View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Posted: 04/03/2021 3:53 pm Post subject:
อู่จอดหมอชิตป่วนรอบใหม่ กทม.จี้ BTS จ่ายค่าเช่าที่ให้ธนารักษ์
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
พฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม 2564 เวลา 07:22 น.
เร่งรัดบีทีเอสชำระค่าเช่าพื้นที่อาคารโรงจอดที่หมอชิตเก่าให้กรมธนารักษ์ ทั้งนี้ นายประพาส เหลืองศิรินภา ผอ.สำนักการจราจรและขนส่ง สจส. กทม. กล่าวกรณีกรมธนารักษ์ ทำหนังสือถึง กทม. เพื่อทวงถามค่าเช่าจากการใช้ประโยชน์ในพื้นที่บริเวณหมอชิตเก่าประมาณ 40 ไร่ ทำเป็นอาคารจอดรถไฟฟ้าและอาคารจอดแล้วจรว่า ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้เชิญสำนักการจราจรและขนส่ง และบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมหารือแนวทางชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุระหว่างก่อสร้างอาคารโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า โดยในที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการเรียกเก็บค่าตอบแทนค่าใช้ที่ราชพัสดุนับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2542-20 พฤษภาคม 2562 ตามแนวทางที่กรมธนารักษ์กำหนด
ส่วนค่าปรับหรือเงินเพิ่มให้คิดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินที่ค้างชำระ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้วินิจฉัย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พิจารณาแนวทางการชำระค่าเช่า ทั้งนี้ สำนักการจราจรและขนส่งได้มีหนังสือเร่งรัดให้บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุในระหว่างก่อสร้างอาคารโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบนที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดวินิจฉัยแล้ว
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บีทีเอสซี ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าว ทางบีทีเอสตกลงจะชำระค่าเช่าให้อยู่แล้ว แต่ติดขัดเรื่องค่าปรับ เนื่องจากความล่าช้าเกิดจากปัญหาของบางกอกเทอร์มินอล.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Posted: 05/03/2021 10:21 am Post subject:
ส.ส.ภูมิใจไทย แปลกใจ กทม.ประกาศเลื่อนเก็บค่าโดยสาร รถไฟฟ้าสายสีเขียว
ข่าวการเมือง
ไทยรัฐออนไลน์
9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 11:28 น.
ส.ส.ภูมิใจไทย แปลกใจ กทม.ประกาศเลื่อนเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ในวันที่ศาลปกครอง สั่งให้เปิดเผยข้อมูล สัญญาจ้างเดินรถ-ตารางเก็บค่าโดยสาร ลั่น จะติดตามต่อถึงที่สุด
วันที่ 9 ก.พ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย หนึ่งใน 6 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่ยื่นฟ้อง กทม.ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ยกเลิกประกาศกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2560 เรื่องค่าโดยสารโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ตอนที่ 1 (ซอยสุขุมวิท 95 ซอยสุขุวิท 107) ระยะทาง 5.25 กิโลเมตร และส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 2 (ตากสิน-เพชรเกษม) ระยะทาง 6.3 กิโลเมตร ทำให้การจัดเก็บอัตราค่าโดยสารตลอดเส้นทางไม่เกิน 104 บาท ซึ่งต่อมามี ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องการกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา กล่าวถึงกรณี กทม.มีประกาศเลื่อนการจัดเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามประกาศกรุงเทพมหานคร ดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อลดผลกระทบของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ถือว่า เป็นข่าวดีในระดับหนึ่ง คงต้องติดตามเรื่องนี้กันต่อไป เพราะไม่รู้ว่า เรื่องนี้มีเบื้องหลัง อะไรไหม เพราะในการไต่สวนเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา กทม.ยังยืนกรานว่า ต้องปรับขึ้นราคาตามประกาศ เนื่องจากแบกภาระขาดทุนไม่ไหว ทั้งที่ พวกเรา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างบอกว่า เป็นการปรับขึ้นราคาไม่ถูกต้อง และยังเป็นเพิ่มภาระซ้ำเติมประชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด แต่เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่ศาลปกครองกำหนดให้ กทม.ต้องส่งสัญญาจ้างเดินรถ-ตารางเก็บค่าโดยสาร ให้ศาลพิจารณานั้น กทม.ก็ออกประกาศเลื่อนการจัดเก็บค่าโดยสารออกมา ถึงตอนนี้ ยังไม่ได้ทราบว่า ศาลจะยกคำฟ้องของพวกเราหรือไม่ Last edited by Wisarut on 05/03/2021 10:30 am; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Posted: 05/03/2021 10:22 am Post subject:
ศาลไม่รับคำขอระงับประกาศขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว
หน้า Politics /
04 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 15:11 น.
สิริพงศ์และพวกส.ส.ภูมิใจไทย หน้าแหก! ศาลปกครองกลางไม่รับคำขอระงับประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก่อนมีคำพิพากษา เหตุกทม.ประกาศเลื่อนปรับราคาไปแล้ว
ADVERTISING
วันนี้ (4 มี.ค.64) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราว ในคดีที่ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย และส.ส.ภูมิใจไทย รวม 6 คน ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร ขอให้ศาลสั่งเพิกถอน ประกาศกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2560 เรื่องค่าโดยสารโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ตอนที่ 1 (ซอยสุขุมวิท 95 ซอยสุขุมวิท 107) ระยะทาง 5.25 กิโลเมตร และส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 2 (ตากสิน-เพชรเกษม) ระยะทาง 6.3 กิโลเมตร ทำให้การจัดเก็บอัตราค่าโดยสารตลอดเส้นทางไม่เกิน 104 บาท
โดยศาลให้เหตุผลว่า การที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ฉบับลงวันที่ 8 ก.พ.2564 เลื่อนการจัดเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวดังกล่าวออกไปแล้ว ย่อมมีผลให้การบังคับใช้ประกาศพิพาทตามฟ้องในคดีนี้ยังไม่ใช้บังคับในวันที่ 16 ก.พ. 2564 ตามที่ระบุไว้ในประกาศดังกล่าว
ซึ่งเท่ากับว่าผู้ว่าฯ กทม.ได้มีการสั่งให้ทุเลาการบังคับตามประกาศที่พิพาทไว้ก่อนโดยเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งนั้นเองดังนั้น ในชั้นนี้จึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าไม่สมควรมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของนายสิรพงศ์ ทั้งนี้ ตามข้อ 70 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
ยุ่งแล้ว!ศาลปกครองกลางไม่รับคำขอระงับประกาศขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว
04 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 14:59 น.
4 มี.ค. 64 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวฯ ในคดีที่มีผู้ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศการปรับขึ้นค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร ที่ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป
เนื่องจากศาลฯ เห็นว่า กรุงเทพมหานคร ได้มีประกาศฯ ฉบับใหม่ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 เลื่อนการจัดเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวดังกล่าวออกไปแล้ว ประกาศพิพาทตามฟ้องในคดีนี้ จึงยังไม่ใช้บังคับในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ตามที่ระบุไว้ในประกาศดังกล่าว อันเท่ากับว่าได้มีการสั่งให้ทุเลาการบังคับตามประกาศที่พิพาทไว้ก่อนโดยเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งนั้นเอง ดังนั้น ในชั้นนี้จึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าไม่สมควรมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ตามข้อ 70 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
https://drive.google.com/file/d/1agzhQ1o06n-6MdAHTyxEaZMQ4XrtuRmh/view
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Posted: 08/03/2021 11:11 am Post subject:
7มี.ค.64 เจ้าหน้าที่นำชายที่จะกระโดดจากสถานีบีทีเอสพญาไทลงมาได้อย่างปลอดภัย
อาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2564 เวลา 10.13 น.
...เวลา 09.40 น. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุพระนคร เหตุมีประชาชนจะกระโดดจากที่สูงบริเวณสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส พญาไท ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยพญาไทกำลังไปที่เกิดเหตุ
เวลา 09.46 น. เหตุมีประชาชนจะกระโดดจากที่สูงบริเวณสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส พญาไท เขตราชเทวี เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยพญาไท ถึงที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบเป็นชายนั่งห้อยขาอยู่บริเวณสถานี เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเจรจาเกลี้ยกล่อม
เวลา 09.58 น. เหตุมีประชาชนจะกระโดดจากที่สูงบริเวณสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส พญาไท เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำชายคนดังกล่าวเข้ามาด้านในและนำลงสู่ด้านล่างเป็นที่เรียบร้อย
#ศูนย์วิทยุพระราม199
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Posted: 17/03/2021 1:10 pm Post subject:
จับตา มี.ค.นี้ สภาองค์กรผู้บริโภค จ่อชงครม.เคาะค่าโดยสารสายสีเขียว 25 บาท
หน้าเศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
อังคารที่ 16 มีนาคม 2564 เวลา 12:38 น.
สภาองค์กรผู้บริโภค เล็งถกบอร์ด 19 มี.ค.นี้ ชงครม.เก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว 25 บาท ยึดเกณฑ์ 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ ยันมีรายได้ส่งรัฐ 2.3 หมื่นล้านบาท
นางสาวสารี อ่องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยในงานเสวนาบทบาทสื่อกับการคุ้มครองผู้บริโภคกรณีค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่เหมาะสม ว่า ขณะนี้ทางสภาองค์กรของผู้บริโภคได้เสนอทางออกที่สอดคล้องกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ควรชะลอการขึ้นค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้ออกไปก่อน และยืนยันให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องเปิดเผยข้อมูลและรายละเอียดของสัญญา และค่าโดยสารต้องไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ โดยสภาองค์กรของผู้บริโภค เสนอค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวสามารถลดเหลือเพียง 25 บาทต่อเที่ยวได้ ยังมีกำไรและสามารถนำเงินส่งรัฐได้ไม่มากถึง 23,200 ล้านบาท และหากคิด ค่าบริการ 49.83 บาท ตามตัวเลขของกระทรวงคมนาคมจะสามารถนำเงินส่งรัฐได้ไม่น้อยกว่า 380,200 ล้านบาท ขณะเดียวกันสภาฯจะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปเรื่องดังกล่าวอีกครั้งภายในวันที่ 19 มี.ค.นี้ เพื่อนำข้อมูลเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนมี.ค.นี้
ADVERTISEMENT
ล่าสุดจากการให้ข้อมูลของกรุงเทพมหานครระบุว่า กรุงเทพมหานครจะให้ครม.ตัดสินใจในการพิจารณากำหนดอัตราค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เนื่องจากที่ผ่านมากรุงเทพมหานครเป็นผู้เจรจากับบีทีเอส แต่ยังไม่ลงตัว ทั้งนี้เราเชื่อข้อมูลดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาจากครม.ด้วยเช่นกันขณะเดียวกันจากสถานการณ์ปัญหาราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกรณีปัญหาการต่อสัญญาโครงการไฟฟ้าลายสีเขียว หรือ BTS โดยมีสาระสำคัญในสัญญาสัมปทานออกไปอีก 30 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดปี 2572 เป็นสิ้นสุดปี 2602 แลกกับเก็บคำโดยสารตลอดสาย (คูคต-หมอชิต-สมุทรปราการ อัตรา 65 บาท และปลดหนี้แสนล้านของ กทม. โดยขณะที่แผนการต่อสัญญายังไม่มีข้อยุติ ต่อมา 15 มกราคม 2564 ผู้ว่าฯ กทม. ออกประกาศอัตราราคาคำโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเชียวตลอดสาย 104บาท และจะเริ่มเก็บทันที 16 กุมภาพันธ์ 2564 พร้อมย้ำ 104 บาท ไม่แพงเกินไปสำหรับผู้บริโภค ทำให้มีเสียงคัดค้านจากทั้งภาครัฐและประชาชนจำนวนมากทั้งนี้แม้ว่าอัตราคำโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสตลอดสาย 104 บาท ที่ กทม. ประกาศ จะน้อยกว่า 158 บาท ที่เคยศึกษาไว้ แต่ยังถือว่าแพงเมื่อเทียบกับรายได้ค่าแรงขั้นต่ำของคนกรุงเทพมหานคร เพราะหากคิดคำเดินทางต่อเที่ยวจะเท่ากับร้อยละ 31.5 หรือหากต้องเดินทางไปกลับจะต้องเสียค่าเดินทางมากถึงร้อยละ 63 ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายประจำวันและคำเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนประเภทอื่น เช่น รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถเมล์ รถสองแถว หรือแม้แต่รถแท็กซี่ และเมื่อเทียบกับต่างประเทศค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยกลับแพงที่สุด เมื่อเทียบกับรายได้ชั้นต่ำของประชากร พบว่า เมืองใหญ่ของโลก เช่น ปารีส ลอนดอน โตเกียว สิงคโปร์ ฮ่องกง มีค่าใช้จ่ายเพียง 3 - 9% เท่านั้นซึ่งทันทีที่ ผู้ว่าฯ กทม. ออกประกาศคำโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส 104 บาท ทุกองค์กรหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง นักวิชาการ กรรมาธิการคมนาคม และองค์กรผู้บริโภค ต่างออกมาตั้งคำถามและคัดค้านประเด็นคำโดยสารแพง ไม่โปร่งไสขัดต่อกฎหมาย ไม่มีที่มาของหลักคิดค่าโดยสาร เร่งรีบขยายสัญญาสัมปทานให้เอกชนทั้งที่ระยะเวลายังเหลืออีก 9 ปี และยังเป็นภาระผูกพันต่อรัฐและประชาซนส่วนรวมต่อเนื่องนานอีก 39 ปีโดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและภาคีเครือข่ายได้ร่วมยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 กทม. เพื่อขอให้ กทม. หยุดเก็บ 104 บาท ชะลอการต่อสัญญาสัมปทาน กทม.ต้องเปิดเผยสัญญาและข้อมูลการต่อสัญญา ค่าโดยสารต้องไม่เกิน 10% ค่าแรงขั้นต่ำ เพราะรถไฟฟ้าต้องเป็นขนส่งมวลชนที่ทุกคนขึ้นได้ ไม่ใช่บริการทางเลือกแบบทุกวันนี้ และต่อมาในคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้ว่าฯ กทม. ได้ออกประกาศเลื่อนการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกไปก่อน อ้างได้รับนโยบายจากรัฐบาลให้กลับไปพิจารณาทบทวนใหม่ โดยให้คำนึงถึงภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและภาระของกรุงเทพมหานครให้เกิดความเหมาะสม
นอกจากนี้ปัญหาราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ถูกหยิบยกนำเข้าเป็นวาระพิจารณาของกรรมาธิการ,การคุ้มครองผู้บริโภคสภาผู้เทนราษฎรถึงสองครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 ผู้แทน กทม. ได้ตอบคำถามประธานคณะกรรมาธิการว่า กทม. ไม่สามารถปิดเผยข้อมูลต้นทุน ผลกำไร และรายละเอียดที่เกี่ยวช้องเพื่อใช้ในการคำนวณหาอัดราคำโดยสารที่หมาสมต่อคณะกรรมาธิการได้ ทำให้คณะกรรมาธิการไม่สามารถพิจารค่าโดยสารที่แท้จริงได้ คณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภคจึงมีมติทำความเห็นถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อยับยั้งการต่อสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สำหรับข้อเสนอของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค1. ขอให้นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งชะลอแผนการขยายสัญญาสัมปทานโดยทันที และให้กรุงเทพมหานครหยุดการเรียกเก็บค่าเดินทางในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ออกไปก่อน2. ขอให้เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดสัญญาสัมปทานต่อสาธารณะ เพื่อรับฟังความเห็นจากองค์กรผู้บริโภคประชาชน และนักวิชาการ ที่ได้ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต สุขภาพ อนามัย จากการดำเนินการของรัฐ ตามมาตรา 58 และมาตรา 61 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ ศ. 2560 ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมติให้ความเห็นชอบ3. ขอให้ทบทวนสัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าทุกสายในปัจจุบัน และสัญญาที่จะทำในอนาคตเพื่อศึกษาผลกระทบ กำหนดแนวทาง และสิทธิประโยชน์ของประชาชนและรัฐให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ผู้บริโภคทุกกลุ่มต้องเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรม ยกเว้นค่าแรกเข้ากรณีโดยสารรถไฟฟ้าข้ามสาย พัฒนาระบบตั๋วร่วมและระบบการเชื่อมโยงบริการขนส่งมวลชนทุกประเกท เพื่อความสะดวกปลอดภัยของผู้บริโภคที่ใช้บริการขอให้กำหนดมาตรฐานค่าใช้จ่ายบริการขนส่งมวลชนทุกประเภทรวมแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ ซึ่งทั้งรัฐบาลและท้องถิ่นต้องพัฒนาระบบสนับสนุนที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ สะอาด มีคุณภาพในการให้บริการ5. ขอให้รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายสาธารณะให้รถไฟฟ้าเป็นบริการขนสงมวลชนที่ทุกคนควรขึ้นได้ ไม่เป็นเพียงขนส่งทางเลือกสำหรับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
จับตา มี.ค.นี้ สภาองค์กรผู้บริโภค จ่อชงครม.เคาะค่าโดยสารสายสีเขียว 25 บาทขณะที่ข้อเสนอของสภาองค์กรของผู้บริโภคยังไม่เห็นด้วยราคา 65 บาทต่อสัญญาล่วงหน้าสายสีเขียว ชี้ราคา 25 บาททำได้จริงเอื้อประโยชน์ให้เอกชนมากถึง 380.200 ล้านบาทใช่หรือไม่ โดยสภาองค์กรของผู้บริโภคมีข้อสังเกตและ ข้อเสนอดังนี้ มูลค่าหนี้ที่แท้จริงของกรุงเทพมหานคร ไม่มีความชัดเจน สร้างความสับสนกรุงเทพมหานคร ใช้ตัวเลขหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวให้เกินจริง โดยผนวกรวมหนี้ใน 8 ปีข้างหน้าที่ยังไม่เกิดรวมเป็นหนี้สินในปัจจุบัน เพื่อเป็นข้ออ้างต่ออายุสัมปทานสายสีเขียวอีก 30 ปี รวม 38 ปีอย่างไมโปร่งใส ไม่มีข้อมูล ไม่มีที่ไปที่มาของคำโดยสารรถไฟฟ้า จากตัวเลขหนี้จำนวน 148.716.2 ล้านบาทที่ กทม. อ้างขึ้นมาเพื่อแลกกับการต่ออายุสัมปทานแล้วคิดค่าโดยสารตลอดสาย 15-65 บาท หรือ130 บาในการเดินทางไปกลับ เป็นการสร้างภาระให้กับผู้บริโภคล่วงหน้าโดยตัวเลขที่กรุงเทพมหานคร ค้างจ่ายจริง ณ ปัจจุบัน มีเพียง 34,837 ด้านบาทเท่านั้น แบ่งเป็น หนี้การลงทุนโครงสร้าง 18, 145 ล้านบาท เงินชดเชยส่วนต่อขยาย 7,090.00 ล้านบาท หนี้ค้างชำระเดินรถ 3 ปี 9 เดือน 9,602 ล้านบาท มูลค่าหนี้ที่แตกต่างกันถึง 113.879.2 ล้านบาท โดยคิดรวม ค่าใช้คืนดอกเบี้ยและค่างานระบบในอนาคตจนถึงปี 2572 ถึงหมดอายุสัมปทานเป็นเงิน 88,904 ล้านบาท และหนี้ค้างเดินรถส่วนต่อขยาย ตั้ง ปี 2562-2572 อีก 21.132 ล้านบาท ฯลฯ ทั้งหมดนี้ได้ถูกนำมาเป็นยอดหนี้รวมปัจจุบันของกทม เพื่อแลกกับการต่ออายุสัมปทานไปอีก 30 ปี2. ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสีเขียวสามารถลดเหลือเพียง 25 บาทต่อเที่ยวได้ ยังมีกำไรและสามารถนำเงินส่งรัฐได้ไม่มากถึง 23,200 ล้านบาท และหากคิดค่าบริการ 49.83 บาท จะสามารถนำเงินส่งรัฐได้ไม่น้อยกว่า380,200 ล้านบาททั้งนี้สภาองค์กรของผู้บริโภคพบว่า ข้อมูลที่ถูกนำเสนอในการประชุมกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานครสามารถคืนหนี้สินได้ทั้งหมด แถมยังมีเงินเหลือนำส่งรัฐบาลได้มากถึง 380,200 ล้านบาท ในปี 2602 โดยใช้การคำนวณค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ผู้บริโภคต้องจ่ายในราคา 49.83 บาท สภาองค์กรของผู้บริโภค จึงเสนอให้กรุงเทพมหานครและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยตัวเลขข้อมูลความจริงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการพิจารณาต่อสัญญาสัมปทาน เพื่อไม่สร้างภาระให้กับผู้บริโภคล่วงหน้า 38 ปีเกิดความเสียหายมากถึง 380,200 ล้านบาท3. สภาขององค์กรผู้บริโภคขอให้ กทม. ยุติการดำเนินการต่อสัญญาสัมปทาน และรอการตัดสินใจจากผู้ว่ากรุงเทพมหานครที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง พร้อมเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้เช่น การคิดค่าจ้างเดินรถใช้อะไรเป็นฐานคิดคำนวณการดำเนินงานต่อสัญญาล่วงหน้าในครั้งนี้ หากไม่มีการดำเนินการใด ๆ อาจจะถือได้ว่าเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนและพวกพ้องใช่หรือไม่ สภาองค์กรของผู้บริโภค หวังว่า จะเกิดการเปิดเผยข้อมูล การคิดราคาค่าบริการ การจ้างบริการเดินรถ เพราะเป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนยาวนานถึง 38 ปี จนถึงปีพ.ศ. 2602และกรุงเทพมหานครจะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบสัญญาที่จะสร้างภาระให้ผู้บริโภคราคา 15-65 บาทตลอดสายไปกลับ 130 บาทต่อวัน เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงถึง 39.27% จากค่าแรงชั้นต่ำ 331 บาทของประชาชนในกรุงเทพมหานคร และไม่สามารถทำให้รถไฟฟ้าเป็นบริการขนส่งมวลชน เพื่อลดปัญหารถติดในกรุงเทพมหานครได้เลย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคาดหวังและชี้แจงในสภา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Posted: 24/03/2021 9:46 am Post subject:
"ดร.สามารถ"ย้ำ ทำได้ก็ดี ! คมนาคมชง ค่าโดยสาร รถไฟฟ้า"สายสีเขียว"50 บาท
หน้าอสังหาริมทรัพย์
21 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 11:42 น.
"สามารถ ราชพลสิทธิ์" ย้ำ ทำได้ก็ดี!คมนาคมชงค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว 50 บาท
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวระบุว่า เป็นข่าวน่าสนใจที่กระทรวงคมนาคมเสนอแนวทางการทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลงจากเดิมสูงสุด 65 บาท เหลือสูงสุด 50 บาท แต่จะทำได้หรือไม่ต้องอ่านบทความนี้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องการแก้ปัญหาหนี้สินจากการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-คูคต รวมทั้งการจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้า ติดตั้งระบบตั๋วและระบบสื่อสาร และค่าจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสให้เป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุงรักษา เป็นเงินรวมประมาณ 1.3 แสนล้านบาท แต่ กทม.ไม่มีเงินที่จะจ่ายหนี้ก่อนใหญ่นี้ จึงจำเป็นจะต้องขยายเวลาสัมปทานให้บีทีเอสเป็นเวลา 30 ปี จากปี 2572-2602ปี 2572 เป็นปีสิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับบีทีเอสสำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก ประกอบด้วยช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งบีทีเอสลงทุนเองทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม กทม.ได้ทำสัญญาจ้างบีทีเอสให้เดินรถและซ่อมบำรุงรักษาทั้งส่วนหลักและส่วนขยายไปจนถึงปี 2585 ไว้ก่อนแล้วการขยายเวลาให้บีทีเอสนั้น กทม.มีเงื่อนไขดังนี้
1. บีทีเอสจะต้องเก็บค่าโดยสาร 15-65 บาท (หากไม่ขยาย ค่าโดยสารสูงสุดจะพุ่งไปถึง 158 บาท)
2. บีทีเอสจะต้องจ่ายหนี้บางส่วนแทน กทม.ตั้งแต่ปี 2562-2572 เป็นเงินประมาณ 7 หมื่นล้านบาท จากหนี้ทั้งหมดประมาณ 1.3 แสนล้านบาท
3. บีทีเอสจะต้องแบ่งรายได้ให้ กทม.ตั้งแต่ปี 2572-2602 เป็นเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งเงินบางส่วนจากเงินก้อนนี้ กทม.จะนำไปจ่ายหนี้ที่เหลือ
4. ในกรณีที่บีทีเอสได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเกิน 9.6% บีทีเอสจะต้องแบ่งรายได้ให้ กทม.ด้วย
กระทรวงคมนาคมทักท้วงว่าค่าโดยสารสูงสุด 65 บาทนั้นแพงกว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งมีค่าโดยสารสูงสุด 42 บาท แม้ว่าได้มีการเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ แล้วว่าค่าโดยสารต่อระยะทางหนึ่งกิโลเมตรของรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกกว่าของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ากระทรวงคมนาคมยังไม่ยอมรับ จึงได้เสนอแนวทางที่ทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลงผมเห็นด้วยที่จะทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลง โดยอาจขอให้รัฐบาลแบกรับหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนแทน กทม. แต่รัฐบาลก็ทำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ กทม.จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขยายเวลาสัมปทานให้บีทีเอส แต่เมื่อกระทรวงคมนาคมยื่นมือเข้ามาช่วยก็น่ายินดี โดยการเสนอให้จัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อระดมทุนจากผู้สนใจที่จะลงทุนแล้วนำเงินมาจ่ายหนี้บางส่วนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นจะเปิดประมูลจ้างผู้เดินรถในช่วงปี 2573-2602 กระทรวงคมนาคมคุยว่าหากใช้แนวทางนี้จะทำให้มีเงินเหลือนำส่งเข้ารัฐได้ถึงประมาณ 3.8 แสนล้านบาท
ผมมีความเห็นต่อข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมที่จะจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ดังนี้
1. คาดว่าจะไม่มีผู้สนใจลงทุนในกองทุนฯ นี้ เพราะตั้งแต่เวลานี้-2572 จะไม่ได้รับผลตอบแทน เนื่องจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจะขาดทุน ทำให้ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้ เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่มีอยู่ในประเทศไทย 9 กองทุน มีการจ่ายผลตอบแทนทุกปี
2. เมื่อไม่มีผู้สนใจลงทุน ก็จะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้บางส่วนจนถึงปี 2572 ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ความหวังที่จะเปิดประมูลใหม่ในปี 2573 จึงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้นั่นเอง
3. ในกรณีมีเงินใช้หนี้ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะหามาจากไหน) ก็จะไม่สามารถเปิดประมูลใหม่ได้ในปี 2573 เพราะติดสัญญาจ้างให้บีทีเอสเดินรถถึงปี 2585
4. การคาดการณ์ว่าจะสามารถนำเงินเข้ารัฐได้ถึง 3.8 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2573-2602 อาจเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง เนื่องจากคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารสูงเกินจริง และคิดค่าจ้างเอกชนให้เดินรถและซ่อมบำรุงรักษาต่ำกว่าความเป็นจริงผมอยากให้กำลังใจกระทรวงคมนาคมในการหาแนวทางที่เป็นไปได้ในการทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลง แต่จะต้องเร่งทำแข่งกับเวลา เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดเวลาที่บีทีเอสขีดเส้นตายให้ กทม.ชำระหนี้ก้อนแรกประมาณ 3 หมื่นล้านบาทภายใน 60 วัน ในวันที่ 1 เมษายนที่จะถึงนี้ มิฉะนั้น บีทีเอสอาจฟ้องให้ กทม.ชำระหนี้ก้อนนี้ในเร็วๆ นี้ก็ได้ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดีที่จะเห็นแนวทางที่เป็นไปได้ในการทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Posted: 24/03/2021 10:05 am Post subject:
นายกฯรอป.ป.ช. ก่อนชี้ชะตาสายสีเขียว
หน้า Politics
23 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16:16 น.
นายกฯ รอผลสอบป.ป.ช.เคลียร์ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว หวั่นกระทบการเดินรถ
เมื่อเวลา 14.10 น.วันที่ 23 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาค่าโดยสาร และภาระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว รัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร เนื่องจากสิ้นเดือนมี.ค.จะครบกำหนดแล้ว เกรงจะส่งผลกระทบต่อการเดินรถและประชาชนว่า พร้อมที่จะขับเคลื่อนต่อไป เพื่อไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน แต่อย่างไรต้องรอผลตรวจสอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)อีกด้านหนึ่งด้วย และครม.จะนำไปพิจารณาในโอกาสต่อไป ซึ่งจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน และได้ประโยชน์สูงสุด
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42697
Location: NECTEC
Posted: 31/03/2021 6:19 pm Post subject:
ถ้า BTS ได้รถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นผู้เดินรถ
สถานียศเส จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ?
ถ้า สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ไม่ใช่ สถานีปลายทาง
https://www.youtube.com/watch?v=z7URRbB0gv0
สรุปส่วนต่อขยาย BTS
1.) เสนาร่วม สร้างแน่นอน
2.) ยศเสหรือกษัตริย์ศึก สร้างได้แต่ไม่ยอมให้เกิด
3.) ส่วนต่อขยายลำลูกกาหรือบางปู ไม่จำต้องทำแม้ว่าผ่าน EIA แล้ว
4.) ส่วนต่อขยายตลิ่งชัน ต้องดูหลังเปิดรถไฟฟ้าสายสีแดงแล้วแต่เห็นว่าติดเรื่อง substation ยังไม่มีข้อสรุปที่จะหาตำแหน่งก่อสร้าง ส่วน Depot ไม่แน่นะว่าต้องมี อาจจะไม่ใช่ 98 ขบวน
https://www.facebook.com/krungthepMK/posts/784542162185431
Back to top