฯ ที่ทิ้งการพัฒนาระบบรางมานับไม่ถ้วนเลยล่ะครับ

เรื่องทำหนังสือ "อย่างเป็นทางการ" ถึงการรถไฟฯ อันนี้ผมเห็นด้วยครับ...แต่ทำแล้วผลจะออกมาแบบใด อยากให้คุณทำใจไว้ครึ่งนึงนะครับ ว่า มันอาจจะเป็นเพียง "สายลมที่พัดพามาในอากาศ" ก็เป็นได้ แต่ "ดีกว่าบ่นแล้ว ปล่อยผ่านไป"

เรื่องประเด็นรถปรับอากาศ...สายอิสานเคยทดลองพ่วงนะครับ กับขบวนรถด่วน 67/68 (จำไม่ได้ว่า ก่อนหน้านี้เลขขบวนเป็นอะไร...ตอนทดลองพ่วง) เอา บชส.ป. ของ JR West นี่แหละครับ ตอนนี่นมาใหม่ๆปิ๊งๆ อยู่เลย...พ่วงรถ บชส.ป. 3 คัน บชส. 1 คัน....ผลคือ บชส.ป. กลายเป็นรถนอนปรับอากาศชั้น 3 เพราะผู้โดยสารนั่งกัน 1 คน 2 เบาะ....ส่วน บชส. เพียงตู้เดียวนั้นน่ะ แทบจะขี่คอกันไปเลยเชียว

เรื่องรถไฟเวียดนาม....ไม่ต้องรอนานหรอกครับ เค้ากำลังจะมี High Speed Train วิ่ง ฮานอย - ไซ่ง่อน ระยะทาง 1,500 กว่ากิโลเมตร ด้วยเวลา 6-7 ชั่วโมง... ซึ่งส่วนหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของระบบสังคมนิยม คือ รัฐบาลมีอำนาจเบ็ดเสร็จ สั่งซ้ายหันขวาหัน สั่งให้เวรคืนที่ดิน ก็ต้องไป...แต่อย่าไปเปรียบเทียบกับเค้าเลยครับ เอาเฉพาะของเราดีกว่า

ส่วนรถเร็ว....ผมไม่เคยมองว่าเป็นรถที่ทำรายได้เลยซักนิด...แต่เป็นรถที่ยิ่งเดินยิ่งขาดทุน เหมือนๆ กับรถธรรมดานั่นแหละครับ....ค่าธรรมเนียมที่งอกขึ้นมา 30-50 บาท จากค่าตั๋วโดยสารเนี่ย...ยังไม่ Cover ต้นทุนกันเดินรถต่อคันเลยด้วยซ้ำครับ...

แน่นอนว่า ถ้าสมมติว่ามีการซื้อหัวรถจักรใหม่จริงๆ...รถเร็วคงจะเป็นขบวนหลังๆ ที่จะได้ใช้อยู่ดี เพราะPiority แรก คือ "รถสินค้า" รองลงมาคือ "ด่วนพิเศษ ขบวน 1/2 และ 35/36"...ส่วนรถเร็วด้วยกัน สายใต้ที่ระยะทางไกล และหนาแน่นกว่า...คงจะได้ Piority ก่อนสายอุบลฯ ที่สั้นกว่า นะครับ

-------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนขณะนี้ ที่ยังไม่มีแผนการจัดซื้อ หรือ เพิ่มเติมล้อเลื่อน...ทางออกที่ดีที่สุด คือ ตัด ยุบ ยกเลิก.....ที่เรากำลังถกกันในอีกกระทู้หนึ่งนะครับ
_________________
Click on the image for full size

OutRun · 1st Class Pass (Air) Joined: 26/05/2006 Posts: 1187

อยากจะถามกลับเจ้าของกระทู้ว่า ในช่วง 2 - 3 ปี ที่ผ่านมานี้ได้ติดตามเรื่องการจะนำเอาลำไยอบแห้ง หรือข้าวสารไปแลกรถจักรบ้างหรือเปล่า
แล้วไหงทำไมปัจจุบันนี้ถึงเงียบไป????? เงียบไปเพราะอะไร????? นั่นแหละสิ่งที่เจ้าของกระทู้ควรจะรับรู้ไว้ในวงการรถไฟไทย
ว่าทำไมการรถไฟฯ ถึงจัดซื้อรถจักรใหม่ไม่ได้
_________________
นายจักรยานกับการรถไฟ ฯ

CivilSpice · Posted: 13/08/2009 8:22 am Post subject:

ถ้ามีเงิน และ ครม. อนุมัติให้ซื้อ มันก็ง่ายอย่างที่ตั้งหัวข้อกระทู้นั่นแหล่ะ เป็นใครบ้างที่ไม่อยากซื้อของใหม่มาใช้ แต่ปัญหาก็คือ จะทำอย่างไรให้ ครม. อนุมัติเงินมาให้ซื้อต่างหากล่ะครับ นี่แหล่ะ เรื่องยากมากถึงมากที่สุด .... ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมา รฟท. ไม่เคยเสนอขอซื้อ แต่เมื่อขอซื้อไปแล้ว ไม่ผ่านการพิจารณา ก็ต้องร้องเพลงรอไปก่อนมาจนทุกวันนี้

ไม่งั้นป่านนี้รถจักรใหม่ คงวิ่งกันไปทั่วประเทศตั้งนานแล้ว

PEEM · Posted: 13/08/2009 9:02 am Post subject: ...

ปัญหาเรื่องความล่าช้าของรถไฟช่วง2-3 ปีที่ผ่านมานี้ มีให้เห็นบ่อยขึ้นทุกทีๆ จากเดิมช้าแค่ 1-2 ชั่วโมง บางครั้งตอนนี้ช้าถึง 3-4 ชั่วโมงแล้ว...

จากข่าวล่าสุดเมื่อหลายเดือนก่อน ที่เห็นว่าผว.รฟท.เสนอ บอร์ด ร.ฟ.ท. อนุมัติซื้อรถจักรและขบวนรถโดยสาร รวมกว่า 94 คัน แล้วสรุปว่าตอนนี้เสนอเข้า ครม. อนุมัติหรือยัง หรือยังไม่มีความคืบหน้าครับ...

อยากทราบว่า จากข่าวที่ว่าจะซื้อรถจักร หลายครั้งต่อหลายครั้งนั้น สรุปว่าข้อมูลในขณะนี้จะได้รถจักรกี่คัน ลอตแรกจะมาถึงเมื่อไหร่ (หรือยังไม่มีสักคัน?)

เพราะผมเคยได้ยินข่าวตั้งแต่ลำไยแลกรถจักร 7 คันจากจีนเมื่อหลายปีก่อน แล้วหายเงียบไป

ปล. บลูเทรนลายคาดเหลืองที่มาใหม่ นำไปใช้จริงเพียงครั้งละ 3 คัน เพื่อไปอุบลที่เดียวแค่นั้นเอง

donatt76 · Posted: 13/08/2009 10:54 am Post subject: Re: ...

headtrack · Posted: 13/08/2009 11:27 am Post subject:

ขอแสดงความเห็น (บ่น) บ้างนะครับ...

ผมเห็นด้วยกับความเห็นของทุกท่าน และคำชี้แจงหรือสารอื่นๆ ที่ได้รับจาก ร.ฟ.ท. เพราะผมก็ติดตามเรื่องนี้มาพอสมควร

ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับเลยคือว่า กิจการรถไฟของไทยถูกละเลยมานานเต็มที จนอาจจะช้าเกินไปที่จะกลับมาฟื้นฟูให้เจริญ
รุ่งเรืองดังยุคหนึ่งที่รถไฟไทยเคยเป็นแถวหน้าในเอเซีย

ต้นตอปัญหามันก็ลึกลับซับซ้อนพูดไม่ได้อย่างที่ทุกท่านทราบกันอยู่...

ทุกข้อทุกความเห็นเป็นความเข้าใจล้วนๆ ผมไม่เถียงเลย...แล้วแต่ว่าใครจะเข้าใจโดยองค์รวมหรือเข้าใจแค่บางด้าน
อย่างเราๆ ท่านๆ นี้ส่วนมากเข้าใจโดยองค์รวมเพราะพวกเราติดตามเรื่องนี้กันมา ...

แต่ผู้ฅนทั่วไปเขาเข้าใจบางด้านครับ...เขาเข้าใจแค่ว่า มันเก่า มันโทรม...เสียงดัง...ควันดำ...อืดอาด...เกะกะ...ฮาล่ะบ่าเฮ้ย...ไม่ไปไหนสักที...

ลงทุนเยอะ แต่ไม่พัฒนา...มีตั้งสามทางทำไมมันวิ่งช้ากว่าสมัยมีทางเดียว...(วะ)
มันจ้องจะ___กันอยู่นั่นแหละ ...

ฅนทั่วไปเวลาเขาพูดถึงรถไฟเขาพูดกันอยู่แค่นี้จริงๆ คิดในแง่ดีเสียว่าเป็นความเห็นของผู้ใช้บริการละกัน

แต่ประเด็นที่ผมจะขอบ่นในวันนี้...คือ ลองมองมุมกลับครับ...ลองมองมุมกลับ...ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะ... ผมลองมองให้กว้างขึ้นอีกหน่อย...
รัฐบาลลงทุน ทำทางหลวง ทางหลวงพิเศษ รถไฟฟ้า เขาอาจมองว่า ได้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นรูปธรรมมากกว่า

เพราะพฤติกรรมการเดินทางของประชาชนก็มีส่วน ในที่สุดฅนไทยต้องมีรถ การเมืองแข่งกันด้วยนโยบายครับ ทำให้รถวิ่งกันสะดวกไว้ก่อน...ข้อนี้กล่าวแค่นี้ไม่อยากลงลึก...

ทำทางหลวงแล้วได้ผลอะไรเป็นรูปธรรม ทำทางหลวงแล้ว รองรับทั้งรถส่วนบุคคล กิจการขนส่งสินค้า กิจการขนส่งผู้โดยสาร ทางรถยนต์
ซึ่งกิจการพวกนี้นอกจากลงทุนเฉพาะตัวพาหนะ แรงงาน และองค์ประกอบที่เป็นของตนเองแล้ว โครงสร้างพื้นฐานเขาแทบไม่ต้องลงทุน
อีกทั้งการดำเนินกิจการเอกชนมันต้องเอากำไรอยู่แล้ว...ถ้าเอาตัวเลขมาวัดกัน...ถ้ามองเฉพาะ "ตัวเลข" อย่างเดียว...

อย่าลืมว่า ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม วัดกันที่ตัวเลขครับ...ไม่ได้วัดกันที่ความจริง ทางหลวงเขาเอาผลเชิงเศรษฐกิจไปเสนอเขาก็กินขาดแล้ว...
เพราะเขาไม่รู้จะขาดทุนตรงไหน...

ผมไม่เถียงเลยว่าระบบรางเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูง หากมีศักยภาพเต็มที่แล้วจะให้ผลตอบแทนที่มหาศาล...แต่ผลตอบแทนนี้อยู่ในรูปตัวเลขอย่างไร

ร.ฟ.ท. เป็นรัฐวิสาหกิจ ถึงเวลา Sumary ก็ต้องเอาผลประกอบการไปเสนอ...แต่ความสามารถในการประหยัดพลังงานของชาติ
การรักษาสิ่งแวดล้อม มันกระจัดกระจายไปอยู่ในรายงานการวิจัยคนละเล่ม...เสนอกันวาระเดียวกันหรือเปล่าก็ไม่รู้...

เพราะตรา "ขาดทุน" มันปะอยู่ที่หน้าผากมาแต่ไหนแต่ไร...จริงอยู่ที่ตามหลักการรัฐต้องรับผิดชอบภาวะขาดทุนของ ร.ฟ.ท.
แต่ทุกวันนี้ตัวหน่วยงานเองก็ไม่สามารถที่จะอยู่เฉยๆ รอให้ "เงินมันตกจากฟ้า" มาได้นะครับ...ปีปีหนึ่งมีเงินเพียงจำนวนหนึ่งซึ่งต้องแบ่งสรรให้ทุกๆ
ส่วน หากเราเข้าใจตรงจุดนี้ เราทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกันครับ...ไม่ใช่โยนภาระให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไป

...พระเจ้าไม่มีวันช่วย...ผู้ที่ไม่พยายามทำอะไรก่อน...

ลองทำให้ผลประกอบการหรือภาพลักษณ์มันดีขึ้นกว่านี้จากสิ่งที่มีอยู่...อย่าบอกว่าทุกวันนี้ทำกันเต็มที่...เพราะเมื่อห้าปีที่แล้วพวกคุณก็พูดแบบนี้...

"หากเราหยุดแค่คิดว่าดี...เราจะไม่รู้จักคำว่า...ดีที่สุด (คุ้นๆ ) "

...ลองพัฒนาทรัพย์สินมีค่าในมือคุณให้เกิดประโยชน์กับคุณมากขึ้น...

เพียงเท่านี้แต่ทำไม่ง่าย...ไม่ต้องถึงกับเสมอตัวหรือได้กำไร...

ขอเพียงทำได้เป็นรูปธรรม...ให้เห็นว่ามันดีขึ้นจริงๆไม่ได้สร้างภาพ...หลายฝ่ายเขาก็อยากช่วยกันอยู่แล้วล่ะครับ...

...Leadership...Leadership...Leadership...
_________________

Find me on Instagram: @632knongtsaikhaow

CivilSpice · Posted: 13/08/2009 12:44 pm Post subject:

คุณต้นโพสต์คอมเมนต์ได้ตรงใจผมจริงๆ ..... Laughing

การเขียน Proposal เสนอนายทุน เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินลงทุน ช่างยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก

+1 ให้ครับ

Bogieman · Posted: 13/08/2009 1:50 pm Post subject:

อ่านกระทู้นี้แล้วก็นึกน้อยใจนะครับ ที่ รฟท.ไม่ได้งบในการจัดซื้อรถจักรเลยมากว่า 14 ปีแล้ว ทั้งๆที่มันเป็นหัวใจของระบบคมนาคมโดยราง (ที่เรามีอยู่) ซึ่งงบประมาณนั้นมันไม่ได้มากไปกว่าการที่กองทัพจะจัดซื้อเครื่องบินหรือเรือรบสักลำ (แต่ได้รถจักรใหม่ เป็นสิบๆคัน) หรือแม้แต่การจัดสรรโบนัสข้าราชการ หรือเอาเงินมาแจกประชาชนด้วยซ้ำ เคยนึกสงสัยว่าทำไมการรถไฟถึงกลายเป็นหน่วยงานที่ "รัฐบาล" มองข้ามไปแบบที่ไม่คิดว่ามันมีกิจการนี้อยู่ในประเทศไทยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่งบซื้อรถจักร สมมติว่า 1,000 ล้าน ก็ได้ตั้งเกือบ 10 หัว เอามาใช้หมุนเวียน ดีกว่าเอามาเช่าซื้ออะไรก็ไม่รู้ 4000 คัน (4000 ล้าน)ที่จะเอามาวิ่งให้มันติดในกรุงเทพอีกนะครับ
_________________
I LOVE ROTFAITHAI

anusorn · Posted: 13/08/2009 2:23 pm Post subject: