ข่าวรถไฟดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)

Mongwin · Last edited by Mongwin on 08/05/2012 4:09 pm; edited 3 times in total

ดูไบเปิดรถไฟฟ้าแห่งแรกในอ่าวเปอร์เชีย

ดูไบ 9 ก.ย.- รถไฟฟ้าดูไบเมโทรเปิดตัวเป็นทางการในวันนี้ เป็นรถไฟฟ้าในเมืองแห่งแรกของอ่าวเปอร์เชีย และจะเป็นรถไฟฟ้าไร้คนขับระยะทางยาวที่สุดในโลกมากกว่า 70 กิโลเมตรเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์

ดูไบเมโทรใช้งบประมาณก่อสร้าง 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 258,400 ล้านบาท) มากกว่าประเมินไว้เบื้องต้นเกือบ 2 เท่า โครงการนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจดูไบเฟื่องฟูและประชากรหนาแน่น หวังบรรเทาสภาพการจราจรบนทางหลวงเชคไซเอ็ดขนาด 8 เลนที่ติดขัดช่วงเช้าและช่วงเย็น แต่การเปิดตัวช่วง 52 กิโลเมตรแรกในวันนี้ปัญหาการจราจรติดขัดกลายเป็นอดีตไปแล้ว เพราะวิกฤติเศรษฐกิจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวและแรงงานอพยพเข้าดูไบลดลง

ความ ท้าทายอย่างหนึ่งของดูไบเมโทรคือ การจูงใจผู้ขับขี่รถยนต์ที่เคยชินกับความสะดวกสบายและการใช้น้ำมันราคาอุด หนุนจากรัฐมาใช้บริการขนส่งมวลชน รวมถึงการฝ่าสภาพอากาศตอนกลางวันที่สูงเกิน 40 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูร้อน ทางการได้สร้างสถานีรูปแบบทันสมัย คิดค่าโดยสารราคาไม่แพง มีตู้โดยสารสำหรับสตรีโดยเฉพาะ และมีที่นั่งพิเศษเบาะหนังสำหรับผู้ที่ยินดีจ่ายค่าโดยสารแพงขึ้น ตั้งเป้ามีผู้โดยสารใช้บริการปีละ 200 ล้านคน.-สำนักข่าวไทย
---------------
อ่านรายละเอียดชื่อสถานีรายทาง และชมรูปภาพ แผนที่ได้ที่นี่ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Dubai_Metro

Mongwin · Posted: 08/09/2010 9:47 pm Post subject:

รถไฟฟ้าดูไบเปิดครบ 1 ปีแล้ว

ดูไบ 8 ก.ย.53- รถไฟฟ้าดูไบได้เปลี่ยนโฉมหน้าการสัญจรในดูไบหลังจากเปิดให้บริการจะครบ 1 ปี ในวันที่ 9 กันยายนนี้ แต่การรณรงค์ให้ผู้ขับขี่หันมาใช้บริการรถไฟฟ้ายังคงเป็นเรื่องที่ยากอยู่

Click on the image for full size

นายมัตตาร์ อัลเทย์เยอร์ หัวหน้าคณะบริหาร (ซีอีโอ) สำนักงานถนนและการขนส่งดูไบเผยว่า นับตั้งแต่เปิดบริการเมื่อวันที่ 9 กันยายนปีก่อน จนถึงขณะนี้มีผู้ใช้บริการแล้วมากกว่า 30 ล้านคน หรือวันละ 120,000 คน คาดว่าจะถึง 40 ล้านคน ในปีนี้ เมื่อสายสีแดงเปิดให้บริการครบหมดทุกสถานี เป็นสายแรกของบริการรถไฟฟ้าทั้งหมด 2 สาย รองรับผู้สัญจรในดูไบ 2 ล้านคน

ผู้ใช้บริการคนหนึ่งเผยว่า รถไฟฟ้าช่วยร่นระยะเวลาเดินทางจากที่พักไปทำงานที่มอลล์ ออฟ เดอะ เอมิเรตส์ เหลือครึ่งชั่วโมง จากปกติต้องนั่งรถโดยสารประจำทางนานถึง 2 ชั่วโมง

สำนักงานถนนและการขนส่งดูไบ ได้สร้างที่จอดรถหลายชั้นไว้ตามบางสถานี หวังโน้มน้าวให้ผู้ขับขี่หันมาบริการและยังมีบริการรถรับส่งผู้โดยสารย่านที่พักและที่ทำงานตามเส้นทางรถไฟฟ้า แต่ดูเหมือนไม่ได้ผลนัก ผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่า คนทำงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ร้อยละ 91 ยังคงชอบใช้รถส่วนตัวมากกว่ารถสาธารณะ ในจำนวนนี้ร้อยละ 79 ใช้รถของตัวเองและร้อยละ 12 ใช้รถแท็กซี่ ผู้ขับขี่คนหนึ่งให้เหตุผลว่า สภาพอากาศร้อนจัดตลอดทั้งปี ทำให้การเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่แต่ละสถานีอยู่ห่างกันมากเป็นเรื่องที่ไม่น่ารื่นรมย์เสียเลย ขณะที่บางคนเห็นว่า สภาพการจราจรบนท้องถนนขณะนี้ติดขัดน้อยลงกว่าเดิมและมีการขยายถนนให้กว้างขึ้น

วิกฤติสินเชื่อในดูไบเมื่อปีก่อน ได้ส่งผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างจำนวนมากในดูไบ จนถึงขณะนี้รถไฟฟ้าสายสีแดงเปิดได้เพียง 21 สถานี จากทั้งหมด 29 สถานี ที่เหลือคาดว่าจะเปิดในเดือนหน้า ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นสายที่ 2 เดิมมีกำหนดจะเปิดให้บริการในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ แต่การก่อสร้างล่าช้าจนคาดว่าจะต้องเลื่อนเปิดเป็นเดือนสิงหาคมปีหน้า.- สำนักข่าวไทย

siriwadhna · 3rd Class Pass Joined: 05/10/2009 Posts: 126

รถไฟฟ้าสาธารณะในที่ที่น้ำมันแสนจะถูก ถือเป็นสัญญาณที่ดีกับโลกครับ

boatteam · Posted: 09/09/2010 7:32 am Post subject:

จริงอย่างที่คุณ siriwadhna ว่าไว้นะครับ
นำ้มันที่ดูไบถูกกว่าการหาซื้อนำ้เปล่ากินเสียอีก Laughing

และยังเป็นประเทศที่ประชากรค่อนข้างมีฐานะดีมากๆด้วย
ดูอย่างรถแท็กซี่สิครับ ยังเป็นรถซุปเปอร์คาร์เลย Shocked

_________________
สถานีบ้านเกิดอรัญประเทศ สุดเขตแดนสยามฝั่งตะวันออก

Mongwin · Posted: 09/09/2010 7:34 am Post subject:

ตามข่าวบอกว่า คนยังนิยมใช้รถส่วนตัว เพราะไม่อยากเดินไปสถานีรถไฟฟ้า อากาศร้อนตลอดทั้งปี
ทั้ง ๆ ที่ดูไบ ตั้งอยู่ละติจูดเดียวกับเมืองคุนหมิง ประเทศจีน
แต่อากาศคงร้อนจัด เพราะเป็นทะเลทรายนะครับ และอยู่ใกล้ทะเลด้วย

Mongwin

โครงการสร้างรถไฟเชื่อมประเทศอ่าวเปอร์เซียเริ่มคืบหน้า

Money Channel Posted on Wednesday, November 24, 2010

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังเดินหน้าโครงการแห่งความหวัง ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟสายใหม่มูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะมาช่วยเชื่อมการติดต่อเดินทางกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียให้ใกล้ชิดกว่าเดิม

ในเวลานี้ โครงการรถไฟมูลค่าหลักหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะมาช่วยเชื่อมรัฐต่างๆ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับประเทศอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย (GCC) เริ่มคืบหน้าได้บ้างแล้ว เมื่อเปิดยื่นซองประมูลเส้นทางสายแรก

เส้นทางรถไฟที่ว่านี้อาจฟังไม่คุ้นหูนัก และจุดที่จะทำให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของโครงการนี้ให้ดียิ่งขึ้น คงหนีไม่พ้นความจริงที่ว่า ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางนั้น การเดินทางด้วยรถยนต์ถือเป็นการคมนาคมทางบกแบบที่ธรรมดาที่สุดของประชากรที่นั่น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ถูกกว่าทุกที่ในโลกนั่นเอง ซึ่งแม้น้ำมันจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับการขับขี่ในภูมิภาคนี้ แต่รถยนต์ก็ไม่ได้เป็นวิธีอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดให้แก่คนที่ต้องการไปมาหาสู่กันระหว่างประเทศเพื่อนบ้านหรือรัฐใกล้ๆ กันเท่าใดนัก

ด้วยเหตุนี้ ระบบรถไฟรางจึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างตรงจุดนี้ เหมือนอย่างที่นาย Richard Bowker ซีอีโอของ Union Railways ในฐานะเจ้าของโครงการ ที่ยืนยันว่าระบบรถไฟ GCC เป็นเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญสำหรับภูมิภาคนี้

Bowker บอกว่า Union Railways กำลังเปิดรับซองประมูลเพื่อคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างเฟสแรกของโครงการรถไฟ GCC อยู่ โดยในส่วนนี้เส้นทางรถไฟที่วางแผนไว้มีความยาวที่ 264 กิโลเมตร สำหรับการเชื่อมพื้นที่ Shah ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการขุดเจาะน้ำมัน ในภาคใต้ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้ากับท่าเรือ Ruwais ในเมือง Abu Dhabi ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งการลงนามในสัญญาก่อสร้างน่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ก่อนที่จะมีการลงมือก่อสร้างจริงตามมา

ส่วนภาพรวมของโครงการนี้ ความยาวของเส้นทางรถไฟ GCC นั้นได้รับการออกแบบไว้ที่ระยะทาง 1,500 กิโลเมตร และมีการประเมินงบก่อสร้างเฉพาะตัวรางไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น เส้นทางรถไฟนี้ก็จะเชื่อมต่อเมืองและรัฐภายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทั้งหมด รวมทั้งกับประเทศคูเวต ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน โอมาน และกาต้าร์ โดยจะเปิดให้บริการขนส่งสินค้า รวมทั้งวัตถุดิบต่าง ๆ เช่น หิน อลูมิเนียม ซีเมนต์ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน รวมทั้งเป็นระบบคมนาคมสำหรับผู้คนด้วย

สำหรับงบประมาณรวมของโครงการยักษ์ใหญ่นี้ ทาง Union Railways บอกว่า น่าจะอยู่ราว ๆ 2.5 หมื่นพันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ประเทศต่าง ๆ จะแยกกันรับผิดชอบการก่อสร้างในส่วนของตน ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า เมื่อทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น เส้นทางบางจุดอาจก่อสร้างได้เสร็จเร็วกว่าที่อื่น ๆ

Bowker บอกว่า ในส่วนของเส้นทาง Shah - Ruwais น่าจะเป็นเส้นทางแรกที่เปิดใช้งาน แถวราวๆ ช่วงต้นปี 2556 ก่อนที่ทุกอย่างจะเสร็จพร้อมกัน ในปี 2558

สำหรับภาพรวมทั้งหมดนั้น ทางเจ้าของโครงการก็หวังว่า การก่อสร้างทั้งระบบน่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2560 หรือปี 2561 เป็นอย่างช้า และแม้ว่าภาพของโครงการที่ถูกวาดไว้อย่างสวยงามกำลังถูกบรรจงเนรมิตให้เกิดขึ้น แต่ เจ้าของโครงการก็ยังเป็นห่วงด้านอุปสรรค เพราะแม้แต่ผู้บริหารของ Union Railways ยังเอ่ยปากยอมรับว่า ความร้อนและภูมิศาสตร์ที่เป็นทะเลทราย คือปัจจัยที่หนักหนาสาหัสที่สุดสำหรับโครงการนี้

black_express · Posted: 25/11/2010 10:41 am Post subject:

บรรดาวัตถุดิบที่จำเป็นต่องานก่อสร้างหรืออุตสาหกรรม เช่น หิน อลูมิเนียม ซีเมนต์ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน รถบรรทุกขนกันไม่หมดหรอกครับ และมีปัญหาด้านมลภาวะ การจราจร จนถึงค่าใช้จ่ายจ้างพนักงานขับรถซึ่งเป็นชาวต่างประเทศอีกนับพันคนอีกด้วย

ผมว่ารัฐบาล UAE คิดการณ์ไกลจริงๆ

Mongwin · Posted: 27/01/2011 8:24 am Post subject:

โลกอาหรับเดินหน้าระบบราง
ฐ.Blogger - ประหยัด เวศนารัตน์
เขียนโดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
วันพุธที่ 26 มกราคม 2011 เวลา 10:40 น.

การขนส่งระบบรางกำลังมาแรงทั่วโลก ล่าสุดมีรายงานว่า แผนเครือข่ายระบบราง (The pan-Arab railway network plan) กำลังมีพลวัตสูงมากหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจอาหรับ ครั้งที่ 2 ( the second Arab Economic Summit) ซึ่งมีขึ้นรีสอร์ต Sharm el-Sheikh ริมฝั่งทะเลแดง ในประเทศอียิปต์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการบูรณาการด้านเศรษฐกิจของภูมิภาค

เครือข่ายรถไฟที่ว่านี้ ไม่เพียงแต่จะเชื่อมการคมนาคมระบบรางระหว่าง 22 ประเทศสมาชิกของกลุ่มสันนิบาตชาติอาหรับ ( Arab League ) ยกเว้น Comoros เข้าด้วยกันเท่านั้น แต่ยังจะช่วยเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกของการเดินทางสัญจรไปมาระหว่างภูมิภาคที่กว้างใหญ่ตั้งแต่พื้นที่บริเวณอ่าวเปอร์เซียไปยังทวีปแอฟริกาเหนือทั้งหมดด้วย

และหลังจากนั้นระบบรถไฟดังกล่าวยังสามารถจะขยายเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคเพื่อนบ้านอื่นๆ อาทิ เอเชีย แอฟริกาส่วนอื่น และยุโรปๆได้ในอนาคต และจะกลายเป็นระบบเครือข่ายรถไฟที่มีความสำคัญระบบหนึ่งของโลกต่อไป เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของโลก

ระบบรางรถไฟในภูมิภาคนี้แรกสุด สร้างขึ้นโดยมหาอำนาจอาณานิคมตะวันตกในระหว่างช่วงการสิ้นสุดของศตวรรษที่ 19 มาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในปัจจุบันยังใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าอยู่ แต่เส้นทางรถไฟทั้งหมดเก่าแก่มากจนไม่สามารถตอบสนองต่อดีมานด์การขนส่งและการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศอาหรับทั้งหมดได้

มาวาฮับ คาลาฟ หัวหน้าแผนกการขนส่งและการท่องเที่ยวของกลุ่มสันนิบาตอาหรับ กล่าวว่า การขนส่งและการค้าระหว่างกลุ่มประเทศอาหรับมากกว่าร้อยละ 80 เป็นการขนส่งทางถนน แต่ประสิทธิภาพของการขนส่งทางถนนนั้นน้อยกว่าการขนส่งด้วยทางรถไฟ โดยเฉพาะการขนส่งที่มีระยะทางไกล ระบบรางจึงมีความเหมาะสมสำหรับการคมนาคมขนส่งภายในภูมิภาคอาหรับมากกว่าทางถนน เนื่องจากโลกอาหรับนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ครอบคลุมทั้งเอเชียตะวันตก และทวีปแอฟริกาเหนือ มีความได้เปรียบทั้งในด้านค่าใช้จ่ายต่ำ ให้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การขนส่งคมนาคมโดยระบบรางได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการจ้างงานสำหรับคนหนุ่มสาวอย่างมาก

แผนพัฒนาระยะยาวโครงข่ายระบบรางเชื่อมโลกอาหรับนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกในการประชุมสุดยอดผู้นำอาหรับด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาและสังคมครั้งที่ 1 ซึ่งมีขึ้นที่คูเวต ในปี 2009 ซึ่งที่ประชุมมองว่า การสร้างเครือข่ายระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเชื่อมภูมิภาคอาหรับทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการบูรณาการประเทศในภูมิภาคทั้งหมดเข้าด้วยกัน และแผนพัฒนาฯนี้ ครอบคลุมทั้งระบบรางรถไฟ การขนส่งทางทะเล ระบบกริดด้านพลังงานและการโทรคมนาคมสื่อสาร

แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกในขณะนี้ แต่บรรดาผู้นำอาหรับต่างยืนยันความตั้งใจที่จะเร่งผลักดันการก่อสร้างตามแผนการพัฒนาโครงข่ายระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานดังกล่าวให้เร็วขึ้น โดยให้ความสำคัญแก่การก่อสร้างระบบราง หรือ the pan- Arab railway network ซึ่งมีความยาว 33,000 กิโลเมตร ประกอบด้วยเส้นทางรถไฟเชื่อมตะวันออก-ตะวันตก 11 สาย และเส้นทางเชื่อมเหนือ-ใต้อีก 7 สาย เป็นอันดับแรกๆ พร้อมกำหนดว่าระบบเครือข่ายทั้งหมดนี้จะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 20 ปี และให้ใช้ระบบก่อสร้างและเทคโนโลยีตามมาตรฐานระหว่างประเทศแบบเดียวกันทั้งหมด สำหรับเส้นทางรถไฟสายไหนตามโครงการ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานนี้จะต้องทำการก่อสร้างใหม่ทั้งหมด

ด้วยเจตนารมณ์มุ่งมั่นเช่นนี้ จากนี้ไปคงได้เห็นยักษ์ใหญ่ด้านระบบรางทั้งจากจีน ญี่ปุ่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกาหิ้วกระเป๋ามุ่งหน้าสู่โลกอาหรับกันอย่างไม่ขาดสายแน่ !

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,604 27-29 มกราคม พ.ศ. 2554

Mongwin · Posted: 12/09/2011 10:57 am Post subject:

ดูไบเปิดให้บริการรถไฟใต้ดินสายที่สองแล้ว
สำนักข่าวไทย วันจันทร์ ที่ 12 ก.ย. 2554

คลิปข่าว http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/265947.html

ดูไบ 12 ก.ย. - รถไฟใต้ดินสายสีเขียว ซึ่งเป็นสายที่สองของดูไบ ได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันศุกร์ (9 ก.ย.) หลังจากเพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่นานมานี้ การเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟดังกล่าวส่งผลให้นครดูไบ มีเครือข่ายรถไฟใต้ดินอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแซงหน้านครแวนคูเวอร์ของแคนาดา ซึ่งเคยมีเส้นทางรถไฟลอยฟ้าที่ไม่ต้องใช้พนักงานควบคุมระยะทางยาวที่สุดในโลก หลังจากเมื่อเดือนกันยายนปี 2552 ดูไบได้เปิดให้บริการรถไฟใต้ดินสายสีแดงไปแล้ว

สำหรับเส้นทางรถไฟใต้ดินสายสีเขียวนี้ครอบคลุม 18 สถานี ซึ่งเชื่อมต่อกับศูนย์สุขภาพ หน่วยงานราชการหลายแห่ง และย่านการค้า ขณะที่ยูเนียนสแควร์ ในนครดูไบก็เป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ภายในสถานีได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราสวยงาม ส่วนสถานีปลายทางก็มีที่จอดรถขนาดใหญ่รองรับรถยนต์ได้ถึง 2,350 คัน.- สำนักข่าวไทย

Mongwin · Posted: 01/02/2012 7:02 am Post subject:

ฮือฮา! 'ดูไบ'รับคนขับรถไฟหญิงคนแรกใน'ตะวันออกกลาง'
โดย: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ 1 กุมภาพันธ์ 2555, 02:20 น.

Click on the image for full size

ภาพจาก Gulf news

หญิงวัย 28 ปีจากรัฐดูไบ ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถไฟฟ้าในยูเออี ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกในตะวันออกกลางที่ได้ทำหน้าที่นี้...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ว่า น.ส.มาเรียม อัล ซาฟาร์ หญิงจากรัฐดูไบ วัย 28 ปี สร้างความตกตะลึงให้กับครอบครัวของเธอและผู้คนทั่วโลก เมื่อเธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกของทวีปเอเชียตะวันออกกลาง ที่ได้งานเป็นคนควบคุมรถไฟฟ้าในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ทั้งที่ภูมิภาคดังกล่าว มีการต่อต้านไม่ให้สตรีขับรถอย่างกว้างขวาง

ข่าวรายงานว่า น.ส.อัล ซาฟาร์ ยังเป็นหนึ่งในชาวยูเออีพื้นเมืองเพียง 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ได้รับเลือกให้ควบคุมรถไฟฟ้าในเขตมหานครของรัฐดูไบ โดยเธอกล่าวว่า เธอเปิดรับความท้าทายทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และไม่กลัวที่ต้องแบกรับความเสี่ยง เธอยังเรียกร้องให้ผู้หญิงคิดถึงอาชีพนอกกรอบจากระบบเดิมของประเทศ และอย่าใช้ชีวิตโดยไร้จุดหมาย

Click on the image for full size

มาเรียม อัล ซาฟาร์

ทั้งนี้ ยูเออีเป็นชาติอาหรับที่มีอัตราการจ้างงานสตรีมากกว่าชาติอาหรับอื่นๆ รวมถึงการอนุญาตให้ผู้หญิงขับรถยนต์ แม้จะมีเสียงต่อต้านอย่างกว้างขวาง เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า การที่ผู้หญิงขับรถ จะทำให้มีโสเภนีมากขึ้น รวมถึงคนรักร่วมเพศ และการหย่าร้างด้วยก็ตาม ขณะที่ในประเทศซาอุดีอระเบีย สตรีที่ขับรถยนต์มีสิทธิ์ถูกจับกุมและลงโทษได้